หนุ่ย หนองโสน
ทีนี้ก็ได้ฤกษ์ออกหาทำเลทอดกันได้แล้ว บางคนถือเอาขนาดหนักต้องดูฤกษ์ดูยามกันอย่างกับจะออกรบทีพจับศึกหรือ ลงเสาเอกบ้านกันทีเดียว ก่อนออกควรซ้อมมือกับของสดซิงๆที่ลานบ้านเสียก่อนว่ามันบานดีหรือไม่ดี ถ้ามันบานดีจะคลุมพื้นที่ร่วม ๑๐ ตารางเมตรเชียวล่ะ น้อยอยู่เสียเมื่อไหร่ ถ้าปลามันพูดได้มันคงหัวเราะเยาะเอาว่ามนุษย์นี่โง่น่าดู ตัวกูก็สักกะติ๊ดทำที่ให้อยู่เสียบานเลย ทีตัวเองที่แค่ ๔-๕ ตารางเมตรรวมกันอยู่ให้คลั่กไปหมด บางทีเวลานอนยังซ้อนกันเสียอีกบ้าชมัดเตี่ย
คุณจะเห็นแล้วนะครับว่าแหที่เราเห็นเขาทอดกันโครมๆนั่นน่ะไม่ใช่ได้มาง่ายๆ ต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะสาหัสขนาดไหน ต้องร่ำต้องเรียนต้องมีครูสอนกันทีเดียว ไม่เช่นนั้นก็เย็บไม่เป็น ตัวผมเองกว่าจะเป็นต้องทั้งดูทั้งให้เขาสอนหลายคาบชั่วโมงเหมือนกัน เวลาเย็บเป็นแล้วพวกเราไม่มีการหวงวิชากันหรอก มีการสอนหรือแนะนำกันต่อๆไปในแวดวงของคนหาปลาด้วยกัน ต่างก็เห็นอกเข้าใจในความยากจนด้วยกันเองดี
ผมเอง็มีศิษย์อบู่หลายคนเหมือนกันโก้หอิกเสียเมื่อไหร่ล่ะ แต่มีศิษย์ที่สอนแล้วได้ผลเกินคาดอยู่คนชื่อเจ้าแบน เจ้านี่ทำตัวสมชื่อจริงๆ กล่าวคือ ตกเย็นๆจะกรุ๊บวันละแบนเป็นประจำ บางวันเมียไม่อนุญาตมันก็แอบกินจนได้ ถึงมันจะมีเงินมากเท่าไรมันก็จะซื้อเป็นแบนอยู่นั่นแหละ มันบอกว่าเพื่อเตือนสติไม่ให้ลืมว่าชื่อแบน ฟังเหตุผลของมันซีครับมันน่าไหม? แต่บางครั้งเมื่อร่วมวงกันหลายคนและโดนไปหลายแบนเข้าเจ้านี่ ก็ชักเพี้ยนๆ ลืมชื่อเอาง่ายๆเหมือนกัน จะให้เรียกมันว่าไอ้กลมตะพึดเปลี่ยนชื่อเสียเฉยๆ ยังงั้นแหละเอากะมันซี เจ้าศิษย์แบนนี่เวลาผมขึ้นจอมแหเย็บแห มันจะคอยซักถามด้วยความสนใจ บางทีขอลองเย็บดูก็มี จนมันแน่ใจว่าเย็บได้แน่ๆ มันจึงบอกผมว่า
"พี่หนุ่ย พรุ่งนี้ผมจะไปซื้อด้ายและมาขึ้นจอมกับพี่นะครับ"
รุ่งขึ้นมันก็หิ้วมาสองแบนเป็นค่าขึ้นครูกับผม ก็สนุกละซีครับ ถ้อยทีถ้อยสอนถ้อยก้งกันไป ปรากฏว่าวันนั้นเหล้าหมดแต่ขึ้นแหเย็บไปได้ไม่พอคืบมั้ง ที่เหลือมันบอกผมว่าจะเอาไปเย็บต่อที่บ้าน ถ้ามีปัญหามันจะมาถาม มันหายไปนานสักเดือนหนึ่งได้ ผมเจอหน้ามันอีกทีผมถามมันว่า "เป็นยังไง เย็บแหเสร็จหรือยัง"
