++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ขบวนการก่อการร้ายแดง สองมาตรฐาน ระหว่าง หรั่ง กับ อ้อและอ้าย

หลักฐานมัดรัดตัว หรั่ง จนดิ้นไม่หลุด สิ่งที่เหลือและขยักไว้ คือ ความลับว่ามีใครบ้างที่อยู่เบื้องหลังทั้งวางแผน บงการ และสั่งการ ซึ่งถ้า หรั่ง เปิดเผยออกมานั้นคือ ตายทั้งรัง การออกมาทำยึกยักของ หรั่ง จึงเป็นการแบล็กเมล์ขบวนการผู้ก่อการร้ายแดงดี ๆ นี้เอง

ซึ่งกรณี หรั่ง ไม่มีใครในขบวนการผู้ก่อการร้ายแดง ออกมาบิดเบือน โกหก ตอแหล ตลบตะแลง ว่าหรั่ง เป็นแดงเทียม เพราะถ้าออกมาเล่นงาน หรั่ง แบบลอยแพตัดหางปล่อยวัด ย่อมเชื่อได้ว่าความลับความชั่วทั้งหลายของขบวนการผู้ก่อการร้ายแดงจะถูกเปิดเผยสู่สังคมจนหมดสิ้น

ดังนั้น ขบวนการตัดตอนปิดปากหรั่ง จึงสะท้อนออกมาฟ้องสังคมจนหมดเปลือก ด้วยภาพที่มีคนบางคนในขบวนการนำเอา แม่ และ เมีย หรั่ง ออกมาประจานผ่านสื่อต่าง ๆ และเป็นการยืนยันว่าทำไม หรั่ง จึงไม่ยอมเปิดเผยว่าใครอยู่เบื้องหลังวางแผน บงการ สั่งการ นอกเหนือจากเสธแดง

จากกรณี หรั่ง กับ อ้อและอ้าย จึงเป็นคนละเรื่องเดียวกัน คือ ขบวนการผู้ก่อการร้ายวิเคราะห์แล้วว่าจะลอยแพตัดหางปล่อยวัด หรั่ง แบบเดียวกับ อ้อและอ้ายไม่ได้ เพราะ หรั่ง คลุกวงในรู้ข้อมูลมากกว่า อ้อและอ้าย การปฏิบัติของขบวนการผู้ก่อการร้ายแดงจึงเป็นสองมาตรฐาน ด้วยประการฉะนี้

กรณี อ้อ อ้าย กับ ขบวนการแดง

พวกขบวนการแดง เปิดเผยธาตุแท้ตัวตนที่แท้จริง มุ่งชนะเพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรมใด ๆ ทั้งสิ้น

กรณี อ้อ อ้าย เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความไร้ซึ่งความจริงใจต่อพรรคพวกที่ร่วมสู้ร่วมเสี่ยงตายเพื่อขบวนการแดง คือ จะเป็นใครก็ตามที่เคยทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับขบวนการแดง แต่วันหนึ่งคน ๆ นั้น กลับกลายเป็นภัยแก่กลุ่มขบวนการแดง คน ๆ นั้นจะกลายเป็นแดงเทียมทันที และจะถูกผลักดันให้เป็นฝ่ายตรงกันข้ามทันที

ดังเช่นกรณี เสธแดงที่ถูกพวกขบวนการแดงผลักไสไล่ส่งมาแล้วว่าเป็นแดงเทียม และการตายของ เสธแดง ก็ยังเป็นข้อกังขาว่าฆ่ากันเองหรือไม่ เพราะเสธแดงมีความขัดแย้งกับแกนนำผู้ก่อการร้ายบนเวที และขัดแย้งกับการ์ดแดง โดยเฉพาะล้าสุดก่อนถูกลอบสังหาร เสธแดงได้แถลงข่าวว่า ถูกหัวหน้าผู้ก่อการร้ายต่อว่า กรณีที่พูดว่า “รับคำสั่งโดยตรงจากหัวหน้าผู้ก่อการร้าย” ซึ่งการพูดย่ำหลายต่อหลายครั้งของเสธแดงเท่ากับดึงและผูกมัดหัวหน้าผู้ก่อการร้ายให้ร่วมในขบวนการผู้ก่อการร้าย จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ผู้คนสงสัยการตายของเสธแดง

ด้วยพฤติกรรม บิดเบือน ตลบตะแลง ตอแหล โกหกได้ทุกเรื่องของ คากคกตาโปน กับกรณี อ้อ และ อ้าย เช่น

1. หลังจากมีการวางระบิดที่พรรคภูมิใจห้อย คากคกตาโปน ออกมาแถลงข่าวทันทีว่า “เป็นการสร้างสถานการณ์ของฝ่ายรัฐบาล” เพื่อเป็นข้ออ้างต่ออายุประกาศ พรก. ภาวะฉุกเฉิน

2. เมื่อมีการจับได้ไล่ทันว่าบรรดาขบวนการวางระเบิดเป็นพวกฝักใฝ่ขบวนการแดง คากคกตาโปน ก็ออกมาแถลงข่าวทันทีว่าเป็นพวก “แดงเทียม”

