++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553

Enlightenment ตื่นรูอยูกับความจริง

Enlightenment ตื่นรูอยูกับความจริง
พระมหาประดิษฐ จิตฺตสํวโร
องคการเผยแผพระพุทธศาสนาวัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ
HEALTH TODAY CODE รหัสแหงการมีสุขภาพดี
ตัวที่ ๒ ที่จะไดมาถอดรหัสกันในวันนี้ คือตัว E เปนอะไรที่มีกุญแจอยู
หลายดอกมาก และกุญแจแตละดอกที่ไดมา ลวนแลวแตมีความเปนไปได
สูงในการไขรหัสไปสูการมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ แตจะมีกุญแจเพียง
ดอกเดียวเทานั้นที่เปน Master Key กุญแจดอกสําคัญที่จะนําไปสู
การเผยความจริงในสิ่งที่ซอนเรนอยู เรามารวมกันหากุญแจดอกที่วานั้น
กันเถอะ
E=Eating การกินอยู
ชีวิตที่มีสุขภาพดีเริ่มตนที่การกินอยูเปน การกินอยูเปนใน
ชีวิตประจําวัน เชนการกินอาหาร การใชสอยและบริโภคสิ่งตางๆ ตลอดถึง
เทคโนโลยี่ที่เกี่ยวของสัมพันธกับชีวิตประจําวันของเรา เราตองรูและเขาใจ
วาเรากิน เราใชเพื่ออะไร คุณคาแทและสาระมันอยูที่ตรงไหน กินอะไร กิน
ทําใม กินอยางอยางไร อยูเพื่ออะไร อยูทําใม แลอยูอยางไร เมื่อเราคิด
ถามและคิดตอบไดอยางนี้ไดก็จะเกิดการเรียนรูดวยตนเอง เขาใจใน
เปาหมายชีวิตไดดีขึ้น พอเรามีการกินอยูในชีวิตประจําวันเปน มันก็คิดเปน
และไมตกเปนทาสของความอยากกิน และอยากอยู ทําใหเกิดการอยูอยาง
อยาก กินดวยความอยาก จะรูวาเรากินเพื่ออยู ไมไดอยูเพื่อกิน ทุกวันนี้
หลายคนตองตายเพราะการกิน หรือบางคนนั้นก็กินจนตาย ที่คนเราตอง
ตายเพราะกินกันมาก ไมวาจะเปนคนรวยคนจนก็เพราะกินไมเลือก กินไม
เปน กินไมยั้ง พระพุทธเจาทานสอนใหพิจารณากอนกิน กอนใช เพราะการ
Page 2
กินนั้นทําใหโงก็ได ทําใหฉลาดก็ได ทําใหสุขภาพแข็งแรงก็ได และทําให
ตายก็ได ดังนั้นจะตองระมัดระวังเรื่องการกินใหมาก กินใหเปน จะทําให
เรามีการกินอยูอยางพอเพียง พอใจในสิ่งที่ตนมี ยินดีในสิ่งที่ตนได ไม
ตะเกียกตะกายดิ้นรนขวนขวายใลตามกระแสความทะยานอยากจนเกินไป
จนทําใหลืมสาระการกินอยูที่แทจริงของชีวิต
E= Environment สิ่งแวดลอม
สุขภาพคนเราจะดีหรือจะเสีย จะแข็งแรงหรือจะเสื่อม ชีวิต
คนเราจะมีความสุขหรือความทุกข จะเจริญรุงเรืองหรือตกต่ําย่ําแย
สิ่งแวดลอมและสังคมนับวามีอิทธิพลอยางยิ่งเลยทีเดียว หากอยูใน
สิ่งแวดลอมที่ดี ที่เหมาะที่ควร มีอากาศที่ดีสะอาดปลอดโปรง บรรยากาศ
ที่รมรื่น รมเย็น ผูคนในสังคมมีน้ําใจไมตรี มีมิตรภาพเอื้อาทรแบงปน มีรัก
