++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บำรุงหน้าใสๆ ด้วย "สปาก้นครัว"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


แดด ร้อนเปรี้ยงๆ แบบนี้ผิวอ่อนๆ บนใบหน้าของคุณสาวๆ
หลายคนอาจจะโดนเผาให้เกิดอาการอักเสบได้
ไม่นับรวมไปถึงฝุ่นและมลภาวะที่ทำให้ใบ

หน้าหมองคล้ำและเกิดสิวฝ้าราคี แถมเศรษฐกิจแบบนี้จะเดินเฉิบๆ
เข้าไปขัดหน้า พอกหน้า ดูแลผิวหน้า ตามสปาหน้าทั้งหลายก็ใช่ที่
รพ.เจ้าพระยาอภัย

ภูเบศร มีของดีจึงมาบอกต่อ

วิธีการสาธิตการดูแลใบหน้าด้วย "สปาตำลึง"
ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว
เภสัชกรคนเก่งประจำโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี
อันเป็นโรงพยาบาลที่ทั่วไปรู้จักดีในฐานะของโรง

พยาบาลที่นำเอาสมุนไพรเข้ามา
ใช้รักษาคนไข้ควบคู่ไปกับยาแผนปัจจุบันที่ประสบความสำเร็จมากแห่งหนึ่ง
บอกเล่าถึงงานวิจัยตัวล่าสุดที่เธอและทีม

เภสัชกรกำลังทำอยู่ในขณะนี้ นั่นก็คือ
งานวิจัยฤทธิ์การบำรุงผิวหน้าจากพืชผักผลไม้ที่หาง่ายได้ท้องถิ่น

...ดูๆ วัตถุดิบที่นำมาแสดงให้ชมแล้ว
งานนี้จะเรียกว่าสปาก้นครัวก็เห็นจะไม่ผิดนัก

ภญ.ผกากรอง อธิบายว่า จากผลการศึกษา พบว่า
มีพืชผักผลไม้ท้องถิ่นของไทยหลายชนิดที่ออกฤทธิ์ในการบำรุงผิวหน้าได้ดี
อีกทั้งด้วยความเป็นพืช

ผักที่หาง่าย ราคาจึงถูก ประชาชนสามารถทำได้เอง
และไม่เป็นอันตรายเนื่องจากเป็นของธรรมชาติล้วนๆ จึงไม่ทิ้งสารเคมีใดๆ
ไว้ให้ก่อพิษต่อร่างกายเลย

"ที่ ศึกษาแล้วได้ผลดีมีหลายชนิด ทั้ง ตำลึง บัวบก แครอท
มะเขือเทศ ว่านหางจระเข้ แตงกวา กล้วยน้ำว้า นอกจากนี้
ก็จะเป็นส่วนผสมพิเศษอื่นๆ

อย่างน้ำผึ้ง น้ำมะนาว มะขามเปียก และข้าวสารข้าวกล้องป่นละเอียด
วิธีการเตรียมวัตถุดิบเหล่านี้ก็คือ
เลือกชนิดใดชนิดหนึ่งที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของ

เรา"

ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว แห่งรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร

อย่างแตงกวา ก็จะใช้เมื่อผิวหน้าขาดความชุ่มชื่นและมีอาการอักเสบ
เนื่องจากแพ้แดด, ตำลึงจะช่วยลดสิวอักเสบได้ดี, กล้วยน้ำว้าจะช่วยลดอาการ

หน้าแห้งและเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิวหน้า แถมหากเหลือจากทำหน้าแล้ว
นำมาหมักผมได้อีกด้วย, มะเขือเทศมีวิตามินบำรุงผิวหลายชนิด และช่วยลดภาวะ

หน้ามัน, แตงกวาเป็นผักที่ Common มาก ใช้ได้ทั้งหน้าแห้งและหน้ามัน
คือหากเป็นคนหน้ามัน แตงกวาจะช่วยลดความมันบนใบหน้า แต่ถ้าหากหน้าแห้ง

แตงกวาจะช่วยเพิ่มชุ่มชื่นให้แก่ใบหน้ามากขึ้น ถือว่าสารพัดประโยชน์มาก

"ส่วนว่านหางจระเข้จะช่วยบำรุงผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื่น
และลดรอยจุดดำ แต่วิธีนำมาใช้จะยุ่งยากนิดหนึ่ง คือ ต้องเลือกกาบใหญ่ๆ
ประมาณฝ่ามือ

