++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

ร่วมหอกับคนรัก ควร"อยู่"หรือควร"แยก"

', 'ในยุคที่เสรีภาพแห่งเพศเปิดกว้างขึ้น
ได้ส่งผลทำให้ค่านิยมและแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ของวัยรุ่นไทยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากเช่นกัน
ซึ่งหนึ่งในปรากฏการณ์ที่พบเห็นกันจนเจนตาก็คือ
การวัยรุ่นวัยเรียนทั้งหลายที่พักอยู่ร่วมกับคนรัก
ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านเช่า ห้องเช่า หรือหอพัก

คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ พฤติกรรมดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ ...

แน่นอน ผู้ที่จะตอบคำถามเรื่องนี้ได้ดีที่สุด
ก็เห็นจะหนีไม่พ้นกลุ่มวัยรุ่นในวัยเดียวกันนั่นเอง

"ใครจะอยู่กับใครก็เรื่องของเขา มันเป็นธรรมดาของวัยรุ่นสมัยนี้
แต่ถ้าถามว่าจะทำแบบนั้นรึเปล่า ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า
ไม่ทำแน่นอน" สองนักศึกษาสาวที่มีความเห็นตรงกันแสดงความเห็นเรื่องการอยู่ร่วมกันของวัยรุ่นหนุ่มสาวในปัจจุบัน

"คนอื่นไม่สามารถเตือนเขาได้ แต่ถ้าเป็นเพื่อนเราก็จะต้องมีเตือนกันบ้าง"
หนึ่งในนั้นกล่าวเพิ่มเติม
ทั้งยังบอกอีกว่าเหตุที่ไม่เห็นด้วยกับการอยู่ร่วมกันในหอพักหรือที่ใดๆ
ก็ตามของวัยรุ่นหนุ่มสาว
เพราะสมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมเคยมีเพื่อนที่อยู่หอกับแฟนแล้วท้องจนต้องไปทำแท้ง
เพื่อกลับมาเรียนต่อ อีกรายก็ต้องรีบแต่งงานเมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัย
เพราะฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อมในทุกด้าน

กรณีตัวอย่างเพื่อนของนักศึกษารายนี้
ทำให้น่าหดหู่ใจที่ว่าหากพวกเขายั้งคิดสักนิด
คงไม่ต้องคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์หนึ่งชีวิตเพื่อต่ออนาคตให้คนที่เขาควรจะได้เรียกว่า
"แม่" ส่วนคู่ที่ต้องรีบแต่งงานหากพร้อมที่จะใช้ชีวิตคู่กันอย่างรวดเร็วก็ไม่มีปัญหา
แต่หากยังไม่พร้อมก็น่าเสียดายชีวิตและอนาคตการงานในภายภาคหน้า

"ต้อง" หนุ่มนิติศาสตร์ ส่ายหน้าก่อนกล่าวว่า
"ปัจจุบันนี้หนุ่มสาวที่อยู่ด้วยกันมีเยอะจนเป็นเรื่องธรรมดา โดย
เฉพาะวัยรุ่นที่ไกลหูไกลตาพ่อแม่น่าเป็นห่วงมาก
เรื่องนี้ผู้ปกครองและเจ้าของหอพักควรเอาใจใส่และเข้มงวดขึ้น"
คงไม่ต้องขยายความมากนัก เมื่อแนวทางแก้ปัญหาชัดเจนขนาดนี้แล้ว
ผู้เกี่ยวข้องก็ไม่ควรนิ่งดูดาย
โดยเฉพาะพ่อแม่ที่ต้องส่งลูกไปเรียนต่างจังหวัด
จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าลูกรักของคุณคืนนี้เขานอนกับใคร
แค่การโทรคุยกันแม้จะทุกวันก็วัดใจกันไม่ได้ เหมือนเพลง
"โชว์เบอร์ไม่โชว์ใจ" อย่างไรก็อย่างนั้น

