++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ซ้ำซาก

ภาพวิวทิวทัศน์ยามรุ่งอรุณที่ดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้นจากริมขอบฟ้าสวยงามเหลือจะกล่าว เสียงไก่ขันดังกังวาล เริ่มต้นวันใหม่ที่สดชื่น ทำให้หลายๆคนฟื้นฟูเรี่ยวแรงจากการนอนหลับพักผ่อนได้มาก
บ้างก็นอนจนแดดเริ่มโลมเลียผิวหนังในช่วงเช้าตรู่จึงลุกขึ้นไปประกอบกิจการงาน จวบจนกระทั่งสาย จะได้เห็นต้นไม้ใบหญ้าหยอกล้อกับลมและแสงแดดอย่างชิดใกล้
เวลาหมุนเวียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนดวงอาทิตย์เปลี่ยนสีเป็นสีส้มเมื่อจวนจะลับขอบฟ้า กระทบกับคลื่นลมและคลื่นน้ำทะเล ชวนดูเพราะสะดุดตาไม่น้อย
บางครั้งเราได้เจอกับเหตุการณ์ที่เหมือนกับได้เคยเกิดขึ้นแล้ว ทั้งๆที่เราไม่เคยมาในสถานที่แห่งนี้มาก่อนเลย และไม่เคยเจอผู้คนในสถานที่แห่งนี้มาก่อนเช่นกัน แต่เราก็สามารถคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เหมือนกับเราได้เห็นมาก่อนล่วงหน้า ผมเรียกเหตุการณ์นี้เอาเองว่าจิตเดินทาง เพราะเกิดขึ้นมาหลายครั้งจนชิน
เสียงจักจั่นหรือแมลงในท้องทุ่งหรือชายป่าในยามค่ำคืน ทำให้จิตใจที่คลายตัวลงจากหลากอารมณ์ให้ค่อยๆสงบ และนิ่งกับอารมณ์หนึ่ง ที่เราพิจารณามันอยู่
คล้ายแสงแดดที่ลอดรูฝาผนังเข้ามาในเรือนบ้าน จนเรามองเห็นฝุ่นละอองในลำ แสงอาทิตย์อย่างชัดเจน นิ่งและนาน สงบ อบอุ่น สบายอย่างบอกไม่ถูก
กาแฟหอมกรุ่น ขมนุ่มลิ้นชุ่มคอ นี่สินะกาแฟที่ตรงกับความหมายของมันและตรงกับรสชาดที่บ่งบอกตามคำชี้ชวนและโฆษณาจากสื่อของบริษัทผู้ขาย แต่มันก็อร่อยอย่างเขาว่าจริงๆ อร่อยตามที่เขาชี้ชวนสรรพคุณ
ได้นอนที่นอนนุ่มกับคนที่แสนรัก ใจมันเตลิดไปกับความสุข ยากที่จะเขียนบรร ยายเป็นตัวหนังสือ ว่ามันสุขแค่ไหน เธอคนสวยอันเป็นที่รักนอนหลับตาพริ้มอยู่ก็ยังดูสวยไม่สร่าง นี่แหละหนาเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยาก ผู้ที่จะคอยร่วมสุขเสมอ ดูแลยามป่วยไข้รับใช้ยามลำบาก น่าทนุถนอมยามมีความสุข
ถ้าไม่รู้จักคำว่าทุกข์มาก่อน ก็คงเถียงพระอาจารย์คอเป็นเอ็นเลยว่า ทุกข์ไม่มีหรอก เราคิดไปเองทั้งนั้น แต่เพราะเห็นทุกข์และตัวทุกข์มากับตัวเอง จึงไม่กล้าแม้กระทั่งปริปากกับท่าน และยอมรับความจริงที่ไม่มีอะไรจะโต้แย้งได้เลย
พระอาจารย์เทศน์เรื่องของความทุกข์ให้ฟังมากมาย จนเคยคิดแต่แรกว่าท่านมองโลกในแง่ร้ายหรือเปล่า แต่กาลเวลาผ่านไป สิ่งที่ท่านพูด สิ่งที่ท่านสอน เป็นจริงเสมอ
เมื่อพบกับสิ่งที่ไม่รักเป็นทุกข์ เมื่อพลัดพรากจากสิ่งที่รักก็เป็นทุกข์
