++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ประชานิยมเฟรส 2 กับพวกคอมนิวนิตส์หลงยุค และทหารแก่บางคน ยึดตำราเหมาเจ๋อตง ไม่ลืมหูลืมตา

สมัย เหมาเจ๋อตง เป็นใหญ่ในแผ่นดินจีน
ชาวจีนทั้งประเทศอยู่ในสภาพเสมือนเป็นเครื่องจักรที่รอการหล่อลื่นจากรัฐ
เพียงเพื่อให้มีชีวิตมีอยู่มีกินไปวัน ๆ หนึ่งเท่านั้น
แต่ไม่สามารถเงยหน้าอ้าปาก คือจนตลอดกาล
ซึ่งเป็นแนวทางของคอมมิวนิสต์ยยุคเก่า
คนจีนในสมัยนั้นจึงยากจนลำบากอย่างแสนสาหัส
สมัยนั้นชาวจีนโพ้นทะเลต้องส่งเงินไปช่วยเหลือพ่อแม่ญาติพี่น้องในเมืองจีน
ด้วยช่องทางโพยก๊วย ดังที่ทราบกันดีของบรรดาลูกหลานชาวจีน
(รวมทั้งชาวจีนที่อยู่อาศัยในประเทศไทย)

แต่ในสมัยเติ้งเสี่ยวผิง
ประเทศจีนได้พัฒนาประเทศปรับตัวใช้แนวทางเศรษฐกิจทุนนิยมเพิ่มมากขึ้น
จนกระทั้งบัดนี้
คนจีนจึงเงยหน้าอ้าปากและนำพาประเทศเจริญก้าวหน้าผงาดเป็นมหาอำนาจทาง
เศรษฐกิจโลกได้อย่างองอาจ
และปัจจุบันประชาชนจีนกลายเป็นกลุ่มทัวร์ใหญ่ที่ประเทศต่าง ๆ
จ้องตาเป็นมัน นั้นคือภาพสะท้อนประชาชนจีนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากเดิมเป็นอันมาก
เพราะรัฐบาลจีนยุคใหม่
มีแนวความคิดให้ประชาชนช่วยตัวเองมากกว่าที่จะให้ประชาชนรอแบมือขอจากรัฐ
เช่นในสมัยเหมาเจ๋อตง

ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าแนวทางของเหมาเจ๋อตง ไม่ถูกต้อง
เพราะในภาวะขณะนั้นประชาชนจีนยากจนทั่วทั้งประเทศไม่สามารถช่วยตัวเองได้
จึงต้องใช้แนวทางประชานิยมเกื้อหนุนให้ประชาชนอยู่รอดได้ในขณะนั้น
ซึ่งสภาวะของประเทศจีนในยุคเหมาเจ๋อตงแตกต่างจากสภาวะของประเทศไทยโดยสิ้น
เชิง เพราะประชาชนคนไทยมีศักยาภาพในการช่วยเหลือตัวเองได้หลาย ๆ วิธี
ทั้งใน ภาคการเกษตร และภาคอุตสาหกรรม
แต่มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามทำให้ประชาชนคนไทยมีภาพลักษณ์สภาพเดียวกับประชาชน
จีนในยุคเหมาเจ๋อตง โดยเตรียมแผนยัดเยียดนโยบายประชานิยมเฟรส 2
ให้แก่ประชาชน

อันเนื่องมาจาก นายทุนสามานย์ร่วมมือกับพวกคอมมิวนิสต์หลงยุค
วางแผนที่จะเสวยสุขเป็นชนชั้นปกครองตลอดกาล
จึงนำแนวทางประชานิยมปรนปรือให้ประชาชนติดยึดรอรับเศษเนื้อข้างเขียงจากชน
ชั้นปกครองอย่างต่อเนื่อง จนเป็นปัญหาแรงงานไทย "หนักไม่เอา เบาไม่สู้"
แรงงานต่างด้าวจึงแห่เข้ามาทำงานแทนที่เต็มบ้านเต็มเมือง

