++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

"ตำรวจไทย" ป่วยหนัก!

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต

วันก่อน... ผมมีโอกาสดำเนินรายการ "คลายปม" ร่วมกับ ทนายวันชัย
สอนศิริ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้แง่คิดสรุปได้ว่า

"หากตำรวจไทยไม่ทำงาน หรือทำหน้าที่โดยมิชอบอย่างเช่นในปัจจุบัน
ตำรวจจะเหลืองานที่ทำเพียง จับงู รำโบกรถควบคุมจราจร และคดีมโนสาเร่
ผัวเมียตีกัน"

มีเหตุอันใดให้คิดเป็นเช่นนั้นหรือ?

1) วิกฤติของประเทศไทย ในช่วงเดือนเมษายน 2552 และ
เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 สะท้อนว่า ตำรวจไทยจำนวนถึง 90% มีปัญหา!

ปล่อยปละละเลย ละเว้น ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

ทั้งๆ ที่ ตำรวจจำนวนหนึ่ง ยังมีความสามารถ แต่ก็ยังปล่อยปละละเลย
ไม่ว่าจะโดยเกรงใจ เกรงกลัว
หรือแม้แต่จะถึงขั้นรู้เห็นเป็นใจให้มีการก่อการที่ผิดกฎหมาย
ทั้งเรื่องขนอาวุธ ขนอุปกรณ์ในการวางเพลิง เผาทรัพย์ (ยางรถยนต์
น้ำมันเชื้อเพลิง)
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงพฤติกรรมที่ทำตัวเป็นเบี้ยล่างของผู้ต้องหาตามหมายจับของ
ศาล ยอมปลดอาวุธประจำกายตามคำสั่งของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง
โดยวางอาวุธลงเกือบจะแทบเท้าของนายอริสมันต์ ณ
บริเวณหน้าโรงแรมเอสซีปาร์ค ฯลฯ

ด้วย เหตุนี้
ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องใช้กองกำลังของทหารออกปฏิบัติการแทนตำรวจ
และต้องมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
เพื่อให้มีการควบคุมดูแลสถานการณ์จนถึงทุกวันนี้

2) เหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551
ตำรวจกลับปฏิบัติการต่อผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
บริเวณหน้ารัฐสภาตั้งแต่เช้าตรู่ จนถึงค่ำที่บริเวณหน้า บช.น.
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ความรุนแรง ไม่ปฏิบัติจากเบาไปหนัก
ใช้ระเบิดแก๊สน้ำตาชนิดที่มีสารระเบิดแรงสูง ยิงตรงใส่ประชาชน
ทำให้ผู้ชุมนุมบาดเจ็บล้มตาย แขนขาด ขาขาด ลูกตาหลุด
เปิดบาดแผลฉกรรจ์ตามเนื้อตัว จำนวนหลายร้อยคน

3) การประกาศ "สงครามยาเสพติด" ของทักษิณ ชินวัตร
ที่ปฏิบัติการระหว่างวันที่ "1 ก.พ.-30 เม.ย.2546" เพียง 3 เดือน
ทำให้มีคนถูกฆาตกรรม หรือที่เรียกกันว่า "ฆ่าตัดตอนยาเสพติด" ถึง 2,873
ศพนั้น เป็นที่เชื่อกันว่า ตำรวจมีบทบาท หรือมีส่วนสำคัญในการปฏิบัติงาน
ทั้งขึ้นบัญชีดำ
กำจัดคนในบัญชีดำเพื่อลดจำนวนคนให้ได้ตามเป้าหมายที่สั่งการจากนักการเมือง
และได้ทำลายหลักฐานไปแล้ว เช่น บัญชีดำ เป็นต้น

ปัจจุบัน ไม่ใช่เพียง 2 พันกว่าศพที่ตายไป
แต่ญาติพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่หลายหมื่นคน ต้องทนทุกข์ทรมาน ถูกกังขา
ดูถูกเหยียดหยามในสังคมว่ามีส่วนพัวพันกับยาเสพติด

4) สถานบันเทิงเริงรมย์ บ่อน ซ่องหรือการค้าประเวณีในรูปแบบต่างๆ
ฯลฯ ยังดำเนินอยู่โดยผิดกฎหมาย แต่ไม่ถูกดำเนินการตามกฎหมาย
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าตำรวจต้องรู้เห็นเป็นใจ หรือละเว้น ไม่ปฏิบัติหน้าที่

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมานี้เอง
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.)
ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.)
และตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้เข้าทลายสถานบันเทิงขนาดใหญ่ ชื่อ "สแกนผับ"
ย่าน รัชดาภิเษก เปิดให้บริการโดยไม่มีใบอนุญาต
และเปิดให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการในวันนั้น ถึง 800
กว่าคน และเมื่อสุ่มตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ปรากฏว่า มีปัสสาวะสีม่วง 15
คน โดยในจำนวนนั้นใช้สารเฮโรอีน 3 คน

ตรวจพบยาเค 50 ห่อ บรรจุในถุงพลาสติกใสไว้จำหน่าย นอกจากนี้
ยังมียาไอซ์ ยาอี ยา 555 โพยแทงพนันฟุตบอลโลก โพยสั่งซื้อยาเสพติด
อาวุธปืนสั้นขนาด 6.35 ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก อีกด้วย

ร้าน "สแกนผับ" เป็น สถานบันเทิงขนาดใหญ่ จุคนได้กว่า 2,000 คน
ในเขตการรับผิดชอบของตำรวจ สน.ห้วยขวาง เปิดบริการโดยไม่มีใบอนุญาต
มีการต่อเติมอาคาร ไม่มีประตูหนีไฟ ไม่มีระบบป้องกันอัคคีภัย
และมีการจ่ายเงินแก่เจ้าหน้าที่วันละ 100,000 บาท

ช่าง ละม้ายคล้ายกับร้าน "ซานติก้า ผับ"
ที่เกิดเหตุไฟไหม้เมื่อวันฉลองปีใหม่ 1 มกราคม 2552 ที่มีคนตาย 66 คน
บาดเจ็บสาหัสอีกมากกว่า 200 คน

และก็คล้ายกับสถานบันเทิงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น "เวอร์จิ้น" หรือผับ
"สละโสด" ที่พบในจังหวัดปทุมธานี

หรืออาจจะมีสถานบันเทิง "ขายตัว" - "แอบเมีย" - "เคลียคลอ" -
"ล่อกันเอง" ฯลฯ อีกกี่แห่งในหัวเมืองใหญ่ จังหวัดสำคัญๆ ของประเทศ
ให้เป็นที่ทำลายชีวิตเยาวชนของชาติและสังคม
แต่เป็นแหล่งผลประโยชน์ของตำรวจ อีกมากมายแค่ไหน

กรณี "สแกน ผับ"
เมื่อหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรมดำเนินการเข้าจับกุม
ตำรวจในพื้นที่ก็พยายามใส่หลักฐานในบันทึกประจำวัน ว่าเป็นเวลา 00.30 น.
เพื่อให้ตำรวจพื้นที่พ้นผิดว่าปล่อยปละละเลย หรือรู้เห็นเป็นใจ ทั้งๆ ที่
ในความเป็นจริง เป็นเวลา 02.30 น.
ซึ่งเปิดเกินเวลาอนุญาตตามกฎหมายอยู่ทุกคืน หนำซ้ำ
ยังพยายามบอกว่าตำรวจในพื้นที่ได้เข้าร่วมสนธิกำลัง
โดยที่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

กรณี นี้ สะท้อนว่า
อำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบ้านเมืองกำหนดให้เป็นของตำรวจ
แต่เมื่อตำรวจปล่อยปละละเลย เกิดความเสียหายแก่ส่วนรวม
สังคมก็ส่งเสริมให้หน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่ตำรวจเจ้าของท้องที่โดยตรง เช่น
ปปส. ปปท. เข้าปฏิบัติการแทน

5) การมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ขึ้นตรงกับกระทรวงยุติธรรม
ก็มาจากสาเหตุเดียวกัน ใช่หรือไม่

เมื่อตำรวจไม่ทำหน้าที่ กระทบกับความยุติธรรมของสังคม
ก็ต้องมีการตั้งหน่วยงานใหม่ในกระทรวงยุติธรรม เพื่อขึ้นมาทำหน้าที่สำคัญ
(บางส่วน)

รวมทั้งงานสอบสวนจับกุมตำรวจเลวด้วย

6) การมีสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สังกัดกระทรวงยุติธรรม
ก็มาจากสาเหตุเดียวกัน ใช่หรือไม่

สะท้อนว่า "นิติเวช" ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ สร้างความไว้วางใจ
เกิดความเชื่อมั่นเชื่อถือแก่สังคมได้ ใช่หรือไม่

7) แม้กระทั่งล่าสุด มีความคิดที่จะตั้ง
"สำนักงานบังคับคดีอาญาและการบังคับใช้กฎหมาย" หรือ "ไทยมาแชล" สังกัด
กระทรวงยุติธรรม ก็เพราะขณะนี้ มีนักโทษหนีคดีอาญามากกว่า 20,000 ราย
แต่การตามจับไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เอาจริง ไม่ตรงไปตรงมาเท่าที่ควร

อำนาจส่วนนี้ของตำรวจ ก็ควรจะต้องถูกแบ่งแยกออกไป
เพราะเมื่อเรามีกรมบังคับคดีทางแพ่งได้
เราก็มีสำนักบังคับคดีอาญามาทำงานได้

8) ต่อไป... งานสอบสวนคดีต่างๆ ที่เป็นงานสำคัญ
ต้องการความเป็นอิสระ มืออาชีพ ตรงไปตรงมา ก็ควรจะแยกออกจากตำรวจ
ให้เป็นหน่วยงานที่ทำงานสมกับเป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรม

9) น่าสนใจ... ขณะนี้ ตำรวจรถไฟ ตำรวจดับเพลิง ตำรวจป่าไม้
และอื่นๆ ก็แยกออกไปหมดแล้ว

ต่อไป ตำรวจเศรษฐกิจ ตำรวจท่องเที่ยว และอื่นๆ
ก็คงจะแยกตัวออกไปเรื่อยๆ ในเวลาอันสมควร

ปัจฉิมลิขิต "ตำรวจไทย"

ทางเลือกของสังคมไทยขณะนี้ คือ ถ้าไม่ปฏิรูปตำรวจไทยอย่างจริงจัง
สังคมก็จะคลี่คลายปัญหาแบบไทยๆ คือ
ดึงอำนาจหน้าที่ไปอยู่กับหน่วยงานอื่นๆ จนในที่สุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ก็อาจจะมีหน้าที่แค่จับงู รับแจ้งกรณีมีสัตว์ร้าย ไม่ว่าจะ "งู" หรือ
"เหี้ย" เข้าบ้าน รับแจ้งเหตุผัวเมียตีกัน และออกไปรำกลางถนนคอยห้ามจราจร

"การปฏิรูปตำรวจ" อย่างจริงจัง และโดยเร็วที่สุด
จึงเป็นประโยชน์โดยตรงต่อตำรวจไทยเอง ที่จะได้ทำหน้าที่อันมีเกียรติ
มีศักดิ์ศรี และอำนวยประโยชน์แก่สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น

วันนี้.. ถึงเวลาปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ
ให้กระจายอำนาจไปรับผิดชอบกันเองในระดับจังหวัดได้หรือยัง
เพราะคดีความต่างๆ ก็สิ้นสุดในจังหวัดอยู่แล้ว
บางคดีที่เป็นเหตุข้ามจังหวัด
ก็มีตำรวจหน่วยปราบปรามจากส่วนกลางดำเนินการได้

ถึงเวลาให้ความสำคัญกับตำรวจชั้นประทวน
และตำรวจชั้นผู้น้อยที่ไต่เต้าขึ้นมาด้วยผลงานในหน้าที่ได้หรือยัง ?

ถึงเวลาต้องเปลี่ยนเลือด ถ่ายตำรวจชั่วออกจากวงการสีกากี
"ปฏิรูปตำรวจไทย" เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีและความศรัทธาจากสังคมไทย หรือยัง?

ความเห็น

ตำรวจไม่ต่างกับโจร ร้ายกว่าเสียอีก
รักษากฎหมาย กลับทำผิดกฏหมายเสียเอง
หากผิดวินัยก็แค่โยกย้าย
ทำไมไม่ไล่ออกไปเลยล่ะครับ
อยู่ไปเปลืองเงินภาษีปชช.

แต่อย่างไรก็ขอเป็นกำลังใจแก่ตำรวจที่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่
ประชาชนไม่ทิ้งตำรวจน้ำดีแน่นอน
ถึงแม้จะเกษียณ อยู่ที่ใด ชาวบ้านก็มีน้ำใจให้เสมอ
ชายแดนใต้ตาดำๆ


เป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิรูปหรือยุบ สนง. ตำรวจแห่งชาติ เหตุผลมีดังนี้
1. ตำรวจไทยคิดว่าตัวเองยังมีศักดิ์ศรี ที่ไม่ต้องเรียกคืน
คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายของประชาชน (โกหกตัวเองไปวันๆ)
2. พวกใครพวกมันจะมาก้าวก่ายกันไม่ได้
ดังนั้นการเลือนยศจึงยังเป็นปัญหาเล่นพรรคเล่นพวกกันอยู่เรื่อยไป
3. ตำรวจไทยขี้เกียจแต่อยากได้ทรัพย์สินเงินทองจากประชาชน
จึงต้องไถ่ประชาชนไปเรื่อยๆ
4. ประชาชนก็ต้องช่วยตัวเอง
ตอนนี้ก็ต้องหาแต่คนดีมาช่วยกันแยกหน่วยงานออกไปมากๆ
เพื่อให้ตำรวจไทยยังคงศักดิ์ศรีไว้แต่ไม่มีงานทำ ได้แต่ทำงานเบาๆ
ตามนิสัยถาวรที่ขี้เกียจทำงาน
5. อีกหน่อยก็จะมีหุ่นตำรวจเต็มบ้านเต็มเมือง ให้เป็นสยามเมืองอมยิ้มสมเพชตำรวจไทย
ประชาชนต้องช่วยกัน

ในฐานะแฟนคลับอ.เจิมศักดิ์
เห็นด้วยทุกประการ.....
ข้อเสนอแน่มีอีกทางหนึ่งคือ...
เอาหน่วยงานดีเอสไอดูและคดีความทุกคดี
และลดตำแหน่ง บทบาทหน้าที่และเงินเดือนของตำรวจ
ไปเรื่อยๆจนวันหนึ่งตำรวจหมดความหมาย
คุณสันติภาพ

หากจะให้ดี...
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ...ยุบไปเลยจะดีกว่า
โดยให้เป็นแค่กรมตำรวจเหมือนกับสหรัฐอเมริกา
โดย เป็นกรมตำรวจสังกัดในผู้ว่าราชการจังหวัด
และมียศสูงสุดเพียงร้อยตำรวจเอกเท่านั้น หากอยากเป็นสารวัตร
หรือผู้กำกับฯก็ต้องลงสมัครหาเสียงกับประชาชนในพื้นที่จังหวัดนั้นๆ
และหากได้รับการคัดเลือกจากประชาชน ก็สามารถเป็นสารวัตรหรือผู้กำกับฯได้
แต่ยังคงมียศร้อยตำรวจเอกเท่าเดิม
ให้ดำรงตำแหน่งเป็นสารวัตรหรือผู้ กำกับฯได้เพียง 2 ปี หากครบวาระ 2 ปี
ให้ลงสมัครใหม่ โดยประชาชนในพื้นที่นั้นๆตัดสินใจว่าควรจะเป็นต่อได้หรือไม่???
ฅนไทย


