++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553

หนึ่งปที่ไมเทากัน

รายงานโดย : หนูดี – วนิษา เรซ
วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เวลาหนึ่งปมีคาไมเทากันสําหรับคนสองคน ไมเทากันสําหรับคนสามคน และไมเทากันสําหรับคน
สิบคน แมเวลาในปฏิทินจะเทากันก็ตาม ตอนอายุสิบแปด หนูดีเคยไดรับสิทธิพิเศษที่เด็กไทยนอยคนจะ
ไดรับในวันที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษา แตเด็กอเมริกันหรืออังกฤษไดรับกันเปนเรื่องธรรมดา นั่นคือคําอนุญาต
ใหเดินทางทองเที่ยวหรือเรียนอะไรก็ไดเปนเวลาหนึ่งปเต็ม โดยยังไมตองตรงดิ่งเขามหาวิทยาลัยในทันที
เหมือนเพื่อนๆ ที่จบพรอมกัน แนวคิดนี้เด็กฝรั่งเรียกกันวา “Gap Year” หรือ “หนึ่งประหวาง” ที่พวกเขา
มักออกเดินทางทองโลกหรือไปลองทํางานในสาขาที่กําลังคิดจะเรียนตอดานนั้น หรือไปทํางานอาสาสมัคร
ในประเทศโลกที่สาม โดยเด็กๆ และพอแมหวังวา ภายในเวลาหนึ่งปที่ไมตองถูกจํากัดดวยระบบ
การศึกษา พวกเขาจะรูจักตัวเองมากขึ้น รูจักโลกมากขึ้น และกลับมาตัดสินใจเลือกเรียนไดในสาขาที่
เหมาะกับตัวเองที่สุด หลายครั้งพวกเขาพบวา วิชาที่เคยคิดวาอยากเรียน เอาเขาจริงๆ ก็ไมไดอยากเรียน
ขนาดนั้น ที่เคยคิดวาชอบ เอาเขาจริงๆ ก็ไมไดชอบขนาดนั้น แถมพอเปดหูเปดตาเปดโลกก็มองเห็น
โอกาสใหมๆ อาชีพใหมๆ ที่ไมเคยไดยินมากอน ไดเจอคนจากที่ตางๆ ที่ใหคําแนะนําตอชีวิตที่เปน
ประโยชนตอมาอีกในระยะยาว หนูดีไดพบเพื่อนฝรั่งหลายคนที่ใช “Gap Year” เสียคุมเกินคุม บางคนไป
ทํางานอาสาสมัครในเม็กซิโก แลวกลับมาตัดสินใจสมัครเรียนหมอเพื่อกลับไปชวยคนประเทศนั้น บางคน
ตัดสินใจเรียนกฎหมายเพื่อไปชวยคนที่ถูกเอาเปรียบ ทั้งๆ ที่กอนหนานั้นไมเคยคิดเปนทนายมากอน บาง
คนเรียนดานความสัมพันธระหวางประเทศ เพราะติดใจการเดินทางเขาเสียแลว ชีวิตหลายคนเปลี่ยนไป
ในทางที่ดีหลังหนึ่งประหวาง
นับวาแมของหนูดีกลามากที่อนุญาตแบบนั้นในตอนนั้น เพราะแมไมบังคับอะไรเลย บอกใหหนูดี
“เต็มที่” กับการเดินทางของชีวิตบทใหมในครั้งนี้ สวนเพื่อนๆ แมก็ดูไมคอยมีใครเห็นดวยกับ “วิธีเลี้ยงลูก”
แบบนั้น เพราะแทบทุกคนลงความเห็นวา มันเปนการเสียเวลาอยางยิ่งไปเปลาๆ หนึ่งปโดยไมไดอะไร
ขึ้นมาเลย แตจริงหรือ??? ปนั้นเปนปที่หนูดีลืมไมลงและมีผลกับการตัดสินใจของหนูดีตลอดมาอีกทั้ง
ชีวิต ทําใหหนูดีเลือกเรียนในสิ่งที่เหมาะกับตัวเองที่สุดมาเรื่อยๆ ทําใหหนูดีเห็นโลกกวางและเขาใจ “โลก
แหงความเปนจริง” ที่ชีวิตไมใชแคการทําการบานไปสงครู หรือเห็นการทะเลาะกับเพื่อนรักเปนเรื่องใหญ
