++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

บันทึกรัก ฯ : ห้วงเวลา .... หัวใจ... ความรัก....ว่างเปล่า


เขาลองโทรไปหาเธอตอนเที่ยง ในวันสิ้นเดือน
ไม่น่าเชื่อ หยุดตั้ง 4 วัน ไม่ได้เจอหน้าเธอเลย
แต่คุยโทรศัพท์ ยังไม่ได้คุยมากนัก


ตอนเที่ยง โทรติด แต่ไม่มีคนรับ
สักพัก เธอส่ง SMS มาว่า กำลังยุ่งอยู่
เห็นข้อความแล้ว ต้องถอนหายใจอย่างแรง


ช่วงบ่ายโมง เธอโทรมาทักทาย
รายงานว่า พึ่งพาคุณย่าออกจากโรงพยาบาล
คุยได้สักพักก็แจ้งว่า กำลังจะทานข้าว จึงขอวางสาย
ตอนเย็นจะโทรมาใหม่


6 โมงเย็น เธอก็โทรมา
ขอโทษที่ผิดนัด ไม่ได้ไปห้วยผึ้งด้วย
แต่เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ
เธอรู้ว่า เขาจะต้องน้อยใจ ไม่พอใจ


แต่เขาไม่ได้พูดอะไรมากนัก
เพราะไม่รู้จะพูดอะไร


เธอจึงย้อนถาม โกรธเพราะเธอต้องดูแลคนในครอบครัวของเธอที่ป่วยพร้อมกันงั้นหรือ
โกรธที่เธอผิดนัดเขางั้นหรือ


แล้วเขาจะพาเธอไปห้วยผึ้งอีกไหม
เธอจะไปหาเขาที่บ้านในวันเสาร์หน้านะ โอเคไหม


เขาตอบว่า ไม่ทุกข้อ
ไม่อยากที่จะนัดเธอ พาเธอไปไหนอีกแล้ว
อยากให้เธอเผื่อเวลาไว้ดูแลคนในครอบครัวจะดีกว่า เพราะอาจจะมีใครป่วยอีกก็ได้
ป่วย หรือมีอาการเจ็บโดยไม่รู้ล่วงหน้าว่า วันนั้นจะป่วยจะเจ็บนะ


ถ้าจะนัดอีก แล้วเธอไปไม่ได้ เดี๋ยวเธอก็จะต้องลำบากใจมาขอโทษอีก
ทั้งๆที่เธอไม่ผิดสักนิด
ทำถูกต้องแล้วที่ดูแลคนในครอบครัวที่ไม่สบาย


แต่เขารู้สึกไม่พอใจ ตรงที่เธอปิดโทรศัพท์เมื่อคืนนี่แหละ
เวลาที่วิกฤติ มีใครไม่สบาย เธอต้องคอยดูแล
เธอดูแลอย่างเต็มที่ ไม่ผิด
แต่เมื่อโทรมาบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น ระบายความอึดอัด เครียดในตอนบ่ายแล้ว
ตอนกลางคืนก็หายไปเฉยๆ


เธอบอกว่า เมื่อวาน เธอเหนื่อยมากๆ
กลับมานอนตอนเย็น ก็ชาร์ทแบตเตอรี่ไว้ แล้วหลับไปเลย
เช้ามาเปิดเครื่อง ถึงรู้ว่า เขาโทรมา 7-8 สาย


ในสถานการณ์กลับกัน เมื่อเกิดความคับข้องใจ เธอเพียรพยายามกดโทรหาเขาหลายต่อหลายครั้ง
เธอยังอยากรู้ อยากคุย อยากเคลียร์
แต่นี่เป็นเรื่องราวที่หนักกว่า เรื่องการป่วยไข้ของคนในครอบครัว
และเธอก็เครียด เหนื่อย
แต่เขาไม่มีโอกาสได้รับฟังรับรู้ในห้วงเวลาวันนั้น คืนนั้น
ต้องรอถึงเที่ยง ถึงเย็นของอีกวัน
รอจนพูดไม่ออก รอจนเหนื่อย.................


ไม่รู้จะว่าอย่างไรต่อไป
เครียด...
เสาร์อาทิตย์หน้า และเสาร์ - อาทิตย์ต่อไป ขออยู่เงียบๆดีกว่า
ไม่อยากเจอหน้าเธอ


นึกถึงคำเตือนของเพื่อน ชีวิตรักของเพื่อน
นึกถึงคำที่เธอพูดเล่นๆ
"ถ้าทนไม่ได้ จะเลิกก็ได้นะ"


เขาไม่เคยคิด แต่เธอคิด เอามาพูดเล่นๆ
บางที สักวัน เธออาจจะเอ่ยขึ้นมาเอง


เพื่อนบอกให้เตรียมทำใจไว้บ้าง
จริงสินะ เธอมักจะถามบ่อยๆ


ถ้าเกิดเราไม่ได้อยู่ด้วยกันละ...
มักจะถามเรื่อยๆ


เมื่อวานตอนที่เธอโทรมา บอกเล่าบางแง่มุมของญาติๆ
บอกเล่าด้วยอารมณ์ร้อน รุนแรง ในร้อน
เอะอะ โวยวาย
เฮ้อ


เมื่อคืนก่อน เขาต้องหยิบพระราชดำรัสของในหลวงมาอ่านเพื่อให้ใจเย็นลง
เตรียมใจไว้
เขามักจะบอกเธอว่า จะอยู่กับเธอตลอดไป
แต่เธอมักจะถามเขาว่า
ถ้าเกิดเราไม่ได้อยู่ด้วยกันล่ะ


ดูเหมือนว่า เธอก็ไม่ได้มั่นใจในตัวเขามากนัก
อือม ....
ดูๆแล้ว เขาแทบไม่มีอะไรที่จะทำให้เธอมั่นใจได้เลยสักนิด
นอกจากตัวกับหัวใจ


แต่ในสายตาของคนทั่วๆไป ความมั่นใจในบุคคลหนึ่งมองกันที่
เงิน หน้าที่การงาน เกียรติยศ
เขาไม่ค่อยมีเสียเลย


น่าคิด เมื่อถึงเวลาที่จำเป็น
เวลาที่เดือดร้อน ทุกข์กาย ทุกข์ใจ
เธอก็ย่อมต้องเลือกในสิ่งที่จะทำให้ทุกข์นั้น หายไป หรือลดน้อยลง


เหมือนสิ่งที่เพื่อนที่ห้วยผึ้งเจอมาเลย


+ + +


ความเคยชินนั้น ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้น
เขาอยากให้เธอไปออกกำลังกายบ่อยๆ
นอกจากจะทำให้หุ่นดีแล้ว
เธอจะกระฉับกระเฉงยิ่งขึ้น
แต่เธอก็กลัวว่า เดี๋ยวกล้ามจะขึ้น กลัวไม่สวย
เลยไปออกกำลังกายบ้าง ไม่ไปบ้าง


แต่เธอคงจะลืมนึกไปอีกอย่าง
การออกกำลังกาย ทำให้เธอมีความอึด อดทนมากขึ้น
ไม่เหนื่อยง่าย เพราะออกกำลังจนอยู่ตัว
ถ้าเธอออกกำลังกายทุกวัน เธอจะมีพละกำลังมาก
ไม่เหนื่อยง่าย
วันที่ 30 เธอคงไม่เหนื่อยขนาดนั้น จนหลับง่ายๆแบบนั้น


ถ้าเธอออกกำลังกายทุกวัน เธอจะกินมากเท่าไหร่ กินทั้ง 3 มื้อ ก็จะไม่อ้วนมากมาย
เพราะร่างกายเผาผลาญพลังงานส่วนเกินไป
ทำให้มีความอึดเพิ่มขึ้น


เห็นพยาบาลทานเยอะ ทำงานหนักได้มากกว่าเธอตั้งหลายเท่า
แต่เธอ ทานก็น้อย เหนื่อยก็ง่าย ง่วงก็ง่าย
เวลาทุกข์ร้อนอย่างวันที่ 30 ก.ค. ก็นอนหลับไปเลย
แทนที่จะให้เขาโทรมาพูดคุย ถามไถ่เพื่อความสบายใจสักนิด
แต่ไม่เลย


สิ่งที่เขาห่วงใยและอยากให้ทำ แค่การออกกำลังกาย
ยังไม่ค่อยจะเอาใจใส่
สุขภาพของเธอก็ใช่ว่าจะดีนัก


ในเมื่อคนในครอบครัว ไม่สบาย เธอก็ควรที่จะดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีขึ้น
เพื่อให้สุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง อึดกว่าเดิม
จะได้ดูแลคนอื่นได้มากขึ้น
และอย่างน้อย
จะได้มีเวลาโทรบอกเขาสักนิด ให้เขาหายห่วง


ไอ้ที่น้อยใจน่ะ ตรงนี้


คงต้องขอไม่เจอหน้าเธอสักระยะหนึ่ง
เพื่อนึกดูว่าจะทำอย่างไรให้เธอสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์มากกว่านี้
ไปออกกำลังกายบ่อยๆยิ่งกว่านี้
แล้วทำให้เธอเลิกถามว่า ถ้าเกิดเราไม่ได้อยู่ด้วยกันล่ะ


เพราะกลัวว่า เธอจะทำให้สิ่งที่เธอถามนั้นเป็นจริงขึ้นมาน่ะสิ




วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

บันทึกรัก ฯ : สายร้อนๆจากเธอ และ เคร่งเครียดกลางดึก


4 โมงเย็น เธอโทรมาหาเขา
หลังจากเธอทักทาย โทรถามไถ่เขาสักพัก เธอก็ระบายความเครียดในช่วงที่ผ่านมาให้ฟัง
เรื่องคุณย่าของเธอที่เข้าโรงพยาบาล
ตั้งแต่ไปตามญาติที่โกสุมพิสัย แล้วติดขัดเรื่องเอกสารการใช้สิทธิสำหรับผู้ป่วย
ทำให้เธอเครียด และต้องเดินเรื่องหลายขั้นตอน
เดินเรื่องช่วยคุณแม่ของเธอด้วย


จนมาถึงช่วงบ่าย เธอต้องมากดเงินหมื่นบาท ไปจ่ายเป็นค่ารักษา
เพราะญาติของเธอที่ควรจะจ่าย มัวแต่รีรอ ไม่มีท่าทีจะจ่ายสักที
และญาติคนนี้ มาหยิบยืมเงินของคุณแม่ของเธอไปใช้สอยมากพอสมควร
แต่ไม่เคยใช้คืนสักที


เธอทนไม่ไหว เลยวิ่งไปกดเงินมาจ่ายให้สิ้นเรื่อง
ระหว่างออกมากด เธอก็โทรมาระบายความอึดอัดต่างๆนานา
เขารับฟังแล้ว ผงะ
เธอเหนื่อย ยังไม่ได้ทานข้าวเลย
ตั้งแต่เช้าทานแค่กาแฟ


จนกระทั่งเธอได้เงิน เดินเข้ามายังโรงพยาบาลเธอจึงขอวางสายไป


เขารับฟังด้วยใจเต้นระทึก
ห่วงเธอเหมือนกัน


ช่วงค่ำๆ เขาจึงโทรไปหาเธอ อยากรู้ความคืบหน้า
เสร็จภาระกิจหรือยัง
ได้พักบ้างไหม
ทานข้าวหรือยัง
แล้วพรุ่งนี้ต้องจัดการภาระกิจอะไรอีก
ฯลฯ


แต่โทรไป สายไม่มีสัญญาณ
หรือปิดโทรศัพท์มือถือไปเลย


เขาพยายามโทรในช่วง 1 ทุ่ม 2 ทุ่ม 3 ทุ่ม และ 4 ทุ่ม
ไม่ติดสักที
ตอนเช้าวันที่ 31 ก็ลองโทรไปอีกตอนเช้า
ไม่ติดเช่นเคย


ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด


ตั้งแต่เมื่อคืน เขานอนไม่หลับ
ไม่รู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง
เครียด
จนต้องหยิบหนังสือรวมพระบรมราโชวาทของในหลวง "คำพ่อสอน" มาอ่าน
ให้ใจเย็นลง


ถึงเธอจะยุ่ง เหนื่อยมากๆ ก็น่าจะเปิดโทรศัพท์ ให้เขาได้สอบถามสักแป๊บนึงก็ยังดี
แต่นี่ หายไปเลย


ทำเหมือนไม่มี คนที่คอยห่วงใย
นอกจากคนในครอบครัวอย่างนั้นหรือ


บันทึกรัก ฯ : บนเส้นทางที่ไปคนเดียว เปล่าเปลี่ยวหัวใจ


2 โมงเช้า เขานั่งมองโทรศัพท์บ่อยๆ รอว่า เธอจะโทรมาตอนไหน
นัดหมายทางโทรศัพท์
เธอจะขึ้นรถโดยสารออกจากบ้านตอน 8.20 น.
แต่ 8.20 น. แล้วยังไม่เห็นโทรมา


ตอนเช้า มีแต่เพื่อนที่ห้วยผึ้งโทรมาเท่านั้น แต่รับสายไม่ทัน


ราว 2 โมงครึ่ง เธอจึงโทรมา
น้ำเสียงละลักละล่ำบอกว่า เธอคงไปด้วยไม่ได้
เพราะต้องไปธุระที่โกสุมพิสัย ไปรถโดยสาร
"ไปคนเดียวละกัน ไม่โกรธนะ"


เขาฟังแล้วก็อึ้งสักพัก
แต่ก็ตอบกลับไปว่า งั้นรีบไปธุระเถอะ ไม่เป็นไรหรอก


เฮ้อ และแล้ว เขาก็ต้องไปคนเดียวอีกครั้ง
และต้องกล่าวคำว่า ไม่เป็นไร ครั้งแล้วครั้งเล่า


เขาจึงนั่งรถโดยสารไปห้วยผึ้งอย่างเหงาๆ
ชมวิวสองข้างทางไป
ถึงบ้านเพื่อนก็บอกว่า เธอมาด้วยไม่ได้ ติดธุระาสำคัญ
เลยพากันไปเยี่ยมเพื่อนอีกคนที่โพนทอง
เพื่อนที่ประสบอุบัติเหตุจนเดินไม่ได้
ต้องให้อาหารทางสายยาง
แต่ยังดีที่คุณรุ่ง ภรรยาของเขา คอยดูแลตลอดเวลา


เห็นภาพแล้วนึกสะท้อนใจ
ถ้าเขาเป็นอะไรแบบนี้ เธอคงจะมีเวลามาดูแลเขากระมัง
ตอนที่ดีๆ ปกติ มีเวลาให้กันน้อย


