รายงานโดย : หนูดี – วนิษา เรซ
วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เวลาหนึ่งปมีคาไมเทากันสําหรับคนสองคน ไมเทากันสําหรับคนสามคน และไมเทากันสําหรับคน
สิบคน แมเวลาในปฏิทินจะเทากันก็ตาม ตอนอายุสิบแปด หนูดีเคยไดรับสิทธิพิเศษที่เด็กไทยนอยคนจะ
ไดรับในวันที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษา แตเด็กอเมริกันหรืออังกฤษไดรับกันเปนเรื่องธรรมดา นั่นคือคําอนุญาต
ใหเดินทางทองเที่ยวหรือเรียนอะไรก็ไดเปนเวลาหนึ่งปเต็ม โดยยังไมตองตรงดิ่งเขามหาวิทยาลัยในทันที
เหมือนเพื่อนๆ ที่จบพรอมกัน แนวคิดนี้เด็กฝรั่งเรียกกันวา “Gap Year” หรือ “หนึ่งประหวาง” ที่พวกเขา
มักออกเดินทางทองโลกหรือไปลองทํางานในสาขาที่กําลังคิดจะเรียนตอดานนั้น หรือไปทํางานอาสาสมัคร
ในประเทศโลกที่สาม โดยเด็กๆ และพอแมหวังวา ภายในเวลาหนึ่งปที่ไมตองถูกจํากัดดวยระบบ
การศึกษา พวกเขาจะรูจักตัวเองมากขึ้น รูจักโลกมากขึ้น และกลับมาตัดสินใจเลือกเรียนไดในสาขาที่
เหมาะกับตัวเองที่สุด หลายครั้งพวกเขาพบวา วิชาที่เคยคิดวาอยากเรียน เอาเขาจริงๆ ก็ไมไดอยากเรียน
ขนาดนั้น ที่เคยคิดวาชอบ เอาเขาจริงๆ ก็ไมไดชอบขนาดนั้น แถมพอเปดหูเปดตาเปดโลกก็มองเห็น
โอกาสใหมๆ อาชีพใหมๆ ที่ไมเคยไดยินมากอน ไดเจอคนจากที่ตางๆ ที่ใหคําแนะนําตอชีวิตที่เปน
ประโยชนตอมาอีกในระยะยาว หนูดีไดพบเพื่อนฝรั่งหลายคนที่ใช “Gap Year” เสียคุมเกินคุม บางคนไป
ทํางานอาสาสมัครในเม็กซิโก แลวกลับมาตัดสินใจสมัครเรียนหมอเพื่อกลับไปชวยคนประเทศนั้น บางคน
ตัดสินใจเรียนกฎหมายเพื่อไปชวยคนที่ถูกเอาเปรียบ ทั้งๆ ที่กอนหนานั้นไมเคยคิดเปนทนายมากอน บาง
คนเรียนดานความสัมพันธระหวางประเทศ เพราะติดใจการเดินทางเขาเสียแลว ชีวิตหลายคนเปลี่ยนไป
ในทางที่ดีหลังหนึ่งประหวาง
นับวาแมของหนูดีกลามากที่อนุญาตแบบนั้นในตอนนั้น เพราะแมไมบังคับอะไรเลย บอกใหหนูดี
“เต็มที่” กับการเดินทางของชีวิตบทใหมในครั้งนี้ สวนเพื่อนๆ แมก็ดูไมคอยมีใครเห็นดวยกับ “วิธีเลี้ยงลูก”
แบบนั้น เพราะแทบทุกคนลงความเห็นวา มันเปนการเสียเวลาอยางยิ่งไปเปลาๆ หนึ่งปโดยไมไดอะไร
ขึ้นมาเลย แตจริงหรือ??? ปนั้นเปนปที่หนูดีลืมไมลงและมีผลกับการตัดสินใจของหนูดีตลอดมาอีกทั้ง
ชีวิต ทําใหหนูดีเลือกเรียนในสิ่งที่เหมาะกับตัวเองที่สุดมาเรื่อยๆ ทําใหหนูดีเห็นโลกกวางและเขาใจ “โลก
แหงความเปนจริง” ที่ชีวิตไมใชแคการทําการบานไปสงครู หรือเห็นการทะเลาะกับเพื่อนรักเปนเรื่องใหญ
