++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

มือของเราสอนธรรมะเราได้ด้วยหรือนี่?

มือของเราสอนธรรมะเราได้ด้วยหรือนี่?


ลูกจงดูมือของตัวเองทั้งหงายมือและคว่ำมือ ขณะหงายมือและคว่ำมือให้พิจารณามือเราไปด้วย ลูกจงหงายมือและคว่ำมือหลาย ๆ ครั้ง พ่อจะถามว่าเรามีมือเหมือนกันไหม????


......... (เหมือนกันค่ะ)


แล้วตรงไหนไม่เหมือนกัน???


............ (ขนาดมือไม่เท่ากัน นิ้วมือไม่เหมือนกัน ความสั้นยาวของนิ้วไม่เท่ากัน มือหยาบกระด้างไม่เหมือนกัน)


ทำไมถึงไม่เหมือนกัน???


เพราะเป็นคนละคนกันใช่ไหม???


เพราะหลากหลายการดูแลใช่ไหม????


เหมือนกับชีวิตเราไหม????



ชีวิตแต่ละคนแตกต่างกัน ลูกลองหงายมือและคว่ำมืออีกครั้ง แล้วลูกจงพิจารณามือที่คว่ำกับมือที่หงายว่ามือส่วนไหนสวยกว่ากัน?


...........(หงายมือสวยกว่าค่ะ)


เพราะอะไร?


..........(ผิวพรรณสวยกว่า เต่งตึงกว่า)


หงายมือหมายถึงชีวิตของเรา นี่คือตัวเราที่มีพระธรรม เมื่อมีพระธรรมก็เหมือนกับมือที่หงาย


แต่หงายแล้วก็ยังไม่เหมือนกันอีก เหมือนกับชีวิตของเรา ขาวไม่เท่ากัน ความนิ่มไม่เหมือนกัน ความละเอียดของผิวไม่เท่ากัน ความผ่องใสก็ไม่เท่ากัน


คนที่มือหนามือด้านก็เหมือนกับคนที่รู้พระธรรมแล้วจิตยังหยาบ หรือคนที่รู้พระธรรมดีแล้วแต่ไม่ปฏิบัติตาม



มือคว่ำเปรียบเหมือนกับคนที่ไม่มีพระธรรม คือ ดำมืด


มือหงายคือคนที่มีพระธรรมคือสว่าง


ชีวิตของคนเรามีสองด้านคือมืดกับสว่าง จิตของคนมีหลากหลาย แม้แต่จิตที่เป็นกุศลยังมีจิตกุศลมากจิตกุศลน้อยเลย


เหมือนกับมือของคนนับล้านทั่วโลกที่ไม่เหมือนกัน หากมือเหมือนกันก็เปรียบเหมือนกับคนที่มีจิตเหมือนกันมีกุศลเหมือนกันหรือคนที่มาทางเดินเดียวกัน


เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในธรรมะก็ใช่ว่าเขาจะดีเสียทุกคนหรือเขาจะพร้อมเสียทุกคน มีไม่พร้อมก็มาก และมีพร้อมที่จะไปก็มาก
บางคนเหมือนคนที่พร้อมที่จะไปแต่มือยังไม่นิ่ม เหมือนการทาโลชั่นต้องใช้เวลาไหม กว่ามือจะนิ่มเหมือนเดิม?


จิตคนก็เช่นกัน บางคนเร่งวิปัสสนา เร่งกรรมฐาน เร่งสวดมนต์ เร่งทำความเพียรทั้งวันทั้งคืน แต่ยังไม่เห็นผลอะไร


ถึงเราหักโหมนั่งสวดมนต์ทั้งวันทุ่มเททั้งวันทั้งคืนแล้วแต่ยังไม่เห็นผลอะไร


นี่เป็นเพราะจิตเราเหนื่อย กายเราเหนื่อย เราก็เป็นทุกข์ เราควรทำพอดีๆ เหมือนการทาโลชั่น หากเราทาตลอดเวลาทามากเกินไปก็เปลืองโลชั่นเปล่า ๆ เพราะโลชั่นที่เราทาซึมซาบเข้าผิวได้ไม่หมด


เช่นเดียวกันกับจิตของเราเวลาปฏิบัติ ให้ทำเต็มที่แบบพอดีๆ ทางสายกลางที่เราไม่เหนื่อย เราไม่ทุกข์ หากเราเหนื่อยเราก็พัก


เหมือนทาโลชั่นเราควรทาพอดีกับผิวแล้วเราก็หยุดทา หากอยากทาโลชั่นมากกว่านั้นอีกก็ไม่ได้ช่วยให้ผิวดีขึ้นได้ ทางที่ดีเราควรเว้นระยะเวลาในการทาโลชั่น



เช่นเดียวกับเราเราควรปฏิบัติแบบไม่ทุกข์ ทำพอดีๆ แบบทางสายกลาง พ่อไม่ได้สอนให้มุ่งทางธรรมจนลืมทางโลก ไม่ใช่ ถ้าเราทำแต่ทางนี้แล้วทำให้ข้างหลังเดือดร้อน หน้าที่ทางโลกไม่ทำก็ไม่ใช่ ต้องทำให้สมดุลกันทั้งทางโลกและทางธรรม ทั้งทางกายและทางจิต.......

1 ความคิดเห็น: