++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ไอ้ถาพบไอ้ขุน - 'รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) แอลกอฮอลิเดย์

* บนสวนทูนอิน ปูเดินเฉเฉียงมาบนตลิ่งริมห้วย
เพื่อนหนุ่มของผมบางคน ขุนทอง อสุนี ณ อยุธยา
หลังจากเพลินควันกัญชาสอดไส้ในบุหรี่ Sobranie Black Russian ๒ มวนดำ
เขาพูดถึงความแตกต่างของคนกับปูว่า คนเมาเดินออกจากบาร์คดเคี้ยวไปบนถนน
ไม่แวะบาร์ข้างหน้าหรือตกสะพานก่อนถึงบาร์นั้น
แต่ปูออกจากบาร์มันเดินตรงแน่วไปหารูในเมีย

"เฮ๊ย รูในเมียหรือเมียในรู ?" ผมทักท้วง
เขาหัวร่อกังวานเนยร่วน
"ถึงว่า -ใครเคยได้ยินว่าเมียของปูอยู่บนทาวน์เฮาส์ เมียของปูอยู่ในรู"

ผมยักไหล่พลางถามนาฬิกาว่า
ควรโยนก้อนน้ำแข็งลงในแก้วแล้วรินเหล้ารดบนความเย็นอวยพรมันไหม?
อวยพรว่ามันยังมีชีวิตนานกว่า
สองวันหลายก้อนในกระติกที่หิ้วมาจากร้านปี้สาวคนงามละแวกตลาดแม่ริม

ครับ - น้ำแข็งที่ยังไม่ละลายผมถือว่ามีชีวิต
ไอ้ถาเชิญตัวเองกิน ๓๕ ดีกรีแล้วก่อนใครเป็นแก้วแรกของวัน
มันมองปูแล้วถกเถียงกับตัวเองว่า ปูมีกี่ตีน ๖ ตีนหรือ ๘ ตีน
แล้วพูดถึงหน่อไม้เผาจิ้มกินกับน้ำปู๋หมักและเคี่ยวในหม้อโขลกหอมเตียมกับ
พิกแต้ชูบชูรส นาฑีนั้นมันเดินไปจับปูตัวนั้น
แต่การก้าวเดินช้ากว่าการได้กลิ่นสาบอันตรายของปู
จึงวิ่งหายไปในป่าก้อนหินขรุขระและหินปลีลาดบนเนินโค้นต้นบ่าไฟ

บ่าไฟ - มะไฟ

มันสบถและเดินกลับมาอย่างขวยอายจึงเอื้อมมือเกาคิ้ว
แล้วขยับนิ้วก้อยไชขี้ตาก้อนโตขนาดเม็ดสาคูบนหัวตาอย่างไม่รู้ว่าจะเล่นอะไร
กลบเกลื่อนคำประกาศหลังแก้วเหล้าว่ามันเป็นพรานระดับนำแห่งตำบล
ผู้เคยฆ่าหมีและเสือ
" ไอ้ถามันหิวปู...." ผมพูด
"แต่ผมหิวโคก !"

ไอ้ขุนปรอยยิ้มมุมปากในท่วงทีเคลิ้มฝันกลางแดด
"โคก ? โคกอะไร"
"โคกอีหล้า โค้ด โค้ดที่แปลว่าโค้ดอยู่ในขวดเอวคอดนั้นแหละ
เขาว่าพูดออกโทรทัศน์ไม่ได้ผิดกฎหมาย"
"มึงรู้ไหมโทษถึงตัดลิ้น"

ผมแดกดันปวงบัณฑิตและบันดากแห่งวงการภาษาฝูงนั้น
ครับ - โดยสำนึกแห่งเสรีภาพของชนชั้นแมงบาร์
เวลานานในอลาบามาถึงการจบปริญญาตรีแขนงไบโอเค็ม (chemistry)
และนานต่อมากับการโยนตำราทิ้งไว้ใต้เตียงแล้วใช้ชีวิตแบบนักดนตรีในนิวบอร์ค
ยุคประท้วงสังคมและสงคราม ไอ้ขุนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
รับตำแหน่งบรรณาธิการ นิตยสาร พายุเงียบ ชื่อในภาษาเทศว่า The Quiet
Storm ความคิดขบถโดยความศรัทธาความยุติธรรมและเร่าร้อนไฟโลกียธรรม
เขาเป็นชายหนุ่มแบบมีสัญญากับความหวังของชีวิต

