++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เลือกพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรดี / ผศ.นพ.ชาตรี วิฑูรชาติ กุมารแพทย์และจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น

เลือกพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรดี / ผศ.นพ.ชาตรี วิฑูรชาติ
กุมารแพทย์และจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น


สมัย นี้พ่อแม่มากมาย มักไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูกของตนเอง
ทำให้บ่อยครั้งเรามักเห็นหน้าที่ของความเป็นแม่ตกอยู่ที่ย่ายาย
หรือไม่ก็ญาติผู้ใหญ่ และแม้

กระทั่งสถานรับเลี้ยงเด็ก ซึ่งเป็นแหล่งยอดฮิตของผู้เป็นแม่ในสังคมเมือง
ว่าแต่คุณคิดไหมว่าพี่เลี้ยงเด็กสำคัญอย่างไร

มีพ่อแม่หลายคนมักประเมินความสำคัญของพี่เลี้ยงเด็กต่ำเกินไป
คิดว่า เพียงมีใครสักคนมาดูแลเรื่องกิน อยู่ หลับนอนได้ก็พอแล้ว
เข้าใจว่าเด็กเล็กๆ

ก็คงต้องการเพียงเท่านั้น เราจึงพบบ่อยๆ ว่ามีเด็กหญิงอายุ 15-16 ปี
จากชนบทมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กตามบ้าน บางบ้านอาจเห็นแรงงานต่างชาติก็มี
ซึ่งเป็นเรื่อง

ไม่ควรอย่างยิ่ง

เนื่องจากบทบาทหน้าที่ของพี่เลี้ยงเด็กนั้น
เป็นหน้าที่ที่สำคัญยิ่งของธรรมชาติซึ่งเขาจะต้องทำหน้าที่ของความเป็นแม่
ไม่ใช่เฉพาะการกิน อยู่ หลับ

นอนเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความรัก ความอบอุ่น ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
สร้างความผูกพันที่มั่นคงกับเด็กทางอารมณ์จิตใจ (secure attachment)
สามารถ

สื่อสารรับรู้อารมณ์ ความต้องการของเด็ก และตอบสนองได้ถูกต้อง
มีความสามารถจัดสภาพแวดล้อม
เตรียมกิจกรรมการเล่นและมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอย่าง

เหมาะสม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญที่จะส่งเสริมให้สมองของเด็กเติบโต
ส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญา บุคลิกภาพ รวมทั้ง IQ และ EQ ซึ่งช่วงอายุ

แรกเกิดถึง 3 ปี เป็นช่วงอายุที่มีการเติบโตและพัฒนามากและรวดเร็วที่สุด

ดังนั้น การเลือกพี่เลี้ยงเด็ก จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
ซึ่งมีปัจจัยที่ควรพิจารณา ดังนี้

1.อายุและการศึกษา ควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
เพื่อให้มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ และวิจารณญาณเพียงพอ
โดยทั่วไปอายุมากขึ้นยิ่งดี แต่ต้องมีสุขภาพ

แข็งแรงพอเพราะงานดูแลเด็กเล็กไม่ใช่เรื่องเบาๆ

2.ประสบการณ์และการศึกษา ควรมีประสบการณ์ในการดูแลเด็กมาก่อน เช่น
เคยทำงานด้านนี้มาก่อนหรือเคยเลี้ยงลูก เลี้ยงหลานมาบ้างแล้ว หากเป็น

ไปได้ควรมีการศึกษาตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นต้นไป
เพื่อให้มีความรู้พื้นฐานและสามารถศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
ยิ่งหากเคยฝึกอบรมในหลักสูตรเกี่ยวกับ

พัฒนาการหรือการเลี้ยงดูเด็กมาก่อน ด้วยจะยิ่งดีมาก


3.ด้านร่างกาย ควรมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง เพียงพอ
เพราะเด็กไม่ได้เป็นตุ๊กตาที่จะอยู่เฉยๆ ให้ดูแลง่ายๆ ต้องไม่มีโรคติดต่อ
เช่น วัณโรค

