++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ผลงานนายกฯ อภิสิทธิ์ : เศรษฐกิจ-การพาณิชย์!

โดย แสงแดด


ตลอดระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลตลอดระยะ 6 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งจากการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชน ว่า "ผลงานรัฐบาล 6 เดือน"
เป็นอย่างไร ได้รับการตอบรับในเชิงลบมากกว่าเชิงบวก ทั้งๆ ที่คะแนนอาจจะ
"สอบผ่าน" แบบเฉียดฉิว เลยเถิดมาจนถึง "คะแนนนิยม"
ระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรี คุณทักษิณ ชินวัตร และคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรีปัจจุบัน ที่ตกเป็นรองคุณทักษิณ

ทั้งนี้ "คะแนนนิยม" ล่าสุดที่มีการสำรวจนั้น
คะแนนนิยมของคุณทักษิณ ชินวัตร ได้ร้อยละ 34 ส่วนคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ได้ร้อยละ 32.9 พูดง่ายๆ คือ ห่างกันแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ตามภาษาสถิติเรียกว่า "เท่ากัน!" ก็ย่อมได้ ไม่ได้แตกต่างส่อนัยสำคัญ
(Significant) กันเท่าใดนัก

แต่ในทางกลับกัน กลับมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในสารพัดวงการ
โดยเฉพาะ "วงการสื่อสารมวลชน" ว่าคะแนนนิยมคุณอภิสิทธิ์ "ตกลง"
จนกลายเป็นเสมือนว่า "สอบตก!" ทั้งๆ ที่ความเป็นจริง
มิได้เลวร้ายเพียงนั้น!

เป็นกรณีเหตุการณ์ปกติธรรมดา ที่ "ความคาดหวัง"
ของประชาชนมีสูงต่อ "ผู้นำ" เนื่องด้วยปัญหาสารพัดสารพัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "วิกฤตเศรษฐกิจ" ที่ระบาดไปทั่วทั้งโลก
แม้แต่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา คะแนนนิยมยังดิ่งลงเลย
ทั้งๆ ที่ช่วงปลายปีที่แล้ว และช่วงไตรมาสแรกของปี 2009 นี้ ประธานาธิบดี
โอบามา คะแนนยังนำลิ่วอยู่เลย

สภาพปัญหาคงคล้ายคลึงกัน ที่ขอย้ำว่า "ความคาดหวัง"
ของประชาชนมีสูง และอาจถึงขั้น "ใจร้อน!" อยากสัมผัสได้ เห็นผลทันตา
เมื่อไม่เป็นเช่นนั้น ความรู้สึกในเชิงจิตวิทยาจึงแสดงออกเช่นนั้น

นับประสาอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
กับคะแนนนิยมของทั้งรัฐบาลและต่อตัวนายกรัฐมนตรี คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ที่ยังเผชิญกับสารพัดมรสุม ไม่ว่า "วิกฤตเศรษฐกิจ-ไข้หวัดใหญ่
2009-ความขัดแย้งภายในรัฐบาล-ปัญหาการเมือง" ที่รุมเร้าจนคุณอภิสิทธิ์
ยังนิ่งอยู่ได้ อาจจะแกว่งบ้างแต่ก็ยังคงประคับประคองไปได้

ว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว ถ้าจะเปรียบเทียบกับ "สถานภาพ-ปัญหา"
กับประธานาธิบดี บารัค โอบามา แล้ว ยังห่างไกลกันมากกับ
"สภาพความเป็นจริง" และ/หรือ "น้ำหนักปัญหา!" ที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
"แบกหนักอึ้ง!" อยู่ขณะนี้

ล่าสุด ได้มีผลสำรวจจาก "สวนดุสิตโพล" ของท่านอาจารย์สุขุม
เฉลยทรัพย์ หัวหน้าสำนักที่ได้สำรวจกลุ่มประชากรประมาณ 13,000 กว่าราย
ปรากฏว่า "ภาพรวมผลงานรัฐบาล 6 เดือน" นั้น "สอบผ่านเฉียดฉิว!"
ได้คะแนนเพียง 5 กว่าๆ จากคะแนนเต็ม 10 ทั้งนี้
คะแนนที่ได้รับการตอบรับสูงสุดจากหน่วยงานทั้งหมด "กระทรวงศึกษาธิการ"
ได้คะแนนสูงสุดเพียงเกือบ 6 เท่านั้น จาก "นโยบายเรียนฟรี 15 ปี"

ส่วนกระทรวงที่ได้คะแนนน้อยสุดที่ระดับ 5 กว่าๆ มีกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพาณิชย์ แต่ถึงอย่างไร ก็ยังสอบผ่านอยู่ดี
ในกรณีของ "กระทรวงการคลัง" และ "กระทรวงพาณิชย์"
ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เชิงสงสัยว่า
ทั้งสองกระทรวงทำไมได้คะแนนรั้งท้าย ทั้งๆ ที่ "ผลงาน"
มีเยอะมากสามารถอธิบายได้!

