++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

"สายเกินไป..."แด่พี่สาวที่รัก

"วันนี้คุณบอกรักแล้วรึยังคะ? "
มันอาจเป็นคำถามที่ฟังดูแล้วเชย แต่ว่าคุณลองสำรวจตัวเองรึยังคะ ว่าคุณทำมันรึยึง......... นิดมีเรื่องเล่าให้อ่านกันนะคะ ลองอ่านและถามตัวเองนะคะว่า....คุณจะเลือกใช้คำพูดไหนในแต่ละวัน............
27 พ.ย 45
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ฉันรีบกระวีกระวาดกดปุ่มตอบรับ
"ไงจ้ะ หมูน้อย" ฉันกรอกเสียงทักทายลงไป
"ตัวเองอยู่ไหนนะ" พี่สาวฉันเอง
"ห้องนะ ทำรายงานอยู่ ตัวเองเป็นไงบ้างจ้ะ"
"เค้าอยู่โรงพยาบาลนะ"
"อ้าว เป็นไรไป "
" กระเพาะมั้ง กินแล้วอ้วกออกหมดเลย ไม่มีแรง เนี่ยหมอจะมาเช็คอีกทีตอนเย็น อยากกลับบ้าน เค้าเหงาจังเลยตัวเอง "
ฉันจะทำยังไงได้ละในเมื่อรายงานยังล้นมืออย่างนี้ ก็เลยบอกไปว่า
"เอางี้นะ ตัวเองก็กลับไปนอนพักที่บ้านให้แม่กับพ่อมารับ เดี๋ยวเค้าเคลียร์งานแล้วจะรีบกลับ"
"อืมม์ กลับมาเร็วๆนะ"
"จ้ะ คิดถึงนะ"
ต่อจากนั้นอีก 2 วันพี่สาวฉันก็โทรมาอีก หมอบอกว่าสงสัยจะเป็นไวรัสตับอักเสบเพราะว่าตาเริ่มเหลือง ฉันไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเจ้าโรคนี้เพื่อนๆก็เป็นกันหลายคน แค่รักษาสุขภาพ การกิน ดูแลตัวเอง มันก็จะดีขึ้นเอง ฉันโทรคุยกับพี่สาวทุกวันที่เค้าอยู่โรงพยาบาล บางวันเราสองคนพี่น้องไม่ได้คุยอะไรกันเลย ฉันแค่เปิดเพลงให้เค้าฟังทางโทรศัพท์ แค่ครึ่งชั่วโมงก็เท่านั้น !!! จนกระทั่งสัปดาห์ต่อมา
6 ธ.ค 45
หมายเลขโทรศัพท์ที่โชว์บนหน้าจอเป็นของพ่อ
"จ๋า พ่อ มีอะไร"
" ลูกหนูอยู่ไหนนะ"
"อยู่ห้องคะ ทำงานอยู่" พ่อเงียบไปอึดใจนึงก่อนที่จะพูด
"พี่หนูแย่แล้วลูก" "อะไรนะ พ่อ"
"ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล..." พ่อบอกชื่อโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้าน น้ำเสียงพ่อเหมือนจะร้องไห้ ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น *เจ้าโรคไวรัสตับอักเสบนี่มันไม่ร้ายแรงนี่นา........