มีเมตตาตอกัน คนที่อยูในสังคมสิ่งแวดลอมนั้นๆ ก็จะมีความสุข สุขทั้ง
กายสุขทั้งใจ สุขภาพก็จะดี แข็งแรง อายุยืน ปราศจากโรคภัยใขเจ็บ ตรง
ขามกับสิ่งแวดลอมที่แยๆ มีแตมลภาวะที่เปนพิษ รถติด น้ําเนา สกปรกรก
รุงรัง ผูคนไรมารยาท ขาดน้ําใจ ใชแตอารมณ กดขี่ขมเหง เอารัดเอา
เปรียบ ถามหนอยเถอะวา สิ่งแวดลอมอยางนี้มันจะนาอยูไหม? หากเรา
เลือกไดเราควรจะหาสิ่งแวดลอมที่ดี มีคุณตอชีวิตของเรา
คนจีนเขาบอกวาตองเลือกฮวงจุยที่ดีถึงจะเปนคุณตอชีวิตและ
กิจการที่ทํา คนไทยบอกตองรูจักเลือกดูทําเล ทําเลดีมีชัยไปกวาครึ่ง
พระพุทธเจาไดตรัสไวในมงคล ๓๘ ขอที่ ๔ วา "ปฏิรูปเทสวาโส เอตัมมัง
คะละมุตตะมัง การอยูในประเทศ (สิ่งแวดลอม) ที่สมควรเปนมงคลอยาง
ยิ่ง" แมแตสิ่งแวดลอมที่เรียกวาคน ก็ตองเลือดคบเลือกดูใหดีเชนกัน คบ
คนดีชีวิตเราก็ไปดี คบคนไมดีมีแตลงเหวลงนรก ดังนั้นพระพุทธเจาจึง
ทรงสอนย้ําอยูเสมอวา "คบคนเชนไรยอมเปนเชนนั้น" "คบคนพาล พาล
พาไปหาผิด คบบัญฑิต บัณฑิตพาไปหาผล" เราตองรูจักเลือกสิ่งแวดลอม
ที่ดี เลือกคบคนดีเปนกัลยาณมิตร พระพุทธองคเคยตรัสกับพระอานนทวา
Page 3
"การไดพบกัลยาณมิตร นับเปนทั้งหมดของการประพฤติพรหมจรรย" การ
มีบัณฑิตเปนสิ่งแวดลอม จะทําใหเราไดรับสิ่งที่ดีมากมาย ที่สําคัญจะทํา
เรารูจักผิดชอบชั่วดี อะไรคือบาป บุญ คุณ โทษ ประโยชนมิใชประโยชน
สิ่งแวดลอมที่ดีจะใหสิ่งดีๆ แกเราเอง
E=Emotion อารมณ
ทุกคนนอกจากมีอายตนะภายนอกคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
แลวก็ยังมีอายตนะภายในคือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และอารมณ ทุก
ครั้งที่ตาเห็นรูป หูไดยินเสีง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัสเย็นรอน
ออนแข็ง จะตองเกิดธรรมมารมณ หรือ อารมณขึ้น Emotion ที่
เรียกวาอารมณมาจากคําสองคําในภาษาอักฤษรวมกัน คือ Energy +
Motion หมายถึงการเคลื่นที่ของพลังงาน ที่เกิดจากการกระทบทาง
กาย ผานมาทางประสาทรับความรูสึกที่มือเทา แลวผานไปยังเซลล
ประสาทที่สวนหนาของไขสันหลังซึ่งมีหนาที่เคลื่อนไหวกลามเนื้อ แลว
สมองสวนขางในใกลกับสวนที่เปนกานสมองที่เรียกวา Amygdala ก็
จะรับความรูสึกตอบสนองแลวสงสัญญาณไปสูสมองที่สูงกวา เหลานี้เปน
เรื่องทางวิทยาศาสตร เราจะรูก็ไดไมรูก็ได แตที่เราตองรูใหได ไมรูไมได
คือ อารมณของเราที่เกิดขึ้นในแตละขณะวามีอาการอยางไร ชอบใจ ไม
ชอบใจ เฉยๆ มีอารมณสุข ทุกขหรือไมสุขไมทุกข อารมณเหลานี้เกิดขึ้น