ที่สุดในโลกอีกแลว หนูดีใชเวลานั้นไปเรียนละคร เรียนรองเพลง ไปทํางานอาสาสมัคร และไปฝกงานแบบ
จริงจัง หนึ่งในงานที่หนูดีไดลองทําคือ การฝกงานในโรงแรมหาดาวโรงแรมหนึ่ง ซึ่งหนูดีตองทําทุกอยาง
ตั้งแตขัดหองน้ําไปจนถึงเช็ดรองเทาใหแขก นี่เปนคําแนะนําจากคุณแมคะ เพราะอยากใหลูกสาวไดลําบาก
เสียบาง และก็ไดลําบากสมใจ แตแถมความสนุกมาอีกเปนกระบุง เพราะการไดฝกงานแผนกตางๆ ตั้งแต
หลังบานไปจนถึงหองทําดอกไม ทําใหหนูดีไดเห็นวิธีคิดของคนที่ตองทํางานบริการใหออกมาสมบูรณแบบ
ทุกวินาที พลาดไมไดเพราะแขกจายแพงมากก็หวังมาก เห็นกับตาถึงความเหนื่อยยากของคนที่อยูฟาก
ของการใหบริการ จนกลายเปนนิสัยติดตัวมาทุกวันนี้วา หนูดีมักจะใหทิปเยอะไวเสมอ
หนแรกที่ไดทิปมาหนึ่งรอยบาทนั้นน้ําตาแทบรวง เพราะการรับใชมันชางเหนื่อยเหลือเกินคะ และ
พอมีคนเห็นคาเราก็หวั่นไหวไดงายๆ ตอนแรกที่แมขอใหฝกงานนี้หนูดีก็ไมเขาใจ แตพอไดไปทําก็ซึ้งเลย
วา แมอยากสอนอะไร จากเด็กที่มีแมบานมาทั้งชีวิต พอตองกลายเปน “แมบาน” เองก็ไดเหนื่อยสมใจแม
ที่ขําก็คือ วันหนึ่งหนูดีขัดหองน้ําใกลกับล็อบบี้ ก็มีแขกผูหญิงเดินเขามาหนาคุนๆ ที่แทคือ เพื่อนของคุณ
Page 2
แม คุณนาดูทาทางงงมากถามวา “หนูดี หนูมาทําอะไรลูก” พอรูหนาที่ก็ขําใหญและยังเปนเรื่องที่ขํากัน
ไดจนทุกวันนี้ แมเวลาผานมาประมาณสิบปแลว ชีวิตชวงนั้นทําใหหนูดีเขาใจอยางลึกซึ้งถึงหัวใจของคนที่
ทํางานใหหนูดีทุกคน สงผลใหหนูดีไมเคยขึ้น เสียงใสพนักงานแมแตคนเดียว ไหวแมบานและคนขับรถทุก
คนกอน และคิดดวยหัวใจถึงเขาและ ครอบครัวในทุกครั้งที่ถึงชวงขึ้นเงินเดือนประจําป ไมไดชั่งน้ําหนักแค
คําวา “ธุรกิจ” เสมอไป จริงๆ แลว เทรนดที่พูดถึงคุณธรรมในการทําธุรกิจไมไดใหมในความรูสึกหนูดีเลย
เพราะถาเจาของกิจการไดลองพลิกบทบาทไปอยูอีกฝงบาง คําวา “ความยุติธรรม” จะผุดขึ้นมาในใจเอง
โดยไมตองเขาเรียนคลาส “Business Ethics” ที่ฮิตกันนักหนาตอนนี้เลย และถาไมเคยตองยืนอยูในจุดนั้น
ดวยตัวเอง หนูดีคงเขาใจชีวิตผิวเผินกวานี้อีกมาก หนึ่งปตรงนั้น ไปกระตุนตอมความคิดสรางสรรคของ
หนูดีเขาอยางจังอีกดวย เพราะจากที่มีคนบอกวา ตองทําอยางนั้น ตองทําอยางนี้ การบานตองสงเวลานี้
รายงานตองทําหัวขอนี้ กลายเปนวาโลกนี้เปดกวางและไมมีใครกําหนดอะไรอีกแลว จริงๆ แลว เวลาไมมี
ใครมาบอกวาเราควรทําอะไรเปนเวลาที่นากลัวที่สุด แตในขณะเดียวกันก็เปนเวลาที่ทาทายที่สุดเชนกันนะ
คะ