3. เมื่อรัฐบาลเขมรจับ อ้อ และ อ้าย ส่งให้กับรัฐบาลไทย คากคกตาโปน ออกมาแถลงข่าวว่า “ทั้งสองคนเป็นสายลับของฝ่ายรัฐบาล เพื่อหาข่าวการเคลื่อนไหวพวกแกนนำผู้ก่อการร้ายที่หลบซ่อนตัวอยู่ในเขมร” ในขณะที่สองคนพูดว่าถูกแกนนำผู้ก่อการร้ายที่หลบซ่อนอยู่ในเขมรหักหลัง (ซึ่งผู้คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นการตัดตอนไม่ให้สองคนซึ่งเป็นเพียง “เบี้ย” กระทบไปถึงบรรดาแกนนำผู้ก่อการร้าย เปรียบเสมือน “ม้าใช้” (ไม่ถึงขั้นขุน) ที่หลบซ่อนตัวในเขมร)

4. คากคกตาโปน แถลงข่าวแก่เกี้ยวด้วยการยืนกระต่ายขาเดียวว่า อ้อ และ อ้าย ไม่ใช้พวกเสื้อแดง แถมบิดเบือนว่าสองคนเคยเป็นพวกเสื้อเหลือง (อ้างโน้นอ้างนี้อ้างนั้นไปตามภาษาคากคกตาโปน) เพื่อตัดตอนไม่ให้ประเด็นของ อ้อ และ อ้าย เชื่อมโยงกับขบวนการแดง ทั้ง ๆ ที่สองคนยืนยันชัดเจนในขณะถูกจับที่เขมรและให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยว่าเป็นพวกเสื้อแดง และให้การว่าเคยช่วยงานให้กับวพวกขบวนการแดง ตลอดจนหลักฐานต่าง ๆ ที่ค้นพบในบ้านพัก

5. จะเป็นเพราะขบวนการแดงเกรงกลัวว่า อ้อ และ อ้าย จะให้การเปิดเผยความจริงที่เกี่ยวโยงกับขบวนการแดง จึงส่งทนายความทำทีไปช่วยคดีของทั้งสองคน ซึ่งอาจมีวาระซ่อนเร้นทำให้ทั้งสองคนรู้สึกว่าไม่ถูกขบวนการแดงทอดทิ้ง จะได้ไม่เปิดเผยบางสิ่งบางอย่างที่ไม่พึ่งประสงค์ให้เปิดเผยเกี่ยวกับขบวนการแดง เสมือนสร้างภาพความมีคุณธรรมขึ้นมาในหมู่ขบวนการแดง

6. แต่ด้วยอิทธิพลของ คากคกตาโปน ที่ต้องการยืนยันคำพูดของตัวเองที่แถลงข่าวว่า อ้อ และ อ้าย เป็นแดงเทียม จึงเกิดเหตุการณ์ทนายถอนตัวที่จะช่วยคดีของทั้งสองคน ด้วยการแก้เกี้ยวบิดบือนตามวิธีการเดิม ๆ คือ อ้างโน้นอ้างนี้อ้างนั้น หาข้อแก้ตัวให้ดูดีและเป็นผลประโยชน์กับพวกตัวเอง โดยกล่าวหาว่าทั้งสองคนเคยช่วยคนของพรรคการเมืองเก่าแก่หาเสียง จึงเป็นเหตุให้ต้องถอนตัวจากการเป็นทนาย

แต่ประชาชนคนไทยไม่ได้กินแกลบกินหญ้า จึงเข้าใจได้ว่าการถอนตัวของทนาย เป็นการรักษาหน้าของ คากคกตาโปน เพราะภาพเผยแพร่ไปทั่วประเทศหลังจากทนายเข้าพบอ้อ คือแถลงข่าวว่าเสนอตัวเป็นทนายให้ทั้งสองคน ซึ่งเป็นการยอมรับโดยปริยายว่าสองทั้งคนเป็นพวกเดียวกับขบวนการแดง ตลอดจนทนายพูดยืนยันชัดเจนว่าทั้งสองคนเป็นพวกเสื้อแดงจริง

จากเหตุการณ์ที่ทนายแถลงข่าวดังกล่าว จึงเป็นการฉีกหน้าของ คากคกตาโปน ซึ่งเป็นการประจานพวกเดียวกันเอง ดังนั้นการถอนตัวของทนายจึงเป็นการรักษาเครดิตความน่าเชื่อถือของ คากคกตาโปน (ที่ไม่ทราบว่ายังมีเครดิตเหลืออยู่หรือไม่) ด้วยการลอยแพตัดหางปล่อยวัด อ้อ และ อ้าย ให้รับชะตากรรมโดยลำพัง นับแต่นี้ไป

จากกรณี อ้อ และ อ้าย จึงเป็นบทเรียนที่พวกมวลชนคนเสื้อแดงจะต้องทบทวนว่า จะยังคบและหลงเชื่อขบวนการแดงอีกต่อไปหรือไม่ ดังคำพังเพยโบราณ “คบคนพาล พาไปหาผิด” แต่คำพังเพยในยุคนี้คือ “คบขบวนการแดง พาเข้าคุกสถานเดียว”

ประชาชน
20 กรกฏาคม 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น