++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เดินทางหลายพันลี้ เริ่มต้นที่ก้าวเท้าแรก

โดย อัญชะลี ไพรีรัก 28 กรกฎาคม 2553 16:58 น.
ในที่สุดสัญญาณทุกรูปแบบที่ "กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ"
เพียรส่งไปยังรัฐบาลอภิสิทธิ์
กรณีอธิปไตยเหนือดินแดนพิพาทบนที่ดินรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร
ที่กำลังลูกผีลูกคนก็ไม่ได้รับเสียงตอบรับใดๆ ที่จะแสดงให้มั่นใจได้ว่า
คนไทยจะไม่สูญเสียดินแดนไทยให้ฮุนเซนเพิ่มไปอีกกว่า 1.8 ล้านไร่
ขณะที่การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 34
กำลังดำเนินไปที่เมืองบราซิลเลียน ประเทศบราซิล

แต่แล้วความเข้าใจที่ไม่ตรงกันระหว่างรัฐบาลอภิสิทธิ์กับกลุ่มคนไทย
ก็บานปลาย จนนำมาสู่การชุมนุมของพี่น้องประชาชนนับพันๆ
คนที่หน้าสำนักงานใหญ่ ยูเนสโก ย่านเอกมัย กรุงเทพฯ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ท่ามกลางการจราจรติดหนึบ
และสังคมไทยต่างจับตาด้วยความสนใจกับการชุมนุมของกลุ่มใหม่ซึ่งก็คือ
พันธมิตรฯ แปลงกาย

การชุมนุมเที่ยวนี้คึกคักไม่หยอก มีพี่น้องประชาชนมาจาก 15
ภาคีร่วม-กลุ่มสันติอโศก และพันธมิตรฯ ทั่วทิศทั่วไทย
ภายใต้การถ่ายทอดสดตลอดการชุมนุมที่เข้มข้นจากความร่วมมือของสื่อทางเลือก
หลายค่าย ประกอบด้วย เอฟ เอ็ม ทีวี-สยามทีวีไท-เอเอสทีวี-วิทยุชุมชน
92.25 เอฟเอ็ม และวิทยุชุมชน 97.75 เอฟเอ็ม

"จำลอง ศรีเมือง" จับมือการุญ ใสงาม-ชัยวัฒน์ สินสุวงศ์ พาพี่ตั้ว
ศรัญญู และแกนนำทุกคนจากทุกภาคีร่วมก้าวขึ้นรถกระบะขนาดกลางซึ่งปรับใช้เป็นเวทีจำ
เป็น และตามฤกษ์สะดวก 9 โมงเช้าพามวลชนคนไทยรักแผ่นดิน
จัดริ้วขบวนเดินเท้าออกจากลานวัดธาตุทอง ไปที่หน้าสนง.ยูเนสโก
ติดท้องฟ้าจำลอง

เมื่อการปราศรัยผ่านไปได้สักพัก นายเอลก้า ชาลัก ผอ.ยูเนสโก
ออกมารับหนังสือประท้วงด้วยตนเอง จากนั้นแฟกซ์ด่วนไปที่
สนง.ใหญ่กรุงปารีส และพยายามส่ง DHL ไปที่เมืองบราซิลเลียน
ประเทศบราซิลที่กำลังมีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกอยู่ เพื่อบอกกับทุกๆ
คนในที่ประชุมที่เกี่ยวข้องกับกรณีปราสาทพระวิหาร ให้ทราบตรงกันว่า
"คนไทยรักแผ่นดินประท้วงยูเนสโก และกัมพูชา
กรณีขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารตามคำขอของรัฐบาลกัมพูชา"

หลังจากนั้น "ลุงจำลอง" ให้สัมภาษณ์ "อัลจาซีร่า"
ไปทั่วโลกเพื่อเพิ่มแรงกดดันในการต่อสู้พิทักษ์รักษาดินแดนไทย