หนูดีเริ่มคิดโปรเจกตใหมๆ เริ่มวางแผนชีวิต เริ่มนั่งลงดูชีวิตตัวเองอยางจริงจังก็ปนั้น และที่ดีที่สุดก็
คือ หนูดีเปลี่ยนสาขาที่คิดจะเรียนปริญญาตรีจริงๆ เสียดวย ทั้งๆ ที่ไมคิดเลยวาจะเปลี่ยน ดังนั้นแทนที่จะ
รีบๆ เรียนใหจบๆ ไปสี่ปแลวตองเสียเวลาไปฟรีๆ สี่ปในชีวิตเพราะไปเรียนดานที่ไมชอบอยางแทจริง
กลายเปนวาหนูดีไดรูใจตัวเองในนาทีที่เดินเขามหาวิทยาลัยเลย หนึ่งปที่ใชไปจึงแสนคุมคา เวลาผานไป
รวดเร็ว และของแถมที่ไดมาก็คือ “ความเปนผูใหญ” ที่ตัดสินใจเปนตั้งแตเปนเด็กปหนึ่ง เพราะหนึ่งปนั้น
คุณแมขอรองใหไปเรียนผสมเหลาและชิมไวน วิชาที่ปกติลูกผูหญิงคงไมไดเรียนกันเทาไร แตคําอธิบาย
ของแมก็คือ ลูกสาวตองรูจักเหลาจะไดดูแลตัวเองเปน เพราะบานเราไมมีใครดื่มเหลากันเลย จากเด็กที่ไม
หยิบเหลากลายเปนรูจักและผสมเปนทุกอยาง รูอีกดวยวาดื่มอยางไรถึงไมเมา เหลาอะไรมีไวมอมผูหญิง
(แนนอนคะ ครูของหนูดีซึ่งเปนผูชายใจดีวัยกลางคนรีบสอนเรื่องนี้กับนักเรียนสาวๆ เปนอยางแรกดวยความ
เปนหวงพวกเรา) หนูดีรูราคาตนทุนของเหลาทุกแกว ทําใหยิ่งไมอยากดื่มเขาไปใหญ และพอไปเรียนตอ
ตางประเทศเลยไดวิชาที่แมใหไปเรียนเลนๆ เพื่อใหรูมาหารายไดพิเศษเสียเลยดวยการเปนบารเทนเดอร
และพนักงานเสิรฟในรานอาหารไทย ทําใหชีวิตมหาวิทยาลัยตางแดนกลายเปนเรื่องแสนสนุก ไดเพื่อน
ใหมๆ ในรานอาหารไทยที่ยังคบกันจนทุกวันนี้ แถมไดเงินพิเศษขนาดบางเดือนจายคาเชาบานไดเลยคะ
นาเสียดาย หลายครั้งที่หนูดีเห็นพอแมไทยรีบบังคับใหลูกๆ รีบเรียนใหจบ พอจบปริญญาตรีก็ใหรีบ
ตอปริญญาโท จบแลวใหรีบทํางาน ทั้งๆ ที่ยังไมไดเห็นโลกกวางเทาไรเลย ทํางานไมเทาไรก็รีบแตงงาน
มีลูกกันเสียแลว แลวคราวนี้พอมีลูก ก็ยาวแลวคะ เพราะการมีลูกคือ งานที่มีอายุประมาณยี่สิบปอยางต่ํา
ลาออกไมไดเสียดวย หนูดีคิดวา หนูดีอยากเห็นเด็กไทยมีโอกาสไดรับสิทธิพิเศษของการใช “หนึ่งป
ระหวาง” เพื่อปรับเข็มทิศ เช็กมุมมองชีวิต ทําความรูจักโลกที่กวางกวาบานกับหองเรียน โดยไมตองรูสึก
ผิด วาเขาโยนเวลาทิ้งไปเปลาๆ หนึ่งปดูบาง ทั้งๆ ที่ความจริงการรีบรอนวิ่งเขามหาวิทยาลัยโดยไมรูจัก
ตัวเองอาจทําใหเขาโยนเวลาทิ้งไปเปลาๆ สี่ปเหมือนกับเสียนอยเสียยาก เสียมากเสียงาย
หนึ่งปนั้นยังสงผลใหหนูดีเปนมิตรกับการเดินทางเรียนรูรอบโลกมาจนทุกวันนี้ ทําใหหนูดีเห็นโลกนี้
เปนเหมือนหองทดลองทางวิทยาศาสตรหองใหญที่คนควาอยางไรก็ไมจบสิ้น ตื่นเตนไดทุกๆ วัน หนึ่งป
ของแตละคนไมเทากันจริงๆ คะ แลวหนึ่งปของคุณผูอานมีความยาวเทาไหนคะ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น