จากข้อสงสัยและคำถามของการสำรวจความคิดเห็นของสำนักสวนดุสิตโพล
ว่าทำไม 2 กระทรวงที่กล่าวข้างต้นนั้น ถึงได้คะแนนรั้งท้าย
แต่ก็ยังสอบผ่าน และกระทรวงศึกษาฯ ได้คะแนนสูงสุดจาก "นโยบายเรียนฟรีฯ"
เนื่องด้วยเป็น "นโยบายหลัก" ของ "พรรคประชาธิปัตย์" ใช่หรือไม่?

จึงเกิดคำถามและข้อสงสัยตามมาว่า "คำถาม"
ในแบบสอบถามที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนนั้น
"มีการตั้งธงคำถามไว้ในลักษณะไหน" หนึ่งล่ะ สอง
"คำถามวางแนวเพื่อให้คำตอบออกมาในลักษณะที่ต้องไปในทิศทางนั้นใช่มั้ย?"
และสาม "ชี้นำหรือปล่าว?" เพราะฉะนั้น คำตอบของประชาชน 13,000
กว่าคนจึงเป็นเช่นนั้น หรือ สี่ มหาวิทยาลัยฯ สวนดุสิต
อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ

ว่ากันตาม "ความเป็นจริง" และ "ความเป็นธรรม" แล้ว กระทรวงหลักๆ
ที่เพียรพยายามสร้างผลงานอย่างมากตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา คือ
"กระทรวงพาณิชย์" ที่ เพียรพยายามสูงสุดกับ "การค้าภายใน-การค้าส่งออก"
แต่ "สภาพวิกฤตเศรษฐกิจโลก" เป็น "ปัจจัยปัญหาหลัก" ที่ไม่ว่า
"เทวดาองค์ไหน!" ก็ไม่สามารถ "เนรมิตบัญชา"
ให้การส่งออกสามารถเดินหน้าได้ เพราะ "สังคมโลกขาดทุน!"

"กระทรวง พาณิชย์" จึงหันหลังกลับจาก "แนวคิด-วิสัยทัศน์"
ของรัฐมนตรีฯ พรทิวา นาคาศัย และคณะทำงาน มาให้ความสนใจกับ "การค้าภายใน"
โดยเฉพาะ "สินค้าเกษตร" และ "ปัญหาปากท้อง"
ด้วยการจัดกิจกรรมและโครงการต่างๆ ในเชิงรูปธรรม "สัมผัส-จับต้องได้!"

"ธงฟ้า" ที่โครงการและกิจกรรมที่กระทรวงพาณิชย์ โดยรัฐมนตรีฯ
พรทิวา "ออกศึก!" ด้วยตนเองกับแนวคิด "เชื่อมตรง" ระหว่าง "ผู้ผลิต" กับ
"ผู้บริโภค" โดยไม่ผ่าน "ผู้ประกอบการกลาง"
สินค้าอุปโภคบริโภคพร้อมทั้งสินค้าเกษตรจึงสามารถ "มอบตรง-ขายตรง"
กันอย่างครบวงจร ด้วย "ราคาถูก!" สำหรับผู้บริโภค
และผู้ผลิตสามารถระบายสินค้าได้

ความพยายามระบายข้าวและข้าวโพด
ได้ดำเนินการตามมติของคณะรัฐมนตรีทุกประการ จนจะเปลี่ยนจาก "จำนำข้าว"
เป็น "ประกันข้าว" ก็ไม่ฝ่าฝืนความคิดของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล
แต่จนแล้วจนเล่า ก็ไม่สามารถระบายข้าวและข้าวโพดได้ จึงเป็นที่มาของ
"ข้าว-ข้าวโพดเสียหาย" เกินร้อยละ 50 แถมด้วยการระบายที่ผ่านมา
"ราคาตกอย่างมาก!"

