++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

น่าเป็นห่วง สถาบันฯ อันเป็นที่รักยิ่งของคนไทย

ปวงชนชาวไทยไม่เคย ได้ประสบพบพานและคาดคิดไม่ถึงว่า สถาบันฯ
จะถูกคนกลุ่มหนึ่งมุ่งทำร้ายทำลายอย่างเป็นขบวนกการ
เช่นในยุคที่หัวหน้าผู้ก่อการร้ายเข้าสู่วงการเมืองจนกระทั้งตกเป็นนักโทษ
หนีคุกเป็นสัมภวาสีพเนจรอยู่ต่างประเทศขณะนี้

เป็นที่เข้าใจได้ว่า ลัทธิคอมมิวนิสต์ในอดีตมีแนวทางที่จะล้มล้างสถาบันฯ
มาโดยตลอด เพราะเป็นแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์จีนและรัสเซีย
ซึ่งเป็นเจ้าตำรับลัทธิดังกล่าว
แต่ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และปวงชนชาวไทยให้ความเคารพเทิดทูนสถาบันฯ
ด้วยความซาบซึ่งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างเหนี่ยวแน่น จึงทำให้สถาบันฯ
ของไทย วัฒนาถาวรยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบันนี้
แม้ว่าจะมีมารคอยผจญอย่างต่อเนื่องตลอดมาก็ตาม

โดยเฉพาะในยุคนายทุน สามานย์รวมหัวกับพวกคอมมิวนิสต์หลงยุค
ในอันที่จะล้มล้างสถาบันฯ
อย่างต่อเนื่องเป็นระบบและมุ่งหวังผลอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น
ขบวนการผู้ก่อการร้ายแดง เผาบ้านเผาเมืองและเข่นฆ่าทหาร ประชาชน
จึงเป็นผลพวงขั้นตอนการต่อสู้แบบมุ่งชัยชนะ โดยไม่คำนึงถึงวิธีการ
ตามการวางแผนของนายทุนสามานย์และคอมมิวนิสต์หลงยุค

ขบวนการจาบจ้วง ล่วงเกิน ใส่ร้ายป้ายสี และ
บิดเบือนล้างสมองชาวบ้านรากหญ้าให้มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อสถาบันฯ
จึงโหมกระหน่ำทำกันอย่างจริงจังในยุคของนายทุนสามานย์และพวกคอมมิวนิสต์หลง
ยุค ด้วยแนวทางยุทธศาสตร์ยุทธวิธีของคอมมิวนิสต์
โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอิสานและภาคเหนือ
ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายที่จะใช้เป็นฐานในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ตามแนวทางลัทธิคอมมิวนิสต์มาโดยตลอด

ซึ่งประชาชนคนไทยที่รู้เท่าทัน
แผนการของนายทุนสามานย์และคอมมิวนิสต์หลงยุค ย่อมคาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่า
ถ้าบุคคลกลุ่มนี้ โดยมีนายทุนสามานย์เป็นหัวหอก ได้อำนาจรัฐเมื่อใด
สถาบันฯ จะได้ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
แม้ว่าหน้าฉากพร่ำพูดว่าจงรักภักดี
แต่การกระทำมิได้ให้ความสนใจและละเลยที่จะให้การถวายพระเกียรติด้วยความจง
รักภักดีอย่างจริงใจแต่อย่างใด

ดังเช่น ในวันพระราชพิธีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกสีหบัญชร ณ
พระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน
รัฐบาลในยุคของนายทุนสามานย์ครองเมือง
มิได้ประชาสัมพันธ์มิได้มีการแจ้งให้ประชาชนได้ทราบล่วงหน้ายอย่างเป็นทาง
การว่าจะมีพระราชพิธีดังกล่าว จนกระทั้งเหลือเวลาก่อนวันงานเพียง 1 หรือ
2 วัน มีสื่อมวลชนออกข่าวอย่างไม่เป็นทางการผ่านทางโทรทัศน์
จึงทำให้ประชาชนได้ทราบและเข้าเฝ้าอย่างเนื่องแน่น ณ
บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะคนบางคนมีวาระซ่อนเร้น
คำถามคือ วิธีการเช่นนี้หรือที่พร่ำพูดว่าจงรักภักดี

หรือกรณีแย่ง ซีนเป็นฮีโร่โชว์คนไทยอย่างผิดกาลเทศะและเสียมรรยาทอย่างสุด
ๆ ของนายทุนสามานย์ในงานพระราชพิธีต้อนรับประมุขของประเทศต่าง ๆ ณ
พระที่นั่งอนันตสมาคม และที่สโมสรกองทัพเรือ ประชาชนคนไทยคงจำได้ว่า
การถ่ายทอดทางทีวีพูลครั้งนั้น
แทนที่ทีวีจะถ่ายทอดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรม
ราชินีนาถ ให้การต้อนรับประมุขประเทศต่าง ๆ
แต่ทีวีกลับเน้นถ่ายทอดนายทุนสามานย์ที่ยืนดักหน้าต้อนรับประมุขต่างประเทศ
(ถ้าไม่ได้สั่งการหรือเตี้ยมกันมาก่อนจะทำเช่นนั้นทำไม)
จึงเป็นที่มาของการวิพากษ์วิจารณ์ในความเหิมเกริมของคนที่มักใหญ่ใฝ่สูง
คำถามคือ วิธีการเช่นนี้หรือที่พร่ำพูดว่าจงรักภักดี

ขบวนการล้มเจ้า ณ ปัจจุบันนี้หนักข้อมากขึ้น
และเป็นขบวนการใหญ่เป็นเครือข่ายอยู่ในทุกองคาพยพ ดังเช่น
กรณีที่ได้เห็นคนที่ออกมาปกป้องเทิดทูนสถาบันฯ กลับถูกฟ้องร้องดำเนินคดี
จัดการอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ในขณะที่คนที่จาบจ้วงล้วงเกินสถาบันฯ
ถึงขั้นมีพฤติกรรมล้มสถาบันฯ
แต่กลับถูกเพิกเฉยในการดำเนินคดีอย่างจริงจัง

จึง ไม่ทราบว่าการกระทำเช่นนั้น
เป็นอีกหนึ่งวาระซ่อนเร้นที่จะล้มสถาบันฯอย่างเป็นระบบหรือไม่
ซึ่งคาดว่าประชาชนคนไทยคงทราบคำตอบในใจอยู่แล้ว
ยกเว้นแต่คนบางคนบางกลุ่มเท่านั้นที่แกล้งทำงงและถือโอกาสผสมโรงไปกับขบวน
การดังกล่าว

ในสถานการณ์เช่นนี้จึงน่าเป็นห่วงสถาบันฯ
อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง
เพราะต่อไปใครจะกล้าออกมาปกป้องสถาบันฯ เปรียบเสมือนจงใจปิดปากประชาชน
เพื่อให้เข้าทางพวกที่ต้องการล้มสถาบันฯ ใช่หรือไม่ ???

ประชาชน
22 กรกฏาคม 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น