แต่ก้ไม่แน่เหมือนกัน
หากเขาตกอยู่ในสภาพอย่างเพื่อน ที่ต้องนอนซม ไปไหนไม่ได้
เธออาจจะไม่เหลียวแลเขาเลยก็ได้


เพื่อนที่เขาไปเยี่ยมที่ห้วยผึ้ง เขาพึ่งจะผ่านชีวิตสมรสที่ล้มเหลวมา
ล้มเหลว เพราะฝ่ายหญิง ขอเลิกกับเขา
เลิกทั้งที่มีลูก 2 คนด้วยกัน
เลิกเพื่อไปมีคนใหม่


เพื่อนที่ห้วยผึ้งยังบอกเขาว่า ดูกันให้ดีๆนะ ถ้ารักใครสักคน
อย่าให้เป็นเหมือนเพื่อน


ความจริงเพื่อนก็อยากเห็นแฟนสาวของเขาเช่นกัน
เพราะเขาและเพื่อน สนิทสนม เป็นเพื่อนรักกันมานานหลายปี
.. แต่วันนี้ เธอก็ไม่ได้มากับเขา


มารับรู้เห็นสภาพครอบครัวที่แตกต่างของเพื่อน 2 คนแล้ว
เขารู้สึกเหงาอย่างประหลาด
ไม่รู้ว่า ต่อไปชีวิตรักของเขา จะเหมือนเพื่อนที่ห้วยผึ้ง
หรือเพื่อนที่ประสบอุบัติเหตุกันแน่นะ


วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

บันทึกรัก ฯ : เข้าพรรษากับ 2 คนป่วย


เธอเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดในตอนเที่ยง
แต่กว่าที่เธอจะโทรหาเขาก็เป็นช่วงค่ำๆ
กลับมาถึงบ้าน ก็ทราบว่า คุณพ่อของเธอ เดินไม่ได้ สาเหตุจากโรคเกาท์ จึงต้องพาไปโรงพยาบาล
ทำการรักษา จนค่อยยังชั่วขึ้น


อีกวันต่อมา คุณย่าของเธอป่วย ต้องเข้าโรงพยาบาล
ในคืนก่อนที่เธอจะได้เจอเขา เธอโทรมาบอกเขาว่า เธอจะไปนอนเฝ้าคุณย่าที่โรงพยาบาลในตอนกลางคืน
ตอนเช้าจึงจะขอตัวไปพบเขาตามนัดหมาย


แม้ว่า จะต้องคอยดูแลคนป่วย 2 คน
แต่เธอก็มีโอกาสได้ไปทำบุญกับแม่ที่วัดใกล้บ้าน
ช่วงเย็น เธอก็โทรมาคุยกับเขา ถามไถ่เวลาเจอกัน
เพราะวันพรุ่งนี้ จะไปห้วยผึ้งกับเขา
ไปบ้านเพื่อนของเขา
แล้วพรุ่งนี้เจอกัน


เขาได้แต่รอคอยเวลาที่จะได้เจอเธอในตอนเช้าอย่างลิงโลดใจ


ปริญญาชน


น้องรัก
อีกไม่ช้าไม่นาน เจ้าก็จะได้สวมใส่เสื้อครุย
พร้อมได้ กระดาษแผ่นที่เขาพากันเรียกว่า
ใบปริญญา
แล้วบัดนั้นเจ้าก็จะกลายสถานภาพเป็นปริญญาชน
แต่น้องเจ้า เจ้าอย่าได้หลงเพริดคิดไปว่า
ตัวเจ้ากลายเป็นปัญญาชนของชาติไปแล้ว
เพราะปริญญาชนนั้น เป็นแค่บันไดขั้นแรก
ที่เจ้าจะก้าวขึ้นสู่ภาวะแห่งปัญญาชนเท่านั้นเอง
ด้วย "ปัญญา" ที่แท้ เข้าถึงยากยิ่งพอๆกับการบรรลุธรรม
น้องเอ๋ย
อดีตที่ผ่านมาเนิ่นนาน มีปริญญาชนมากมายมหาศาล
ตกบันได ตายเสียก่อนที่จะได้ลิ้มรสความเป็นปัญญาชน
น้องที่รักของข้า
มีปริญญาชนเกินร้อยละเก้าสิบ
ที่หลงผิดคิดไปว่าตัวเองเป็นบัณฑิตของ สังคม
ทั้งที่แท้ที่จริง
เขาเป็นเพียงนักศึกษาที่ถูกรีไทร์ออกจาก
มหาวิทยาลัยชีวิต


จุลธุลี


วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

บันทึกรัก ฯ : หยุดยาวเข้าพรรษาที่รอคอย


ถึงเวลาวันหยุดยาว 4 วัน อาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษาที่ตรงกับวันเสาร์- อาทิตย์ ทำให้วันหยุดชดเชยเป็นวันจันทร์-อังคาร
เธอจะกลับบ้านแน่นอน โดยวางแผนว่า 2 วันแรกจะอยู่กับครอบครัว พาครอบครัวไปทำบุญที่ต่างจังหวัด
วันจันทร์ เธอจะไปห้วยผึ้งกับเขา
ส่วนวันอังคาร เธอจะอยู่กับครอบครัว ไปต่างจังหวัดกับครอบครัวอีกครั้ง


ถึงเธอจะมีเวลาให้เพียงวันเดียวก็ตาม
แต่ก้ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด เพราะอีก 3 วัน เธอให้เวลากับครอบครัว
มีเวลาที่จะดูแลพ่อแม่ พาพ่อแม่ไปทำบุญ


มีความรักเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ


วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ฆ่าตัวตายเพราะเพลง : ความรับผิดชอบของใคร?