การปราศรัยที่ดุเดือดและคนกรุงเทพฯ เริ่มออกมาสมทบมากขึ้นๆ
ก่อนเที่ยงเล็กน้อย นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งประสานกับ
สว.คำนูณ สิทธิสมานมาโดยตลอดก็ให้เจ้าหน้าที่ติดต่อมาที่
ส.ว.คำนูณอีกครั้งเพื่อ "คุยกัน" ที่บ้านพิษณุโลก ตอนบ่ายสามโมง โดยนายกฯ
ระบุชื่อผู้หารือด้วยตนเอง

จุดนี้พี่การุณ ใสงามและพี่ชัยวัฒน์ สินสุวงศ์ อย่าน้อยใจ
งานใหญ่ต้องช่วยกัน

ตัวแทนคนไทยรักแผ่นดิน 4 คน คือ ส.ว.คำนูณ-ม.ล.วัลย์วิภา
จรูญโรจน์-นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายพิภพ ธงชัย เข้าหารือกับ
ลุงจำลอง-ลุงปรีชา-นายไชวัฒน์ สินสุวงศ์ และ แกนนำคนอื่นๆ เร่งด่วน
เพื่อรวบรวมข้อหารือให้แน่นหนารอบคอบ

เมื่อตัวแทนเดินทางไปบ้านพิษฯ แล้ว
ฝ่ายการชุมนุมยังคุกรุ่น-เนืองแน่น และมีท่าที "ปักหลักพักค้าง"
ด้วยการจัดแจงกางเต็นท์ จัดการ์ดอาสา ตั้งครัว-จุดแจกน้ำ และยา
ส่วนพ่อท่านโพธิรักษ์บอกลูกศิษย์ลูกหาว่า
หากปักหลักพักค้างเมื่อไรจะเดินทางมาปักกลดสู้ด้วยเมื่อนั้น

การพูดคุยระหว่างนายกรัฐมนตรีและตัวแทนคนไทยรักแผ่นดิน 4 คน
ที่บ้านพิษฯ ผ่านไปด้วยดี หลังการเจรจากว่า 2 ชม.จบสิ้นลง "ลุงจำลอง"
ก็พาพรรคพวกขึ้นเวทีอีกครั้งหลังหกโมงเย็นเพื่อประกาศว่า 1. นายกฯ
เห็นด้วยยึดแนวสันปันน้ำเป็นเขตแดนแบ่งไทยกับกัมพูชา 2.
คัดค้านการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของฝ่ายกัมพูชา 3.
ไม่ยอมรับการใช้แผนที่อัตราส่วน 1: 200,000 แต่นายกฯ
เห็นต่างกันตรงที่การยกเลิก MOU 2543
เพราะยังมองว่ามีประโยชน์สำหรับไทยอยู่ และสุดท้ายนายกฯ
ไม่เห็นด้วยที่จะผลักดันทหาร พลเรือน ประชาชนกัมพูชา ที่อาศัยรอบๆ
ประสาทพระวิหารออกไป ด้วยเกรงจะเกิด "สงคราม" และจะพยายามใช้
"แผนปรองดอง" เพื่อยุติความขัดแย้งของสองประเทศเพื่อนบ้าน

จากนั้นก็ประกาศยุติการชุมนุมที่ยืดเยื้อกว่า 7
ชั่วโมงครึ่งแล้วแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ
ท่ามกลางความโล่งอกของฝ่ายรัฐบาลที่กระอักกระอ่วนใจ
เพราะฝ่ายความมั่นคงเตรียมการใช้
พ.ร.ก.ฉุกเฉินกับผู้ชุมนุมทันทีหากยืดเยื้อในวันถัดมา
ด้วยเกรงคำครหาของพี่น้องเสื้อแดงที่กำลังตั้งท่าชิงด่าหาว่ารัฐบาล
"สองมาตรฐาน" หากเฉยเมยกับ "พันธมิตรฯ แปลงกาย"ที่ปิดแยกเอกมัยในคราวนี้