อนิจจังคือความไม่เที่ยงแท้ถาวรเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เป็นทุกข์ เหมือนคนอันเป็นที่รักในอดีตกลับเหินห่างหมดรักและจากกกันไปเสียเฉย เพื่อนรักที่แสนดีก็เดินทางไกลจากไปอย่างไม่มีวันกลับ รวมทั้งผู้คนอันเป็นที่รักหลายต่อหลายคนก็ทิ้งเราจากไป ที่เราเรียกกันเองว่าเดินทางไกล
ทุกขังคือทนได้ยาก ขมขื่น อึดอัด คับแค้น บางคนถึงกับพร่ำเพ้อรำพัน
อนัตตา คือไม่ใช่ตัวใช่ตน สุดท้ายก็กลับไปเป็นฝุ่นหวนคืนสู่ธรรมชาติ ดังที่พระอาจารย์เรียกว่าขันธ์ห้า และย้ำว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ควรรู้ไว้ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มาประชุมกันเป็นกายกับใจนี้ หากเลิกประชุมแล้ วก็ต่างแยกย้ายกันไป
ท่านเคยถามว่าไปดูหนังสนุกไหม แล้วท่านก็ตอบเองว่าสนุกแค่ไหน ก็ต้องมีตอนจบใช่ไหม เบญจขันธ์ประชุมก็เช่นเดียวกันนั่นแหละ ไม่ต่าง
ท่านเน้นย้ำเสมอว่าขันธ์ห้าเป็นอนัตตา พระพุทธศาสนาเท่านั้นที่สอน เพื่อให้คนคลายจากความยึดมั่นถือมั่น และอยู่อย่างเป็นสุขเพราะรู้ความจริงก่อนแล้ว
รูปก็คือกายนี่แหละ เวทนาคือความรู้สึกทุกข์และสุข สัญญาคือจำได้ หมายมั่นว่ารู้ สังขารคือคิดนึกอะไรขึ้นมา วิญญาณคือความรุ้ชัดทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
แล้วก็ย้ำอีกครั้งว่าทั้งหมดนี้เป็นอนัตตา และให้จำไว้ให้ดี
ท่านอาจารย์ยังสอนอีกว่าการยึดติดหรือยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง มันมีค่าจ้างคือความรู้สึกอร่อยสุดยอดทางใจ ที่ท่านพุทธทาสเทศน์ฯให้ฟังบ่อยๆ
และคำว่าอร่อยนี้มันเกินพอดี เหมือนกินอาหารอิ่มแล้วก็ถือว่าพอ แต่อร่อยมันยังไม่หยุด ผิดกับหมาแมวที่มันอิ่มแล้วก็พอ เดินหนีถาดอาหารไปเฉยๆ จะมีก็แต่หมายังตามเฝ้าถาดอาหารบ้าง ที่เรียกว่าหมาหวงก้าง ใครอย่าได้มายุ่งของฉันเชียวนะ เป็นกระโดดกัดจริงๆ แม้จะอิ่มแล้ว
ความอร่อยนี้นำมายังซึ่งการเสพซ้ำและเสพติด และเป็นเหตุทำใ้ห้เกิดเวียนว่ายตายเกิดในอารมณ์ทุกอารมณ์ ในขันธ์ทุกขันธ์ และทุกภพทุกชาติที่เรียกว่าวัฎฎะสงสาร
แต่การออกจากวัฎฎะสงสารหรือวิวัฎฎะสงสาร ก็จำเป็นจะต้องทำซ้ำ ฝึกใจให้แข็งแรง ไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ เจริญภาวนา แม้กระทั่งเดินจงกรมซ้ำซาก เพื่อสลัดทิ้งความเป็นตัวตนออกไปให้หมดสิ้น หมดอร่อยในกามทั้งปวง
ความซ้ำซากจึงมีสองด้าน ซ้ำซากที่จะเวียนว่ายตายเกิดอีก หรือซ้ำซากเพื่อจะออกไปสิ่งเหล่านั้นโดยโมกธรรมที่แปลว่าธรรมอันเป็นเครื่องหลุดพ้น ด้วยปัญญา

ธรรมะสวัสดี

สัญญา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น