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2550 13:04 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
มิวสิกวิดีโอเพลง "แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ"


"ตุล"

มีประเด็นที่กลายเป็นข้อถกเถียง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ตลอดเวลาสำหรับ "เนื้อหา" ในบทเพลง(ไทย) ซึ่งระยะหลังมักจะถูกตั้งข้อสงสัยในเรื่องของความเหมาะสมและไม่เหมาะสมค่อนข้างจะถี่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเหตุผลกว่า 90% ของเพลงส่วนใหญ่ซึ่งเกี่ยวข้องกับความรักที่กลายเป็นข้อกังวลของคนบางส่วนต่อภาวะการรับรู้ในเนื้อหารวมถึงมิวสิกวิดีโอต่อบทเพลงที่ว่าของวัยรุ่นไทยด้วยความเกรงว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งอารมณ์ใคร่ และการแสดงออกในเรื่องทางเพศที่เป็นไปในด้านลบ

ล่าสุดที่กลายเป็นประเด็นต่อเนื่องกับเรื่องที่ว่าก็คือเนื้อหาของเพลงที่สื่อถึงความเสียใจของผู้ที่อกหัก พลาดหวังจากความรัก จากการออกมาเปิดเผยของ "นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน" โฆษกกรมสุขภาพจิตที่เผยผลการวิจัยยืนยันว่ามีคนฆ่าตัวตายจากสื่อที่ได้รับทั้งเรื่องของหนัง เพลง หรือแม้กระทั่งหนังสือจริงๆ

ที่น่าสนใจก็คือ ปัจจุบันเพลงไทยรวมถึงมิวสิกวิดีโอบางส่วนได้มีเนื้อหาที่ชักนำให้เกิดเรื่องในลักษณะที่ว่า โดยยกตัวอย่างของบทเพลง "แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ" ของ "อ๊อฟ ปองศักดิ์ รัตนพงษ์" ซึ่งแต่งโดย "นิ่ม สีฟ้า" ขึ้นมาประกอบ

"ปัจจุบันมีเพลงที่มีเนื้อหารุนแรง ใช้คำหยาบคายและสื่อถึงเรื่องเซ็กซ์ในด้านลบเรื่องเพลงจำนวนมาก ในอนาคตอาจจะต้องมีการจัดเรตติ้งเพลงเหมือนกับการจัดเรตติ้งทีวี เพราะเด็กแต่ละวัยมีวุฒิภาวะไม่เหมือนกัน การได้รับสื่อทางลบบ่อยๆ อาจทำให้เลือกวิธีตัดสินใจในทางลบไปด้วย"

"และในกรณีของเพลงนี้ในมิวสิกวิดีโอตอนท้ายพระเอกเสียชีวิตด้วย ยิ่งทำให้เกิดอิทธิพลมากขึ้น เมื่อรวมกับเนื้อเพลงท่อนสำคัญคือ... ฉันเหมือนคนไม่มีกำลังและหมดแรง จะยืนจะลุกเดินไป ฉันเหมือนคนกำลังจะตายที่ขาดอากาศจะหายใจ ฉันเหมือนคนที่โดนเธอแทงข้างหลังและมันทะลุถึงหัวใจ เธอจะให้ฉันมีชีวิตต่อไปอย่างไร"

"ไม่มีอีกแล้ว กับเธอไม่มีเหลือสักอย่าง อยากตาย เสียใจแค่ไหนถ้าอยากรู้ บอกเธอได้คำเดียว อยากตาย..."

ประเด็นมีคนฟังเพลงแล้วฆ่าตัวตาย หรือแม้กระทั่งเนื้อหาของเพลงในลักษณะที่คร่ำครวญนี้ต้องถือว่าไม่ใช่ของใหม่สำหรับบ้านเรา อย่างกรณีของเพลง "ใจจะขาดแล้วเอย" ของ "ศรเพชร ศรสุพรรณ", "ตายทั้งเป็น" ของ "RITALINN", "ปล่อยฉัน" "Retrospect" เหล่านี้ก็มีเนื้อหาที่ไม่ได้ต่างกันมากนัก

แต่การหยิบยกนำเรื่องที่ว่านี้ขึ้นมาพูดคุยต้องถือว่าน่าสนใจ

ในต่างประเทศ แม้เราจะได้ยินข่าวในลักษณะที่ว่านี้อยู่เป็นประจำ แต่ก็ใช่ว่าบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องจะไม่แยแสหรือปล่อยให้เรื่องที่ว่าเกิดขึ้นแล้วขึ้นอีก

