++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

“สนธิ”ซัดทหาร“ภัยความมั่นคง”ผลประโยชน์บังตา-มองไม่ออกใครป่วนชาติ

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 8 เม.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน โดยได้พูดถึงประเด็นการรักษาความมั่นคงของชาติซึ่งทหารน่าจะมีมุมมองที่ไม่ต่างจากเรา แต่ต่างตรงที่ทหารดีแต่พูด ขณะที่ประชาชนต้องออกมาเรียกร้องให้ทหารทำหน้าที่ที่ตัวเองจะต้องทำคือการปกป้องแผ่นดิน ซึ่งการต่อสู้ครั้งนี้มีนัยสำคัญมาก เพราะเป็นการต่อสู้บนหลักการความถูกต้อง ไม่ยึดติดในตัวบุคคล และส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์คะแนนนิยมตกต่ำมากที่สุดในประวัติศาสตร์ รวมทั้งมีนัยในการคัดกรองคนที่เคยมาห้อยโหนพวกเราและทำให้เห็นธาตุแท้ของคนบางคนในกลุ่มพวกเรากันเองด้วย ที่ไปให้สัมภาษณ์เนชั่นสุดสัปดาห์ว่าการโหวตโนจะเป็นการทำผิดกฎหมายพรรคการเมือง นั่นเพราะเขาไปหลงกับอำนาจหรือตำแหน่งที่ตัวเองจะได้รับหลังเลือกตั้ง

นายสนธิ กล่าวต่อว่า การสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ต่างจากตอนที่สู้กับทักษิณ ชินวัตร เพราะฝ่ายตรงข้ามพยายามกลั่นแกล้งเราทุกทาง ใช้ตำรวจมาข่มขู่ ใช้สื่อที่อยู่ใต้อำนาจเขามารุมขย้ำพวกเรา และกลับเข้าสู่ยุคหมาหมู่เหมือนเดิม สมัยที่เราสู้กับทักษิณ เนชั่น แนวหน้า เปลว สีเงิน ยืนข้างเรา แต่พอเปลี่ยนจากทักษิณมาเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พวกเขาก็ปฏิบัติตัวเหมือนเสื้อแดงที่บูชาทักษิณ เพราะเครือเนชั่นมีคนของประชาธิปัตย์เข้ามาถือหุ้น จึงกลายเป็นเครือข่ายประชาธิปัตย์ ส่วนแนวหน้านั้น เจ้าของก็สนิทสนมกับบิดานายอภิสิทธิ์ จึงหันมาโจมตีเรา บิดเบือน โกหกพกลม เช่น บอวก่า การโหวตโนไม่เป็นประชาธิปไตย

นายสนธิ กล่าวว่า การต่อสู้ของเราครั้งนี้จึงเหมือนการปราบมาร ซึ่งมีหลายรูปแบบ นอกจากสื่อมวลชนแล้ว ก็มีทหาร อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ที่พูดกับพันธมิตรฯ วอชิงตัน ดี.ซี.ทางโทรศัพท์ว่า ประเทศไทยวุ่นวายทุกวันนี้เพราะสีเหลืองและสีแดง ซึ่งเป็นการพูดที่ไม่ต่างจากลูกพี่คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ.และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ซึ่งการพูดเช่นนี้ เป็นอันตรายต่อความมมั่นคงของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพราะแสดงถึงการไม่เข้าใจว่า ใครคือตัวป่วนชาติกันแน่ คนที่พูดแบบนี้ควรจะไปเป็นแขกยาม ไม่ควรมาเป็นทหารให้เปลืองภาษีประชาชน

นายสนธิ กล่าวว่า ผบ.ทบ.วิเคราะห์ไม่ออกว่า ที่บ้านเมืองฉิบหายทุกวันนี้ก็เพราะนักการเมืองอย่างนายสุเทพ รวมทั้งเพื่อนของเขาอย่างนายพลกุนเชียงนั่นเอง ไม่ใช่คนเสื้อเหลือง ทำไมมองไม่ออกว่าคนเสื้อเหลืองที่สู้มาแต่ละเรื่องไม่ได้สู้เพื่อส่วนตัวแม้แต่นิดเดียว และการที่ ผบ.ทบ.พูดเช่นนี้ แสดงว่าไม่ใช่ทหารอาชีพแต่เป็นทหารการเมือง ส่วนคนอย่าง พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็เป็นทหารรุ่นเดียวกับทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาพูดวันก่อนก็เพื่อให้ดูสวยงาม ไม่มีสาระอะไร ที่พูดว่าทหารไม่เล่นการเมืองแล้ว แต่ในความเป็นจริงตนยังไม่เคยเห็นทหารประเทศไหนเล่นการเมืองเท่ากับทหารประเทศไทยเลย

นายสนธิ กล่าวต่อว่า นอกจากทหารจะเล่นการเมืองแล้ว การพูดเช่นนี้ ก็เพราะไม่อยากรับผิดชอบ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เรื่องดินแดนเขาพระวิหาร ก็ไม่อยากรับผิดชอบ เพราะความผิดมันอยู่ที่พวกเขา วันนี้จึงไม่ใช่แค่นักการเมืองที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่เป็นทหารด้วย เพราะทหารทุกวันนี้ดีแต่ปาก บอกว่าจะไม่ยอมให้ใครมาจาบจ้วง แต่ความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์นั่นไม่ได้อยู่ที่การจาบจ้วงอย่างเดียว การโกงของนักการเมืองก็เป็นอันตรายด้วย แต่ทหารยุคนี้ไม่สนใจ ขอแค่ให้มีงบประมาณซื้ออาวุธก็พอใจแล้ว ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ คิดเป็นต้องมองออกว่า ประชาชนที่ออกมาชุมนุมนั้นต่อสู้เพื่อปกป้องดินแดนที่นักการเมืองกำลังขายให้เขมร หน้าที่ทหารต้องออกมาตบหัวนักการเมือง ไม่ใช่แค่ออกมาบอกว่าจะไม่ปฏิวัติ ก็จะปฏิวัติได้อย่างไร เพราะไม่มีน้ำยาหรอก

นายสนธิ กล่าวต่อว่า สถาบันทหารตกต่ำมาตลอดตั้งแต่ยุคที่ทหารสายบูรพาพยัคฆ์ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.เพราะทหารสายนี้จะอยู่ตามแนวชายแดนทางตะวันออกติดกับเขมร ซึ่งเต็มไปด้วยผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการขโมยรถไปขาย บ่อนการพนัน การส่งน้ำมัน ส่งสินค้าเข้าไปขาย รวมถึงการค้าแรงงานเถื่อน ซึ่งนายทหารผู้ใหญ่ที่คุมพื้นที่ตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 2 หรือกองกำลงัสุรนารี ต้องรับรู้ ดังนั้นทหารที่ไม่ยอมทำหน้าที่เพราะมีผลประโยชน์มาปิดปาก ก็ไม่ต่างจากสื่อมวลชนที่ไม่ยอมเสนอความจริงเพราะถูกเงินปิดปากเช่นกัน ดังนั้น ที่บอกว่าทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดงเป็นตัวป่วนเมืองเหมือนกันนั้น ที่จริงก็รู้ว่า เสื้อแดงคือตัวป่วนเมือง แต่ต้องบวกเสื้อเหลืองเข้าไปด้วยเพื่อให้ดูเท่ บอกให้ทั้งสองฝ่ายหยุดทะเลาะกันนักการเมืองโกงกินไม่เป็นไร ฝ่ายหนึ่งเผาบ้านเผาเมืองไม่เป็นไร อีกฝ่ายหนึ่งฉ้อราษฎร์บังหลวงไม่เป็นไร ยืนปิดบังให้ เพราะตัวเองก็ได้ด้วย