สถานการณ์ในกรุงเทพฯ : วันถัดมาที่ประชุม ครม.ต้องยกวาระ 3
จีถัดออกไป และนำเอาวาระจำลองพาคนมาชุมนุมหน้ายูเนสโกแทรกขึ้นมาถกกันหน้าดำคร่ำเครียด

ปรากฏว่า "กษิต"
ถูกฝ่ายตั้งท่าแซะเก้าอี้หยิบประเด็นวิหารร้อนมาหลอกอัดจนน่วม
ในฐานะที่รู้ข่าวการชุมนุมของคณะคนไทยรักแผ่นดินล่วงหน้าแล้วแต่กลับไม่
พยายามห้ามปราม กลับปล่อยปละละเลยจนบานปลายให้เป็นผลเสียต่อหน้าตารัฐบาลที่บัดนี้ถูกทักษิณ
และเสื้อแดงฉีกแล้วฉีกอีก จนเปรียบเปรยกันว่า
แม้หมออรรถสิทธิ์ยังส่ายหน้าไม่รับเย็บแล้ว...คุณกษิตสู้ สู้ แล้วกัน

ต่อจากนี้ไปให้นับถอยหลังได้ คนต่อไปที่จะถูก "ปลิด"
ด้วยฤทธิ์พระวิหารย่อมหนีไม่พ้น "กษิต ภิรมย์"
ที่ถูกเลื่อยขาเก้าอี้จากบ่างช่างยุมือเป็นระวิง
ความว่าน้องชายนายกษิตที่สนิทแนบแน่นกับบิ๊กเทพในพรรคประชาธิปัตย์ยังวิ่ง
เคลียร์ขาขวิดหากแต่ไม่ลงตัว เพราะบิ๊กๆ ในพรรคถอดใจ อุ้มไม่ไหว!!!

สถานการณ์ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่เมืองบราซิลเลียน :
ร้อนแรงไม่แพ้กัน เมื่อ "สุวิทย์ คุณกิตติ"
รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ได้ตัดสินใจภายใต้แรงกดดันจากกรุงเทพฯ
ยื่นประท้วงคัดค้านวาระการพิจารณาแผนการจัดการรอบๆ
พื้นที่ปราสาทพระวิหารของกัมพูชาให้เป็นมรดกโลก

พวกเขาคัดค้านอย่างเป็นทางการครั้งแรก
ทั้งยังแสดงจุดยืนปฏิเสธที่จะยอมรับคณะกรรมการร่วม 7 ประเทศ
ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อร่วมพัฒนาพื้นที่ข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชาเหนือดินแดน
รอบๆ ปราสาท

การยอมรับในแผนพัฒนาพื้นรอบๆ ปราสาท
เท่ากับคณะกรรมการลงมติชี้ขาดให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกตามคำ
ขอของกัมพูชา ทั้งนี้ทางตัวแทนประเทศไทยจะประกาศถอนตัวจากการเป็นประเทศภาคีสมาชิก
และ walk out ออกจากที่ประชุมทันที

คณะผู้แทนไทยในเมืองบราซิลเลียนเคร่งเครียดมาก
เพราะหากการชุมนุมครั้งนี้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกัมพูชาแล้ว
ทางไทยจะเสียอธิปไตยเหนือดินแดน 4.6
ตารางกิโลเมตรและจะเชื่อมโยงไปยังพื้นที่อีก 1.8 ล้านไร่โดยรอบด้วย

หลังจากที่ทางการไทยปล่อยปละละเลยให้ทหาร
และพลเรือนกัมพูชามาตั้งรกรากอยู่ในดินแดนไทยหลายสิบปีจนแม่บ้านทหารหลาย
ครัวตั้งตัวได้และอู้ฟู่จากการผูกขาดขายสินค้าให้ชาวกัมพูชาที่มาตั้งรกราก
ในเขตแดนดินถิ่นไทย