มีความพยายามยกเครื่องตำรวจมาตลอด
แต่ยังไม่มียุคไหนสมัยไหนรัฐบาลใดทำได้เพราะนักการเมืองต้องพึ่งตำรวจและใช้
ตำรวจเป็นเครื่องมือ
สมัยเชาวลิตจัดให้มีตำรวจภาคต่างๆโดยการเพิ่มนายพลนับร้อย
ก็รู้ได้เลยว่าความวิบัติกำลังมา นายพลตำรวจคนสองคนก็ใหญ่และเลวสุดๆแล้ว
นี่มีเป็นร้อยๆคน บ้านเมืองไม่ชิบ...ได้ยังไง
ต้องยกเครื่องตำรวจเป็นอันดับแรกของการปฏิรูปประเทศคราวนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดและต้องทำโดยเร็วๆด้วย
ช่วย กันสนับสนุนความคิดนี้กันครับพี่น้อง
ผมสนับสนุนและขอบคุณอาจารย์เจิมศักดิ์ทุกเรื่องที่ท่านทำ
ทำดีและมีประโยชน์ต่อประเทศชาติทุกเรื่อง
pat

หมาต๋าที่ไหนที่ไหนก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละครับ
ตำรวจ เมืองผู้ดีเขาว่ากันว่าดีที่สุดในยุโรปเดี๋ยวนี้ก็เป๋ไปเหมือนกัน
ตำรวจมะกันที่ว่าเยี่ยมต้องถามคนที่เคยอยู่ที่นั่นนานๆ
หนังที่เกี่ยวกับหมาต๋าเมืองนอกนั้นโกหกทั้งเพ
นอกจากชอบวิสามัญชาวบ้านคนธรรมดาแล้วยังค้ายาตัวเป็นระวิงอีกด้วย
ยอมรับ เสียดีๆเถอะครับว่าคนตัดสินใจที่จะเข้ามายึดอาชีพนี้พวกเขามุ่งหวังอยู่
สองอย่างคือ อำนาจและเงินตราและมันก็สนองความต้องการพวกเขาได้เป็นอย่างดี
ถ้าคุณเคยมีสมาชิกในครอบครัวหรือญาติสนิทมิตรสหายที่อยู่ในวงการนี้จะสัง
เกตุได้ว่าพวกเขาจะคบหาสมาคมกันอยู่ในวงแคบๆแถวๆสถานีนั่นแหละ
อาจจะเป็นได้ว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะตกอยู่ภายใต้สายตาที่มองมาอย่างค่อน
ข้างดูถูกดูแคลน
หรือถ้าคุณไปงานเลี้ยงรุ่นระดับมัธยมจะเห็นได้ว่าพวกเขาบางคนจะนั่งยิ้มแหะๆ
อยู่คนเดียวอย่างเงียบๆ
หมาต๋าเมืองนอกนั้นจะรับเอาคนหนุ่มที่จบแค่ไฮสคู
ลหรือแค่อนุปริญญาเข้ามาอบรมประมาณปีเดียวเท่านั้น
ระหว่างที่เข้าเรียนนั้นจะได้รับเงินเดือนทันทีประมาณเดือนละสามหมื่นห้าพัน
เหรียญแล้วแต่เมืองเล็กหรือเมืองใหญ่
เงินเดือนถึงจะไม่มากนักแต่ก็พอกินสำหรับคนโสด
นอกจากนี้ก็มีสวัสดีการค่อนข้างดีแถมถ้าคุณทำงานครบ20ปีโดยไม่ถูกยิงตายก่อน
แล้วลาออกจะได้บำนาญประมาณสองพันเหรียญต่อเดือน
หลังจากนั้นจะอยู่บ้านเฉยๆหรือไปหางานไปเป็นรปภที่อื่นก็ย่อมได้
หมาต๋า ทุกแห่งในโลกนี้ชอบรับใช้นักการเมืองไม่มากก็น้อย
เพราะนักการเมืองมีทั้งอำนาจและเงินตรา
ถ้าเรามองเห็นปัญหานี้ก็ย่อมจะหาทางแก้ได้
เมืองไทยเราตอนนี้เขาเรียกว่าเป็น LAWLESS STATE ครับ
เพราะคนที่มีหน้าที่นี้เขาไม่ยอมทำ บ้านเมืองจึงมีสภาพไร้ขื่อไร้แป
ดูง่ายเอาแค่การจราจรก็แล้วกัน ต่างคนต่างขับ
คนไทยแน่มากไม่กลัวตำรวจครับไม่เหมือนเมืองนอก
เพราะพวกเราคนไทยรู้ว่าถ้าทำผิดกฏหมายแก้ง่ายนิดเดียวหมูๆมาก
แต่ถ้าสภาพนี้ยังเป็นไปอยู่เรื่อยๆโดยไม่มีการแก้ไข
วันหนึ่งมันก็คงจะถึงกาลวิบัติแน่นอน เท่านี้ครับ
เออ


