++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทหารจะรักษารัฐธรรมนูญจนกว่าประชาชนบอกว่าทนไม่ไหว

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2553 ผมได้เรียนให้ท่าน "คอยอ่านตอนที่ 5
การปฏิรูปจะถ่วงเวลาราชประชาสมาสัยและประชาธิปไตย
การปฏิวัติประชาธิปไตยเท่านั้นคือทางออก
ราชประชาสมาสัยจะได้มาอย่างไรโดยไม่ต้องให้ทหารยึดอำนาจ"

ผมต้องขอผัดไปอีก เพราะภารกิจบีบรัดและสังขารไม่เป็นใจ

แต่วันนี้ ผมจำเป็นต้องเขียนเมื่อได้อ่านข่าวสำคัญต่างๆ
ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผูกโยงกันทั้งสิ้น
แต่ผู้ที่มิได้ติดตามและคิดไม่ทันก็จะมองไม่เห็น

ผมขอเริ่มต้นว่ารัฐบาลแห่งชาติจะสยบราชประชาสมาสัย
และว่าคำเรียกร้องครั้งที่นับไม่ถ้วนของพลเอกชวลิต
เป็นไปเพื่อการทำลายประชาธิปไตย
เหมือนกับลูกน้องที่ขานรับกันอยู่เซ็งแซ่เป็นระยะๆ
และผมเชื่อว่าลูกพี่ของพลเอกชวลิตที่มียศแค่พันตำรวจโทก็คงจะแอบเห็นด้วยใน
ครั้งนี้ เพราะเห็นว่าการรบที่ราชประสงค์และการเผาบ้านเผาเมืองทั้งที่กรุงเทพฯ
อุบลราชธานี ขอนแก่น มุกดาหาร และอุดรธานีในคราวเดียวกันนั้น
ก็ยังไม่เพียงพอที่จะยึดอำนาจรัฐกลับคืนมาได้

ผมอ่านข่าวพลเอกชวลิตพาดหัวในหนังสือพิมพ์ภาษาฝรั่งของงไทยว่า
รัฐบาลแห่งชาติเป็นทางเลือกเดียวที่ยังเหลืออยู่

ผมขอค้านว่าไม่ใช่ราชประชาสมาสัยต่างหากเป็นอีกทางเลือกที่ยังเหลือ
อยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเลือกเดินทางรัฐบาลแห่งชาติแบบพลเอกชวลิตจะเป็นการทำลายโอกาสราชประชา
สมาสัยหรือประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างสิ้นเชิง

นอกจากนั้นยังอาจจะเป็นการปูทางไปสู่ระบอบประธานาธิบดีหรือ
ประชาธิปไตยที่มีเผด็จการหรือนักเลือกตั้งเป็นประมุขเสียด้วยซ้ำ
หากพลพรรคผู้ก่อการร้ายสีแดงทั้งในและนอกสภาฯ
ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลผสมยำใหญ่อันประกอบด้วยพรรคใหญ่และพรรคทั้ง
หมดในสภา ซึ่งผมเคยเรียกมาหลายครั้งแล้วว่าเป็นสภาจกเปรต
อันประกอบด้วยสมาชิกที่ไม่รู้หรือไม่ยอมทำหน้าที่กฎหมายก็ไม่ยอมออก
ตำแหน่งที่รัฐธรรมนูญบังคับให้ตั้งก็ไม่ตั้ง

ถ้ารัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในขณะนี้มีน้ำยา
นอกจากจะต้องปฏิรูปฝ่ายบริหารผ่านกฎหมายของตนเองแล้ว
ยังจะต้องให้เสียงของตนในสภาปฏิรูปสภาเริ่มด้วยการไล่ผู้แทนที่ไปสมคบก่อการ
ร้ายและมีพฤติกรรมอันเป็นที่เสื่อมเสียต่อสถาบันนิติบัญญัติออกเสียก่อน

ทำได้ดังกล่าวก็จะเห็นสุญญากาศขนาดยักษ์ทำให้จำต้องออกพระราชกฤษฎีกา
งดใช้รัฐธรรมนูญบางหมวดเสียก่อน
ก่อนที่จะไปขอพระราชทานใช้อำนาจพระราชอื่นๆ

การที่จู่ๆ
พลเอกชวลิตจะมาเสนอแนะถวายพระราชอำนาจคืนแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ผิดขั้นผิดตอน เช่นเดียวกับการขอพระราชทานอภัยโทษของพ.ต.ท.ทักษิณ
หรือการกดดันพาดพิงถึงรพ.ศิริราชและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของพลพรรคขี้
ครอกคางคกจกเปรตเสื้อแดงได้เรียกร้องกระทำตลอดมา
รวมทั้งการที่พลเอกชวลิตและนาย (ก) สมชายม่านรูดจะขอเข้าเฝ้าฯ
กราบบังคมทูลวิธีการสมานฉันท์และแก้ปัฐหาการเมืองแบบทักษิณ สมชาย ชวลิต
วีระ จตุพรนั้น ย่อมจะแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า บัดนี้พลเอกชวลิต
กัลยาณมิตรของผมนอกจากจะไม่รู้จักคบบัณทิตแล้ว
ยังไปตกอยู่ในเงื้อมมือและใต้บงการของคนพาลขบวนการทักษิณโดยสิ้นเชิง