มีข้อมูลที่ปรากฏเป็นข่าวออกมาระบุถึงกระแสการฆ่าตัวตายของเด็กวัยรุ่นในอเมริกาอันมีส่วนมาจากการฟังเพลงในแนว GLOOMY SUNDAY ที่มีต้นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบทเพลงที่ใช้ดนตรีและการร้องแบบโหยหวนกระตุ้นอารมณ์ เนื้อเพลงส่วนใหญ่จะมีความหมายไปในทำนองพูดถึงความเบื่อหน่ายต่อสังคมและการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ก่อนจะชักชวนให้มีการฆ่าตัวตายในวันอาทิตย์เพื่อจะได้พบกับความสุขอันเป็นนิรันดร์

ว่ากันว่าทางการของอเมริกาเพิ่งจะรู้จักกับเพลงแนวนี้เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมานี้เอง หลังเกิดคดีเด็กวัยรุ่นฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นทั้งเดี่ยวและหมู่อย่างน่าประหลาด โดยจากการตรวจสอบพบว่าได้มีการเปิดสถานีวิทยุแห่งหนึ่งเพื่อเผยแพร่เพลงแนวนี้ออกมา

ถ้าเสียงเพลงมีอิทธิพลที่สามารถสร้างอารมณ์ให้คนฟังสดใส หรือรู้สึกดีได้ ฉะนั้นมันคงจะไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดแต่อย่างใดหากในอีกด้านหนึ่ง "เสียงเพลง" ที่ว่าจะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดอารมณ์ที่หดหู่หรือความรู้สึกในด้านลบต่อผู้ที่กำลังเสพได้เช่นกัน

งานศิลปะทุกแขนงแม้จะมุ่งสื่อถึงอารมณ์ภายในของตัวศิลปินเป็นหลัก แต่ทั้งนี้คำถามหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ในตัวงานศิลปะเองที่มีหลากหลายองค์ประกอบ อาทิ แนวคิด ทัศนะคติ เสียง ภาษา รูปแบบ ฯลฯ ทั้งหลายทั้งปวงเหล่าจำเป็นมั้ยที่จะต้องแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมที่ประกอบไปด้วยคนซึ่งมีระดับความคิด สติปัญญา ที่แตกต่างกันออกไป

"ผมคิดว่าไม่ควรครับ ผมคิดว่าคนทำเพลงไม่มีสิทธิ์รับผิดชอบชีวิตใครทั้งนั้น คนทำเพลงก็คือคนที่อยากจะสนุกไปวันๆ ผมมองว่าดนตรีก็ไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ผมก็แค่คนทำงานที่ทำเพราะสนุก..." ตุล ไวทูรเกียรติ หนึ่งในสมาชิกวง "อพาร์ทเมนท์คุณป้า" เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้เป็นคำตอบจากคำถามที่ว่าในฐานะนักแต่งเพลงและนักร้อง ควรจะมีความรับผิดชอบต่อภาษาที่ตัวเองสื่อสารออกมาหรือไม่?

"ผมคิดว่าคนทำเพลงมีหน้าที่รับผิดชอบความสนุกของตัวเองครับ ถ้าเมื่อไรคุณทำแล้วไม่สนุก คุณฝืนเพื่อให้สังคมมองว่าคุณใช้ภาษาถูก แต่ในขณะเดียวกันคุณไม่ได้อยากใช้ภาษานั้นคุณก็ตอแหลกับตัวเอง ตรงนั้นผมถือว่าผิดจรรยาบรรณในการเป็นศิลปินนะครับ ศิลปินควรจะรับผิดชอบต่อตัวเอง แล้วงานศิลปะมันจะเป็นอย่างไรก็ตาม มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น"

"ไม่ว่ามันจะทำให้เกิดค่านิยมที่ดีหรือค่านิยมที่ไม่ดี ก็ไม่ใช่ความผิดของศิลปินตราบใดที่ศิลปินนั้นยังเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูด มันเป็นสิ่งที่เขารู้สึกจริงๆ แต่ว่าถ้าเมื่อไรก็ตามที่ศิลปินต้องมาฝืนเพื่อทำนุบำรุงอะไรบางอย่าง ที่แม้แต่ตัวศิลปินก็ยังไม่เชื่อ อันนั้นผมก็ถือว่ามันฝืด ศิลปะควรจะเป็นอะไรที่ทำเพื่อความสุขของผู้ทำ"

"แล้วเมื่อไรคนทำมีความสุข คนฟังจะได้รับความสุขนั้นไปเอง ผมก็หวังว่าอย่างนั้นโดยที่ความถูกผิด ไม่ได้เป็นเรื่องจำเป็นอะไรเลยในการสร้างงาน"

