++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ ความจริงที่สธ.บอกไม่หมด

ไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ ความจริงที่สธ.บอกไม่หมด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

รายงานพิเศษ โดยวรรณภา บูชา


แม้ ดูเหมือนโมงยามนี้สถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
2009 เริ่มคลี่คลาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าโรคจะหยุดแผลงฤทธิ์
หากเป็นเพราะคนไทยค่อยๆ ชินชา เฉยเมย และเลิกตื่นตระหนกตกใจต่างหาก

ทั้งนี้ ในช่วงที่สถานการณ์ทำท่าจะสงบ
หากไล่เรียงปัญหาที่เกิดขึ้น คงต้องยอมรับความจริงกันว่า
กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในช่วงที่ผ่านมาก็มีส่วนที่ทำให้คนไม่ไว้วางใจ
และไม่ให้ความเชื่อถือ เพราะเมื่อถามอะไรก็มักอ้ำๆ อึ้งๆ อึกๆอักๆ
กลายเป็นบอกความจริงแค่ครึ่งเดียวหรือบอกไม่หมด

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ข้อมูลในหนังสือ
"ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 09 มาแล้ว ระบาดบันลือโลก" ของศ.เกียรติคุณ
นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ที่เปิดเผยความจริงที่กระทรวงสาธารณสุข ปิดปัง
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

ในช่วงที่โรคแพร่ระบาดใหม่ๆ หากยังจำกันได้
กลุ่มที่สธ.เฝ้าจับตาก็คือ
กลุ่มเด็กนักเรียนและอาจารย์ทุนมูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานา
ชาติ (เอเอฟเอส ประเทศไทย)
หรือทุนเอเอฟเอสที่เดินทางกลับจากประเทศเม็กซิโก จำนวน 14 คน
ซึ่งกรณีนี้สธ.ไม่ระบุชัดเจนว่ามีผู้ที่ไม่สบาย มีไข้หรือไม่
แม้กระทั่งประกาศขึ้นทะเบียนผู้ติดเชื้อรายแรก ก็ยังปิดปากเงียบไม่บอก
แม้จะมีการกักผู้ต้องสงสัยทั้งหมดไว้ที่สถาบันบำราศนราดูรก็ตาม

ขณะที่หนังสือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 09 มาแล้วฯ ของ
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่
2009 รายแรก คือ นักเรียนหญิงทุนเอเอฟเอสอายุ 17 ปี
ซึ่งเมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ มีไข้สูง 38.5 องศาเซลเซียส
และเข้ารับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร 7 วัน จนหายดีสามารถกลับบ้านได้
จึงได้รับผลยืนยันจากห้องปฏิบัติการในไทยและศูนย์ป้องกันควบคุมโรคแห่งสหรัฐ
เมริกา(ยูเอส-ซีดีซี)

ที่ สำคัญ ผู้ติดเชื้อรายที่ 2 ที่สธ.ปฏิเสธว่า
ไม่ได้ติดจากผู้ป่วยรายแรกและไม่ได้เดินทางมาจากสายการบินเที่ยวเดียวกัน
แถมอยู่ๆ ผู้ป่วยรายที่ 2 ก็โผล่มาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เพราะไม่มีการรายงานข่าวมาก่อน
ขณะที่ในหนังสือเล่มเดียวกันนี้บอกไว้อย่างชัดแจ้งว่า นักเรียนชายอายุ 17
ปี เดินทางไปศึกษาวัฒนธรรมรัฐ Yucatan
และเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยพร้อมกับผู้ป่วยรายแรก
ถือเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเพราะนั่งติดกันและซื้อของด้วยกันตลอดระยะเวลาการ
เดินทาง แม้ครั้งแรกจะไม่พบว่ามีไข้
มีการกักตัวในห้องแยกเชื้อและแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้
ภายหลังจึงพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

นั่นคือตัวอย่างที่หนังสือขอ ศ.นพ.ประเสริฐบันทึกเอาไว้

อย่างไรก็ตาม
นอกเหนือจากตัวอย่างที่บันทึกเอาไว้ให้แกะรอยในหนังสือของศ.นพ.ประเสริฐแล้ว
ยังมีสิ่งที่บั่นทอนความน่าเชื่อถือของสธ. อื่นๆ อีก เช่น
ผู้เสียชีวิตรายแรกที่กว่าจะมีการขึ้นทะเบียนผู้เสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัด
ใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เวลาก็ล่วงเลยไปหลายวันนานนับสัปดาห์
โดยไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ ได้ แต่สร้างความตื่นตระหนก
จนโรงพยาบาลแทบทุกแห่งคนไข้ล้น

หรือกรณีการตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิหรือ เทอร์โมสแกน
ที่ช่วงแรกระบุว่า
สามารถช่วยคัดกรองผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศไม่ให้นำเข้าเชื้อ
ไวรัสเข้าประเทศได้ 100% แต่เพียงแค่ 1 เดือน
นับจากที่มีการระบาดของโรคช่วงปลายเดือนเมษายน ก็สกัดกั้นไม่อยู่
ผู้ป่วยเพิ่มจำนวนขึ้นเหมือนเขื่อนแตก
เครื่องเทอร์โมสแกนที่เคยเป็นพระเอกกลับกลายเป็นช่องโหว่ในมาตรการป้องกันใน
พริบตา

หรือ แม้แต่มาตรการในการหาต้นต่อการแพร่โรค ที่สธ. ระบุว่า
สถาบันกวดวิชาเป็นแหล่งแพร่โรค จนถึงขนาดปิดโรงเรียนนาน 1 สัปดาห์
เมื่อบรรดาอาจารย์นักติวถามถึงข้อมูลที่ชัดเจน ชี้ชัดว่าแหล่งแพร่โรคคือ
ที่ใดกันแน่ สำนักระบาดวิทยาก็ไม่สามารถให้ข้อมูลเชิงระบาดวิทยาได้
เหตุเพราะไม่มีการเก็บสถิติ มีแต่การคาดการณ์

อย่างไรก็ตาม หวังว่านับจากนี้เป็นต้นไป ปัญหาเหล่านี้คงจะไม่เกิดขึ้นอีก

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000098081

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น