มีอาการชักกระตุก เริ่มจาก นางลิ้นจี่ สุรศัพท์ อายุ 50 ปี
อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 23/2 หมู่ 9 ตำบลซึ้ง อ.ขลุง จังหวัดจันทบุรี
พี่สาวคนโตที่มีอาการครั้งแรกประมาณ 2 ปีกว่า จนทำให้สามีทิ้ง
อาศัยอยู่เพียงลำพัง แต่ยังโชคดีที่พี่น้องทุกคนเข้ามาช่วยเหลือ
แต่ต่อมาพี่น้องทุกคนเริ่มมีอาการชักกระตุกและเกร็งตามกล้ามเนื้อ
และเป็นหนักจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้นั้น
นายแพทย์อุทัย ตันสุวรรณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี
กล่าวว่า ได้สอบถามไปยังสถานีอนามัยตำบลซึ้ง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี
ทราบว่าได้รับผู้ป่วยดังกล่าวขึ้นทะเบียนหลักประกันสุขภาพ
และทะเบียนผู้พิการแล้ว
นอกจากนี้ทางสถานีอนามัยยังได้เข้าไปดูแลอย่างสม่ำเสมอ
พร้อมทั้งประสานไปทางแพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาลพระปกเกล้า
ทำการรักษาต่อไป โดยได้มอบหมายให้ทางสาธารณสุขอำเภอขลุง
และเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปดูแลและนัดหมายคนไข้ให้มารับการรักษาต่อไป
เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 30 มิถุนายน 2553
ที่สถานีอนามัยตำบลซึ้ง นายสามารถบุญโยประการ สาธารณสุขอำเภอขลุง
พร้อมด้วยกำนันตำบลซึ้ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9
ตำบลซึ้งและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลซึ้ง นางชัชฏาวดี ตรีวงษ์
หัวหน้าสถานีอนามัย ได้มาพูดคุยนายสมพงษ์ สุรศัพท์ อายุ 39 ปี
น้องชายนางลิ้นจี่ ซึ่งมีอาการชักเกร็งเช่นกัน
จากการสอบถามพบว่าพี่น้องทั้งหมด 9 คน คือ
1.นางถวน รจนากูล มีอาการชักกระตุกและเสียชีวิตเมื่ออายุ 43 ปี
2.นายโฮ่ง สุรศัพท์ มีอาการชักกระตุกและเสียชีวิตเมื่ออายุ 46 ปี
3.นางประทุม มานะก่อ(เสื้อเขียว) ปัจจุบันอายุ 56 ปี มีอาการชักกระตุก
และยังมีชีวิตอยู่
4. นายแอ๊ด สุรศัพท์ มีอาการชักกระตุก และเสียชีวิตเมื่ออายุ 40 ปี
5. นางลิ้นจี่ สุรศัพท์ อายุ 50 ปี (เสื้อแดง) มีอาการชักกระตุก และยังมีชีวิตอยู่
6.นางอรุณ อายุ 47 ปี อาศัยอยู่จังหวัดลพบุรี ปัจจุบันอาการปกติดี
7. นางพยอม สุรศัพท์ อายุ 46 ปี มีอาการ ไม่มีอาการเกร็ง
รักษากับแพทย์แผนไทย ยังมีชีวิตอยู่
8. นายชวลิต สุรศัพท์ อายุ 40 ปีมีอาการปกติและยังมีชีวิตอยู่
9.นายสมพงษ์ สุรศัพท์ อายุ 39 ปี มีอาการชักกระตุก ปากเบี้ยว
ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ด้านนายสมบูรณ์ สุรศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ตำบลซึ้ง
อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า
สำหรับครอบครัวนี้เท่าที่จำได้เริ่มมีอาการป่วยมาตั้งแต่รุ่นปู่
ซึ่งมีอาการชักกระตุก เกร็งและเสียชีวิตเมื่ออายุ 60 ปี
และตกมาถึงนายถิ่น สุรศัพท์ บิดานายสมพงษ์ ต่อมาเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 50
ปี สำหรับครอบครัวนี้ทางท้องถิ่นเอง
รวมทั้งทางสาธารณสุขได้เข้ามาดูและโดยตลอด แต่ผู้ป่วยไม่ยอมไปรับการรักษา
ต่อมาได้ปรึกษากับสาธารณสุขอำเถอทำอย่างไรผู้ป่วยถึงจะยอมไปขึ้นทะเบียนผู้พิการ
จึงได้ใช้วิธีถ่ายวีดีโอไปให้แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นผู้พิการไม่สามารถประกอบอาชีพได้และได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้พิการได้รับเงินยังชีพเดือนละ
500 บาท สำหรับสิทธิในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยใช้สิทธิของบัตรทอง
นายสามารถ บุญโยประการ สาธารณสุขอำเภอขลุง กล่าวว่า
ผมได้รับข้อมูลของผู้ป่วยเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2552
และก็ได้ให้การดูแลมาโดยตลอดและช่วยเหลือในการขึ้นทะเบียนผู้พิการไม่สามารถประกอบอาชีพได้
นอกจากนี้ได้ประสานไปยังทางโรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
เพื่อนำผู้ป่วยไปรับการตรวจรักษากับแพทย์เฉพาะทาง
จากการพูดคุยกับนายสมพงษ์ แล้วยินยอมที่จะรับการรักษาจากแพทย์
โดยทางผู้ใหญ่บ้านจะเป็นธุระในการพาไปโรงพยาบาลและหากตรวจวินิจฉัยโรคและรักษานายสมพงษ์
ได้แล้วก็จะนำทีมแพทย์ลงมาตรวจรักษาผู้ป่วยรายที่เหลือต่อไป
แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ
ผู้จัดทำ.... กลุ่มงานสนับสนุนวิชาการ สสจ.จันทบุรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น