ไดทุกขณะที่มีอะไรมากระทบจิต หากเราตามรูทันแลวควบคุมมันไดเราก็
จะไมตกเปนทาสของอารมณ แตหากเราไมรูเทาทันมัน ปลอยตัวปลอยใจ
ไปตามแรงขับเคลื่อนของมัน ยอมปรนเปรอ ตอบสนองตามที่มันเสนออยู
ทุกครั้ง มันก็จะเปนเจานายของเรา บังคับบัญชาใหเราทําตามที่มัน
ตองการอยูตลอด
อารมณที่เราควบคุมไมไดและไมรูเทาทันจะเปนดุจนายผูทารุณ
โหดราย แตตรงกันขาม หากควบคุมไดและรูเทาทันเขาจะเปนเยี่ยงสหาย
Page 4
ผูรูใจเปนดุจกัลญาณมิตร อารมณและความคิดเปนเครื่องปรุงแตงจิตให
สุขหรือทุกข ใหดีหรือราย ใหเปนนางฟาผูอารี หรือเปนนางยักษขมูขีที่นา
กลัวก็ได เมื่อมีอารมณเกิดขึ้นมา หนาที่เราตองมีสติรู รูวาใจของเราเปน
เชนไร สุขหรือทุกข ถามันทุกขก็ใหรูวาอารมณทําใหเกิดทุกข ตองเปลี่ยน
อารมณทันทีที่สติรับรู การเปลี่ยนอารมณที่งายๆ คือหยุดความคิดนั้น
หยุดดวยกลับมาที่ลมหายใจ กลับมาอยูกีบปจจุบัน กลับมาอยูกับพุทโธ
หากมันจะคิดเรื่องที่ไมดี ก็ใหหยุดแลวใหคิดแตเรื่องที่ดี หากคิดจะโกรธ
คนอื่น ก็ใหหยุดแลวเปลี่ยนมาคิดเมตตาแทน เปลี่ยนอารมณรายใหเปน
อารมณดี เปลี่ยนเรื่องรายๆ ใหกลายเปนเรื่องดีๆ เปลี่ยนวิกฤติเปนโอกาส
เปลี่ยนเคราะหใหเปนโชค แทนที่ ดวยความดี เชน
- การตําหนิติเตียน เปนแนะนํา
- โกรธ สมน้ําหนา เปนเมตตาสงสาร
- เหยียบย่ําซ้ําเติม เปนเห็นใจชวยเหลือ
- อิจฉาริษยา เปนชื่นชมยินดี
- ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด เปนมีสติเยือกเย็น
- ทะเลาะเบาะแวง เปนรูรัก สามัคคี
- จองจับผิด เปนจองจับถูก
- เอาชนะกันเอง เปนชนะรวมกัน
- มองโลกในแงราย เปนมองแตในแงดี
- กังวลสับสนวุนวาย เปนสุขสงบเบาสบาย
อยาปลอยใหอารมณขยมหัวใจอขงเรา เราตองเปนจาวของอารมณ
ใหได
อยาปลอยใหอารมณอยูเหนือเหตุผล จงทําเหตุผลใหอยูเหนืออารมณ
อยาปลอยใหจิตใจเปนทาสของอารมณ จงฝกใหใหอิสระจากอารมณใหได
Page 5
E = Enlightenment การตื่นรูอยูกับความจริง
ถามวา "เจาปลาตัวนอยที่แหวกวายในสายน้ํา จะรูบางไหมหนอวา
มันอยูในน้ํา และโลกนี้ยังมีทองฟาที่สดใส ไกลสุดสายตา ??? ถามวา
เจาหนอนตัวเล็กๆที่เกิดและตายในกองอาจม จะรูบางไหมหนอวามันอยู
ในสิ่งปฏิกูลเนาเหม็น และโลกนี้ยังมีดอกไม มีน้ําผึ้งที่หอมหวนหวานชื่นใจ
??? และถามตอไปอีกวา มนุษยผูประเสริฐ สิ่งมีชีวิตที่เรียกวาคน ที่เกิด
และตายอยูบนโลกใบนี้ จะรูบางไหมหนอวาโลกนี้คับแคบและอึดอัด
เพียงไร โลกนี้มันนาอยูจริงหรือไม และโลกที่แทเปนเชนไร ทําใมเราตองมี
รัก เกลียด ยิ้ม และรองใหดวย อยากไดความสุข ตองการหนีหางจาก
ความทุกข ???