คำต่อคำ “สนธิ ลิ้มทองกุล”ปราศรัย

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง ยังไม่สบายดี แต่ว่าพันธ์ คีมูน เขาบอก พี่ หาย/ไม่หายผมไม่สนนะพี่ ผมหยุดวันนี้ พี่น้องครับ เมื่อกี้นี้เขามาขอรางวัลจากผมในวันที่ 13 เทพีสงกรานต์ที่อายุเกินกว่า 50 ผมก็เลยบอกว่า ได้ อยากจะเอาอะไร เขาก็อึกอักๆ ไปตั้งนาน ผมก็บอกเอาอย่างนี้แล้วกัน ผมไม่อยากให้มีแค่เทพีสงกรานต์เพียงคนเดียว ผมอยากให้มีทั้งเทพีสงกรานต์ เทพีเขาพระวิหาร แล้วก็อีกหลายๆ เทพี จริงๆ แล้วผมบอกว่า เธอไม่ต้องประกวดหรอก ผู้หญิงทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้น่ะ เทพีทุกคน ผมก็ถามยัยเรย์ โปรดิวเซอร์ บอก อ้าวแล้วแกไม่ประกวดด้วยเหรอตอนแรก เรย์บอกว่าอายุยังไม่ถึง ผมก็เลยคิดว่าให้เรย์ เขาไปบอกแอน จินดารัตน์ ว่าแอนเนี้ย ห่างอีกไม่กี่เดือนก็จะ 50 แล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว น่าจะยกข้อยกเว้นให้แอนเข้าประกวดได้ ใช่/ไม่ใช่พี่น้อง

พี่น้องครับ ป่วยครั้งนี้หนักมาก เพราะว่ามันเป็นไข้หวัดใหญ่ วันศุกร์ที่แล้ว พี่น้องจำได้ใช่ไหม วันศุกร์ที่ขึ้นเวที แล้วใส่เสื้อเพราะว่ามันสะท้านไปทั้งตัวเลยนะครับ

เจ็บครั้งนี้ได้ข้อคิดในทางธรรม และในทางการบำบัดโดยธรรมชาติ เพราะว่าผมตั้งแต่ไม่สบายมา เป็นไข้หวัด ผมไม่เคยทานพาราเซตามอล และผมไม่เคยทานยาแอนตี้ไบโอติก เลยแม้แต่นิดเดียว ผมรักษาตามหลักธรรมชาติ แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว วิธีรักษาก็คือ ถ้าจะกินยาคลายปวด คลายเจ็บคอ จะใช้ฟ้าทะลายโจร แต่จะกินไม่เยอะ จะกินติดต่อกันอย่างมากไม่เกิน 3 วัน เพราะว่าถ้ากินมากแล้วไตจะเสีย ที่สำคัญที่สุด พี่น้องครับให้จำเอาไว้ว่า เวลาเป็นไข้ หรือไข้หวัดใหญ่นั้น ไม่มียาอะไรรักษาหายได้นอกจากตัวเราเอง ก็คือต้องพักผ่อนมากๆ ถ้าเรานอนน้อยพิษไข้จะทำร้ายตัวเรา ทำให้เราเป็นลม วันศุกร์หลังจากพูดกับพี่น้องเสร็จ กลับไปก็สะท้านทั้งตัว วันเสาร์รู้สึก เป็นวันแรกที่ไข้ขึ้นเต็มที่ แล้ววันอาทิตย์เดินทางไปขอนแก่นเพื่อที่จะไปขึ้นศาลที่ชัยภูมิวันจันทร์เช้า เพราะฉะนั้นแล้วอาทิตย์กับจันทร์ก็เลยไม่ได้พัก วันจันทร์พอกลับมาจากขอนแก่น พอมาถึงบ้าน พี่น้องเชื่อไหมพอ 4 โมงเย็น นอนหลับในห้องรับแขกตั้งแต่ 5 โมงเย็น ตื่นมาอีกที 10 โมงเช้าวันรุ่งขึ้น 16 ชั่วโมงเต็มๆไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่นิดเดียวนะ แต่ก็แปลกพอไม่รู้สึกแล้ว ตื่นมาตอนเช้าก็รู้สึกแข็งแรงทันทีเลยนะครับ ยังใช้หลักเดิมของแม่ ยังจำได้ไหม เวลาเป็นไข้พ่อแม่บอกว่าให้ใส่เสื้อเยอะๆ ห่มผ้าห่มเพื่อให้เหงื่อออกมา ไอ้เหงื่อที่ออกคือการไล่ส่าไข้ คือการไล่ส่าไข้ เพราะฉะนั้นแล้วส่าไข้เริ่มออก บรรยากาศมันก็จะดีขึ้น ขณะนี้มาพูดกับพี่น้องเหมือนหาย แต่เหมือนกับว่า เป็นกระดาษสีขาวใบหนึ่งอยู่ตรงหน้า มันว่างไปหมดเลย ซึ่งมันก็ตรงกับหลักธรรมที่ว่า ชีวิตมีแต่ความว่างเปล่าใช่ไม่ใช่พี่น้อง

พี่น้องครับ วันนี้เรามาพูดเรื่องความมั่นคงกันนิดหนึ่ง ผมคิดว่าความมั่นคงนั้นมีคนเข้าใจผิดอยู่เยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารไทย ยังเข้าใจไม่ลึกซึ้งถึงคำว่าความมั่นคง

ความมั่นคงมันประกอบด้วย 3 อย่าง ก็คือว่า ชาติ จะมั่นคงได้ ศาสนาต้องมั่นคง ใช่มั้ยครับพี่น้อง ศาสนาจะมั่นคงได้ พระมหากษัตริย์ก็ต้องมั่นคงเช่นกัน ทั้งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์นั้น มีความเกี่ยวพันกันและกันอย่างลึกซึ้ง และไม่สามารถแยกจากกันได้ ถ้าพระมหากษัตริย์ ซึ่งโดยตำแหน่งท่าน พระองค์ท่านคือเจ้าอาวาสใหญ่ สมภารใหญ่ ถ้าท่านไม่มั่นคงแล้ว ศาสนาก็จะมั่นคงไม่ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้ว 2 ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญมาก

ทีนี้ชาติ เมื่อมีเรื่องของศาสนา และพระมหากษัติย์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือ ความมั่นคงของประชาชน

ความมั่นคงของประชาชนอยู่ที่ไหน ความมั่นคงของประชาชนนั้นอยู่ที่การกินดีอยู่ดี ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความเจริญก้าวหน้า โอกาสที่จะได้รับความยุติธรรมจากหลักนิติรัฐให้เท่าเทียมกันโดยไม่เว้นหน้า แล้วที่สำคัญอีกข้อหนึ่งคือว่า คนในประเทศไทยทุกคนจะต้องมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน และรัฐจะต้องมอบโอกาสนั้นให้เท่าเทียมกันให้ได้ นั่นเป็นความมั่นคง และเป็นความมั่นคงภายใน

ความมั่นคงภายนอกก็คือว่า บทบาทของทหารจะต้องทำหน้าที่นอกเหนือจากการเป็นรั้ว ป้องกันไม่ให้ใครรุกรานเข้ามาในดินแดนเราแล้ว ความมั่นคงของประเทศนั้น พรมแดนนั้น พื้นที่ที่ติดกับประเทศอื่นนั้น เป็นความมั่นคงในกายภาพที่ทหารทุกคนจะต้องระลึกเสมอตลอดเวลาว่า ผืนแผ่นดินนี้เป็นผืนแผ่นดินของคนไทย เพราะฉะนั้นใครจะเอาไปไม่ได้ ตรงนี้ต่างหากที่ความมั่นคง ที่ทหารในช่วงหลังนั้นมองไม่ต่างกว่าเรา แต่ต่างกันตรงที่ว่าดีแต่พูด

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ให้จำไว้พี่น้อง เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ประชาชนออกมาเรียกร้องให้ทหารทำหน้าที่ ที่ตัวเองควรจะต้องทำ คือปกป้องแผ่นดินไทย ในอดีตไม่เคยปรากฏเรื่องนี้มาก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นแล้วด้วยเหตุนี้ วันนี้ผมเลยมีความจำเป็นต้องมาพูดเรื่องความมั่นคง แล้วการต่อสู้ครั้งนี้มันมีนัยมากที่จะต้องอธิบายให้พ่อแม่พี่น้องฟัง

พี่น้องสังเกตไหมว่า การต่อสู้ครั้งนี้ของพวกเรานั้น เป็นการต่อสู้ที่ลึกซึ้ง ยากลำบากไหม สำหรับผมแล้ว ไม่ถือว่ายากลำบาก สำหรับพี่น้องก็ไม่ได้ยากลำบาก มีแต่ความเหนื่อยยากเท่านั้นเอง ยากลำบากกับเหนื่อยยากไม่เหมือนกัน มีคนพยายามพูดบอกว่า พันธมิตรฯยุคนี้ซูบไป คนน้อยกว่าเก่าเยอะ ผมก็บอกว่า อย่ามาเถียงว่าน้อยหรือมาก ขณะที่เรามาวิสัชนากันก่อนว่า ครั้งนี้การต่อสู้ของพันธมิตรฯ นั้น และประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินนั้น เราสู้เพื่ออะไร และสิ่งที่เราสู้นั้น ยังคงยืนอยู่บนความถูกต้องอยู่หรือเปล่า ถ้าคำตอบบอกว่า ยังยืนอยู่บนความถูกต้องอยู่ เพราะฉะนั้นแล้วการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ยากลำบาก แต่หากเราสู้บนพื้นฐานที่ไม่ถูกต้อง นั่นคือการต่อสู้ที่ยากลำบากที่สุดเลยใช่ไหมพี่น้อง

เมื่อเราเข้าใจตรงนี้แล้ว ประเด็นคนน้อยคนมากกลับไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกเรา อีกประการหนึ่ง ถ้าการต่อสู้ของเราครั้งนี้ ประเด็นการต่อสู้คนไม่เห็นด้วย และไม่เข้าใจ คนก็จะต้องถามตัวเองว่า แล้วทำไมในช่วงทีเราประท้วงรัฐบาลชุดนี้มาแค่ 2 - 3 เดือนนี้เอง ทำไมคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ถึงตกต่ำที่สุดในประเทศไทย ถ้าจะวัดต้องวัดกันตรงนี้ใช่ไหมพี่น้อง ไม่ว่าจะเป็นโพลอะไรก็ตาม หลังจากที่เรามาไขปัญญา จุดเทียนแห่งธรรมให้ประชาชนทั่วไปได้เห็นแล้ว คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ตกหมด ไม่ว่าจะพูดในมุมไหน แง่ไหน ภูมิศาสตร์ภาคพื้นไหน แม้กระทั่งในภาคใต้ ค ะแนนนิยมของเขาก็ตกเช่นกันพี่น้อง

การสู้ครั้งนี้มีนัยมาก เพราะว่าไม่ใช่เป็นการยืนยัน ยืนหยัดอยู่บนหลักการที่ถูกต้องเหมือนเดิม แต่การสู้ครั้งนี้ ยังเป็นการกลั่นกรอง เป็นการกลั่นกรองของคนที่มีหลักการและอุดมการณ์ ที่ยืนอยู่บนความถูกต้องที่ไม่ยึดถือตัวบุคคลเลยแม้แต่นิดเดียว คนพูดตลอดเวลา เป็นข่าวลือว่าแกนนำพันธมิตรฯ นั้นแตกแยกกัน พี่น้องครับ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่หน้าที่ของแกนนำ แต่เป็นหน้าที่ของประชาชนทุกๆฝ่ายที่เข้ามาร่วมมือกัน ด้วยเหตุนี้จึงมีคณะกรรมการปกป้องอนาจักรไทย 17 คนขึ้นมา แล้ว 17 คนนั้น คือเสาหลักและกำลังหลักในการต่อสู้ แต่ว่าคนก็ยังเข้าใจผิดอยู่

พี่น้องครับ การสู้ครั้งนี้ทำให้พวกที่เคยห้อยโหนการต่อสู้ของเราในอดีตหลุดพ้นกระเด็นไป และไม่สามารถมาร่วมกับพวกเราได้ก็เพราะว่าหลักการของเขากับหลักการของเรานั้นไม่เหมือนกัน แตกต่างกัน ที่น่าสนใจข้อหนึ่งพี่น้อง นอกจากพวกห้อยโหนจะหมดไปแล้ว ยังเป็นการเปิดตัวตนที่แท้จริงในหมู่พวกเราหลายๆคนด้วยใช่ไม่ใช่