ไอ้ขุนน่ารักน่าเตะ (ผมคิดอย่างนั้น) *
ความเลวร้ายเท่านั้นซึ่งไม่สามารถปลดปล่อยออกจากความเป็นคนไทยค่อนข้าง
สมบูรณ์แบบ การเสพย์ติดน้ำอัดลมประเภทเคี่ยวจากรากของต้นโคคาแบบอเมริกัน
ในการผสมกับเหล้าเบอร์เบินหรือสก๊อทช์ การขึ้นไปบนภูเขาหลายวันและขาดแคลน
โคก ไอ้ขุนกระวนกระวายบ้าง
ไอ้ถาพูดออกมาอย่างเหงาวังเวง

"หิวน้ำปู๋"
ผมตวาดกังวานดุร้าย แต่ใบหน้าขัดแย้งกับกังวานนั้น
"โกหก มึงหิวเหล้า"

* บนตูบวางขวดเหล้าเรียงรายอย่างเพียงพอเป็นเสบียงของทุกคนผู้เกี่ยวข้องบน
นั้น และไอ้ถารู้ว่าผมถือว่าการหวงเหล้าเป็นบาปกว่าฆ่าแมว
ถ้าหิวอยากกินแมว ผู้นับญาติกับเสือแต่อ้างว่า
ศักดิ์ศรีเหนือกว่าโดยมีถึง ๙ ชีวิต ความรักปลา
ผมเคยกินแมวในภัตตาคารที่ฮ่องกงแล้วลหลายตัวเพื่อแก้แค้นแทนปลา
(คนจีนถือว่าแมวบางพันธุ์เป็นอาหารแคลสสิคและศักดิ์สิทธิ์) ความรักนก
ผมเคยกินนกนับไม่ถ้วนตัวด้วยเหตุผลอันชำรุดของการกลืนความรัก
นกอัญชันในเดือนเกี่ยวข้าวถอนขนเกลี้ยวผิวสวยเหมือนมะปราง

กรุณา กรุณาอย่าถามว่าผมกินปลาไหม? กินผู้หญิงไหม?

ผมกำลังหิวเหมือนกัน แต่บอกตัวเองไม่ได้ว่า หิวอะไร? รับรอง
- แต่คงไม่หิวเพลงเพราะผมไม่เคยนึกอยากเป็นนายกรัฐมนตรี

ปูตัวนั้น เมียกับลูกของปูนับรวมถึงเพื่อนของปูในฝูง
ในรูและนอกรู ผมนึกถึงเปรี้ยวของมะดันในปูเค็มต้มกะทิกับสายบัว
ปูแสมดองน้ำเกลือกินตำรับนี้อร่อยที่สุดหม้อ ๑ ในชีวิต
แต่ไม่ใช่หม้อสุดท้าย
แม่ยายของน้องบางคนฝากปูมาให้จากบ้านบนเนินเลนแถบปากน้ำ , สมุทรปราการ
ปูสาวดองสองคืนนุ่งกระดองนูนน่าจูบและน่าฉีก สำนวนของ ปกรณ์ ปิ่นเฉลียว
ในยุคจุ้มปลายกระบอกปืนกับปากกาลงในแก้วเหล้าพูดว่า
โคกสวยกว่ากะลาเลี่ยมทอง... สวยขนาดนั้น ผมเขียนถึงบรรทัดนี้
กลืนน้ำลายอย่างไม่อาย

น้องคนนั้นเป็นนักเขียวชวนหวัวเหมือนกัน (ชวนหวัว - ชวนหวัว
ผมสงสาร ว.แหวน หล่นอยู่โคนต้นมะม่วงที่บ้านบรรณาธิการ
จึงชวนมาเป็นเพื่อนกินเหล้าบนหน้ากระดาษ) เขาชื่อ - สกุลอะไร
ดูเหมือนเขาเคล้าน้ำผึ้งปิ้งกินหมดแล้วด้วยความหิวและไม่อยากจดจำ
แต่เขาขานรับทันทีถ้าใครเรียกนามแฝงว่า ยอน ละเมียด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น