ข้อ สงสัยของสาธารณชนใน "การทุจริตคดโกง"
ไม่น่าจะเป็นประเด็นสำคัญ แต่ในทางกลับกัน กลับคิดว่าเป็น "การขัดแย้ง"
และ "การเจรจาต่อรอง" และ "เตะตัดขา!" เนื่องด้วย "ผลประโยชน์"
หรือไม่อย่างไร จนอาจเป็นที่มาของ "ผลงาน" และ "คะแนนนิยม"
ที่สอบผ่านเพียงเล็กน้อย และความจริงที่ต้องยอมรับว่า
"ประชาชนผิดหวังกับรัฐบาล" ที่มัวแต่ "ปัดแข้งปัดขา!"
จนไม่มีเอกภาพในการทำงาน ผลงานจึงไม่ปรากฏชัดเจน

นอกเหนือจากนั้น ตลอดระยะเวลา 6 เดือนของรัฐบาล มีแต่
"ปัญหาการเมือง" ที่รัฐบาลออกมาตอบโต้และแก้ไขรายวัน จนดูเสมือนว่า
ไม่ได้ทำงานทำการกัน มัวแต่มุ่ง "การเมือง" มากกว่า "การบริหาร"

เพื่อความเป็นธรรม เมื่อใดที่ "พรรคประชาธิปัตย์" เป็นรัฐบาล
จะต้องเป็นช่วงเวลาของ "สถานการณ์ไม่ปกติ-สถานวิกฤต" ทุกครั้ง
โดยเฉพาะด้าน "เศรษฐกิจ" แต่ครั้งนี้ น่าเห็นใจ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรี ที่ต้องฟันฝ่าสารพัดเรื่อง ไม่ว่า "เศรษฐกิจ-ไข้หวัดฯ"
โดยเฉพาะการเมืองที่พยายามสร้างความสมานฉันท์นั้น เป็นกรณี
"เข็นครกขึ้นภูเขา!"

ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น แก้กันจนต้องมี "สารพัดโฆษก"
ที่ต้องยอมรับความจริงว่า "มากเกินไป!" ที่มัวแต่ตอบโต้กับ
"ฝ่ายค้าน-นปช.-เสื้อแดง" ที่มี "แบ็คมั่นคง-ทุนหนา"
ไม่ยอมเลิกราได้ง่ายๆ เรียกว่า "อิทธิฤทธิ์!" เยอะ
จนเป็นเหตุให้ฝ่ายรัฐบาลต้องออกมาตอบโต้รายวัน

กรณีเอกภาพของการเป็น "รัฐบาลผสม" นั้น
เป็นประเด็นที่ทุกพรรคที่เป็น "รัฐบาล" จำต้อง "ระดม-ผนึกกำลัง"
ในการมุ่งหน้ากับการทำงานเพื่อให้เป็นไปตามความคาดหวังของประชาชน
ซึ่งถ้ายังมัวแต่ "เตะตัดขา-ปัดแข้งปัดขา!" กันเหมือนที่ผ่านมา
ขอบอกได้เลยว่า "จบเห่!" และอาจเป็นฝ่ายค้านเร็วขึ้น และเป็นนาน
โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์

กระทรวง หลักๆ ที่มีผลงานโดดเด่น แก้ปัญหารอบทิศรอบด้าน
ต้องขอสวนกระแสของ "สวนดุสิตโพล" คือ
"กระทรวงพาณิชย์-กระทรวงการคลัง-กระทรวงพลังงาน" และโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ "เดินสาย-ทำงาน" ทุกชั่วโมงในแต่ละวัน

กระทรวงการคลัง
เป็นหน้าที่หลักที่ต้องค้นหามาตรการในการกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ
การกำหนดพระราชกำหนด และพระราชบัญญัติกระตุ้นเศรษฐกิจ 800,000
ล้านบาทนั้น จริงๆ แล้วมิใช่เป็น "การกู้"
แต่เป็นการนำเงินฝากจากธนาคารพาณิชย์ ให้ออกมาซื้อพันธบัตร ขอย้ำว่า
"มิใช่การกู้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์"
การชี้แจงอธิบายที่ละเอียดอ่อนและชัดเจนถึงสำคัญมาก

ส่วนกระทรวงพาณิชย์นั้น เท่าที่เฝ้าเกาะติดตามการทำงาน
ได้มีการเผยแพร่กิจกรรมช่วยเหลือเกษตรกรและผู้บริโภค
เชิงการค้าภายในรายวันกันเลยทีเดียว เพียงแต่ "การตีปี๊บ!"
อาจจะยังไม่ครอบคลุมอย่างเพียงพอ ว่าไปแล้วสื่อสารมวลชนทุกแขนงเผยแพร่
"ผลงาน" ของทั้ง "รัฐมนตรีฯ พรทิวา-กระทรวงพาณิชย์" แทบทุกวัน

ขอให้กำลังใจ "นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐมนตรีฯ
คลัง กับพาณิชย์" ว่า "ห้ามย่อท้อ!"
เพียงแต่ต้องกำหนดกลยุทธ์ในการทำงานใหม่ เริ่มตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

งวดหน้ามาว่ากันถึง "โครงการ Blue Complex"

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000088219

1 ความคิดเห็น:

  1. เข้าข้างกันเห็นๆ มีมั้ย วิจารณ์แบบไม่มี bias

    ตอบลบ