"เป๊ก" อีกหนึ่งหนุ่มคณะรัฐศาสตร์มองเห็นข้อดีบางส่วนของการอยู่หอพักด้วยกันของคู่รักว่า
"เวลาอ่านหนังสือสอบจะได้ช่วยกัน มีปัญหาอะไรก็ช่วยกันแก้ไข มีที่ปรึกษา
ตนเองนั้นอยู่บ้าน
แต่สังเกตุได้ว่าเพื่อนผู้ชายที่อยู่หอพักกับแฟนจะเลิกเที่ยวกลางคืนหรือเที่ยวน้อยลงเพราะแฟนดุ"

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรดีหากพวกเขาเกิดพลาดพลั้งท้องขึ้นมา
หนุ่มเป๊กก็ตอบว่าหากพวกเขาพร้อมจริงๆ
รับผิดชอบกันได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เพราะปัจจุบันคู่รักที่ท้องก่อนแต่งแต่ครอบครัวมีความสุขก็มีอยู่

มาถึงความเห็นของเยาวชนบ้าง นักเรียนปวช.ปี 2 สองคนให้ความเห็นว่า
"หากเป็นวัยรุ่นอายุไม่ถึง 20 ปีก็ไม่ควรอยู่ร่วมกับคนรัก
เพราะอาจยังคิดได้ไม่รอบคอบ จึงไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แต่หากอายุเกิน 20
ปีถือว่าบรรลุนิติภาวะแล้วก็อาจจะอยู่ด้วยกันได้
เพราะคงมีความคิดที่มีเหตุผลมากขึ้น"
แม้จะใช้เกณฑ์ในการบรรลุนิติภาวะมาตัดสินว่าคนวัยไหนจึงจะเหมาะสมในการอยู่ร่วมกับคนรัก
แต่นั่นก็ไม่ใช่จะใช้ได้กับทุกคน คนที่มีอายุ 20
ปีเมื่อเทียบแล้วก็ยังเรียนระดับอุดมศึกษาปีที่ 2 ถึง 3 เท่านั้น
อย่างน้อยตื่นเช้ามาก็ต้องใส่ชุดนักศึกษามาเรียน
"ออม" นักศึกษาจากเมืองเหนือ
ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการอยู่ร่วมกันโดยกล่าวว่า "รายได้ก็ไม่มี
ความพร้อมก็ไม่มีสักอย่าง
แล้วหากมีอะไรเกินเลยแล้วเลิกรากันกับคนรักคนนี้ ผู้หญิงมีแต่จะเสียหาย
เห็นเพื่อนบางคนเป็นแบบนั้นเราก็ไม่สบายใจ ถึงใครจะไม่ถือเรื่องนี้
อย่างน้อยเราคนหนึ่งก็ละอายใจ ทำอะไรแบบนั้นไม่ลงหรอก"
เธอกล่าวอย่างจริงจัง จริงใจ และยังทิ้งท้ายให้คิดด้วยว่า
"หากเราสามารถทำได้ก็ควรช่วยกันเตือนสติให้คู่รักที่กำลังคิดอยู่ร่วมกันในวัยเรียน
เพื่อกันไม่ให้เกิดปัญหาที่คาดไม่ถึงในอนาคต แต่หากเตือนแล้วเขาไม่ฟัง
ก็ป่วยการ คงต้องให้เขาลองผิดลองถูกกันเอง
ถือว่าเป็นเรื่องสุดวิสัยก็แล้วกัน"

ทราบความเห็นของวัยรุ่นแล้ว ก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่สนับสนุน พี่ศรีประภา
เจ้าของอาคารห้องเช่าย่านปิ่นเกล้าแสดงความเห็นว่า
"ที่นี่ก็มีคู่นักศึกษามาพักบ้าง แต่พี่เห็นว่าไม่เหมาะสม
เพราะผู้หญิงไทยต้องรักนวลสงวนตัว
ถ้าผู้ปกครองให้ลูกอยู่ในหอพักมหาวิทยาลัยก็จะช่วยลดปัญหานี้ได้"

