++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ใครต้องรับผิดชอบเรื่องขยายเวลาเล่นเกมให้เด็ก...!!/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

ใครต้องรับผิดชอบเรื่องขยายเวลาเล่นเกมให้เด็ก...!!/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
โดย สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน


คอลัมน์ พ่อแม่ลูกปลูกรัก

ลองมาทบทวนกันดูหน่อยนะคะว่ากฎกระทรวงประกอบภาพยนตร์และวีดิทัศน์
พ.ศ.2551 จำนวน 2 ฉบับที่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีชุดที่มี
คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และมี คุณธีระ สลักเพชร
เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มีอะไรกันบ้าง

ในที่นี้ดิฉันขอเฉพาะเจาะจง ว่าด้วยเรื่องของร้านเกมล้วนๆ ค่ะ

กำหนดระยะเวลาในการเล่นเกม
และการใช้บริการร้านเกมของเด็กที่ผ่านกฎกระทรวง มีดังนี้

1) เด็กอายุต่ำกว่า 15
ปีเข้าใช้บริการวันจันทร์ถึงวันศุกร์ได้ตั้งแต่เวลา 14.00-20.00
น.และตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.ในวันหยุดราชการ และวันปิดภาคเรียน

2) เด็กอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 18
ปีเข้าใช้บริการวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ได้ตั้งแต่เวลา 14.00-22.00
น.และตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น.ในวันหยุดราชการ และวันปิดภาคเรียน

หรือถ้าใช้ภาษาของร้านเกม
ที่ส่งรายละเอียดผ่านเวปไซต์แจ้งลูกค้าทางอินเทอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลายก็คือ

ร้านเกม เวลา เปิด-ปิด 08.00-02.00 ของทุกวัน
ร้านอินเตอร์เน็ต เวลา เปิด-ปิด ตลอดเวลาทำการ
ข้อห้ามวันจันทร์-ศุกร์ เด็กต่ำกว่า 15 ปี 14.00-20.00
น.เด็กต่ำกว่า 18 ปี 14.00-22.00 น.
วันหยุด วันปิดการเรียน เด็กต่ำกว่า 15 ปี 10.00-20.00 น.อายุ 18
ปี 10.00-22.00 น.
และก็มีประโยคห้อยท้ายว่า "มีวิธีให้ท่านสมาชิกสามารถ เปิดได้ 24
ชม.ได้ 365 วัน"

.......................................

ขณะเดียวกัน ลองมาดูกฎกระทรวงเมื่อปี 2549
ก่อนที่จะมีการแก้ไขล่าสุด มีสาระสำคัญในเรื่องการควบคุมร้านเกมว่า
ให้ควบคุมร้านเกมเหมือนกับร้านจำหน่ายสุรา คือ กำหนดอายุเด็ก 7-18 ปี
ห้ามเล่นเกิน 3 ชม. ตั้งแต่ 16.00-18 .00 น.ในวันจันทร์-ศุกร์
ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ให้เป็นไปตามเดิมแล้ว
ทั้งยังห้ามไม่ให้อยู่ใกล้สถานศึกษา 500 เมตร และไม่ควรอยู่ในย่านชุมชน

เหตุผลในขณะนั้นเพราะเป็นกังวลต่อผลกระทบจากร้านเกมที่มีต่อเด็กนัก
เรียน เช่น ทำให้เด็กมีเวลาอยู่กับครอบครัวน้อยลง และไม่มีเวลาดูหนังสือ
เป็นต้น ที่ประชุมจึงได้มีข้อเสนอแนะที่จะให้จำกัดอายุเด็ก
และเวลาในการเล่นเกม โดยจะขอให้มีการแก้ไขประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับที่ 12
พ.ศ.2549 ในประเด็นอายุ ว่าควรกำหนดอายุของเด็กไว้ที่ 7-18 ปี
และให้เข้าร้านเกมเล่นได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 16.00-18.00
น.ในวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ก็ให้เป็นไปตามประกาศเดิม
สำหรับสถานที่ที่เปิดร้านเกม
ก็จะขอให้ควบคุมเช่นเดียวกับการเปิดร้านจำหน่ายสุราที่ไม่ควรอนุญาตให้เปิด
ในรัศมี 500 เมตรรอบสถานศึกษา และไม่ควรให้อยู่ในย่านชุมชนด้วย

คุณผู้อ่านรู้สึกอย่างไร ?

โดยเฉพาะคนเป็นพ่อแม่ คุณรู้สึกอย่างไร ?

