++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

ความจริง บางอย่าง เกี่ยวกับ พระยามารมารบกวนพระพุทธเจ้า

ความจริง บางอย่าง เกี่ยวกับ
พระยามาร
เก็บมาเล่าโดย ยรรยง สินธุ์งาม
ในสวรรค์ชั้นปรนิมิตวสวัตดี เป็น
สวรรค์ชั้นที่ 6 ชั้นสูงสุด ปรนิมมิตวสวัตดี
แปลว่า เทวดาผู้เป็นอิสระ เป็นผู้
ควบคุมการเนรมิตรของผู้อื่น หรือจะ
เนรมิตร เองก็ได้ สวรรค์ชั้นนี้
ประเสริฐสุขกว่าทุกชั้น
ที่สำคัญสวรรค์ชั้นนี้ มีผู้เป็นใหญ่ 2 องค์
คือ ท้าวปรนิมิตวสวัตตีเทวราช เป็นใหญ่
ฝ่ายเทพยดา และ
พระยามาราธิราช เป็นใหญ่ฝ่ายมาร เป็น
สวรรค์ชั้นเดียวที่ เป็นที่อยู่ ของเทวบุตร
และ เทวมาร และพระยามารที่จะกล่าวถึง
ก็คือ เทพบดี ฝ่ายเทวมาร คือ
พระยามาราธิราช นี่แหละ ที่บรรดาผู้ที่จะ
กระทำความดีใดๆ ก็มักจะกล่าวอ้าง
เมื่อตนทำอะไรแล้ว ไม่สำเร็จ ว่า เป็น
เพราะ มาร มาผจญ ผู้ที่จะทำสมาธิ
ก็กล่าวอ้าง ให้ระวัง "มาร" เข้าแทรก
คำพูดที่กล่าวมาในทำนองนี้ ผมฟังแล้ว ดู
จะไม่สมเหตุสมผล จึงได้ค้น เรื่อง
พระยามาร บางทีก็เขียนเป็น พญามาร :
ซึ่งมีข้อมูลเบื้องต้น ดังจะเสนอต่อไปนี้
1. พระยามาร เป็นเทพบดี ฝ่ายเทวมาร อยู่
บนสวรรค์ ชั้นที่ 6 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด ชื่อว่า
ปรนิมมิตวสวัตดี มีชื่อว่า พระสหัสพาหุ
หรือ พระวสวัตตีมาร หรือ
พระยามาราธิราช ที่เรียกกันทั่วไปว่า
พระยามาร
บนสวรรค์เรียกท่านว่า ท้าวมาลัย
2. เคยห้ามเจ้าชายสิทธัตถะออกบวช
พระยามารปรากฎกายเพื่อห้ามเจ้าชายสิท
ธัตถะออกบวช ภาพโดย ครูเหม เวชกร
3. เคยส่ง ธิดาพระยามาร มาขัดขวาง
พระพุทธเจ้าเมื่อครั้นอดีต
ธิดาพญามาร มาร่ายรำ ยั่วยวน
พระพุทธเจ้า ภาพโดย ครูเหม เวชกร
4. ตัวเองได้ยกพลเต็มอัตราศึก
เพื่อมาขัดขวางการบำเพ็ญเพียรของ
พระพุทธเจ้า การมาครั้งนั้น เป็นศึกที่ต้อง
จารึก ในประวัติศาสตร์ จนได้เกิด
พระปางมารวิชัย หรือ ปางสะดุ้งมาร ที่
เป็นรูปพระพุทธเจ้านั่งสมาธิมี มือข้างขวา
วางอยู่ที่เข่าขวา
ในการครั้งนั้น พระยามาร มีความเห็นว่า
พระพุทธเจ้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนา
จะทำให้คนสำเร็จมรรคผล เข้า
สู่พระนิพพาน กันหมด ไม่