พี่น้องครับ พี่น้องสังเกตไหมว่า เวลาเราสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ หรือรัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้ต่างกับการสู้กับทักษิณ ชินวัตร เลย แม้แต่นิดเดียวพี่น้อง แปลว่าอะไร แปลว่าโดยพื้นฐานแล้ว ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ดีจริง วิธีการที่เขาต่อสู้กับเราต้องต่างกว่าวิธีการที่ทักษิณสู้กับเรา แต่วิธีการที่เขาสู้กับเราเหมือนกันหมดทุกประการ เขาเหมือนตรงไหนพี่น้อง เหมือนตรงที่ว่า เขากลั่นแกล้งเราทุกวิถีทาง เขาใช้ตำรวจมาข่มขู่เรา เขาใช้สื่อมวลชนที่อยู่ในอำนาจเขา ไม่ว่าจะเป็นช่องโทรทัศน์ที่เขาคุมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นช่อง 11 ตลอดจนหนังสือพิมพ์หลายเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายแนวหน้า หนังสือพิมพ์เครือข่ายเนชั่น ลงมาเหยียบย่ำ รุมกระทืบพวกเรา กลับเข้าไปสู่ยุคหมาหมู่เหมือนเดิม

เพราะฉะนั้นพี่น้องดูให้ดีๆ สมัยที่เราสู้กับทักษิณ ทำไมหนังสือพิมพ์อย่างเครือเนชั่น หรือแนวหน้า หรือคุณเปลว สีเงิน ไทยโพสต์ ถึงยืนข้างพวกเรา เพราะว่าเราสู้กับทักษิณ แต่พอเปลี่ยนจากทักษิณมาเป็นอภิสิทธิ์ เขาไม่เคยวิเคราะห์ว่า สิ่งที่ปานเทพ เทพมนตรี พล.ร.ท.ปทีป คุณเติมศักดิ์ อ.พิชาย หรือ ประพันธ์ หรือผม พูดเกี่ยวกับอภิสิทธิ์ หรือรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นความจริงหรือเป็นความเท็จ เขาไม่เคยออกมาตอบโต้ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ เขาไม่เคยออกมาตอบโต้ แต่เขาออกมาปฏิบัติตน เหมือนกลุ่มคนเสื้อแดงที่บูชาทักษิณดั่งบิดาเขาเช่นกัน เหมือนอย่างที่ผมบอกว่า หนังสือเครือเนชั่น นั้นได้ถูกซื้อขายไปแล้ว เปลี่ยนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ก็คือ ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ ของคุณสุริยะ มาเป็นตระกูลสมะลาภา ของคุณเสริมสิน ซึ่งเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นไม่ต้องประหลาดใจอะไรเลย วันนี้ดูได้เลยว่า หนังสือพิมพ์ที่เคยสนับสนุน คือ เนชั่นสุดสัปดาห์ นั้นมีเรื่อง 3 เรื่องที่ด่าพันธมิตรฯ และด่าพวกเรา ขอยืมมือคนบางคนออกมาให้สัมภาษณ์ด่าพวกเราอยู่ตลอดเวลา นี่คือเครือข่ายเนชั่น ซึ่งเป็นเครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์

เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัด หนังสือพิมพ์แนวหน้าที่เคยยืนอยู่บนอุดมการณ์เดียวกันกับเรา เมื่อเราสู้กับทักษิณ พอวันนี้เราไปแตะพรรคประชาธิปัตย์ แตะอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งมีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับเจ้าของหนังสือพิมพ์แนวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณพ่อคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนอกจากนั้นแล้ว อ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ก็ไปเป็นกึ่งๆ เหมือนหัวหน้ากองบรรณาธิการที่แนวหน้า เพราะฉะนั้นแนวหน้าก็เลยเปลี่ยนประเด็นในการต่อสู้ กลายเป็นมาโจมตีพวกเรา การโจมตีพวกเราก็ไม่มีอะไรยาก บิดเบือนข้อเท็จจริง โกหกพกลม อย่างเช่น โกหกว่าการโหวตโนคือการไม่เป็นประชาธิปไตย เห็นหรือยังพี่น้อง

ที่น่าเสียใจก็คือว่า ในหนังสือพิมพ์อย่างเช่น เดอะ เนชั่น สุดสัปดาห์ ได้สัมภาษณ์คนซึ่งคิดไม่ถึงว่าจะพูดถึงเราในแง่ลบ พูดในทำนองว่าถ้าโหวตโนแล้ว ในฐานะพรรคการเมือง จะทำผิดกฎหมายทางการเมือง ไปซื้ออ่านดูว่าคนๆ นั้นเป็นใคร

พี่น้องจำได้หรือเปล่า (ของชักขึ้นแล้ว) ที่ผมเคยพูด ผมพูดว่ายังไง ผมบอกมาแล้วหลายครั้ง ตอนที่เราตั้งพรรคการเมืองใหม่ จำได้ไหม ผมเป็นคนพูดเอง ตลอดจนการรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ตอนนั้นผมพูดบอกว่า พรรคการเมืองใหม่เป็นเครื่องมือของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่วันนี้หาใช่เช่นนั้นไม่ พี่น้องไม่เชื่อ ไปซื้อหนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น สุดสัปดาห์ แล้วอ่านดู พี่น้องจะรู้ว่าบางครั้งยังไม่ทันไรเลย คนไปหลงกับตำแหน่งแห่งที่ และอำนาจที่ตัวเองกำลังจะได้เป็น ส.ส. แล้วพอพันธมิตรฯบอกโหวตโน เขาบอกว่าโหวตโนนั้นจะทำให้พรรคการเมืองนั้นผิดกฎหมาย เห็นตัวตนที่แท้จริงหรือยังพี่น้อง ผมถึงบอกว่าการต่อสู้ครั้งนี้มันมันกว่าทุกๆครั้ง เพราะนอกจากจะกำจัดพวกห้อยโหนออกไปได้แล้ว ที่สำคัญที่สุดในบรรดาพวกเรากันเอง ได้สะท้อนให้เห็นเนื้อแท้ของคนที่กำลังจะหลงอยู่ในอำนาจ

พี่น้องครับ กระผม นายสนธิ ลิ้มทองกุล คิดอะไรพูดอย่างนั้น ใช่ไม่ใช่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ผมพูดทันที ไม่ว่าจะใกล้ชิดสนิทสนมกันแค่ไหน ผมก็จะพูดทันทีเห็นหรือยังพี่น้อง การต่อสู้ครั้งนี้ของเราเหมือนการปราบมารจริงๆแล้วมารที่เราปราบนั้น มีหลายรูปหลายแบบที่เราต้องปราบมันจริงๆ มีพันธมิตรฯที่วอชิงตันดี.ซี.คนหนึ่ง อย่าให้เอ่ยชื่อเลยครับ ผมรู้จักพี่เขาดี เขาได้เบอร์โทรศัพท์ของประยุทธ์ จันทร์โอชา มาจากใครไม่รู้ เขาก็เลยโทรจากอเมริกาไปหาประยุทธ์ จันทร์โอชา เขาก็ถามประยุทธ์ถึงเรื่องราวต่างๆ เขาจะลองดูความรู้สึกประยุทธ์ นี่คือคำตอบที่เขาบอกมา ประยุทธ์ บอกว่า สังคมไทยที่มันวุ่นวายทุกวันนี้เพราะสีเหลืองและสีแดง

