++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ระบบประชาธิปไตยมวลมหาชน "องค์ธรรมแกน" สังคมอุดมธรรม

โดย สันติ ตั้งรพีพากร


การสร้างสังคมอุดมธรรม เพื่อชีวิตอุดมสุข
เป็นความฝันสูงสุดร่วมกันของมวลมนุษยชาติ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ความพยายามที่จะขับเคลื่อนสังคมเข้าสู่ "สภาวธรรม" นี้
ได้มีปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ในรูปแบบต่างๆ ด้วยวิถีทางต่างๆ
ที่เป็นไปได้ในแต่ละชาติหรือประเทศ ตามขั้นตอนการพัฒนาของยุคสมัย

แต่ด้วยข้อจำกัดทางด้านวัตถุ
(เศรษฐกิจการผลิต/วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี) และจิตใจ
(ปัญญาตื่นรู้/องค์ความรู้) ทำให้บรรพบุรุษของเราไม่ว่าชาติไหน
ไม่อาจทำความฝันให้ปรากฏเป็นจริงได้ในระดับบูรณาการ
(เมื่อมองในบริบทของวิวัฒนาการของประวัติศาสตร์มนุษยชาติโดยรวม)
"องค์ธรรมแกน" ในแต่ละยุคสมัย จึงมีสถานภาพเป็นเพียง "องค์ธรรมเฉพาะด้าน"
ของประวัติศาสตร์ทั้งหมด กลายสภาพเป็นมรดกตกทอดสู่คนรุ่นหลัง
สำหรับสืบสานสังเคราะห์ นำเอาแก่นแกนขององค์ธรรมในอดีต
ถักทอต่อเชื่อมเข้ากับองค์ธรรมใหม่บนฐานความจริงใหม่
เพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็น "องค์ธรรมแกน" ของสังคมยุคใหม่
สำหรับขับเคลื่อนตัวเอง ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของมวลมนุษยชาติเข้าใกล้สภาวะ
"สังคมอุดมธรรม ชีวิตอุดมสุข" ยิ่งกว่าที่เป็นมา

โดยนัยนี้ การเปลี่ยนแปลงประเทศไทยครั้งนี้
(เริ่มต้นที่ขับไล่ทักษิณ โค่นระบอบทักษิณ
แล้วยกระดับสู่การล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่
ซึ่งในที่สุดก็จะก้าวไปสู่การสร้างสังคมใหม่และชีวิตใหม่ให้แก่มวลมหาชนชาว
ไทย) ชาวพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นแกนหลักของขบวนการการเมืองภาคประชาชน
"เจ้าภาพตัวจริง"
จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของมวลมนุษยชาติ
ในการขับเคลื่อนตัวเองสู่จุดหมายปลายทาง "สังคมอุดมธรรม ชีวิตอุดมสุข"
ตามวิถีไทย

นี่คือสิ่งที่พวกเราชาวพันธมิตรฯ ต้องตระหนัก
เพื่อให้เกิดสำนึกร่วมกันว่า กำลังปฏิบัติภารกิจประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่
ที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการของมวลมนุษยชาติ
ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในประเทศอื่นใด
ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

พิจารณาถึงแนวคิดอุดมการณ์ (สร้างการเมืองใหม่)
และหลักการชี้นำการเคลื่อนไหวปฏิบัติ (จุดเทียนปัญญา เอาธรรมนำหน้า)
ตลอดจนจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้ (สังคมอุดมธรรม ชีวิตอุดมสุข)
ชาวพันธมิตรฯ อยู่ในวิสัยที่จะนำเอาองค์ธรรมเฉพาะด้านทั้งหมดที่มีมาแล้ว
ทั้งที่เป็นของเราเองและของคนอื่น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
มาปรับเข้ากับองค์ธรรมแกนของเราเอง ปัจจุบันก็คือ
"ระบบประชาธิปไตยมวลมหาชน"

ผูกพันกันเข้าเป็นสูตร ดังนี้

ธรรมาธิปไตย+เสรีประชาธิปไตย+ประชาธิปไตยประชาชน+ประชาธิปไตยมวลมหาชน

ทั้งนี้ ระบบประชาธิปไตยมวลมหาชนมีสถานภาพเป็นฐานแกน
เป็นตัวแทนความก้าวหน้าทางการเมืองแห่งยุค
ทำหน้าที่ขับเคลื่อนกระบวนการเปลี่ยนแปลงสังคมไทย
โดยนำเอาหลักธรรมาธิปไตย
เสรีประชาธิปไตยและประชาธิปไตยประชาชนมาประสานเข้ากับตนเอง
ให้เกิดความสมบูรณ์รอบด้าน ไม่บกพร่องในทางประวัติศาสตร์

อีกนัยหนึ่ง ระบบนี้ในตัวเองจะมีความรอบด้านมากที่สุด
เกิดความสมดุลมากที่สุดยิ่งกว่าระบบใดๆ
ทั้งที่เคยมีมาในอดีตและกำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน

ระบบประชาธิปไตยมวลมหาชน
ถือกำเนิดขึ้นมาท่ามกลางการเคลื่อนไหวต่อสู้ของขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำ
โดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นับเนื่องมาได้ร่วม 4 ปี ตั้งแต่ปลาย
พ.ศ. 2548 จนถึงปัจจุบัน เริ่มจากการ "จุดเทียนปัญญา"
มุ่งสร้างอำนาจประชาชนด้วยปัญญา ต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร

ต่อมาในระหว่างการเคลื่อนไหวต่อสู้อย่างยืดเยื้อ 193 วันในปี 2551
ชาวพันธมิตรฯ ภายใต้แกนนำชุดปัจจุบัน ได้สร้างสำนึก "เสียสละ กล้าหาญ
ซื่อสัตย์ อดทน"ขึ้นมา
เสริมความเข้มแข็งทางจิตใจอย่างมีนัยสำคัญให้แก่อำนาจประชาชน-อำนาจปัญญา
กระทั่งสามารถโค่นล้มรัฐบาลหุ่นในระบอบทักษิณ
บั่นทอนอำนาจกลุ่มการเมืองเก่าลงไปได้ ขับเคลื่อนกระบวนการ
"ล้างการเมืองเก่า - สร้างการเมืองใหม่" เข้าสู่ระยะใหม่ได้สำเร็จ

ในห้วงเดียวกันนั้น ได้มีการตีความอำนาจประชาชน-อำนาจปัญญา
ตามสภาวะเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ สะท้อนแก่นแท้ของอำนาจนี้ออกมา
ให้เห็นถึงฐานะของการเป็น "อำนาจกำหนด" ที่แท้จริงของการเมืองยุคใหม่

ในทางประวัติศาสตร์ อำนาจกำหนดนี้ ก็คืออำนาจกำหนดใหม่
ที่จะต่อสู้เอาชนะ
และเข้าแทนที่อำนาจกำหนดเก่าในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุข นั่นคือ อำนาจประชาชน- อำนาจปัญญา
จะสามารถเอาชนะอำนาจทุนนิยมสามานย์
และการเมืองใหม่จะปรากฏเป็นจริงได้ในที่สุด

รูปแบบการแสดงออกของอำนาจกำหนดนี้หลักๆ
ก็คืออำนาจกำหนดจากเบื้องล่าง
โดยมวลมหาชนจากเบื้องล่างที่เชื่อมโยงกันเข้าเป็นเครือข่าย
ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริง และองค์ความรู้ที่สะท้อนสัจธรรม
สอดคล้องกับกฎเกณฑ์พัฒนาการของสังคมไทยและสังคมโลก
ทำหน้าที่กำกับการใช้อำนาจของผู้ได้รับมอบหมายการใช้อำนาจที่อยู่เบื้องบน

ตามหลักการนี้ อำนาจกำหนดเบื้องล่างจะต้องเป็นอำนาจแห่งปัญญา
มวลมหาชนเบื้องล่างจะต้องได้รับการ "จุดเทียนปัญญา" อย่างเข้มข้นเสมอ
จากแกนนำทุกระดับ และด้วยช่องทางต่างๆ ที่ทรงประสิทธิภาพสูง เช่น
สื่อสมัยใหม่ (สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอสทีวี
และสื่อในเครือเอเอสทีวี/ผู้จัดการ เป็นอาทิ) การศึกษาอบรม
(มหาวิทยาลัยราชดำเนิน โรงเรียนการเมือง เป็นอาทิ)
รวมถึงการจัดชุมนุมมวลชน หรือเปิดประชุมสภาฯ ในโอกาสต่างๆ เป็นต้น

ในทางปฏิบัติ "อำนาจกำหนดใหม่"
ซึ่งเป็นอำนาจปัญญาของมวลมหาชนเบื้องล่าง
จะทำหน้าที่กำกับการใช้อำนาจของผู้ใช้อำนาจเบื้องบน ผ่านกลไกต่างๆ
ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น สภาฯ พันธมิตรฯ ในระดับต่างๆ
ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค

ทั้งนี้ แกนนำทุกระดับ จะต้องเร่งพัฒนากลไก เช่น สภาฯ พันธมิตรฯ
ให้สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของมวลมหาชนเบื้องล่าง

หัวใจของระบบประชาธิปไตยมวลมหาชนจึงอยู่ที่
ทุกอย่างต้องเริ่มต้นด้วยการ "ลงสู่เบื้องล่าง"
โดยเฉพาะคือการจุดเทียนปัญญา สร้างอำนาจกำหนดจากเบื้องล่าง
ซึ่งจัดอยู่ในมิติขององค์อำนาจไร้ตัวตน
ที่จะต้องอาศัยกลไกหรือองค์กรจัดตั้งที่มีตัวตนเช่นสภาฯ เป็นสื่อ
แสดงอำนาจที่เป็นจริงของตนออกมา

โดยนัยนี้ ณ เวลานี้ การจุดเทียนปัญญากับการก่อตั้งสภาฯ
จึงเป็นภารกิจพื้นฐานของบรรดาแกนนำทุกระดับ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
ทั้งในประเทศและต่างประเทศ


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000088216

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น