เหลือวิญญาณไปขึ้นสวรรค์ จึงต้อง
ยกทัพมากำหลาบ เมื่อมาถึง
บรรดาปวงเทพเทวา อินทร์ พรหม ยมยักษ์
นับหมื่นล้าน ต่างแตกหนี กระเจิดกระเจิง
กลับวิมานตนเอง ด้วยความกลัวเกรง
กองทัพ ของพระยามาร แม้พลังสมาธิ
ระดับพระพุทธเจ้า ก็ทรงรับรู้ได้ ถึงความ
โกลาหลในครั้งนั้น ท่านถอนมือสะดุ้ง
จากสมาธิ ด้วยสิติอันทรงกำลัง
ก็ประคองมือขวาลงวางที่เข่าขวาโดย
แผ่วเบา ลืมตามองดู พระยามาร และ
ไพร่พล อยู่ตรงหน้า นับแสน นับล้าน
โดยไม่ได้สะทกสะท้าน แม้แต่น้อยนิด
พระยามาร ตวาดขู่ขับไล่ ให้ท่านลุกจาก
ที่นั่งใต้ต้นโพธิ์
กองทัพพระยามาร มุ่งเข้าทำร้าย
พระพุทธเจ้า ภาพโดย ครูเหม เวชกร
พระพุทธเจ้า กล่าวว่า "บัลลังก์นี้เป็น
ที่นั่งของเรามาตั้งแต่ ก่อนท่านจะ
เกิดซะอีก " "ใครจะเป็นพยานให้ท่าน ใน
เมื่อที่ตรงนี้ไม่มีใครอยู่อีกแล้ว"
พระยามาร ถามกลับอย่างผู้มีชัย
พระพุทธเจ้า ชี้มือลงไปที่พื้นดิน "
พระธรณีท่านจงเป็นพยานเถิด" ปรากฎ
เทพบดีพระธรณี ขึ้นมายืนยันความเป็นผู้
มาก่อนของพระพุทธเจ้า พระธรณี ได้
บิดมวยผม ซึ่งได้เก็บซับน้ำอันเกิดจาก
การหยาดน้ำทุกครั้งที่ พระพุทธองค์
ทรงกระทำความดี
ตั้งแต่ครั้นอดีตหลายแสนหมื่นล้านภพชา
ติ จนถึงปัจจุบัน น้ำท่วมสูงขึ้นๆ
เหล่าทัพพญามาร แตกขบวน
ถูกน้ำพัดไปคนละทิศละทาง
แต่บังลังก์ที่พระองค์นั่งก็ลอยสูงขึ้นตาม
ระดับน้ำ แหมผมบรรยายประหนึ่งว่า อยู่
ในเหตุการณ์ เชียวนะ
กองทัพพระยามารแตกพ่าย
เมื่อพระธรณีบิดมวยผม ภาพโดย ครูเหม
เวชกร
ในที่สุดพระยามาร ก็ขอยอมแพ้ และได้
กล่าวคำว่า "นโม" เป็นครั้งแรก ซึ่ง
แปลว่า "ขอนอบน้อม" หรือ "ยอมแล้ว"
พระยามาร
ยอมรับการมาก่อนของพระพุทธเจ้า
อย่างแท้จริง และต่อมาเมื่อได้
สนทนาธรรม ยิ่งเกิดความเลื่อมใส จนได้
ขออนุญาต เพื่อบำเพ็ญเพียรเป็น
พระพุทธเจ้า ต่อไปในอนาคต
พระยามาร ก็กลายมาเป็น
เทพพิทักษ์ศาสนา จึงปรากฏรูปปั้นยักษ์
อยู่ตามวัดในพุทธศาสนา
อ้างอิง
ครูเหม เวชกร. สมุดภาพพระพุทธประวัติ
ฉบับ
อนุรักษ์ภาพเขียนทางพระพุทธศาสนา
www.84000.org/tipitaka/picture/
f15.html
www.firstbuddha.com/Real/
prayama.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น