พี่น้องครับ เขาพูดเหมือนลูกพี่เขา คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็พูดเช่นเดียวกัน และเขาพูดเหมือน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งพูดเหมือนกันเลย ด้วยเหตุนี้ วันนี้เรามาปุจฉา วิสัชนากัน ว่าทำไมคนอย่างสุเทพ คนอย่างอนุพงศ์ เผ่าจินดา แล้วสืบมรดกทอดมาจนคนอย่างประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงกล้าพูดอย่างหน้าไม่อาย ว่าประเทศนี้วุ่นวายเพราะสีเหลือง หรือสีแดง พี่น้องนี่คือหัวข้อหลักที่ผมจะมาพูดคืนนี้ ในเรื่องของประเด็นปรัชญาความมั่นคงของชาติ

พี่น้องครับ คนเราถ้าอยู่ในอาชีพไหนแล้วไม่เข้าใจงานที่ตัวเองทำ แสดงว่าคนๆ นั้นไม่ควรจะอยู่ในอาชีพนั้น ใช่ไม่ใช่ พี่น้อง ผมทำสื่อมวลชนมา 30 กว่าปีแล้ว ผมน่าจะเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสไม่กี่คนในประเทศไทย ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในประเทศไทย ที่สำคัญที่สุดที่ผมภูมิใจที่สุด ผมอาจจะเป็นเพียงหนึ่งไม่กี่คนเท่านั้นเองที่เข้าใจหลักการของการเป็นสื่อมวลชนที่ดีและถูกต้อง ข้อแรก ก็คือว่า ต้องกล้าพูดความจริง เพราะฉะนั้นแล้ว หลักการของการกล้าพูดความจริง ความจริงเป็นเช่นไรต้องพูดไปในทิศทางเช่นนั้น นั่นคือคุณสมบัติข้อแรกของการจะเป็นสื่อมวลชนที่ดี ส่วนวิธีการพูดโดยผ่านการเขียน การอภิปราย หรือการเป็นพิธีกรนั้น มันเป็นทักษณะในวิชาชีพ แต่หลักการต้องมาก่อน คุณต้องกล้าพูดความจริง กล้าแสวงหาความจริง ทักษะที่เหลือคือ เขียนหนังสือให้เป็น ให้ประชาชนอ่านง่าย ในขณะเดียวกัน ต้องมีทักษะไปหาข้อเท็จจริง ว่าวิธีหาข้อเท็จจริงนั้นต้องหาอย่างไร นั่นคือ สื่อมวลชน ไม่เหมือน ยกตัวอย่างอย่างที่พูดไปเมื่อกี้ หนังสือพิมพ์เครือเดอะเนชั่นไม่กล้าพูดความจริง เพราะว่าความจริงนั้นถูกเอาเงิน ผลประโยชน์อุดปาก ด้วยเหตุนี้แล้ว หนังสือพิมพ์ลักษณะเครือเดอะเนชั่น หรือหนังสือพิมพ์แนวหน้า ก็เลยไม่ต่างกว่าทหารที่ดีแต่พูด อย่าง อนุพงษ์ เผ่าจินดา และประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช่ไม่ใช่พี่น้อง

คนเราเป็นหมอก็ต้องกล้ารักษาจริงๆ ต้องไม่เลี้ยงไข้ ถ้ารู้ว่าคนไข้คนนี้เป็นอะไรใช้ยาประเภทนี้ๆ ก็ต้องหาย ไม่ใช่ว่าให้ยาเพียง 10% 20% แล้วให้เขากลับมาหาเราเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นแล้วทุกสาขาอาชีพจะต้องมีจริยธรรมในวิชาชีพตัวเอง ถามว่า ด้วยคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โยงย้อนกลับมาถึง พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา หรือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่พูดบอกเหลืองแดงนั้น เป็นตัวป่วนชาติ เป็นอันตรายต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มากใช่ไม่ใช่พี่น้อง เป็นอันตรายตรงไหนพี่น้อง ตรงที่ว่าถ้าเขายังไม่เข้าใจ ว่าเหลืองกับแดงใครป่วนชาติกันแน่นอน ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะไปเป็นแขกยามใช่ไม่ใช่พี่น้อง ถ้าคุณไม่สามารถที่จะรู้ว่าอะไร ใคร เป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง แล้วคุณมาเป็นทหารทำไมให้มันเสียภาษีอากรของชาติบ้านเมือง แสดงว่าคุณไม่มีปัญญาที่จะวิเคราะห์ ถ้าคุณอยู่ใกล้ๆ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แล้วคุณยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ ว่าไอ้ที่ชาติบ้านเมืองล่มจมทุกวันนี้ ก็เพราะว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ใช่สีเหลือง ถูกไม่ถูกพี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าคิดตรงนี้ไม่ออก ชาติบ้านเมืองล่มสลายไปเรียบร้อยแล้ว ที่เราต้องมีผู้บัญชาการทหารบก อย่างเช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช่ไม่ใช่ ถ้าเรามีคนถึงระดับเป็นผู้บัญชาการทหารบก แล้วยังไม่สามารถอธิบายได้ ว่าที่พวกเสื้อเหลือง ไม่จำเป็นต้องเสื้อเหลืองก็ได้ พวกรักชาติรักแผ่นดินเนี้ย เขาสู้มาแต่ละเรื่องนั้น เขาไม่ได้สู้เพื่อส่วนตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเขายังมองตรงนี้ไม่ออก ประเทศไทยฉิบหายแล้วพี่น้อง ศักดิ์ศรีกองทัพก็ไม่มีพี่น้อง ถ้าเขายังมองไม่ออก ว่าตัวการที่ทำลายสถาบันทหาร ไม่ใช่พวกเรา แต่กลับเป็นเพื่อนเขาเอง ยกตัวอย่างนายพลกุนเชียง นั่นล่ะ ถ้าเขายังมองไม่ออกว่าไอ้นายพลกุนเชียงคือตัวที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่พวกเรา แสดงว่าสถาบันทหารมีปัญหาแล้ว พี่น้องครับ

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าแนวความคิดของคนที่เป็นถึงผู้บัญชาการทหารบก แล้วยังดูไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วใช้หลักการโง่ๆ ที่บอกว่าเสื้อแดง เสื้อเหลือง คือตัวป่วนชาติ ป่วนบ้านป่วนเมือง แสดงว่าเขาไม่ใช่ทหารมืออาชีพ เขาคือทหารนักการเมือง ใช่/ไม่ใช่

