++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

กล้องดิจิตอล รู้ได้อย่างไรว่าคนเป็นไข้หวัด?

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 พฤษภาคม 2552 12:04 น.


เพื่อตรวจหาผู้โดยสารเครื่องบินที่อาจมีเชื้อไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกหรือโรค
ติดต่อทางเดินหายใจอื่นๆ
สนามบินหลายประเทศทั่วโลกเลือกที่จะใช้กล้องถ่ายภาพความร้อนหรือ thermal
imaging camera เป็นเครื่องตรวจสอบโดยไม่ต้องยื่นเทอร์โมมิเตอร์ให้ผู้โดยสารทุกคนอมไว้ใต้
ลิ้น หลายคนจึงเกิดคำถามขึ้นในใจว่ากล้องวงจรปิดนี้รู้ได้อย่างไรกันว่าใครมีหรือ
ไม่มีไข้ แล้วคนที่วิ่งหรือดื่มแฮลกอฮอล์มา
กล้องนี้จะทำงานผิดพลาดหรือไม่

กล้องตรวจคนเป็นไข้หวัดนั้นเริ่มมีตลาดเป็นของตัวเองเมื่อวิกฤตโรค
ซาร์ส (SARS) ช่วงปี 2002-2003 ซึ่งปัจจุบัน
สนามบินแห่งชาติสิงคโปร์และจีนยังคงใช้ระบบจับภาพคนมีไข้อยู่ต่อเนื่องในขณะ
นี้

กล้อง พิเศษนี้มีหลักการทำงานเหมือนกล้องดิจิตอลทั่วไป
แต่แทนที่จะบันทึกภาพแสงที่มาตกกระทบกับวัตถุ
กล้องกลับรับข้อมูลความร้อนที่เปลี่ยนแปลงไป
ทำให้สามารถทำงานได้แม้ในความมืด
ใช้สีสันที่ชัดเจนในการแสดงระดับความร้อนของวัตถุ
โดยระบบสามารถตรวจวัดอุณหภูมิได้ละเอียดชนิดรู้ความแตกต่างแม้เพียง 1
องศาฟาเรนไฮต์

เมื่อเกิดวิกฤตโรคไข้หวัดใหญ่เม็กซิกันโอกาสจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง
โดยอลัน ทอมสัน (Alan Thomson) ผู้อำนวยการฝ่ายขายของบริษัท Irisys
ผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพความร้อนสัญชาติอังกฤษให้ข้อมูลว่า
ได้รับคำสั่งซื้อเป็นจำนวนมากจนต้องรับโทรศัพท์ตลอดเวลา

ข้อมูลระบุว่า เฉพาะในเม็กซิโก
มีการติดตั้งระบบกล้องถ่ายภาพความร้อนเพิ่มอีกกว่า 10 ตัว
จากเดิมที่ซื้อไป 40 ตัวสำหรับติดตั้งใน 8 สนามบินหลักของเม็กซิโก
ยังไม่นับประเทศใหญ่รายอื่นเช่นสหรัฐฯ อังกฤษ หรือประเทศกลุ่มยุโรป
ที่มีมาตรการป้องกันการระบาดของเชื้อแบบเร่งด่วน

ข้อ จำกัดของกล้องนี้คือการตรวจจับได้เฉพาะอุณหภูมิที่สูงขึ้น
แต่ไม่สามารถตรวจจับเชื้อไวรัสได้ จึงเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความผิดพลาด
เช่นกรณีผู้โดยสารตัวร้อนขึ้นเพราะรีบวิ่งมาขึ้นเครื่อง
และกรณีที่ผู้โดยสารเพิ่งดื่มเครื่องดื่มมึนเมา
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่สนามบินต้องตรวจสอบเพิ่มเติมหากพบกรณีที่
น่าสงสัย

กล้องถ่ายภาพความร้อนของผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Irisys
ซึ่งมีราคาเริ่มต้นราว 3,000 เหรียญ (ประมาณ 105,000 บาท)
ภาพที่ได้จากกล้องคือภาพที่ถูกผสานระหว่างภาพเสมือนและภาพความร้อน
มีการแสดงบริเวณที่ร้อนที่สุดในภาพแบบอัตโนมัติ
ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณใบหน้าเนื่องจากกล้องนี้ไม่สามารถทำงานได้กับ
พื้นที่ใต้ร่มผ้า

คู่แข่งของ Irisys มีนามว่า Flir Systems Inc. สัญชาติอเมริกัน
จำหน่ายกล้องในราคาแพงกว่า 10,000-15,000 เหรียญ (350,000-525,000 บาท)
อ้างว่ามีการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพมากกว่าช่วงวิกฤตโรคซาร์ส
และการตรวจสอบครั้งละ 1 คนจะให้ผลการตรวจสอบได้ดีที่สุด
เมื่อเทียบกับการตรวจสอบกับฝูงชน
โดยบริษัทระบุว่าไม่ได้รับคำสั่งซื้อจากสนามบินเท่านั้น
แต่ยังได้รับคำสั่งซื้อจากเจ้าของโรงงานหรือหน่วยงานอื่นๆด้วย

ในวิกฤตย่อมมีโอกาสจริงๆ

Company Related Links :
Irisys
Flir

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9520000049685

1 ความคิดเห็น:

  1. แวะเข้ามาอ่านความรู้ครับ
    ผมก็ทำ blog แบบนี้อยู่เหมือนกัน
    ยินดีที่ได้อ่านครับ

    blog ผมนะครับ http://dslr-info.blogspot.com

    ข่าวสารแวดวงกล้อง ราคากล้องล่าสุด เทคนิคการถ่ายภาพ

    ตอบลบ