ฝานปอกเปลือกเขียวให้หมด จากนั้นต้องนำไปล้างยางสีเหลืองออกให้หมด
ไม่เช่นนั้นยางที่เหลืองจะกัดผิว และเกิดอาการแพ้ได้"

เภสัชกรเจ้าของผิวหน้าใสๆ ชวนอิจฉารายนี้กล่าวต่อไปว่า
เมื่อทราบถึงสภาพผิวหน้าของตัวเองและเลือกพืชผักที่จะนำมาพอกหน้าแล้ว
ก็นำพืชผัก

ชนิดนั้นมาปั่นในเครื่องปั่น
ใส่น้ำลงไปเล็กน้อยเพื่อลดแรงเสียดทานเพื่อให้ปั่นได้ง่ายขึ้น
จำนวนปริมาณของพืชผักไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับขนาดของใบหน้าแต่

ละคน กะให้พอที่จะเกลี่ยได้เต็มพื้นที่ผิวหน้า

เมื่อปั่นเสร็จหากมีปัญหาหน้ามันมาก
สามารถหยดน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อยเพื่อลดอาการหน้ามัน หรือหากผิวหน้าแห้ง
สามารถผสมนมสดหรือน้ำผึ้งลง

ไปในพืชผักที่ปั่นเรียบร้อยแล้วได้เพื่อช่วยให้ ใบหน้าชุ่มชื่นขึ้น
และหากมีปัญหาสิวเสี้ยน "สครับธรรมชาติ" อย่าง
"ข้าวสารข้าวกล้องป่นละเอียด" ก็เป็นตัว

ช่วยที่ดีไม่น้อย สามารถผสมลงไปกับส่วนผสมที่ปั่นละเอียด
ใช้นวดผิวที่เป็นสิวระหว่างพอกก็ช่วยลดสิวได้

"ขั้น ตอนการดูแลผิวหน้าด้วยสปาธรรมชาตินี้ต้องทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะการทำความสะอาด หรือคลีนซิ่ง และการผลัดเซลล์ผิว

เพราะหากไม่ผลัดเซลล์ผิว การบำรุงจะเข้าไม่ถึงเซลล์ผิวหน้าด้านใน
เริ่มจากการทำความสะอาดใบหน้าด้วยเจล หรือโฟมล้างหน้าที่ใช้อยู่เป็นประจำ
จากนั้น

ผลัดเซลล์ผิวด้วยน้ำมะขามเปียกข้น ด้วยการนำมะขามเปียกมาผสมน้ำ
คั้นน้ำออกมาให้ข้นๆ แล้วพอกบริเวณใบหน้า


ซ้ายมือคือสปาก้นครัวจากพืชผักผลไม้หาง่ายราคาถูก
น้ำมะขามเปียกเป็นกรดอ่อนๆ มีฤทธิ์กัดเซลล์ผิวที่ตายให้หลุดออก
ขั้นตอนนี้อาจจะมีอาการคันยิบๆ
บ้างเนื่องจากน้ำมันขามจะเข้าไปผลัดเซลล์ผิว

หากคันมากพอกไว้แค่ 1 นาที หากไม่คันมากนักพอทนไหวก็พอกไว้ประมาณ 2-3
นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด"

ภญ.ผกากรอง อธิบายต่อว่า
หลังจากผลัดเซลล์ผิวด้วยมะขามเปียกแล้วก็ถึงคราวพระเอกของการบำรุง
ซึ่งก็คือพืชผักที่เราเลือกและปั่นเอาไว้ นำมาทา

พอกไว้บนใบหน้า เกลี่ยไปทั่วใบหน้าด้วยพู่กัน
และด้วยความเป็นธรรมชาติแบบไร้ซึ่งสารเคมีของพืชผักที่นำมาพอก
ทำให้คุณสาวๆ สามารถพอกมันได้

ตลอดทั้งวันตามสะดวก หากมีเวลามากก็พอกได้เช้าจรดเย็นโดยไม่เป็นอันตราย
เมื่อจะล้างออกก็ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ใช้อยู่ประจำล้างตามปกติ

...ยิ่งพอกยิ่งใส ยิ่งพอกยิ่งสวย
แถมประหยัดด้วยพืชผักสวนครัว...งานนี้ไม่ลองทำไม่ได้แล้ว...


http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000094559

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น