คนอย่างทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่จะเกษียณเดือนตุลาคมนี้ เป็นใคร มาจากไหน เป็นนายทหารรุ่นเดียวกับทักษิณ ชินวัตร ครอบครัวเขาก็คือเสื้อแดงดีๆ นั่นเองพี่น้อง ด้วยเหตุนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดจึงชอบออกมาพูดดูให้สวยงาม แต่ว่าไม่มีสาระเลยแม้แต่นิดเดียว มิน่า พี่น้องสังเกตอะไรมั้ย ทรงกิตติ จักกาบาตร์ และทหาร ไม่ว่าจะเป็นประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือทหารอดีต เช่น อนุพงษ์ เผ่าจินดา ชอบพูดว่าทหารไม่เล่นการเมือง ผมยังไม่เคยเจอทหารประเทศไหนที่เล่นการเมืองมากเท่ากับประเทศไทยเลยครับพี่น้อง

พี่น้องเห็นหรือยัง ถ้าทหารไม่เล่นการเมือง และถ้าทหารมีสติปัญญา เขาต้องรู้ว่าภัยต่อความมั่นคงของชาติบ้านเมืองนั้นมันเกิดจากนักการเมืองแท้ๆ แล้วถ้าเขาดูออก ถ้าเขาสามารถจะบอกได้ว่าตั้งแต่ปี 2548 ปลายปีมาจนวันนี้ กลุ่มเสื้อแดงที่ประท้วงนั้นประท้วงเรื่องอะไร และผลของการประท้วงของเขานั้นมีอะไรบ้างที่สร้างความรุนแรง สร้างความเสียหาย ลำพังแค่นี้เขายังดูไม่ออก แล้วที่เข้าไปปราบปรามที่ราชประสงค์นั่นมันเป็นใครล่ะถ้าไม่ใช่ลูกน้องเขา แล้วตั้งแต่ปราบปรามมา ตั้งแต่ประท้วงมา พวกเสื้อเหลืองมีครั้งไหนไหมที่คุณต้องส่งลูกน้องคุณมาปราบ ไม่เคย ทำอยู่อย่างเดียว สมัยนายคุณ คือนายอนุพงษ์ ส่งลูกน้องคุณมาถือโล่หวาย หลังจากที่ประชาชนโดนตำรวจเข่นฆ่าสังหารไปเป็นสิบศพ พี่น้องครับ ถ้าคนซึ่งเป็นถึงผู้บัญชาการทหารบก แล้วยังไม่เข้าใจภัยแห่งความมั่นคงแล้ว ประเทศชาติไม่มีทางออกแล้ว

น่าเสียดาย น่าเสียดาย ถ้าวิเคราะห์ไม่ออกว่าใครคือภัยของประเทศชาติ ระหว่างกลุ่มพวกเสื้อแดง ระหว่างแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายเนวิน ชิดชอบ สองฝ่ายเปรียบเทียบกัน ใครเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ถ้าคุณยังไม่มีปัญญาจะมองออก แสดงว่าคุณเล่นการเมืองเต็มๆ ไปแล้ว

นี่ไงพี่น้อง แล้วทำไมเขาต้องพูดเช่นนี้ ที่เขาต้องพูดเช่นนี้ นอกจากเขาเล่นการเมืองเต็มๆ แล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ เขาไม่อยากจะรับผิดชอบ เหมือนเขาหูเอานาเอาตาไปปิดข้างนึง กรณีที่เรามาสู้เรื่องดินแดนเขาพระวิหาร เขาไม่อยากจะรับผิดชอบ เหมือนกรณีวีระ กับราตรี เขาก็ไม่อยากจะรับผิดชอบเพราะว่าถ้าพูดไปแล้ว ความผิดมันอยู่ที่พวกเขาทั้งนั้นเลย

เพราะฉะนั้นแล้วพี่น้อง วันนี้ไม่ใช่แค่นักการเมืองเท่านั้นที่เป็นภัยต่อความมั่นคงใช่ไหมพี่น้อง ที่น่าเศร้าก็คือว่า อ้าว กลายเป็นทหารแล้ว ที่เป็นภัยต่อความมั่นคง ทำไมถึงเป็นภัยต่อความมั่นคง เพราะไม่เข้าใจว่า ความมั่นคงของชาติบ้านเมืองนั้นอยู่ที่ไหน แล้วผู้บัญชาการทหารบกคนนี้ ชอบพูดเก่งแต่ปาก เก่งยังไง ใครอย่ามายุ่งจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์นะ เห็นดีกับผม เก่งแต่พูดอยู่แค่นี้เอง แต่ผมจะเรียนผู้บัญชาการทหารบกเอาไว้เป็นข้อคิด เป็นความคิดเล็กๆน้อยๆจะได้เข้าใจ ความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์หาใช่อยู่ที่การจาบจ้วงอย่างเดียวใช่ไหมพี่น้อง การคดโกงของนักการเมือง แล้วการที่เห็นว่านักการเมืองอย่างนายเนวิน ชิดชอบ ไปเที่ยวจัดงานใช้เงินเป็นหลายสิบล้านเพื่อฉลองวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นั้นคือการแสดงความจงรักภักดี ถ้ามองทะลุเพียงแค่นี้ บ้านเมืองไม่มีอนาคตแล้วพี่น้อง

เหมือนที่เขาลากพวกพรรคร่วมรัฐบาลเข้าไปประชุมที่ราบ 11 แล้วไปขู่พวกพรรคร่วมรัฐบาล ว่าถ้าไม่มาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ แล้วชูนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯแล้วเขาจะปฏิวัติ ทำไมวันนั้นถึงขู่ได้ แล้วทำไมมาวันนี้ถึงกล้าพูดบอกว่าจะไม่มีการปฏิวัติ ที่พูดนี่ไม่ได้อยากให้ปฏิวัตินะ คุณอยากปฏิวัติก็ปฏิวัติไป คุณไม่อยากปฏิวัติก็เรื่องของคุณ เพราะวันหนึ่งประชาชนจะปฏิวัติคุณเอง

ทำไมเขาต้องพูดอย่างนี้พี่น้อง ที่เขาพูดเช่นนั้นออกมาก็เพราะว่า นักการเมืองประเภทกลุ่มรัฐบาลร่วมกับทักษิณที่หลุดออกมานั้น พูดเป็นเสียงเดียวกัน ข้อผิดพลาดของทักษิณ ชินวัตร คือไปยุ่งกับสถาบันข้างบน เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเราแยกออกมา เราไม่ไปข้างบน และเราคอร์รัปชั่นมันตลอดไปก็ไม่มีใครว่า มันหารู้ไม่ว่า การซึ่งปล่อยนักการเมืองให้มาโกงกินทุกวันนั้น ในที่สุดทำให้สถาบันกษัตริย์นั้นล้มทั้งยืนเลยครับพี่น้อง เพียงแค่นี้ ถ้าผู้บัญชาการทหารบกยังมองไม่ออก เพียงแค่นี้ คนอย่างประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือนายอนุพงษ์ เผ่าจินดา พอใจอยู่อย่างเดียวขอให้กูไม่เสี่ยงอะไรทั้งสิ้น เป็นผู้บัญชาการทหารบกไปจนเกษียณ มีงบประมาณซื้ออาวุธ กูพอใจแล้ว