รอดูกันต่อไป :
หากคณะกรรมการมรดกโลกเห็นด้วยกับแผนการบริหารจัดการพื้นที่รอบๆ
ปราสาทพระวิหารของกัมพูชาโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านจากไทย
แล้วคนอย่างสุวิทย์ คุณกิตติ-นพดล ปัทมะ
และรัฐบาลชุดนี้จะอยู่สู้หน้าคนไทยได้อย่างไร
เมื่อย่ามใจจนไทยเสียอธิปไตยเหนือดินแดน 1.8 ล้านไร่
แล้วเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเมื่อเบลเยียม-ฝรั่งเศส-อินเดีย-
สหรัฐฯ-จีน-ญี่ปุ่นส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางผ่านไทยไปพัฒนาที่ดินบนปราสาทพระ
วิหารเพื่อกัมพูชาบนดินแดนที่เป็นของคนไทย
และข้อพิพาทเรื่องปราสาทอันสวยงามยิ่งใหญ่ยังไม่จบสิ้นแม้จะผ่านมานาน
แล้วกว่า 50 ปีก็ตามที

ยังไม่นับทรัพยากรใต้ดินที่ต่ำลงไปกว่าปราสาท
ที่กำลังโยงลากไปเป็นของกัมพูชาด้วย ใต้ดินที่ลึกลงไปคือ อ่าวไทย
ใต้น้ำทะเลที่ลึกลงไปคือ ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน
ซึ่งทั้งหมดถูกพิสูจน์แล้วจากบริษัทขุดเจาะน้ำมันระดับโลกว่า "ยอดเยี่ยม"
และในความเยี่ยมยอดนี้มีผลประโยชน์ร่วมกันระหว่าง "ทักษิณกับฮุนเซน"
ลากยาวตั้งแต่บนบกจรดน้ำทะเล

รู้แล้วใช่ไหม?
ทำไมฮุนเซนเอื้อเฟื้อแกนนำเสื้อแดงให้กินอิ่มอยู่สบายในกัมพูชา
และอย่าได้ประมาทฮุนเซน
เขามีที่ปรึกษาเป็นคนเขมรรุ่นใหม่ไฟแรงที่ศึกษาจากต่างประเทศหลายคน
และมีชาวต่างประเทศมากมายที่มาจากการชักนำของลูกๆ
เป็นผู้อยู่เบื้องหลังผลงานชิ้นนี้และชิ้นอื่นๆ
ของเขา...ฮุนเซนโฉมใหม่ไม่ได้บ้าใบ้ถือใยบัวเหมือนเก่าก่อนอีกต่อไป

ถ้าคนไทยนั่งนิ่งเฉยถือว่าธุระไม่ใช่จนสูญเสียอธิปไตยก็เท่ากับเสีย
ชาติเกิด พลเรือนในประเทศที่เขาเจริญแล้วทางปัญญาและจิตใจไม่มีใครเขาทำกัน

ถ้าคนไทยนั่งนิ่งเฉยไม่แยแสสนใจไยดีกับดินแดนรอบๆ
ปราสาทและองค์ปราสาทพระวิหาร
จนยอมเสียดินแดนให้ฮุนเซนก็เท่ากับเสียผลประโยชน์ให้ทักษิณด้วย

ใครจะยอม??? ไหนๆ ก็สู้มาถึงบัดนี้แล้ว เป็นไงก็เป็นกัน!!!

คนจีนเขาถึงสอนลูก-หลานไงว่า "การเดินทางหลายพันลี้
เริ่มจากการก้าวเท้าที่ก้าวแรก"...เริ่มจากความไม่กลัว แล้วจะได้รู้ว่า
อิสระจากการถูกปลดปล่อยนั้นเสรีเพียงไร
ลองไม่กลัวเสียอย่างทำอะไรได้ร้อยแปดอย่าง

ไม่มีใครต้องการสงคราม เพราะสงครามไม่เคยให้อะไร นอกจากน้ำตา และความตาย

แต่ถ้าจะต้องสู้เพื่อชาติไทย จะกลัวอะไรกับสงคราม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น