ลำปาง - สัตวแพทย์เตือนหน้าฝนให้ระวังการให้อาหารช้าง เหตุมีช้างถูกส่งเข้ารักษา2เชือกเนื่องจากได้รับสารปนเปื้อนในอาหาร
วันนี้ (20 ก.ค.) นายสัตวแพทย์ปรีชา พวงคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้างจังหวัดลำปาง เตือนเจ้าของช้างและควาญช้างให้ดูแลเรื่องอาหารช้างเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียจะเจริญเติบโตเร็ว หลังจากทางโรงพยาบาลช้างมูลนิธิเพื่อนช้างได้รับช้างวัย 2 ปี และ 40 ปี จำนวน 2 เชือก เข้ารับการรักษาเนื่องจากได้รับสารปนเปื้อนในอาหารพร้อมกัน
โดยช้างเชือกแรก คือ พลายวิลลี่ อายุ 2 ปี เจ้าของคือ นายอู๊ด สาระงาม ชาวจังหวัดสุรินทร์ จะนำช้างกลับบ้านแต่ระหว่างทางช้างได้กินอาหารจากผู้บริจาค จนเกิดอาการท้องร่วมรุนแรง จึงต้องนำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลช้าง มูลนิธิเพื่อนช้าง ซึ่งสัตวแพทย์ได้ให้ยาและน้ำเกลือใต้ผิวหนัง และให้กินน้ำ อาการเริ่มดีขึ้นแล้ว ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ท้องร่วงมาจากการกินอาหารที่มีดปรโตชัว หรือ บิด เข้าไปทำให้เกิดอาการท้องร่วงรุนแรงประกอบกับช้างยังมีภูมิคุ้มกันน้อย
ส่วนช้างเชือกที่ 2 คือ พังบัวลอย อายุ 40 ปี เจ้าของส่งมาจากปางช้างแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ในระยะเวลา 2 ปี ปางช้างแห่งนี้ได้ส่งช้างมาทำการรักษาในอาการเดียวแล้วถึง2เชือกแต่ตายไป หนึ่งเชือก ซึ่งช้างทั้ง 3 เชือกเลี้ยงในสถานที่เดียวกันและได้รับสารปนเปื้อนในอาหารที่กินเช่นเดียว กัน คือกินอาหารที่มีแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในดิน (ท็อกซิน) เข้าไปเมื่อสะสมในร่างกายมากขึ้นจะส่งผลถึงระบบประสาท ทำให้ขาหลังอ่อนแรงและเวลาเดินจะเดินเร็วจนควบคุมตัวเองไม่ได้
เช่น เดียวกับพังบัวลอยที่ส่งมารักษาในขณะนี้ มีอาการคือ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ขาหลังอ่อนแรง ซึ่งสัตวแพทย์ต้องใช้ยาควบคุมและให้กินถ่านบดเพื่อดูดซึมสารในร่างกาย แต่ต้องใช้เวลาเพราะเชื้อดังกล่าวสะสมเป็นเวลานาน
ดังนั้น ในช่วงฤดูฝนเจ้าของช้างหรือปางช้างควรจะดูแลเรื่องอาหารโดยเฉพาะบริเวณพื้น ดินที่ช้างอยู่ให้ทำการพลิกหน้าดินเพื่อตากแดดฆ่าเชื้อและโรยด้วยปูนขาวให้ ทั่ว เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียจะสะสมในดินเป็นเวลาเกือบ 10 ปี และช่วงฤดูฝนดินชื้นเชื้อดังกล่าวจะเจริญเติบโตและแพร่กระจายง่าย เมื่อช้างกินหญ้าบริเวณดังกล่าวก็จะรับเชื้อแบคทีเรียเข้าไปด้วยจึงทำให้ ระบบประสาทเสียดังกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น