นี่คืออันตรายของชาติบ้านเมือง พี่น้องเห็นหรือยัง ผมเห็นเลย เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน พี่น้องเห็นหรือยัง แล้วคนที่ตาย พ.อ.ร่มเกล้า เป็นใครถ้าไม่ใช่เป็นลูกน้องคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วเรื่อง พ.อ.ร่มเกล้า ไปถึงไหนแล้ว เรื่องราวไปถึงไหนแล้ว นี่คุณไม่มีบุคลิกหรือคุณสมบัติของผู้นำเลยแม้แต่นิดเดียว พวกคุณเก่งอยู่อย่างเดียว ไอ้สนธิมันพูดมากยิงแม่งอีกทีนึง ก็มีอยู่แค่นี้เอง ก่อนจะยิงผมเป็นครั้งที่ 2 ขอเรื่องได้ไหม จับครั้งแรกให้ได้ก่อนแล้วค่อยมายิงครั้งที่ 2 ขอเงื่อนไขข้อเดียวก่อน จะโดนยิงกี่ครั้งไม่ว่า เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองแน่ แต่ขอว่าก่อนจะยิงครั้งที่ 2 จับครั้งแรกให้ได้ก่อนแล้วค่อยยิงครั้งที่ 2 แล้วถ้ายิงครั้งที่ 2 ยังไม่ตาย จะยิงครั้งที่ 3 ก็จับครั้งที่ 2 ให้ได้ต่อ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดเป็น รักชาติเป็น รู้หน้าที่ว่าตัวเองนั้นมีหน้าที่อะไรเป็น จะต้องรู้ว่าคนที่มานั่งชุมนุมที่นี่ หรือดูทีวี ASTV อยู่ที่บ้านนั้น เขามาสู้เรื่องดินแดนของประเทศไทย ที่นักการเมืองกำลังขายให้กับเขมร นั่นล่ะคือสิ่งที่คุณต้องออกมา แล้วตบหัวนักการเมือง แล้วเตะมันออกไปจากอำนาจ คุณไม่ใช่มาพูดบอกว่า ทหารจะไม่มีวันปฏิวัติ ก็มันจะปฏิวัติได้ยังไง คุณไม่มีน้ำยาหรอก

พี่น้องครับ จริงๆ แล้วสิ่งที่ผมพูดนั้น มันเป็นความรู้สึกของประชาชนคนไทยที่รักชาติ รักแผ่นดิน เราจะถามตัวพวกเราเองตลอดเวลาว่า เอ๊ะ ทำไมทหารถึงไม่ทำหน้าที่ที่ทหารควรทำ พี่น้องสังเกตมั้ย สังเกตอะไรอย่างมั้ย ผมไม่สังเกต สถาบันทหารนี่ตกต่ำมาตลอด ตั้งแต่ยุคที่แล้วมาเริ่มตกต่ำต่อยุคนี้ เพราะเรามีทหารสายบูรพาพยัคฆ์ มาเป็นผู้บัญชาการทหารบก ใช่ไม่ใช่พี่น้อง ทหารสายบูรพาพยัคฆ์ คือทหารที่อยู่ชายแดนทางสระแก้วไล่ไปเรื่อยๆ คนพวกนี้อยู่ใกล้ชิดกับผลประโยชน์หมด เพราะว่าพรมแดนไทย-เขมรนั้น ตลอดเเนวทางเป็นพรมแดนแห่งผลประโยชน์ ขโมยรถจากเมืองไทยไปขาย คนไปเล่นบ่อนการพนัน ส่งน้ำมันข้ามเข้าไป ส่งสินค้าเข้าไปขาย ผู้หลักผู้ใหญ่ในสายบูรพาพยัคฆ์ตลอดจนกองทัพภาค 2 กองกำลังสุรนารี ไม่รับรู้ไม่ได้ การค้าชายแดนที่ผิดกฎหมายที่เกิดขึ้น ทหารที่เป็นผู้ใหญ่ที่คุมพื้นที่อยู่แถวนั้นรับทราบ รับรู้ และมีส่วนได้เสียด้วยทั้งสิ้น นี่ยังไม่รวมถึงขบวนการขนคนเถื่อนเข้าประเทศไทย ค้าแรงงานเถื่อนอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นแล้วพี่น้อง เมื่อใดก็ตาม ที่คนมีหน้าที่ที่ต้องทำ เมื่อใดก็ตามที่นักหนังสือพิมพ์มีหน้าที่ที่จะเอาความจริงมาเสนอ แล้วไม่เสนอความจริงเพราะถูกเงินปิดปากก็ไม่ได้ต่างกว่าเมื่อทหารมีหน้าที่ปกป้องแผ่นดินไทยแล้วไม่ทำเพราะว่ามีผลประโยชน์ชายแดนปิดปากก็ไม่ได้ต่างกันเลย ระหว่างทหารเลวกับหนังสือพิมพ์ชั่วใช่ไม่ใช่

นี่ไง ทำไมถึงบอกว่าเสื้อแดงกับเสื้อเหลืองตัวป่วนเมือง ไม่ใช่ไม่รู้ รู้ ไม่ใช่ว่าโง่ รู้อยู่แล้วว่าเสื้อแดงนั้นคือตัวป่วนเมือง แต่ต้องบวกเสื้อเหลืองเข้าไปด้วยเพื่อให้กูเท่ห์ไงล่ะ ใช่ป่าวพี่น้อง จำได้ป่าว ไอ้พวกสีขาวไง เสื้อเหลือง กับแดงประท้วงกัน เดินมาตรงกลาง เฮ้ย หยุดทะเลาะกันทั้งสองฝ่าย มึงนี่ยุ่งฉิบหายทำให้ประเทศชาติวุ่นวาย อ้าว เฮ้ย ไอ้พวกนักการเมืองข้างหลังแดกเข้าแดกเข้าไม่เป็นไร ไอ้ฝ่ายหนึ่งเผาบ้านเผาเมือง ไอ้ฝ่ายออกมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ตามหลักนิติรัฐ อีกฝ่ายหนึ่งรับประทานฉ้อราษฎร์บังหลวงตลอดเวลา ยืนปิดบังให้พวกที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงเพราะว่าตัวเองได้ด้วย

พี่น้องครับ ผมมีข้อมูลบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ ฝากให้คิด พี่น้องเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้างมั้ย ไม่ต้องถามผม ผมเชื่อแน่นอน ถ้าไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วผมคงไม่รอดมายืนพูดกับพี่น้องจนทุกวันนี้หรอก พี่น้องเชื่อคำว่าฟ้าดินลงโทษบ้างมั้ย ใครเชื่อปรบมือให้ผมได้ยินหน่อย