"มีอะไรหนูโทรหาพ่อนะ" "เดี๋ยวคะ" พ่อวางสายไปแล้ว ฉันยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลย ตกบ่ายฉันตัดสินใจโทรกลับบ้าน แม่รับสาย
" แม่ เป็นไง"
"ก็เรื่อยๆนะลูก เมื่อไหร่หนูจะกลับบ้าน งานเยอะเหรอลูก"
"ค่ะ เอางี้นะ เดี๋ยวหนูจะเคลียร์งานก่อน อีก 2 วัน ประมาณวันศุกร์ หนูจะกลับคงถึงวันเสาร์เช้าพอดี" ฉันถามแม่อีก2-3คำก่อนจะวางสาย
9 ธ.ค 45
6โมงเช้าฉันไปถึงโรงพยาบาล พ่อออกมารอรับที่ด้านหน้าโรงพยาบาล
พ่อจูงมือฉันเดิน ตลอดทางฉันไม่ได้พูดอะไรสักคำ เพราะดูจากที่เห็น พ่อไม่ได้นอนเลย หน้าหมองคล้ำ .....เมื่อถึงห้องฉันวางเป้ลง ไหว้แม่
ตาแม่ยังแดงช้ำเหมือนคนร้องไห้มาตลอดคืน ...........เตียงกลางห้องพี่สาวคนเดียวที่ฉันรักนอนสงบนิ่อยู่บนนั้น ....ฉันเดินเข้าไปลูบผมเค้าเบาๆ ก่อนจะก้มหน้ากระซิบที่หูเค้า
"ตัวเอง....เค้ามาแล้ว " เงียบ ...........เค้าไม่ตื่น
"ตัวเองลืมตาได้แล้ว ขี้เซาจังเลย " .............. ความเงียบของเค้าทำให้ฉันเริ่มกลัวอย่างไม่มีสาเหตุ "ไม่ตื่นเดี๋ยวเค้าหนีกลับนะ"
พ่อเดินเข้าห้องมากับแม่ ฉันบอกพ่อว่าพี่ไม่ตื่น ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น แม่บอกว่าเมื่อวานเค้าเพ้อตอนบ่าย ดิ้นแรงมาก หมอกับพยาบาลเลยจับมัด นี่เองคือสาเหตุที่แขนและขาเค้าเขียวเป็นรอยช้ำทั้งสองข้างแล้วหมอก็เลยให้ยานอนหลับอ่อนๆตอนหัวค่ำ ............สายแล้ว 8โมงกว่าวันเสาร์หมอมาตรวจสายหน่อย แม่บอกฉันอย่างนี้ ....พยาบาลเข้ามาช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนชุด ฉันช่วยทำแทนแม่ แม่ต้องพักบ้างต่อไปนี้ฉันจะทำเองทั้งหมด นี่คือความคิดของฉัน
"เอ ทำไมไม่ Respond นะ " พยาบาลคนเดิมยกแขนพี่สาวฉันแล้วปล่อยลง ไม่มีการเกร็งตอบสนองเลย....
"เดี๋ยวโทรหาหมอให้นะคะ" พยาบาลวิ่งออกไปโทรศัพท์ พ่อเริ่มโทรศัพท์หาญาติๆ แม่ร้องไห้ ฉันเอาซาวอะเบ้าท์ม้วนที่เราสองคนพี่น้องเพิ่งนั่งฟังด้วยกันใส่ไว้ข้างหูเค้า......ป้าบอกว่าไม่มีประโยชน์หรอก แต่ฉันไม่สนใจแล้วในตอนนั้น แต่ประโยคถัดมาของป้าทำให้ฉันอยากร้องไห้ออกมาดังๆ แต่น้ำตามันไม่มีจะไหล พี่สาวเราเค้าให้โทรหาเมื่อวานนี้ตอนเช้า
"ถามว่าน้องละ น้องยังไม่มาเหรอ"
"โทรหาน้องไหม?" ป้าถามเค้า
"โทรซิ " ...................ป้าเล่าจบก็ร้องไห้ ทุกคนร้องไห้ ยกเว้นฉัน คนเดียว ..............11 โมง รถจากโรพยาบาลที่กรุงเทพมารับตัวเค้า ฉันขอกลับบ้านเก็บของก่อนแล้วจะตามไปทีหลัง.........พี่สาวฉันอยู่ห้อง CCU. อาจารย์หมอที่ชำนาญเฉพาะทางด้านนี้เป็นเจ้าของไข้ .... ห้ามเฝ้านี่เป็นกฎเกณฑ์ของห้อง CCU และ ICU ฉันกับพ่อกลับบ้าน เมื่อถึงบ้าน ไม่ถึง2 ชม. หมอโทรมา ให้พ่อทำใจไว้ โอกาสรอดพี่สาวฉันมีแค่ 50% ตับทำงานแค่ 10%เท่านั้น บรรยากาศที่บ้านเศร้ามาก ฉันลุกเดินออกจากบ้านไปนอนกับย่า ...เช้ามืดเราสองพ่อลูกออกจากบ้านเข้ากรุงเทพพร้อมกับอาอีกคน ........ฉันดีใจที่เห็นพ่อนอนหลับได้บนรถ แม้เพียงระยะเวลาสั้นๆก็ยังดี .....
