สาธิต มศว ชี้นักเรียนล้นห้องส่งผลเด็กไทยอ่อนภาษา

สาธิต มศว เผยเด็กไทยไม่เก่งภาษา เหตุนักเรียนต่อห้องมากเกินไป แนะอยากให้ได้ผลต้องไม่เกิน 35 คนต่อห้องเรียน พร้อมหมั่น ฝึกฝนฟัง อ่าน พูด เขียน ช่วยได้

ผศ.ภัสสร ผิวขาว ผู้ประสานงานฝ่ายวิชาการหลักสูตรนานาชาติโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร เปิดเผยว่าปัญ จัยสำคัญที่ทำให้เด็กไทยเรียนภาษาที่สอง โดยเฉพาะภาษาอังกฤษไม่ได้ผลเท่าที่ควร แม้ว่าเราจะเริ่มเรียนอย่างจริงจังตั้งแต่อนุบาลจบกระทั่งมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นเพราะเด็กนักเรียนในแต่ละชั้นของการเรียนภาษามากเกินไป การเรียนภาษาให้ได้ผลนั้นเด็กนักเรียนต้องไม่เกินห้องละ 35 คน ยิ่งนักเรียนในชั้นน้อยๆ ยิ่งเรียนได้ดี เพราะการเรียนภาษานั้นต้องมีการฝึกฝนการฟัง การอ่าน การพูด และเขียนตลอดเวลา ต้องมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนสอนและผู้เรียนตลอดเวลา ไม่ใช่นั้นเราก็จะเห็นการสอนแบบเดิมๆ คือ ครูพูดอยู่หน้านั้นเรียนเพียงคนเดียว ถ้าเมื่อไหร่ครูพูดอยู่ฝ่ายเดียว การเรียนภาษาที่สองไม่สามารถสัมฤทธิผลได้เลย แม้จะมีนโยบายอยากให้เด็กไทยเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองก็ตาม หากกระทรวงศึกษาธิการยังให้แต่ละโรงเรียนจัดนักเรียนเต็มชั้นเรียน ห้องเรียนละ 40-50 คนไม่มีทางที่เด็กไทยจะเรียนภาษาที่สองได้

“ต้องอย่าลืมว่า การเรียนภาษาเป็นเรื่องของทักษะที่ต้องมีการฝึกทั้งในชั้นเรียน และนอกห้องเรียน จะทำให้เด็กไทยเก่งภาษาและใช้ภาษาที่สองได้นั้นต้องฝึกบ่อยๆ ควบคู่ทั้ง 4 ทักษะ คือ ฟัง พูด อ่านและเขียนควบคู่กันไปถ้าเด็กหนักไปทางด้านใดด้านหนึ่งก็ไม่ได้ผล ดังนั้น 4 ทักษะครูที่สองด้านภาษาต้องเฉลี่ยให้เกิดความสมดุลให้มากที่สุด ในอดีตเด็กไทยจะเก่งไวยากรณ์แต่พูดไม่ได้ เพราะครูเน้นไวยากรณ์เน้นการทำข้อสอบเข้าเรียนต่อ มาถึงวันนี้การสอนของครูไทยเปลี่ยนไปมาก เราจะเห็นแนวการสอนที่ใช้ไวยากรณ์ที่ใช้เพื่อการสื่อสารมากขึ้นกว่าเดิม แต่น่าเสียดายที่เด็กไทยเรียนภาษาและไม่มีโอกาสได้นำไปใช้จริงเรียนในชั้น เรียน ก็จบเพียงแค่นั้น จึงทำให้การใช้ภาษาจบลงเพียงในชั้น สิ่งแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย เด็กไม่ได้ใช้ภาษาสื่อสาร ทำให้ลืม

การเรียนภาษาให้ได้ผลนั้นต้องอาศัยการฝึกบ่อยๆ และต้องใช้ในชีวิตประจำวันให้ได้ทุกเวลาทุกวัน ไม่อายที่จะพูดหรือนำภาษาไปใช้จริงๆ ตอนนี้อยากฝากถามกระทรวงศึกษาธิการว่า ถ้าอยากให้เด็กไทยพูดภาษาและใช้ภาษาที่สองได้จริง ทำอย่างไรถึงจะให้เด็กที่เรียนภาษาไปแล้วได้ใช้ภาษาตามบริบทและตามสถานการณ์ ต่างๆ ด้วย ครูต้องเป็นต้นแบบที่ดีในการใช้ภาษา พ่อแม่ต้องสนับสนุน และเด็กก็ต้องมีแรงจูงใจที่จะเรียนภาษาด้วย”