มันตอบว่า "เย็บไปได้ยังไม่ถึง ๒ ศอกเลย " ผมก็เป็นงงซีครับถามมันต่อว่า
"อะไรวะ ร่วมเดือนแล้วทำไมเย็บได้แค่นั้น มีปัญหาหรือไม่มีเวลา" มันบอกว่า
"ปัญหาไม่มีครับเย็บได้สบาย เวลาก็มีถมไป แต่เมียผมซีครับมันไม่ยอมให้เงินไปซื้อด้ายมาเย็บต่อ"
"บ๊ะ ทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้นล่ะโว้ย" ผมอุทานด้วยความแปลกใจ เจ้าแบนมันอธิบายให้ผมฟังว่า
ตอนแรกที่มันบอกเมียมัน เมียมันก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย เพราะลงทุนไม่เท่าไร ถ้าจ้างหรือซื้อเขาก็เป็นเงินหลายร้อย จึงให้เงินไปซื้อด้ายมาขึ้นครูกับผม ไอ้แบนก็ขยันเย็บทุกวัน วันสองวันก็เบิกเงินไปซื้อด้ายทีละ ๒ ขีด จนกระทั่งเสียเงินซื้อด้ายไปร่วม ๒ กิโลแล้ว แหก็ยังไม่เห็นไปเหนือไปใต้ยังสั้นจุ๊ดจู๋ยาวไม่ถึงเมตรสักที เมียมันก็ชักเอะใจเลี่ยงไปกระซิบถามคนที่เขาเย็บแหเป็น ความก็แตกซีครับเพราะไอ้แบนมันเบิกเงินไปซอด้ายทีละ ๒ ขีด ๆ ละไม่เกิน ๑๕ บาทรวมค่ารถเมียให้ไปทีละ ๔๐ กลับมาไอ้แบนได้ด้ายมา ๒ เข็ด มันบอกเมียมันวาเข็ดละขีดเมียมันก็เชื่อ ความจริงด้ายขีดหนึ่งมี ๔ เข็ด ถ้าซื้อปลีกก็เข็ดละ ๔ บาท ไอ้แบนได้ด้ายมา ๒ เข็ดก็ ๘ บาท อีก ๓๒ บาทหายไปไหนหรือครับ ไอ้แบนมันเม้มเอาไปเลี้ยงนกครับ นกตระกูลหงส์เสียด้วย เลี้ยงทีละตัว ตัวละแบนสมชื่อมันละครับ แหปากหนึ่งใช้ด้ายไม่เกิน ๓ ขีด ถ้ายิ่งขนาดใหญ่ก็ยิ่งใช้ด้ายน้อย นี่ไอ้แบนใช้ด้ายร่วม ๒ กิโลแหก็ยังสั้นจู๋อยู่เลย จะไม่ให้เมียมันสงสัยได้อย่างไร
นึกแล้วผมยังเสียวแทนมันไม่หายเลยที่เมียมันจับโกหกได้ จะไม่ให้ผมเสียวยังไงไหวเมียมันรูปร่างล่ำบึ๊กลำหักลำโค่นผู้ชายบางคน ยังอาย จะเปรียบกับหมีก็คงไม่เกินความเป็นจริง และที่สำคัญเมียมันเป็นอดีตนักมวยหญิงเคยไปชกถึงญี่ปุ่นมาแล้ว ลงแบบนี้ไอ้แบนมันไม่แบนหรอกครับ เละเอาเลยทีเดียวละ มันยังอวดแผลบนหัวที่เพิ่งตกสะเก็ดให้ผมดูเลย กรรมใดใครก่อนะแบนนะ
ปรากฏว่า มันเข็ดไปเลยครับ เดี๋ยวนี้ไอ้แบนเปลี่ยนชื่อแล้วเป็นไอ้กั๊ก แล้วนานๆวันกั๊กเสียด้วย...
ที่มา ต่วยตูน ฉบับเดือนตุลาคม ๒๕๓๐ ปีที่ ๑๗ เล่มที่ ๒
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น