ที่สุดในโลกอีกแลว หนูดีใชเวลานั้นไปเรียนละคร เรียนรองเพลง ไปทํางานอาสาสมัคร และไปฝกงานแบบ
จริงจัง หนึ่งในงานที่หนูดีไดลองทําคือ การฝกงานในโรงแรมหาดาวโรงแรมหนึ่ง ซึ่งหนูดีตองทําทุกอยาง
ตั้งแตขัดหองน้ําไปจนถึงเช็ดรองเทาใหแขก นี่เปนคําแนะนําจากคุณแมคะ เพราะอยากใหลูกสาวไดลําบาก
เสียบาง และก็ไดลําบากสมใจ แตแถมความสนุกมาอีกเปนกระบุง เพราะการไดฝกงานแผนกตางๆ ตั้งแต
หลังบานไปจนถึงหองทําดอกไม ทําใหหนูดีไดเห็นวิธีคิดของคนที่ตองทํางานบริการใหออกมาสมบูรณแบบ
ทุกวินาที พลาดไมไดเพราะแขกจายแพงมากก็หวังมาก เห็นกับตาถึงความเหนื่อยยากของคนที่อยูฟาก
ของการใหบริการ จนกลายเปนนิสัยติดตัวมาทุกวันนี้วา หนูดีมักจะใหทิปเยอะไวเสมอ
หนแรกที่ไดทิปมาหนึ่งรอยบาทนั้นน้ําตาแทบรวง เพราะการรับใชมันชางเหนื่อยเหลือเกินคะ และ
พอมีคนเห็นคาเราก็หวั่นไหวไดงายๆ ตอนแรกที่แมขอใหฝกงานนี้หนูดีก็ไมเขาใจ แตพอไดไปทําก็ซึ้งเลย
วา แมอยากสอนอะไร จากเด็กที่มีแมบานมาทั้งชีวิต พอตองกลายเปน “แมบาน” เองก็ไดเหนื่อยสมใจแม
ที่ขําก็คือ วันหนึ่งหนูดีขัดหองน้ําใกลกับล็อบบี้ ก็มีแขกผูหญิงเดินเขามาหนาคุนๆ ที่แทคือ เพื่อนของคุณ
Page 2
แม คุณนาดูทาทางงงมากถามวา “หนูดี หนูมาทําอะไรลูก” พอรูหนาที่ก็ขําใหญและยังเปนเรื่องที่ขํากัน
ไดจนทุกวันนี้ แมเวลาผานมาประมาณสิบปแลว ชีวิตชวงนั้นทําใหหนูดีเขาใจอยางลึกซึ้งถึงหัวใจของคนที่
ทํางานใหหนูดีทุกคน สงผลใหหนูดีไมเคยขึ้น เสียงใสพนักงานแมแตคนเดียว ไหวแมบานและคนขับรถทุก
คนกอน และคิดดวยหัวใจถึงเขาและ ครอบครัวในทุกครั้งที่ถึงชวงขึ้นเงินเดือนประจําป ไมไดชั่งน้ําหนักแค
คําวา “ธุรกิจ” เสมอไป จริงๆ แลว เทรนดที่พูดถึงคุณธรรมในการทําธุรกิจไมไดใหมในความรูสึกหนูดีเลย
เพราะถาเจาของกิจการไดลองพลิกบทบาทไปอยูอีกฝงบาง คําวา “ความยุติธรรม” จะผุดขึ้นมาในใจเอง
โดยไมตองเขาเรียนคลาส “Business Ethics” ที่ฮิตกันนักหนาตอนนี้เลย และถาไมเคยตองยืนอยูในจุดนั้น
ดวยตัวเอง หนูดีคงเขาใจชีวิตผิวเผินกวานี้อีกมาก หนึ่งปตรงนั้น ไปกระตุนตอมความคิดสรางสรรคของ
หนูดีเขาอยางจังอีกดวย เพราะจากที่มีคนบอกวา ตองทําอยางนั้น ตองทําอยางนี้ การบานตองสงเวลานี้
รายงานตองทําหัวขอนี้ กลายเปนวาโลกนี้เปดกวางและไมมีใครกําหนดอะไรอีกแลว จริงๆ แลว เวลาไมมี
ใครมาบอกวาเราควรทําอะไรเปนเวลาที่นากลัวที่สุด แตในขณะเดียวกันก็เปนเวลาที่ทาทายที่สุดเชนกันนะ
คะ
หนูดีเริ่มคิดโปรเจกตใหมๆ เริ่มวางแผนชีวิต เริ่มนั่งลงดูชีวิตตัวเองอยางจริงจังก็ปนั้น และที่ดีที่สุดก็