พี่น้องครับ ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2552 ไล่มาจนวันนี้ พี่น้องสังเกตให้ดีๆ ฟ้าดินลงโทษทางใต้อย่างมหาศาล ที่พูดเช่นนี้พูดด้วยความเห็นใจ เข้าใจ และสงสารคนใต้ แต่กำลังจะบอกพี่น้องว่า คิดให้ดีๆ เชื่อ/ไม่เชื่อ ว่าไป แต่เกิดมาใน 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่กันยายน 52 มาจนกระทั่งถึงต้นปี 54 ในประวัติศาสตร์ทางใต้ไม่เคยมีช่วงไหนที่จะมีอุทกภัยและภัยพิบัติมากเท่าช่วงที่สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี แล้วดูแลประเทศไทยเลย

พี่น้องเอาไปคิดให้ดีๆ สมัยทักษิณ ชินวัตร ปกครองประเทศไทยอยู่ น้ำท่วมเชียงใหม่ ใช่/ไม่ใช่ ใครที่มาจากสุราษฎร์ฯ ยกมือหน่อยสิ กลับบ้านไปแล้ว อ่ออยู่คนเดียว คนสุราษฎร์ฯ ที่พุนพิน ซึ่งเป็นพื้นที่สุเทพ บอกว่าเกิดมาตั้งแต่สมัยปู่ สมัยย่า ไม่เคยเห็นน้ำท่วมพุนพินเยอะขนาดนี้ จริงๆ แล้วก็คือการที่ฟ้าดินลงโทษ เพื่อล้าง จ.สุราษฎร์ธานี ให้พ้นจากนักการเมืองชั่วๆ

23 มีนาคม 26-30 กันยายน 2552 ตุลาคม-ธันวาคม 2553 น้ำท่วมหนัก จังหวัดที่ประสบภัยมากที่สุดก็คือทางใต้ หาดใหญ่ พัทลุง 23 มีนาคม ปัจจุบัน น้ำท่วม ดินถล่มในภาคใต้ หลายจังหวัดได้รับความเสียหายหนัก พัทลุง นคร ตรัง ระนอง ชุมพร พี่น้องครับ เรื่องภัยพิบัติผมเคยเตือนพี่น้องแล้วใช่ไม่ใช่ว่าให้ระวัง ไปถามผู้ทรงธรรม ไปถามพ่อแม่ครูอาจารย์ บอกว่าน้ำจะท่วมโลก จะท่วมประเทศไทย เฉพาะคนที่มีธรรม คนที่ภาวนา คนที่ปฏิบัติธรรมเท่านั้นที่จะอยู่รอด พี่น้องครับ อย่างที่ผมเคยบอกว่า พ่อแม่ครูอาจารย์พูดมานานแล้วว่าถึงที่สุดแล้ววันหนึ่งเมืองไทย ภาคใต้จะไม่เหลือ จะเหลือเฉพาะอีสานและเหนือ นี่คือคำทำนายของพ่อแม่ครูอาจารย์ เชื่อไม่เชื่ออย่ามาถามผม พี่น้องภัยธรรมชาติ เกิดขึ้นเพราะใครทำให้เกิด มนุษย์ใช่ไหม และนักการเมือง ถ้าบ้านเมืองของเรามีความสงบ มีธรรมนำหน้า มีการรักษาศีล ไม่มีนักการเมืองชั่วๆ แล้ว บ้านเมืองจะไม่มีวันเสียหายมากขนาดนี้ นี่เราเสียหายในรูปตัวเลขทางเศรษฐกิจ จากการคอรัปชั่น เราเสียหายจากภัยพิบัติ ยังไม่นับการสูญเสียจากศีลธรรม ยังไม่นับการสูญเสียจากคนไร้ซึ่งจริยธรรม ยังไม่นับการสูญเสียถึงคนที่มีหน้าที่ต้องทำไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ หรือข้าราชการ แล้วไม่ได้ทำหน้าที่ของทหาร และตำรวจให้ถูกต้อง เพราะฉะนั้นแล้วชาติบ้านเมืองวันนี้ เหมือนกำลังจะถูกสาปแช่งครั้งใหญ่ที่สุด ถ้าเรายังไม่รีบปรับปรุง ขยับเพื่อให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ การต่อสู้อย่างอหิงสาของพวกเรา ณ วันนี้คือการโหวตโน เพราะการโหวตโนโดยหลักสั้นๆ พี่น้องให้จำเอาไว้ การโหวตโนคือการสั่งสอนนักการเมืองว่า กูไม่เอากับพวกมึงอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วพี่น้อง การโหวตโน คือการออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ด้วยการเข้าคูหาแล้วกาโหวตโน ไม่ได้ผิดกฎหมาย เป็นประชาธิปไตยเต็มตัว เมื่อเราปฏิเสธ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ เมื่อเราปฏิเสธการเมืองแบบนี้ วิธีปฏิเสธของเรามี 2 วิธี วิธีหนึ่งคือ นอนหลับทับสิทธิ์ เราไม่ออกไปเลย แต่วิธีหนึ่งซึ่งผมส่งเสริมและพวกเราต้องทำกันให้ได้ คือ ออกไปใช้สิทธิ์ แต่บอกว่าใช้สิทธิ์ที่จะโหวตโน

พี่น้องครับ ใช้แรงคนป่วยมากเกินไปแล้วตอนนี้ ไม่ได้ร้องเพลงกันมานานแล้วใช่ไหม วันนี้เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เอาเราสู้ไหม

(เพลง : เราสู้)

เอ้าพันธมิตรฯ หวันโลก สุโขทัย พันธมิตรฯ พิจิตร ปราณบุรี โคราช พันธมิตรฯ จรัญ 12 อุบลฯ หนองแค หระรี น่าน กาญจนบุรี บางคอแหลม กทม. พันธมิตรฯ ตัง พันธมิตรฯ จันทบุรี นครปฐม พันธมิตรฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต โคราช หลานย่าโม สุราษฎร์ฯ ไม่เอาเทพเทือก พันธมิตรฯ เชียงดาว เชียงใหม่ ราชบุรี พันธมิตรฯ สงขลา ฉะเชิงเทรา ยะลา อุทัยธานี ไวท์เฮ้าส์ ปทุมธานี พันธมิตรฯ ชาวปทุมฯ ซานฟรานซิสโก หระรี แก่งคอย หนองตา ภูเขียว โพธาราม แม่กลอง สมุทรสงคราม ศรีสำโรง สุโขทัย นนทบุรี พันธมิตรฯ ปาย ซานฟรานซิสโก พวกกูไม่แพ้มึง นักการเมืองสัตว์นรก บุรีรัมย์ ASTV Shop ชลบุรี คนสมุย ลำปาง ชลบุรี พันธมิตรฯ ฮ่องกง พันธมิตรฯ บางโพ โหวตโน พันธมิตรฯ สุทธิสาร โหวตโน พันธมิตรฯ ปราจีนฯ สิงห์บุรี รัชดา ท่าพระ สาทร โพธาราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี พิดโลก แล้วก็ คนใต้กู้ชาติ และก็พันธมิตรฯ บางเสร่ สัตหีบ และพันธมิตรฯ กรุงเทพเอ๊ย สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น