++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553

* แล้วแม่ จะกอดใคร? *

สำหรับลูกทุกคน !!! วันนี้... คุณกอดแม่หรือยัง ?


คอลัมภ์ " คิดเล็กคิดน้อย " โดย คุณอั๋น ภูวนาท คุนผลิน นิตยสารแพรว
ฉบับที่ 664 " แล้วแม่ จะกอดใคร "
คุณอั๋นเล่าเรื่องของครอบครัวหนึ่ง ที่ไปส่งลูกชายที่สนามบินค่ะ

"... สาย ตาของผมไปสะดุดกับครอบครัวเล็กครอบครัวหนึ่งเข้า
น่าจะเป็นคนจีนพ่อ-แม่-ลูก.... ภาพที่เห็นนั้น

คุณลูกตัวใหญ่ซึ่งอายุน่าจะเฉียดสามสิบได้
กำลังกอดเอวฟุบหน้าอยู่กับตักของแม่ ร้องไห้จนตัวสั่นไปหมด .....
แม่เอามือลูบหัวลูกชาย ราวกับเขายังคงเป็นเด็กน้อยตัวเล็กคนเดิมเบา ๆ
ด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น แต่ฉายแววเศร้าอยู่ในที
ในขณะที่คุณพ่อได้แต่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ มือกอดอกบ้าง ล้วงกระเป๋าบ้าง

เวลา ผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้
แต่คงนานพอที่จะทำให้คนทั้งสามต้องเริ่มต้นบอกลากันจริง ๆ สักที
...ลูกชายคลายกอดจากแม่... ค่อย ๆ ยืนขึ้นช้า ๆ น้ำตานองหน้า
เขาสวมกอดผู้หญิงที่สูงเกือบไม่ถึงไหล่คนเดิมตรงหน้าอีกครั้ง ...
เป็นกอดที่แม้จะเนิ่นนานและแน่นแค่ไหน
ก็เหมือนกับมันดูจะสั้นเกินไปอยู่ดี ลูกชายเช็ดน้ำตาแล้วหันกลับมามองพ่อ
เขายิ้มที่มุมปากเล็กน้อยและกอดกันหลวม ๆ พร้อมตบไหล่กันเบา ๆ พอเป็นพิธี

ก่อนจะลาจากกันไป เขากอดแม่อีกครั้งอย่างอาลัยอาวรณ์
แล้วเดินถอยหลังขึ้นบันไดเลื่อนไป แม่ยังคงยืนมองดูลูกค่อย ๆ
เลื่อนไกลออกไปอย่างสงบนิ่ง ยกมือขึ้นโบกลาช้า ๆ
...ในขณะที่พ่อเริ่มเดินก้มๆ เงยๆ
หาทางมองให้เห็นลูกที่ตอนนี้อยู่นไกลจนเกือบลับสายตาอย่างลุกลี้ลุกลน

ผมนึกในใจขึ้นมาอย่างสงสัยว่า "
ผู้หญิงคนนี้ช่างใจแข็งจริงที่ไม่ร้องไห้เลยสักนิด "

... และแล้วภาพอันน่าแปลกใจที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็น ก็เกิดขึ้นตรงหน้า
... ในวินาทีที่ลูกชายได้ลับสายตาทั้งคู่ไปแล้ว
ผู้ชายที่เมื่อครู่ยืนอยู่ห่าง ๆ กอดอกนิ่ง ๆ มองไปทางอื่น
เหมือนไม่ค่อยจะสนใจภาพที่อยู่ตรงหน้าของลูกชายกับหญิงผู้เป็นแม่เท่าไรนัก
โผเข้ากอดภรรยาแล้วร้องไห้ออกมาอย่างมากมาย...
จนผู้หญิงคนเดิมที่ตอนนี้เปลี่ยนจากหน้าที่ของแม่มาเป็นภรรยาแล้วนั้น
ต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาช่วยซับน้ำตาให้ แล้วกอดเขาพร้อมตบไหล่เบา ๆ
ราวกับกำลังปลอบเด็กน้อยคนหนึ่งที่อยู่ในร่างของชายสูงอายุ...

ผมคิดถามตัวเองเล่น ๆ ไปว่า ถ้าวันนี้เธอคนนั้นร้องไห้ขึ้นมาบ้างล่ะ
จะเหลือใครแข็งแรงพอให้เธอกอดบ้าง ?...