ส่วนกรณีของการที่มีคนฟังเพลงแล้วฆ่าตัวตายนั้นเจ้าตัวมองว่า..."อย่างที่ต่างประเทศที่มีเด็กฟังเพลงแล้วฆ่าตัวตาย เขาก็จะถามว่าแล้วมันเป็นความผิดของศิลปินหรือเปล่าที่จะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งนั้น ผมถือว่ามันก็ไม่ใช่เป็นความผิดของศิลปิน เพราะหน้าที่ของคนทำเพลงก็คือ คนเขียนเพลง ส่วนหน้าที่คนฟังคือฟังแล้วนำไปตีความ นำไปใช้ยังไง อันนี้เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลของคนฟังแล้ว"

"คนที่อยากเสพงานศิลปะก็ต้องยอมรับถึงความเปลี่ยนแปลง หรือการที่ศิลปะอาจจะยืนอยู่ในกรอบหรือนอกกรอบก็ได้ มันเป็นเหตุผลของคนทำศิลปะว่าเราต้องการอิสระที่ไม่มีที่สิ้นสุดน่ะครับ หรือเรื่องของภาษานั้น ผมว่าก็คงต้องปล่อยให้คนภายบนอกวิพากษ์วิจารณ์กันไป แต่สำหรับคนแต่งเพลง ขอให้แต่งเพลงแล้วรู้สึกว่าตัวเองอยากจะฟัง ตราบดีที่คุณแต่งเพลงแล้วคุณมาฟังเพลงที่คุณแต่งได้รอบแล้ว รอบเล่า ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว"

"แต่คนบางคนแต่งเพลงเพื่อที่จะให้คนอื่นชอบ แต่เอาเข้าจริงพอคนอื่นไม่อยู่ ตัวเองเผลอ หรือไม่มีคอนเสิร์ต ก็ไม่เคยเอาเพลงตัวเองมาฟังเลย ไม่ได้ชอบเพลงตัวเองจริงๆ ตรงนี้มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้ากว่า..."
........
เพลง - แทงข้างหลัง...ทะลุถึงหัวใจ
ศิลปิน - อ๊อฟ ปองศักดิ์ รัตนพงษ์
เนื้อร้อง - สีฟ้า
ทำนอง / เรียบเรียง - ปธัย วิจิตรเวชการ
ไม่ใช่นิยาย ไม่ใช่ละคร
ที่ฉันมองเห็นอยู่นี้ ที่แท้มันคือความจริง
คือคนสองคน ที่บอกรักกัน และคนในนั้น
หนึ่งคนคือคนที่ฉัน รักหมดหัวใจ

สิ่งที่เธอแสดง ทุกทุกถ้อยคำ
เหมือนเธอนั้นพูดกับฉัน
แต่ผู้ชายคนนั้น มันไม่ใช่ฉัน

ฉันเหมือนคนไม่มีกำลัง
และหมดแรงจะยืนจะลุกจะเดินไป
ฉันเหมือนคนกำลังจะตาย
ที่ขาดอากาศจะหายใจ
ฉันเหมือนคนที่โดนเธอแทงข้างหลัง
แล้วมันทะลุถึงหัวใจ
เธอจะให้ฉันมีชีวิตต่อไปอย่างไร
ไม่มีอีกแล้ว กับเธอ
ไม่มีเหลือสักอย่าง .... อยากตาย

บทบาทของเธอ สิ่งที่เขาทำ
ทุกตอนมันเหมือนตอกย้ำ
ให้ฉันต้องเสียน้ำตา
ภาพที่คุ้นเคย ที่ที่คุ้นตา
น้ำเสียงที่เธอ พูดจาท่าทีเหล่านั้น
ฉันไม่เคยลืม

สิ่งที่เธอแสดง ทุกทุกถ้อยคำ
เหมือนเธอนั้นพูดกับฉัน
แต่ผู้ชายคนนั้น มันไม่ใช่ฉัน

ฉันเหมือนคนไม่มีกำลัง
และหมดแรงจะยืนจะลุกจะเดินไป
ฉันเหมือนคนกำลังจะตาย
ที่ขาดอากาศจะหายใจ
ฉันเหมือนคนที่โดนเธอแทงข้างหลัง
แล้วมันทะลุถึงหัวใจ
เธอจะให้ฉันมีชีวิตต่อไปอย่างไร
ไม่มีอีกแล้ว กับเธอ
ไม่มีเหลือสักอย่าง .... อยากตาย

เสียใจ แค่ไหน ถ้าอยากรู้
บอกเธอได้คำเดียว .... อยากตาย....