Dear Dr Pintong, thank you so much to give your brain power. I had to
slap my face few times to make sure that i was not dreaming to know
that we have way to correct the police system. You have brillion idea
and it is blessing idea, you are right about setting power over power.
Is there any way that you can send your idea directly to PM MARK and
justice system, they may not see nor read your article. Please do
something to pass your idea to the right person.
Thai in Tn. (thaiintn4035 สมาชิก


เห็นด้วยอย่างมาก คิดถึงตำรวจแล้ว ยิ่งน่ากลัวว่าโจรอีก
มันเหมือนพวกมีกฏหมายคอยรังแกประชาชน

ไม่เคยมีประสบการณ์ที่ดีเกี่ยวกับตำรวจเลย เจอแต่ละที ได้แต่อนุโมทนาบุญ
ให้พวกนี้ไปเกิดใหม่ซะที

ถ้าทำได้จะดีมาก แต่ก็รู้ๆกันอยู่ กินกันเป็นทอดๆ
ตำรวจไม่ดีก็เพราะพวกนักการเมืองนี้แหละ เล่นพรรคเล่นพวกดีนัก

พวก DSI หรือ อื่นๆ ก็เหมือนกัน ถ้า หัวหน้าไม่ดี
ก็โดนพวกนักการเมืองซื้อได้เหมือนกัน

ดัง นั้น ปัญหาที่แท้จริง คือ นักการเมืองไม่ใช่ตำรวจหรอก
เพราะต่อไห้เปลี่ยนยังไง ถ้าพวกนักการเมืองมันเข้าถึง ก็เสร็จเหมือนเดิม
ดู DSI ก่อนท่านธาริตเอาก็แล้วกัน ก็ไม่ต่างจากตำรวจซักเท่าไหร่
ไม่เคยเกิดผลงาน ไม่เคยสร้างสรรค์อะไรที่ดี

สรุป กำจัดนักการเมืองที่ไม่ดีออกไปให้ได้เสียก่อน
เซ็งเป็ด

1 ความคิดเห็น:

  1. ยังชล่าใจปล่อยไว้อีกไม่นาน ธรรมชาติร่อนตะแกรงครั้งสุดท้าย กวาดไปเกลี้ยงเลยนะ...

    พญานาคจะช่วยผู้ที่บูชาศรัทธาในพญานาคให้ผ่านพ้นอันตราย จากภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น' http://ainews1.com/article311.html หลังจากท่านมรณภาพไปแล้ว 3 ปี ...

    ตอบลบ