++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่องเขตแดนและเรื่องของประวัติศาสตร์นี้ มีเรื่องที่ควรแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือมีความเห็นต่างดังนี้ครับ

๑) เรื่องเขตแดนเป็นเรื่อง "ความรู้สึก"
มากกว่าสภาพทางภูมิศาสตร์หรือเขตแดนจริงๆเสียอีก ขออธิบายสั้นๆดังนี้
เขต แดนที่เป็นภูเขาและแม่น้ำนั้น ภูเขาถือหลักสันปันน้ำ
คือมองภูเขาเป็นสามเหลี่ยม น้ำไหลไปด้านไหน
ด้านนั้นก็ถือเป็นดินแดนของประเทศนั้น
ส่วนที่เป็นแม่น้ำก็เอากลางแม่น้ำเป็นเขตแดน...แต่ความจริงภูเขามันไม่ได้
เป็นสามเหลี่ยมมีสันยอดสูงอยู่ยอดเดียว มันเป็นเทือกเป็นทิว มีหลายยอด
สันปันน้ำจะอยู่ตรงไหน ยอดไหน...ส่วนแม่น้ำ มันก็ปีที่มีน้ำหลากมาก น้อย
สันดอนเกิดขึ้น ส่วนกลางแม่น้ำก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้เขตแดนไม่แน่นอน
คนสองฝั่งที่ใช้การคมนาคมทางน้ำก็มีปัญหา
อย่างแม่น้ำโขงระหว่างไทยกับลาวเป็นต้น
เขตแดนก็ต้องปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆเพราะตลิ่งถูกกัดเซาะหรือเพิ่มขึ้นในแต่ละ
ปี
แต่ปัญหาชายแดนจะไม่เกิดขึ้นเลยครับ หากสองประเทศคู่กรณีย์ไม่"ทะเลาะ"กัน
คณะปักปันเขตแดนของสองประเทศก็ทำหน้าที่ปักปันเขตแดนกันไป
ถ้อยทีถ้อยอาศัย ตามแผนที่ที่มีอยู่และสภาพจริงของภูมิประเทศ
และคนไทยที่กรุงเทพฯหรือที่สงขลาไม่มีวันไปดูชายแดนด้านเขมรหรอก
และไม่รู้เลยว่าไทยหรือเขมรได้เปรียบเสียเปรียบกันกี่คืบกี่ศอก
ทุกคนก็อยู่ทำมาหากินกันไปตามหน้าที่ ถูกไหมครับ
ผมจึงคิดว่าปัญหาชายแดนมันเป็นปัญหาเรื่องความรู้สึกมากว่าสภาพจริงที่เกิด
ขึ้น และมันรู้สึกว่าเสียดินแดนได้เสมอเมื่อปลุกความเกลียดชังขึ้นมาในหมู่ผู้คน
ทำไม ชายแดนเขมรตอนนี้จึ้งมีปัญหาขึ้นมา
มันเป็นปัญหาขึ้นมาเพราะเราทะเลาะกับ"เขมรฮุนเซน"ครับ
ไม่ใช่กับชาวเขมรโดยรวมเลย
ก่อนหน้านี้เราทะเลาะกับเขาเรื่องเขาพระวิหาร(ปี ๒๕๐๐)
ฟ้องร้องกันจนศาลโลกตัดสินเสร็จ ไทยทั้งประเทศประท้วง แต่ก็ไม่มีอะไร
ต่อมาก็ถ้อยทีถ้อยอาศัย เขาพระวิหารก็ขึ้นได้จากฝั่งไทย
ไทยก็ได้ประโยชน์เขมรก็ได้ประโยชน์ ตั้งแต่ปี ๒๕๐๕
เป็นต้นมาเราไม่ได้ทะเลาะกับเขมรเลย
การปักปันเขตแดนก็ทำกันมาเรื่อยและต่อมาก็ใช้ MOUปี๔๓ นั่นเอง...
ปัญหาที่เกิดขึ้นก็เกิดไม่กี่ปีมานี้เองตอนที่ทักษิณไปตกลงกับฮุนเซนเรื่อง
ขุดเจาะน้ำมันทางทะเล
โดยยอมให้เขมรขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพื่อแลกด้วยได้ประโยชน์จาก
น้ำมันในทะเล ไทยไม่ยอม(ก็รัฐบาลนี้แหละที่ไม่ยอม) ก็ทะเลาะกัน
พอทะเลาะกันชายแดนก็มีปัญหา
เป็นเรื่องเป็นราวเสียเล็กๆน้อยๆก็เกิดจะไม่ได้ขึ้นมา ต้องมารบกัน
ถาม ว่า MOU43 ผิดตรงไหน คนทำ
คนเซ็นผิดตรงไหนเพราะก่อนจะทะเลาะกันก็ใช้อยู่
ใช้แผนที่ในนั้นแหละมาทำเขตแดนไม่เห็นใครด่าใครวิจารณ์ว่ามันใช้ไม่ได้
ต่อมา รัฐบาลปัจจุบันผิดตรงไหน
เขาก็กำลังแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลทักษิณทำไว้นั่นเอง ถ้าทำไม่ได้
รัฐบาลต่อไปก็มาทำต่อ หรือทำอีกทีเมื่อดีกันแล้ว
เพราะปัญหาเขตแดนมันต้องมีอยู่เรื่อยไป

๒) ปัญหาประวัติศาสตร์มันมีมุมมองอยู่หลายด้าน
ปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลกของประเทศเล็กประเทศน้อย
หรือประเทศใหญ่อย่างอินเดียหรือจีนเป็นปัญหาของนักล่าอาณานิคมใหญ่จากยุโรป
ไล่ทุบนักล่าอาณานิคมน้อยทั่วโลกแล้วเอามาแบ่งแยกเป็นเมืองขึ้น...
เรื่องเสียดินแดนนี้มองได้เป็นเหรียญสองด้านแล้วแต่มุมมองของนักประวัติ
ศาสตร์ มันมีทั้งด้านน่าชื่นชมและน่าตำหนิ ผมคิดว่า
อดีตในเรื่องนี้ลืมมันเสียบ้างจะมีประโยชน์มากกว่าสำหรับคนในภูมิภาคนี้
มันไม่ควรรื้อฟื้นขึ้นมาปลุกระดม
เพราะการรื้อฟื้นขึ้นมามันมักจะไปทำให้ทะเลาะกับเพื่อนบ้านดังเหตุการที่
เกิดขึ้นแล้วเมื่อเขมรเผาสถาทูต หรือลาวประท้วงเรืองหนังไทย
หรือเรื่องแม่หญิงลาว เป็นต้น...
ประเทศต่างๆในโลกหลังสงครามโลกครั้งที่สองได้มีการแบ่งเขตแดนกันหมดแล้ว
ปัญหาเหลือเพียง ถ้าไม่ทะเลาะกัน การเอากฏหมายระหว่างประเทศมาใช้
ปัญหาเรื่องเขตแดนก็จะแก้ไขได้เอง
ไม่จำเป็นต้องจุดไฟเรื่องประวัติศาสตร์ชาตินิยมขึ้นมาอีก
คนไทย(๑)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น