เหตุไฉนการแก้ไขกฎกระทรวงกลับกลายเป็นว่าเด็กสามารถเข้าถึงร้านเกมใน
ช่วงเวลาได้มากขึ้นกว่าเดิม ในทางตรงกันข้าม
เท่ากับเอื้อประโยชน์ให้บรรดาร้านเกมมากขึ้นอีกต่างหาก

บรรดาคนเป็นพ่อแม่ที่ดิฉันได้มีโอกาสสัมผัส
รวมถึงเปิดสายโทรศัพท์ผ่านทางคลื่นวิทยุที่ดิฉันเป็นผู้ดำเนินรายการ
เพื่อรับฟังความคิดเห็นของคนเป็นพ่อแม่ต่อกรณีดังกล่าว
ไม่มีใครเห็นด้วยต่อกฎกระทรวงล่าสุดที่ผ่านไปแล้วครั้งนี้
พร้อมทั้งบอกตรงกันว่าไม่เข้าใจว่าเหตุไฉนภาครัฐจึงปล่อยให้ผ่านไปได้

อีกทั้งประชาชนก็ไม่มีโอกาสมีปากมีเสียงต่อกรณีดังกล่าว

ล่าสุด นพ.บัณฑิต ศรไพศาล
จากสถาบันจิตแพทย์แด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ได้ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะได้
อย่างน่าสนใจ ว่าปัญหาเรื่องเด็กติดเกมในปัจจุบันสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ตัวเลขจากกรมสุขภาพจิตพบเด็กที่ติดเกมรุนแรงเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
จำนวน 5% ต่อจำนวนประชากรเด็กทั้งหมด ปัจจุบันตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 9%
และเด็กที่พบเป็นเด็กระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา

ในอดีตพบเด็กระดับมัธยมปลายเป็นปัญหามากที่สุด
และขยับลงมาเป็นระดับมัธยมต้น
ปัจจุบันที่น่าเป็นห่วงลงมาถึงระดับประถมตอนปลาย

สาเหตุหลักมาจาก 2 ปัจจัย

ปัจจัยภายใน เกิดจากการที่เด็กต้องการได้รับการยอมรับ
อยากเป็นฮีโร่ และในโลกของเกมเขาสามารถเป็นได้
รวมถึงเด็กไม่ได้รับการฝึกฝนเรื่องวินัยมาตั้งแต่เล็ก
ก็เลยไม่สามารถหยุดเล่นเกมได้

ปัจจัยภายนอก เพราะเด็กสามารถเข้าถึงเกมได้ง่าย
บางบ้านก็มีคอมพิวเตอร์ในบ้าน บางบ้านที่ไม่มี
เด็กก็สามารถไปร้านเกมได้ไม่ยาก

แล้ววิธีป้องกัน ?

หนึ่ง - คน
ส่วนนี้เกี่ยวข้องกับพ่อแม่โดยตรง
พ่อแม่ต้องเรียนรู้วิธีการดูแลลูกให้มากขึ้น
ต้องมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบและสร้างวินัยให้กับลูกตั้งแต่ยังเล็ก

สอง - สิ่งแวดล้อม
ส่วนนี้เกี่ยวข้องกับโรงเรียน ชุมชน
ต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้อย่างหลากหลาย มีกิจกรรมที่เหมาะสม
และทางเลือกให้กับเด็กอย่างสม่ำเสมอ

สาม - ภาครัฐ
นั่นก็คือการจัดระเบียบร้านเกม ควบคุมการเปิดปิด
รวมถึงการจัดเรตติ้ง และคำนึงถึงสถานที่ตั้ง

เรียกว่า ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมต่อปัญหาเรื่องเด็กติดเกม

ข้อหนึ่งและข้อสองเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของคนเป็นพ่อแม่และผู้ที่
เกี่ยวข้องเด็ก ที่ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบไปได้ แต่ข้อสามนี่สิ
เหตุใดจึงช่วยสนับสนุนให้ขยายช่วงจำกัดเวลาของร้านเกมให้มากขึ้น

ที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมายดีๆ ในบ้านเราก็ไม่ค่อยได้ผลอยู่แล้ว
ขนาดกฎกระทรวงครั้งนี้เอื้อให้กับร้านเกมเป็นอย่างมาก
บรรดาร้านเกมเขาก็ยังมีเทคนิคบอกลูกค้ากันแล้วผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตว่ามี
วิธีเล่นเกมได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ยอม รับเถอะค่ะ...เรื่องเทคโนโลยีกับคนรุ่นใหม่ไปเร็วกว่าที่เราคิดเยอะ
ยิ่งถ้าไม่เข้มงวดต่อมาตรการที่ต้องควบคุมเด็กและเยาวชนแล้วล่ะก็
น่าเป็นห่วงยิ่ง

ดิฉันพยายามมองหาเหตุผลดีๆ เกี่ยวกับการประกาศกฎกระทรวงครั้งนี้
ว่าจะช่วยปกป้องเด็กและเยาวชนของเราได้อย่างไร
มีอะไรซ่อนอยู่ที่เรามองไม่เห็นหรือเปล่าหนอ..!!

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถเข้าใจได้
และไม่สามารถรับได้กับแนวทางที่ช่างสวนทางกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ที่เห็นความสำคัญของปัญหาทางด้านเด็กและเยาวชนมาโดยตลอด

อยาก จะถามดังๆ ว่า ท้ายสุดใครคือคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้
หากมาตรการล่าสุดมีส่วนต่อการทำให้เด็กติดเกมเพิ่มมากขึ้นและกลายเป็นผลเสีย
ต่อสังคมโดยรวม


http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000088433

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น