++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เราเกิดมาในโลก เราก็เป็นนักกีฬาของโลก เราก็ต้องพร้อมที่โลกจะมอบบทเรียนต่างๆให้กับเรา

ว.วชิรเมธี (W.Vajiramedhi)





‎"..เราเกิดมาในโลก เราก็เป็นนักกีฬาของโลก เราก็ต้องพร้อมที่โลกจะมอบบทเรียนต่างๆให้กับเรา มองทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นบทเรียน แล้วเราก็จะเข้มแข็ง ยิ่งโจทย์ยากๆ ถ้าหากเราแก้โจทย์ได้ เราก็จะกลายเป็นคนที่เก่งมากขึ้นๆ ยิ่งขึ้นไป ดังนั้นมองอีกนัยหนึ่งก็คือความทุกข์มากปลุกให้เราตื่น.."




WAKE UP

ตอนนี้ทุกคนที่อยู่ในกรุงเทพคงจะกระสับส่ายไปตามๆกัน เว้นแต่บางท่านที่จิตแข็งก็อาจจะเฝ้ามองทีวีดูหรือฟังข่าวสารที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะน้ำ เพื่อว่าจะได้รู้ทันน้ำว่าจะมาเมื่อไร ตามที่เขาว่ากัน
แต่หลายๆคนก็อาจจะปลีกตัวออกไปจากกรุงเทพฯแล้ว ภายหลังทำใจกับบ้านที่อยู่อาศัยได้ แต่ทำใจกับภัยพิบัติจากน้ำท่วมไม่ได้ ซึ่งก็เป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง
น้ำทะเลหนุน น้ำเหนือไหลบ่า ทำให้กระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากอย่างที่เคยเห็นจากจังหวัดทางภาคเหนือในเดือนที่ผ่านมา ในหลายๆจังหวัดที่น้ำขึ้นไปหลายเมตร จนมีชาวบ้านหลายๆคนต้องหนีไปนอนบนหลังคาบ้านเป็นที่น่าสังเวช
น้ำเหนือที่ไหลบ่าถูกอั้นมานานทำให้เกิดความรุนแรงและเชี่ยวกรากข้างต้นเข้าถล่มกรุงเทพ พร้อมความจริงที่พลัดมาตามน้ำก็เชี่ยวกรากเช่นกัน เหมือนท่านพระอาจารย์พระไพศาล วิสาโลท่านเทศน์ให้ฟังว่า "รถทั้งคันยังถูกกระแสน้ำพัดจนคว่ำ หากเราวางตัวหรือจิตขวางกระแสของความจริงแล้ว เราอาจโดนกระแสความจริงพัดพาจนกระทั่งไม่เป็นผู้เป็นคน...เพราะทุกข์มาก"
ในนาทีนี้ผู้เขียนเห็นว่าข้าศึกหรือกระแสน้ำเข้าประชิดตัวแล้วดังที่พระอาจารย์ท่านเทศน์
จิตของเราต้องยอมรับความจริงในตอนนี้ว่าภัยใกล้ตัวทำให้เราต้องสูญเสียทรัพย์สินหลายๆอย่างที่เราเก็บหามาอย่างยากลำบาก แต่เราก็ยังสามารถหาได้อีก หากเรามีมีสติและชีวิตอยู่
การยอมรับความเป็นจริงนั้นทำให้ทุกข์ที่อยู่ในจิตใจมันสามารถเบาบางลง หากเอาเครื่องวัดความดันเอามาวัดให้คนดูข่าวน้ำท่วมตลอดเวลา เป็นไปได้ว่าชีพจรหรือความดันโลหิตจะสูงขึ้นเพราะทุกข์ทำให้เกิดความเครียด
แต่ถ้าหากพิจารณาให้ดีแล้ว เราจะรู้ว่าคนอื่นที่น้ำท่วมบ้านแล้ว จนต้องไปอาศัยศูนย์พักพิงที่ทางการจัดหาให้
ถึงแม้ว่าหลายๆคนจะสูญเสียที่อยู่และเสียทรัพย์ภายในบ้าน คงจะได้รับการเยียวยาทางกายและทางใจกันไปแล้ว ทุกข์ของเขาเหล่านั้นคงจะเบาบางลงได้ เพราะจิตของพวกเขาจะมีสติดีขึ้นหรือมากขึ้น แต่อีกหลายๆคนคงจะแย่ไปกว่านั้น หากต้องสูญเสียคนภายในครอบครัวที่ตนรักต้องจากไปในภัยพิบัติครั้งนี้ ก็คงต้องใช้เวลาเยียวยานานหน่อยกว่าจะเข้าที่เข้าทาง เว้นเสียแต่ว่าจิตจะล้มไปจนไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว
หากเราเป็นชาวพุทธหรือพุทธศาสนิกชนจริงๆแล้ว ที่เชื่อในเรื่องกรรมที่เป็นของตนเอง( กัมมัสสกตาศรัทธา )เชื่อว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว หากเรายังตั้งมั่นในความดีเราก็จะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายนี้ไปได้ ( กัมมสัทธา )หากเราเจอภัยพิบัติก็เชื่อว่าเป็นเพราะวิบากรรมในอดีตหรือผลของกรรมในอดีต ( วิปากสัทธา ) แล้วเราจะตั้งจิตในการทำดีต่อไป จิตนั้นก็จะนำเราผ่านพ้นไป หากเราเห็นความจริงยอมรับความจริงได้ พัฒนาความรู้ความจริงนั้นจนเป็นความรู้แจ้งได้( ตถาคตโพธิสัทธา)ตามพระปัญญาของพระบรมศาสดาที่พระพุทธองค์ทรงเชื่อว่ามนุษย์มีปัญญาเช่นนั้น
ในนาทีนี้เป็นนาทีที่ท้าทายให้เราพัฒนาจิตใจของตนเองให้รู้จักความจริงและยอมรับความจริงอันเลวร้ายของเราอย่างมีสติให้เกิดกำลังทางกายและเกิดกำลังทางใจ(พละห้า...หาอ่านได้จากแก่นธรรมหลายๆตอน)
ผู้เขียนขอยกตัวอย่างการพัฒนากำลังกายและกำลังใจของผู้คนและพระในวัดพนัญเชิงในจังหวัดอยุธยาที่เผชิญภาวะน้ำท่วมสูงหลายๆเมตรมานานเป็นเดือน เป็นสถานที่แห่งเดียวที่ผู้เขียนเห็นจากข่าวว่าไม่มีน้ำท่วมเลย แม้น้ำจะสูงท่วมหัวก็ตาม จนขณะนี้น้ำที่จังหวัดอยุธยาเริ่มลดแล้ว
พระในวัดแทนที่จะมาวิ่งเสริมกระสอบทราย กลับมาช่วยกันทำอาหารใส่กล่องเลี้ยงชาวบ้านที่เคยหรือไม่เคยใส่บาตรให้แก่ท่านวันหนึ่งๆเป็นพันคน นี่แหละพุทธวิธีชนะกิเลสหรือความกลัว อย่างน้อยก็เห็นจากตาและใจ
แม้มิได้หมายถึงพระในวัดนี้จะบรรลุธรรม แต่ก็เห็นท่านต่างมีจิตที่ควรคูแก่การงาน จิตที่มีสติพร้อมเสมอไม่ว่าจะรุกหรือจะรับเหตุการณ์ต่างๆ จิตที่พร้อมที่จะทำอะไรให้ตนเองสูงขึ้นๆต่อไป
เพื่อนๆในชุมชนแก่นธรรมและเพื่อนๆที่ไม่ใช่ชุมชนแก่นธรรมครับ ถึงเวลาแล้วที่ท่านต้องปลุกสติของท่านที่หลับไหล ปลอบจิตที่ตื่นตระหนกของท่านให้เข้าที่เข้าทาง
นี่แค่เป็นบททดสอบแรกๆในกระแสแห่งกรรมเท่านั้น ที่เราทั้งหลายต่างมีกรรมร่วมกันและเสมอกัน ได้เวลาแล้วที่เราจะพัฒนาตัวเองอย่างจริงจัง รู้ใจคิดนึกรู้กายเคลื่อนไหว รู้ควรว่าเราต้องจะต้องทำอะไรกับตนเองและครอบครัว ถึงเวลาแล้วที่ท่านทั้งหลายที่ฝึกใจให้แข็งแรงได้ใช้มันเปิดประตูแรกแห่งพุทธธรรมคือจิตตื่น จิตรู้ และรู้ความจริงแท้
ความหมายของคำว่าพุทธธรรมหลวงปู่ชา สุภัทโทท่านสอนไว้ว่า

ก. พุทธะ หมายถึงท่านผู้รู้ตามเป็นจริง จนมีความสะอาด สงบ สว่างในใจ

ข. ธรรม หมายถึงตัวความสะอาด สงบ สว่าง ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา ดังนั้นผู้ที่เข้าถึงพุทธธรรม ก็คือ คนเข้าถึงศีลสมาธิ ปัญญา นี่เอง
ถีงเวลาแล้วเพื่อนๆทั้งหลายที่จะปลุกให้จิตของท่านตื่น ตื่นจากความหลับไหล หากยังหลับอยู่ ตะโกนบอกได้เลยนะคะว่า
"wake up ,wake up "

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น