ด้านการควบคุมดูแลพี่ศรีอธิบายว่า "อยากให้หอพักทั่วไปมีความเข้มงวด
ที่นี่จะตรวจและถามว่าทำงาน หรือเรียนอยู่
ถ้าเห็นใครพาเพื่อนต่างเพศมาพักก็จะถามว่าอยู่นานไหม มาทำอะไร
เวลาเกิดปัญหาจะเชิญมาคุยกันก่อนแล้วค่อยแจ้งไปทางบ้าน
ยังไงก็ต้องดูแลผู้พักอาศัยแทนพ่อแม่เขาอยู่แล้วโดยดูแลอยู่ห่างๆ
ส่วนพ่อแม่ที่เป็นห่วงลูกจริงๆ
หรือผู้หญิงที่ต้องการมั่นใจในความปลอดภัยที่นี่มีชั้นสำหรับผู้หญิงพักโดยเฉพาะ
ห้ามผู้ชายขึ้นเด็ดขาดไม่ว่าจะอ้างว่าเป็นพ่อหรือพี่ก็ตาม"

พี่ศรียกตัวอย่างให้เห็นว่ามีบางครอบครัวที่ผู้ปกครองยอมรับเรื่องการอยู่ร่วมกันของลูกกับแฟนได้
"บางครอบครัวพ่อแม่ยอมรับได้ถ้าลูกจะอยู่กับแฟน พ่อแม่พามาเองทั้งคู่
บอกเราว่าผู้ชายคนนี้เป็นแฟนลูกสาวเขา ให้อยู่ด้วยกันได้ ทั้งๆ
ที่ลูกสาวเขาก็ยังเรียนอยู่
เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันแต่เขาบอกแบบนั้นก็ต้องยอมรับ"

"เรื่องแบบนี้เอาอะไรมาเป็นตัววัดไม่ได้ว่าคนวัยไหนควรอยู่ร่วมกับคนรักหรือไม่
ในเมื่อคนในสังคมวันนี้
ต่างคนต่างคิดว่าอยู่ร่วมกันก่อนใช้ชีวิตคู่จริงดีกว่า บางคนบอกไม่ใช่
ไม่ควร ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่าเราต้องดูแลตัวเอง
เด็กต้องเชื่อฟังพ่อแม่บ้าง หากจะอยู่ร่วมกันควรต้องให้มีงานทำ
มีเงินใช้เองก่อน ตอนนี้ขอเงินพ่อแม่ใช้มันก็ไม่ควรจะเป็นแบบนั้น
ถึงแม้หอพักจะดูแลอย่างเข้มงวดอย่างไร
แต่ในที่สุดแล้วก็ต้องแก้ไขโดยตัวนักศึกษาเอง ผู้ปกครองอาจดูแลไม่ทั่วถึง
พ่อแม่อาจคิดว่าลูกอยู่คนเดียว จริงๆ แล้วไม่ใช่
แต่หากพ่อแม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ก็ไม่เป็นไร"
พี่ศรีพูดถึงทางออกของเรื่องนี้ในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เป็นห่วงคนรุ่นลูกรุ่นหลาน
และอยากให้วัยรุ่นคิดเองให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจอยู่ด้วยกัน

ไม่มีใครตัดสินได้ว่าการอยู่ร่วมกันของคู่รักในวัยเรียนผิด หรือถูก
แต่อยากให้ลองชั่งน้ำหนักระหว่างความเหมาะสม และผลดี ผลเสียที่จะตามมา
ถึงอย่างไรก็ยังอยากให้คู่รักอยู่ด้วยกันเมื่อพร้อมทั้งด้านความคิดวัย
ฐานะ และหน้าที่การงาน
แต่หากยังต้องการอยู่ร่วมกันในวัยเรียนก็ควรอยู่อย่างมีสติ
ใช้เหตุผลในการดำเนินชีวิตร่วมกันเพราะตัวอย่างที่ดี และไม่ดีก็มีให้เห็น
อย่าลืมว่าคนที่คุณรักเขาจะอยู่กับคุณไปอีกนานแค่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้
จะทุ่มเทกายใจให้ใคร ต้องมองเลยไปถึงอนาคตด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น