เพระประเทศ ไทยยังมีพวกคอมมิวนิสต์หลงยุค ตกขอบ
ใช้แนวทางตามตำราคอมมิวนิสต์สมัยเหมาเจ๋อตง คือ ใช้นโยบายประชานิยม
หลอกล่อให้คนไทยตกเป็นทาส ต้องแบมือขอตลอดกาล
นั้นหมายถึงทำให้คนไทยจนตลอดกาล
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหลอกใช้ชาวบ้านรากหญ้าให้เป็นฐานในการหนุนส่งและโหย
หา พวกคอมมิวนิสต์หลงยุคและนายทุนสามานย์เหล่านี้เป็นชนชั้นปกครองตลอดกาล

ใน ขณะเดียวกัน ชนชั้นปกครองของพวกคอมนิวนิสต์หลงยุค กับ นายทุนสามานย์
เมื่อยึดอำนาจได้เบ็ดเสร็จ จึงกอบโกย โกงกิน ขายชาติขายแผ่นดิน
มุ่งหวังสะสมทรัพย์สินศฤงคาลให้มากเท่ามาก
เพื่อยึดครองอำนาจผูกขาดตลอดกาล
ดังเช่นที่ได้เห็นตระกูลหนึ่งที่สะสมทรัพย์อย่างหน้ามืดตามัวเผาผลาญตัว
เองอยู่ในขณะนี้ เพียงเพราะต้องการยึดอำนาจเสวยสุขตลอดกาล
จึงไม่รู้จักคำว่า "พอ"

ถ้าพวกคอมมิวนิสต์ไม่หลงยุค ไม่คบหากับนายทุนสามานย์
โดยมีอุดมการณ์และปรารถนาดีต่อประชาชนชาวบ้านรากหญ้าอย่างแท้จริง
เหตุใดไม่ศึกษาแนวทางพัฒนาประเทศตามตำราของ เติ้งเสี่ยวผิง
ที่นำพาประเทศจีนให้เจริญก้าวหน้า
และเป็นประเทศมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจเช่นที่ได้เห็นในปัจจุบันนี้
โดยผสมผสานแนวทางลัทธิสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ กับ ระบบทุน
เข้ามาประยุกต์ใช้ให้ก่อเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศ

จากพฤติกรรม ของพวกคอมมิวนิสต์กลุ่มหนึ่งที่ออกจากป่าตามประกาศ 66/23
คบหาสมาคมกับนายทุนสามานย์เผาบ้านเผาเมือง
จึงสรุปได้ว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์เก๊ (ลัทธิคอมมิวนิสต์
คือแนวทางปกครองอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งมิใช่เป็นสิ่งไม่ดี
แต่การนำมาใช้ต้องสอดคล้องและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและสภาพความเป็นอยู่ของ
ประชาชนในช่วงเวลานั้น ๆ
และต้องไม่มีวาระซ่อนเร้นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพรรคพวก
นั่นแหละคือคอมมิวนิสต์แท้)

สรรพสิ่งทุกอย่างในโลกไม่มีอะไรเที่ยง แท้แน่นอน
ลัทธิหรือระบบการปกครองสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ไม่มีอะไรต้องติดยึดอยู่กับที่ตลอดไป
เท่าที่เห็นก็มีแต่พวกคอมมิวนิสต์หลงยุคเท่านั้นที่ติดยึด
หลงงมงายกับลัทธิสังคมนิยมคอมมิวนิสต์แบบเหมาเจ๋อตง
ซึ่งต้องถือว่าเป็นลัทธิที่โบราณสำหรับโลกในยุคนี้

ในที่นี้จึงต้อง การเตือนบรรดาคอมมิวนิสต์หลงยุค ตลอดจนทหารแก่ทรยศชาติ
อย่าได้หลงงมงายกับลัทธิคอมมิวนิสต์แบบโบราณ ๆ อีกเลย
ขอให้เห็นแก่ประเทศชาติมากว่าผลประโยชน์ส่วนตัวเสียบ้าง
เพราะที่ได้มาตลอดชีวิตน่าจะพอได้แล้ว
โดยเฉพาะรัฐบาลแห่งชาติตามที่มีคนบางคนพยายามพร่ำพูด
ต่างอะไรกับรัฐบาลคอมมิวนิสต์อย่างไร

ประชาชน
5 กรกฏาคม 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น