กิเลสมนุษย์ที่ไม่มีการควบคุม
แทนที่ความเจริญทางเทคโนโลยีจะช่วยทำให้ความเป็นอยู่ของโลกดีขึ้น
กลับทำให้เกิดความเสื่อมทรุดของโลกมากและเร็วยิ่งขึ้น
ความเสื่อมเกิดจากความคิดและการกระทำของมนุษย์ เกิดจากน้ำมือของมนุษย์
ทรัพยากรของประเทศถูกครอบงำและถูกใช้ประโยชน์โดยคนระดับบนที่มี 10
เปอร์เซ็นต์ของประเทศ เอารัดเอาเปรียบคนระดับล่างที่มี 90
เปอร์เซ็นต์ของประเทศ เป็นความเหลื่อมล้ำที่รุนแรง
ก่อนการมาของรัฐบาลทักษิณ ประเทศไทยก็เรื้อรังกับความทรุดโทรมมาก
ด้วยภาพของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ที่สร้างฐานะตนมั่งคั่งด้วยเวลาที่รวดเร็ว
เชื่อว่าจะมาช่วยยกฐานะของประเทศไทยได้ เป็นที่หวังของหลวงตามหาบัว
แห่งวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แห่งชุมชนบุญนิยมอโศก
ศ.นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว ผู้บุกเบิกการแพทย์ชนบทและการแพทย์สมัยใหม่ ทั้ง 3
ท่านต่างล่ารายชื่อมาสนับสนุนทักษิณ เมื่อครั้งถูกพิพากษาในคดีซุกหุ้น
โดยหวังให้ทักษิณ มีโอกาสมาช่วยเหลือประเทศให้พ้นจากความทรุดโทรม
ผู้เขียนเชื่อว่า แม้ผู้ไม่แสดงออกอย่างพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ก็หวังกับการมาของของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเช่นเดียวกัน
ภายหลังกลุ่มคนที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ต่างส่ายหน้า
เมื่อพบว่าทักษิณ ไม่ได้ทำให้ประเทศดีขึ้น
ทักษิณก็ไม่สนใจกลุ่มคนที่เคยสนับสนุนตน กลับใช้รายการนายกฯ
พบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์สร้างมวลชนของตนเองขึ้นมาใหม่
และได้กลุ่มวัดธรรมกาย มาแทนกลุ่มหลวงตามหาบัว และกลุ่มชุมชนอโศก
ทักษิณ นอกจากไม่ช่วยทำให้ประเทศไทยดีขึ้น
ยังซ้ำเติมให้ประเทศตกต่ำต่อเนื่อง
สวมรอยว่าตนเองเป็นผู้ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ ทำให้ราคายางสูงขึ้น
โครงการประชานิยม และโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค
ไม่คุ้มกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ที่ทำให้ราคาน้ำมันและราคาสินค้าสูงขึ้น
ก่อความเดือดร้อนแก่คนทั่วประเทศ มีเพียงวาจาว่าจะแก้ปัญหาความยากจน
แต่ข้อเท็จจริงประชาชนยากจนมากกว่าเดิม
จากการบริหารประเทศ ของนายกฯ ทักษิณที่เบี่ยงเบน
ทำให้เกิดปัญหาตามมา สามารถเรียงลำดับการเกิดปัญหาดังนี้
1) การมาของทักษิณ ที่เป็นรัฐบาลทักษิณ
2) เกิดปรากฏการณ์สนธิ มาต่อต้านทักษิณ ตอนหลังสนธิอ่อนแรง
3) เกิดสมัชชาประชาชนมารวมตัวกับสนธิเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ
พธม. หรือการเกิดขึ้นของคนเสื้อเหลือง
4) แก้กฎหมายขายชินให้เทมาเส็ก เป็นการขายชาติ เป็นชนวนการปฏิวัติ
5) เกิดแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นปช. หรือการ
เกิดขึ้นของคนเสื้อแดง
กล่าวได้ว่า การมาของทักษิณ
คือต้นเหตุปัญหาความเลวร้ายของประเทศไทย อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แม้จะหมดอำนาจไปแล้ว ก็ยังตามมาปลุกระดมให้เกิดความแตกแยกและรุนแรง
หากไม่มีคนในข้อ 1 เกิดขึ้น ปัญหาของประเทศไทยก็ไม่รุนแรงเท่านี้ คนในข้อ
1 คือคนต้นเหตุปัญหาของประเทศ