โรคผิวหนัง หรือเจ็บป่วยบ่อยๆ เช่น
เป็นหวัดจนเป็นแหล่งแพร่เชื้อให้กับเด็ก
จึงควรสังเกตสภาพร่างกายตลอดจนเอกซเรย์ปอดก่อนรับมาดูแลเด็ก

4. ที่สำคัญที่สุด คือ บุคลิกลักษณะและนิสัยใจคอ
ควรเป็นคนรักความสะอาด ละเอียดลออ รอบคอบ ใจเย็น ทนเสียงเด็กร้องได้
ชอบอยู่กับเด็ก ชอบ

พูดคุยและเล่นกับเด็ก ร่าเริงตื่นตัว
มีความคิดสร้างสรรค์ในการจะจัดกิจกรรม หรือมีปฏิสัมพันธ์กับเด็ก เช่น
เล่านิทาน ร้องเพลง ทำของเล่นจากสิ่งของรอบตัว

5.และสิ่งสุดท้าย คือ ต้อง "ไว้ใจได้" พ่อแม่ต้องวางใจได้ว่า
ลับหลังคุณแล้ว เขาจะไม่ได้ปล่อยปละทอดทิ้งหรือแม้แต่ทำร้ายเด็กทั้งทางร่างกายหรือจิต

ใจ

ดังนั้น การเลือกพี่เลี้ยงให้ลูกจึงต้องพิถีพิถันไม่น้อย
นอกจากควรพบปะพูดคุยก่อนแล้ว ยังต้องสังเกตบุคลิกลักษณะท่าที
สอบถามถึงคุณสมบัติต่างๆ ที่

ได้กล่าวมาแล้วเสียก่อน
แต่บางครั้งข้อมูลจากการสัมภาษณ์ก็บอกไม่ได้ว่าจะเท็จจริงแค่ไหน
อีกทั้งการจะดูบุคลิกลักษณะนิสัยใจคอจากการสัมภาษณ์ครั้ง

สองครั้งก็ยังไม่ แน่นอน ดัง นั้น
จึงควรเป็นคนที่เรารู้จักครอบครัวของเขาหรือรู้ที่มาที่ไปของเขา เช่น
รู้จักญาติ หรือมีข้อมูลจากคนที่รู้จักเขามาเป็นเวลานาน

หรือสอบถามจากเจ้านายที่เขาเคยทำงานด้วยมาก่อน
ถ้าไม่มีข้อมูลเหล่านี้ก็อาจให้เขามาทดลองทำงานชั่วคราวดูก่อน
และคอยสังเกตใกล้ชิดเพื่อมีโอกาส

ได้เรียนรู้นิสัยใจคอเขาได้

ระวัง! อย่าปล่อยให้พี่เลี้ยงดูแลเด็กเล็กตามลำพังในบ้าน
เพราะอาจเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดดังที่เคยมีมา อย่างน้อยควรมีคนที่ไว้ใจได้
เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย

สอดส่องดูแลอยู่ห่างๆ ด้วย
นอกเสียจากว่าคุณจะโชคดีได้พี่เลี้ยงเด็กที่ดีและไว้ใจได้จริงๆ

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000094567

การเลือกพี่เลี้ยงเด็ก
1. ได้รับการอบรมวิธีการเลี้ยงดูเด็กขั้นพื้นฐาน
เช่น พัฒนาการเด็ก การรักษาสุขอนามัย
2. มีจิตใจรักเด็ก
3. มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สะอาดไม่มีโรคติดต่อ
4. สามารถสืบประวัติได้ เมื่อมีปัญหาตามตัว/ตามหาญาติได้
5. พอใจกับค่าจ้างที่ได้รับตามตกลง
6. ไม่พาคนอื่นเข้าบ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาต
มีอีกเยอะแยะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น