10 ธค 45
สายระโยงระยางที่อยู่รอบตัวพี่ ทำให้ฉันอยากร้องไห้ ...แต่ฉันต้องเข้มแข็งพี่สาวฉันไม่ชอบคนร้องไห้ แม้ว่าเค้าจะชอบร้องไห้กับฉันเสมอ
ฉันพูดกับเค้า ....ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเค้าจะได้ยินหรือไม่
"ตัวเอง เค้าคิดถึงตัวเองนะ ทำไมไม่ลืมตามาละจ้ะ พูดกับเค้าหน่อยซิ
เค้ามีเรื่องเล่ามากมายเลยนะ ....."
"เจ็บไหมจ้ะ" เค้าน้ำตาไหล พยาบาลบอกว่ามันเป็นการตอบสนองทั่วๆไปแบบอัตโนมัติเท่านั้น ฉันใช้ทิชชู่เช็ดเบาๆที่หัวตาเค้า
"เข้มแข็งนะ อดทนอีกนิดนึง ไม่นานตัวเองจะได้ไปเที่ยวแล้ว เย็นๆแม่จะมา ........ "
"เค้าบอกตัวเองรึยังว่า...เค้ารักตัวเองที่สุด "
"ยังใช่ไหมจ้ะ " "งั้นฟังชัดๆนะ ..... "
" เค้ารักตัวเองที่สุดเหมือนที่ตัวเองบอกเค้านั้นแหละ"
สายไปแล้วรึเปล่านะ สายเกินไปกับการที่ฉันจะบอกสิ่งนี้กับเค้าแล้วใช่ไหม ทำไมนะ ทั้งๆเค้าเองมักจะถามคำถามนี้กับฉันเสมอๆ
"ตับทำงานแค่5 % ตอนนี้ขึ้นอยู่กับพ่อแล้วว่าจะเอายังไง"
พ่อถามฉันว่าจะเอาไง นี่คือการตัดสินใจครั้งที่ฉันมั่นใจและแน่นอนที่สุด "กลับบ้านเถอะ พี่เค้าอยากกลับบ้านที่สุด"
เค้าได้กลับบ้านแล้ว พร้อมกับท่อออกซิเจนช่วยหายใจ หมอบอกว่าถอดเมื่อไหร่ก็หมดลมเมื่อนั้น เพราะตับไม่ทำงานแล้ว 100% ตลอด 1 คืนเต็มๆที่ฉันนั่งอยู่ข้างๆเค้า พูดกับเค้า เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยสัญญาว่าจะบอกเค้า ........เค้าเหมือนคนนอนหลับสนิท .............มันสายเกินไป
ฉันนึกถึงประโยคที่ฉันมักจะเตือนเพื่อนเสมอว่า อย่าต้องมาใช้คำพูดประโยคที่ว่า " ถ้ารู้อย่างนี้นะ ฉันจะไม่........"เพราะนั่นคือสิ่งที่จะบอกว่ามันสายเกินไปสำหรับการที่คุณจะทำในสิ่งนั้นแล้ว
11 ธค 45 เวลา 6.09 น. พี่สาวฉันเค้าทิ้งฉันไว้ที่บนโลกบ้าๆ ใบนี้คนเดียว
คำพูดของเค้าทุกคำ ความทรงจำตั้งแต่เด็ก จนถึงปัจจุบัน เริ่มหมุนกลับมาหาฉัน ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าเสียใจได้เท่ากับทุกครั้งที่เค้าถามฉันว่า
" ตัวเองรักเค้าใช่ม๊า เค้ารู้นะ" แล้วก็จะกอดฉันเบาๆอย่างหยอกล้อ
จะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว............แต่ว่า.....คำถามนี้จะยังคงอยู่ในใจฉันตลอดไป เพื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้า เมื่อฉันเจอเค้าอีกครั้ง ฉันจะได้บอกเค้าได้ว่า " ใช่จ้ะ เค้ารักตัวเองที่สุดเหมือนกัน"
คุณละคะ บอกรักคนที่คุณรักแล้วรึยัง อย่าให้ทุกอย่างสายเกินไป

เลือกเถอะคะระหว่าง2ประโยค คือ
การบอกว่า "รัก" กับ "ถ้ารู้อย่างนี้นะฉันจะทำ......"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น