การมาของ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตามหลังการมาของนายกฯ
พล.อ.สุรยุทธ์ นายกฯ สมัคร และนายกฯ สมชาย ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
ยังคงเกิดการซ้ำเติมปัญหาของประเทศให้บานปลายมาก ขึ้น ผู้คนบอกว่านายกฯ
อภิสิทธิ์ ไม่เด็ดขาด ไม่กล้าตัดสินใจ
แต่ผู้เขียนเข้าใจว่าเขาอาจจะเป็นผู้นำที่อ่อนด้อยทางวิสัยทัศน์
เพราะไม่เข้าใจเรื่อง จึงไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเรื่องอะไร
และจะเด็ดขาดเรื่องอะไร ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย
กฎหมายของประเทศไทยก็พอใช้ได้ แต่ไม่ถูกบังคับใช้ต่างหาก
มีการซื้อเวลาด้วยการให้มีปฏิรูปประเทศ
นายกฯ อภิสิทธิ์บอกว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดง "เป็น
เรื่องของความแตกต่างทางอุดมการณ์" บอกให้ชุมนุมได้ภายใต้กรอบของกฎหมาย
และบอกว่า "จะไม่เอาตนเองเข้าไป เป็นประเด็นของความแตกแยก"
จึงทำให้เกิดการชุมนุมอย่างยืดเยื้อ เครื่องมือประกอบการชุมนุมก็ทันสมัย
มีทุกรูปแบบ ทั้งสื่อโทรทัศน์ เว็บไซต์ วิดีโอลิงก์ โฟนอิน
และสื่อสิ่งพิมพ์
ผู้เขียนดูแล้วไม่ใช่เรื่องการแตกต่างทางอุดมการณ์ แต่
เป็นการปลุกระดมแบบล้างสมอง ที่เกิดจากกิเลสและมิจฉาทิฐิของคนคนเดียว
คล้ายที่พรรคคอมมิวนิสต์เคยใช้วิทยุปฏิบัติการกับประเทศไทยเมื่อ 30-40
ปีที่ผ่านมา ใช้ข้อมูลเบี่ยงเบน และมีการจาบจ้วง
เกิดเป็นวิกฤตต่อเนื่องที่ร้ายแรงที่สุดในโลก
หลังความเสียหายที่รุนแรง นายกฯ
อภิสิทธิ์ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก
มาชดเชยความเสียหายปลายเหตุที่เกิดจากการบริหารและจัดการที่ล้มเหลวของตน
จะ ให้มีปรองดองกันของคนในชาติ และการนิรโทษกรรมผู้ชุมนุม การตั้ง
กรรมการกลางเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงสงกรานต์เลือดปี 2552
และตั้งกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความไม่สงบทุกกรณีปี 2553
แสดงว่ารัฐบาลไม่สามารถสรุปข้อเท็จจริงได้เอง
ความแตกแยกของคนในชาติ เป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดของประเทศ
ไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่เกิดจากการปลุกระดมแบบล้างสมอง
ด้วยมิจฉาทิฐิของคนคนเดียว ทำให้เกิดความเข้าใจผิด
ทำให้เกิดความแตกแยกรุนแรงของคน ทุกระดับชั้น ทุกอาชีพ
วิธีการแก้ปัญหา ก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุของปัญหา
ต้องแก้ไขที่ความเข้าใจผิดของมวลชน ให้ข้อมูล ความรู้
ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่มวลชน ไม่ใช่ไปพูดถึงการประนีประนอม
และการอภัยโทษ ถ้าสามารถให้ข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจแก่มวลชนได้
ความแตกแยกก็จะได้รับความเห็นใจ การประนีประนอมก็จะเกิดขึ้นได้เอง
บอกไปก็ลำบาก รัฐบาลมีอำนาจ มีเครื่องมือการสื่อสาร
มีบุคลากรเพียบ แต่ไม่รู้ข้อมูลที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิดเป็นแบบไหน
อย่างไร และเมื่อใด ความแตกแยกที่บานปลายมาก ก็จะบานปลายต่อไป
ใครจะช่วยประเทศไทยได้
ก้คนไทยทุกคน 'สัมปจิตฉามิ' บ่อยๆ เดี๋ยวดีเอง แล้วจะทันปี 2555 ไม๊นี่ ปีที่พระอริยเจ้าห่วงใยลูกหลานชาวไทย อ่านต่อ...http://www.ainews1.com/article311.html
ตอบลบ