จุดหมายปลายทางของขบวนการทักษิณเป็นอย่างไร
บัดนี้คนไทยหูตาสว่างและรู้กันหมดแล้ว

หากพลเอกชวลิตอยากช่วยชาติจริงๆ
และอยากบำเพ็ญกรณีเสมือนหนึ่งอุยกายผู้แกล้งเข้าไปแฝงตัวอยู่กับศัตรูอย่าง
จริงใจแล้ว สิ่งเดียวที่พลเอกชวลิตสมควรทำคือชักชวนให้พรรคเพื่อไทยสลายตัวหรือให้ผู้
แทนลาออกให้หมด พร้อมๆ กับที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบ
(ถ้ากฎหมายที่มีอยู่ศักดิ์สิทธิ์และมีหลักฐานเข้ากับองค์ประกอบที่จะต้อง
ยุบ) เพื่อจะทำให้เกิดสุญญากาศที่สมบูรณ์ในการเมืองไทย
อันจะนำไปสู่โอกาสที่พระเจ้าอยู่หัวจะทรงลงมาโปรดตามจารีตประชาธิปไตยสอด
คล้องกับพระราชดำรัสที่ทรงอธิบายไว้หลายครั้งทุกประการ

อนึ่ง ทหาร นักการเมือง
และทหารการเมืองส่วนใหญ่ที่เรียกร้องต้องการรัฐบาลแห่งชาตินั้นอาจจะไม่เข้า
ใจทฤษฎีและหลักปฏิบัติเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ อยู่ดีๆ
มีความขัดแย้งฆ่าฟันกันอันเป็นเรื่องชิงอำนาจทางการเมือง
จะไปกราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวขอให้ผู้ก่อการร้าย+ผู้ก่อการมิดีมิร้าย
(รัฐบาล)+ผู้ก่อการดีมารวมกัน หานายกฯ
ที่เป็นกลางหรือไม่เป็นก็ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีพระราชทาน
แล้วโม้ว่านี้คือการสมานฉันท์นั้นหาเป็นประชาธิปไตยหรือสอดคล้องกับพระราช
อำนาจของพระมหากษัตริย์ประชาธิปไตยไม่ กษัตริย์ดูไบอาจจะว่าไม่ได้

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลแห่งชาติมีความจำเป็นเมื่อเกิดศึกเสือเหนือใต้
ประเทศชาติเผชิญภัยพิบัติอาจจะล่มจมเสียหาย
พรรคการเมืองใหญ่ที่มีอุดมการณ์ต่างกัน
อาจจะมารวมกันและรวมพรรคบริวารต่างๆ
ตั้งขึ้นเป็นรัฐบาลแห่งชาติเพื่อแสดงเอกภาพและอำนาจของชาติชั่วคราวเอาไว้
สู้กับอริราชศัตรู
ต่างกับปัญหาความปรองดองสมานฉันท์ระหว่างพรรคไพร่นรกจกเปรตโดยสิ้นเชิง

สภาจกเปรตของเรานี้แปลก รบกวนเบื้องยุคลบาทยังไม่พอ
ยังวิ่งพล่านไปขอเป็นเมืองขึ้นอเมริกาเสียอีก
เวลาคุณพ่ออเมริกันลงมติให้สมานฉันท์พากันโห่ชอบใจเป็นเกรียว
แทนที่จะถามว่าเสือกอะไรของมึงวะ คนไทยที่ไหนเสือกไปขอให้มึงทำวะ ผมเคยทำ
Nonbinding Resolution ให้ไอ้กันประชุมร่วมลงมติทั้งสองสภามาแล้ว
มันไม่มีความหมายอะไรสักนิดหรอก อย่างน้อยสำหรับไอ้กันไม่มีเลย
นอกจากพวกแอบแฝงจะหากินจากเรื่องน้ำมัน ก๊าซในทะเลและกรณีพิพาทเขมร-ไทย
ใต้ร่มเงาพันธมิตรบุช-ทักษิณ เป็นต้น

ด้วยความรักและเข้าใจคุณจิ๋วเหมือนเดิม
ท่านผู้อ่านที่รักพลเอกชวลิตเหมือนผม พวกเราช่วยกันเตือนอดีตนายกฯ
ชวลิตอย่าให้เสียคนไปมากกว่านี้เลย

ยังจำได้ไหม ถึงใครคนหนึ่ง ซึ่งเคยว่าไว้ยังงี้

"สถานภาพ ทางการเมืองของเราขณะนี้ไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ
พรรคการเมืองได้กลายเป็นหุ้นส่วนบริษัท
ไม่มีพรรคใดที่ร่วมรัฐบาลต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ทางการเมือง
ส่วนมากเข้ามาเล่นการเมืองเพื่อแสวงหาและรักษาผลประโยชน์"

แล้วยังกล่าวต่อไปอีกว่า
"ทหารจะรักษารัฐธรรมนูญจนกว่าประชาชนบอกว่าทนไม่ไหว"

ท่านผู้อ่านที่เคารพ อยากให้คำพูดนี้มาจาก ผบ.ทบ. คนปัจจุบันใช่ไหมครับ

ผิดครับ ผบ.ทบ.ปัจจุบันท่านไม่มีความเห็น

นี่เป็น ผบ.ทบ.ที่ชื่อพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2530

ช่วยพากันไปค้นต้นฉบับ ขยายแล้วเอามาติดแปะไว้ ณ
ที่ทำการพรรคเพื่อไทยด้วยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น