คือ หนูดีเปลี่ยนสาขาที่คิดจะเรียนปริญญาตรีจริงๆ เสียดวย ทั้งๆ ที่ไมคิดเลยวาจะเปลี่ยน ดังนั้นแทนที่จะ
รีบๆ เรียนใหจบๆ ไปสี่ปแลวตองเสียเวลาไปฟรีๆ สี่ปในชีวิตเพราะไปเรียนดานที่ไมชอบอยางแทจริง
กลายเปนวาหนูดีไดรูใจตัวเองในนาทีที่เดินเขามหาวิทยาลัยเลย หนึ่งปที่ใชไปจึงแสนคุมคา เวลาผานไป
รวดเร็ว และของแถมที่ไดมาก็คือ “ความเปนผูใหญ” ที่ตัดสินใจเปนตั้งแตเปนเด็กปหนึ่ง เพราะหนึ่งปนั้น
คุณแมขอรองใหไปเรียนผสมเหลาและชิมไวน วิชาที่ปกติลูกผูหญิงคงไมไดเรียนกันเทาไร แตคําอธิบาย
ของแมก็คือ ลูกสาวตองรูจักเหลาจะไดดูแลตัวเองเปน เพราะบานเราไมมีใครดื่มเหลากันเลย จากเด็กที่ไม
หยิบเหลากลายเปนรูจักและผสมเปนทุกอยาง รูอีกดวยวาดื่มอยางไรถึงไมเมา เหลาอะไรมีไวมอมผูหญิง
(แนนอนคะ ครูของหนูดีซึ่งเปนผูชายใจดีวัยกลางคนรีบสอนเรื่องนี้กับนักเรียนสาวๆ เปนอยางแรกดวยความ
เปนหวงพวกเรา) หนูดีรูราคาตนทุนของเหลาทุกแกว ทําใหยิ่งไมอยากดื่มเขาไปใหญ และพอไปเรียนตอ
ตางประเทศเลยไดวิชาที่แมใหไปเรียนเลนๆ เพื่อใหรูมาหารายไดพิเศษเสียเลยดวยการเปนบารเทนเดอร
และพนักงานเสิรฟในรานอาหารไทย ทําใหชีวิตมหาวิทยาลัยตางแดนกลายเปนเรื่องแสนสนุก ไดเพื่อน
ใหมๆ ในรานอาหารไทยที่ยังคบกันจนทุกวันนี้ แถมไดเงินพิเศษขนาดบางเดือนจายคาเชาบานไดเลยคะ
นาเสียดาย หลายครั้งที่หนูดีเห็นพอแมไทยรีบบังคับใหลูกๆ รีบเรียนใหจบ พอจบปริญญาตรีก็ใหรีบ
ตอปริญญาโท จบแลวใหรีบทํางาน ทั้งๆ ที่ยังไมไดเห็นโลกกวางเทาไรเลย ทํางานไมเทาไรก็รีบแตงงาน
มีลูกกันเสียแลว แลวคราวนี้พอมีลูก ก็ยาวแลวคะ เพราะการมีลูกคือ งานที่มีอายุประมาณยี่สิบปอยางต่ํา
ลาออกไมไดเสียดวย หนูดีคิดวา หนูดีอยากเห็นเด็กไทยมีโอกาสไดรับสิทธิพิเศษของการใช “หนึ่งป
ระหวาง” เพื่อปรับเข็มทิศ เช็กมุมมองชีวิต ทําความรูจักโลกที่กวางกวาบานกับหองเรียน โดยไมตองรูสึก
ผิด วาเขาโยนเวลาทิ้งไปเปลาๆ หนึ่งปดูบาง ทั้งๆ ที่ความจริงการรีบรอนวิ่งเขามหาวิทยาลัยโดยไมรูจัก
ตัวเองอาจทําใหเขาโยนเวลาทิ้งไปเปลาๆ สี่ปเหมือนกับเสียนอยเสียยาก เสียมากเสียงาย
หนึ่งปนั้นยังสงผลใหหนูดีเปนมิตรกับการเดินทางเรียนรูรอบโลกมาจนทุกวันนี้ ทําใหหนูดีเห็นโลกนี้
เปนเหมือนหองทดลองทางวิทยาศาสตรหองใหญที่คนควาอยางไรก็ไมจบสิ้น ตื่นเตนไดทุกๆ วัน หนึ่งป
ของแตละคนไมเทากันจริงๆ คะ แลวหนึ่งปของคุณผูอานมีความยาวเทาไหนคะ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น