ผมเคยเหนื่อยล้า ท้อแท้ อ่อนแรงมาหลายครั้ง...
สิ่งที่ผมทำทุกครั้งคือเดินเข้าไปกอดแม่แน่น ๆ แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลช้า ๆ
หรือในบางครั้งก็แค่กอดแน่น ๆ แล้วกัดฟันทำฟอร์มดี ยิ้มแหย ๆ
ไปว่าไม่มีอะไรหรอก แค่อยากกอด แล้วค่อยแอบไปร้องไห้คนเดียวในห้องทีหลัง
เป็นแบบนั้นมาร่วมสามสิบปีแล้ว

แต่วันนี้กับภาพที่เห็นเมื่อครู่เป็นวันแรกที่ทำให้ผมเกิดคำถามขึ้นในใจว่า
....แล้วผู้หญิงที่ผมรักที่สุดในโลกล่ะ
คนที่มีรอยยิ้มให้กับทุกคนในครอบครัวอย่างไม่มีวันหมด
รอยยิ้มที่หลายครั้งต้องซ่อนความเหน็ดเหนื่อยของตัวเองไว้
เพื่อซึมซับความเจ็บช้ำให้กับคนที่เธอรัก.... ผู้หญิงตัวนิ่ม ๆ
ที่อ้อมกอดของเธอเยียวยาได้ตั้งแต่ แผลถลอกหกล้มที่หัวเข่า
...จนถึงหัวใจที่แตกสลาย ... ในวันที่เธออ่อนล้า
ผมแข็งแรงพอที่จะยืนให้เธอกอดบ้างไหม ?

ผมเชื่อว่า เราส่วนใหญ่คงไม่ลืมกันหรอกที่จะบอกให้ผู้หญิงคนนี้รู้ว่าเรารัก
และเราก็มักพูดเตือนกันเสมอ ๆ อยู่แล้วว่า อย่าลืมกอดแม่บ้างนะ
วันนี้ผมขอเพิ่มอีกอย่างแล้วกันว่า.... อย่าลืม ให้แม่กอดคุณบ้างนะครับ
เพราะเธอก็อาจต้องการมันไม่น้อยไปกว่าคุณหรือใคร.. "

เห็นคุณแม่หลายๆท่านแล้วนับถือในความอดทนจริงๆค่ะ
บางคนทั้งทำงาน เลี้ยงลูกเอง ดูแลพ่อแม่ บางทีก็เผื่อแผ่ไปพ่อแม่สามีด้วย
ดูแลสามี โดยไม่เคยปริปากบ่น
ผู้หญิงที่ว่ากันว่าเป็นเพศที่อ่อนแอ กลับแข้มแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ
เพื่อคนที่เธอรัก
ขอแสดงความนับถือในหัวใจที่เข้มแข็งของ " คุณแม่ " ทุกท่าน
แต่อย่าลืมนะคะ เหนื่อยนักก็หาคนกอดบ้างค่ะ

สำหรับคู่สามีภรรยานะคะ
เราสามารถดูแลหัวใจของซึ่งกันและกันให้แข็งแรงได้ง่ายๆค่ะ
เพียงแค่กอดกันบ่อยๆ เท่านั้นเอง

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลน่า สหรัฐฯ
ทดลองให้สามีกอดภรรยา(ของตนเอง) เพียงวันละ 20 วินาที
พบว่าพฤติกรรมดังกล่าวช่วยลดความดันโลหิต
ส่งผลต่อสุขภาพทั้งสองฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
เนื่องจากช่วยลดความเครียด

นอกจากนั้นยังพบว่า
ระดับฮอร์โมนซึ่งช่วยลดความดันโลหิตของผู้ที่กำลังมีความรัก
จะสูงกว่าผู้ที่ไม่มีความรักอีกด้วย ^ ^

มือที่คอยตี ก็มือคู่เดียวกับที่ทายา
ปากที่คอยด่า ก็คือปากเดียวกับที่เตือนใจ
แววตาที่เฝ้ามอง แววตาที่ร้องไห้
ไม่เคยจะพบเจอในใคร นอกจากคนนี้

คนที่ชื่นชม เมื่อเราหกล้มแล้วลุกเองใหม่
คนที่ภูมิใจ แค่เราทำสิ่งเล็กน้อยได้ดี
จะโตสักเท่าไร ก็ห่วงได้ทุกที
ขอเพียงได้เห็นเรายังดี สุขใจแล้วหนา
เหงื่อที่เสียไปไม่คิดราคา
เหนื่อยจะทนน่ะ ถ้าลูกจะสบาย

รู้ไหมน้ำนมหยดหนึ่งซึมไหลมา
ต้องใช้น้ำตาหยาดเหงื่อสักเท่าไร
บอกแม่เถอะนะ บอกทุกวัน ว่ารักท่านมากมาย
กอดแม่เถอะนะ ให้คุ้นเคย
กอดเลยไม่ต้องอาย...ก่อนไม่มีแม่ให้กอด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น