"ถารูวาปวยตองกินยา ถารูวาเดินหลับตาใหลืมตาเสีย ถารูวา ถารู
วาหลงทาง ใหหาทางออก ถารูวาทุกข ก็ใหรีบออกจากทุกข" การตื่นรูอยู
กับความจริง ยอมรับในความจริง แลวเขาใจรูแจงในความจริงของสิ่ง
ตางๆ จะทําใหเราไมหลงใหล มัวเมา จมปลักอยูกับมายาสิ่งลวง อยูกับ
อารมณที่มันเพียงจรเขามาแลวก็ผานไป ทุกอยางที่เกิดขึ้นในโลกนี้เพียง
ผานมาแลวก็ผานไป ไมมีตัวตนที่แทจริง เปนไปตามเหตุปจจัยปรุงแตง
ใหเปนอยางนั้นเปนอยางนี้ ซึ่งเปนธรรมดาของโลก แตเราไมรูถึงเหตุ
ปจจัย ไมรูตนสายปลายเหตุ มุงแตสนองความปรารถนาของตน เมื่อไม
เปนไปตามนั้นก็เดือดรอน นอนทุกข ทรมาน รําคาญใจ เพราะไมรูเทาทัน
ในความจริง
ความเปนธรรมดาของโลก การมีสติปญญา ตามหลักของ
พระพุทธศาสนาจะทําใหตื่นรูอยูกับความจริงของชีวิต รูเทาทันสภาวะที่มา
กระทบตอชีวิตในทุกปจจุบันขณะ ทั้งทางกายและทางจิตใจเพื่อควบคุมให
จิตใจและรางกายดําเนินไปตามวิถีแหงปญญา คือตื่นรูอยูกับความจริง
พระพุทธเจาตรัสเสมอวา ความเสื่อมทรัพย ญาติ ยศ ลาภ เปนความเสื่อม
เพียงเล็กนอย แตการเสื่อมปญญานั้นเรื่องใหญ การไดทรัพย ยศ ลาภ ก็
Page 6
เปนเรื่องเล็กนอย แตการไดปญญาเปนเรื่องยิ่งใหญ ถามีปญญาตื่นรูอยูกับ
ความจริงแลวทําใหไดความสุขที่ประณีต ความสุขที่ดี ถาเราตองการมี
สุขภาพที่ดี มีความสุขที่ดี ก็ตองแสวงหาปญญา อยูกับปญญา มองทุก
อยางดวยปญญาที่ตื่นรูอยูกับความจริง จึงจะไดชื่อวาเปนผูสมบูรณทั้ง
สุขภาพกายและสุขภาพใจ
ไมมีประโยชนที่จะถามวา เราเกิดมาทําใม? โลกนี้นาอยูหรือไม?
โลกที่แทจริงเปนอยางไร? เพราะเราเลือกเกิดไมได เราเกิดมาแลว สิ่งที่
ตองตองทําคือใชชีวิตใหดีที่สุด ใหไดมาซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยควรจะไดรับ
คือ ปญญา ตื่นรูอยูกับความจริง และความเปนอยูที่มีอิสรภาพอยาง
แทจริง ... .. .

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น