++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สธ.เผยคนไทยเสี่ยง “เบาหวาน-ความดันโลหิตสูง” เกือบครึ่งประเทศ

“จุรินทร์” เผย อีก 10 ปี จะมีคนไทยเสี่ยงเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เกือบครึ่งประเทศ เร่งค้นหาผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยง ปรับแก้พฤติกรรมการบริโภค การดำรงชีวิต

วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล กรุงเทพมหานคร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมวิชาการมหกรรมการจัดการความรู้ ในโครงการสนองน้ำพระราชหฤทัยในหลวง ทรงห่วงใยสุขภาพประชาชนเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 โดยมีผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นักวิชาการจากโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สถานีอนามัย ศูนย์วิชาการเขต ผู้แทนจากโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร และกระทรวงกลาโหม รวมผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 1,500 คน

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประเทศไทยพบประชาชนที่ป่วยด้วยโรค เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคหลอดเลือดสมอง ที่จะนำไปสู่อัมพฤกษ์ อัมพาต โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษา 5 โรคดังกล่าว ปีละประมาณ 1 แสนล้านบาท ดังนั้น การแก้ปัญหาที่ตรงจุดคือ การป้องกัน ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากการสำรวจสภาวะสุขภาพอนามัยประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ด้วยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 4 พ.ศ.2551-2552 พบผู้ป่วยโรคเบาหวานประมาณ 3.5 ล้านคน ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงประมาณ 10.8 ล้านคน หากยังไม่ได้รับการป้องกันหรือแก้ไข คาดว่า ภายใน 10 ปีข้างหน้า หรือใน พ.ศ.2563 จะพบผู้ป่วยทั้ง 2 โรคเป็น 30 ล้านคน หรือเกือบร้อยละ 50 ของประชากรของประเทศไทย

การจัดโครงการสนองน้ำพระราชหฤทัยในหลวง ทรงห่วงใยสุขภาพประชาชนเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 เป็นโครงการที่คัดกรองผู้ป่วย รวมถึงดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด คือ การป้องกันโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการดำรงชีวิต โดยให้ลดอาหารหวาน มัน เค็ม เพิ่มผัก ผลไม้และออกกำลังกายให้มากขึ้น และงดเหล้า บุหรี่

นายจุรินทร์ กล่าวต่ออีกว่า แนวทางการป้องกันตามโครงการนี้ จะดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับ ตลอดจนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ตลอดจนผู้นำชุมชน ในการตรวจคัดกรองผู้ป่วย ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค จะมีการปรับแก้พฤติกรรมไม่ให้กลายเป็นผู้ป่วย ในกลุ่มผู้ที่ป่วยแล้ว จะรักษาให้ถูกแนวทางควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรม นอกจากนั้น จะดำเนินการให้มีการจัดตั้งชุมชนหมู่บ้านต้นแบบที่ประสบผลสำเร็จในการป้องกันและดูแลผู้ป่วยทั้ง 2 โรคด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น