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

คำนำของกวี


เงียบใช่เงียบศัพท์เสียงสมัย
เข็มตกยังยินไหวแว่วว้าง
มืดใช่ มืดมิดปิดหนทาง
ยังมีไฟพรางกลางฤทัย


สงสารวิญญาณทุกดวง
เห็นใบไม้ร่วงน้ำตาไหล
สัมผัสสายลมจักจี้หัวใจ
เห็นรอย ยิ้มของดอกไม้ยวนยี
หนักแสนหนักกระอักเลือด
เฉือนเชือดเดือดอะดักเทิดศักดิ์ศรี
ยิ้มได้ร้องไห้ได้ในเสี้ยววินาที
วิญญาณ สุนทรีย์กวีปราณ


*****


บนรอยยิ้มไยใช่ว่าไม่เศร้า
เพลงหวานอาจเคล้าคลอครวญคร่ำ
ในสีขาวใช่ไม่มีสีดำ
เห็นธรรมเห็นกวี อยู่ที่ใจ
สรรพสิ่งในโลกล้วนคือมวลมิตร
ในถูกมีผิดอาจเป็นได้
ใครว่าในน้ำไม่มีไฟ
ดอกไม้ที่มีพิษยังมากมี


เรียนรู้หัวใจให้แจ้ง
จากแหล่งเชื้อเพลิงลับลี้
ค้นหาอำนาจธรรมขลังพลังกวี
หาในใจดวงนี้..มีไหมหนอฯ


พระไม้


หลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


เมื่อวานนี้ผมได้หนังสือหลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก ระผมจึงอยากมานำเผยแพร่เพื่อควรยึดเป็นแบบอย่างในการเจริญรอยตามเบื้องพระยุ คลบาท นำมาปฏิบัติเพื่อให้บังเกิดผลต่อตนเอง สังคมและประเทศชาติตลอดไป


หลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีดังต่อไปนี้


1. ศึกษาข้อมูลอย่างเป็นระบบการที่จะพระราชทานโครงการใดโครงการหนึ่งนั้น จะทรงศึกษาข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นระบบ ทั้งจากข้อมูลเบื้องต้น จากเอกสาร แผนที่ สอบถามเจ้าหน้าที่ นักวิชาการและราษฎรในพื้นที่เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อที่จะพระราชทานความช่วยเหลือได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วตรงตามความต้องการของประชาชน


2. ระเบิดจากข้างในพระองค์ทรงมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาคน ต้องสร้างความเข้มแข็งให้คนในชุมชนที่เราเข้าไปพัฒนาให้มีสภาพพร้อมที่จะรับเสียก่อน แล้วจึงค่อยออกมาสู่สังคมภายนอก มิใช่การนำเอาความเจริญหรือบุคคลจากสังคมภายนอกเข้าไปหาชุมชน หมู่บ้าน ที่ยังไม่ทันได้มีโอกาสเตรียมตัวหรือตั้งตัว


3. แก้ปัญหาที่จุดเล็กพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเปี่ยมไปด้วยพระอัจฉริยภาพในการแก้ปัญหา ทรงมองปัญหาในภาพรวม (Macro) ก่อนเสมอ แต่การแก้ปัญหาของพระองค์จะเริ่มจากจุดเล็ก ๆ คือ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่คนมักจะมองข้าม ดังพระราชดำรัสที่ว่า "…..ถ้าปวดหัวก็คิดอะไรไม่ออก…….. เป็นอย่างนั้นต้องแก้ไขการปวดหัวนี้ก่อน……..มันไม่ได้เป็นการแก้อาการจริง แต่ต้องแก้ปวดหัวก่อน เพื่อที่จะให้อยู่ในสภาพที่คิดได้…….แบบ Macro นี้เขาจะทำแบบรื้อทั้งหมด ฉันไม่เห็นด้วย……… อย่างบ้านคนอยู่ เราบอกบ้านนี้มันผุตรงนั้น ผุตรงนี้ไม่คุ้มที่จะไปซ่อม…… เอาตกลงรื้อบ้านนี้ระเบิดเลย เราจะไปอยู่ที่ไหน ไม่มีที่อยู่………. วิธีทำต้องค่อย ๆทำ จะไประเบิดหมดไม่ได้


4. ทรงทำตามลำดับขั้น"…การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือ ความพอมีพอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน ใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อได้พื้นฐานที่มั่นคงพร้อมพอสมควร และปฏิบัติได้แล้วจึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ และฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคล้องด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่าง ๆขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด ดังเห็นได้ที่อารยประเทศกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในเวลานี้…"


5. ภูมิสังคม"…การพัฒนาจะต้องเป็นไปตามภูมิประเทศ ภูมิศาสตร์และภูมิประเทศทางสังคมศาสตร์ในสังคมวิทยา คือนิสัยใจคอของคนเราจะไปบังคับให้คนอื่นคิดอย่างอื่นไม่ได้ เราต้องแนะนำ เราเข้าไป ไปช่วยโดยที่จะคิดให้เขาเข้ากับเราไม่ได้ แต่ถ้าเราเข้าไปแล้ว เราเข้าไปดูว่าเขาต้องการอะไรจริง ๆ แล้วก็อธิบายให้เขาเข้าใจหลักการของการพัฒนานี้ก็จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง…"


6. องค์รวมทรงมีชีวิตคิดอย่างองค์รวม (Holistic) หรือมองอย่างครบวงจร ในการที่จะพระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับโครงการหนึ่งนั้นจะทรงมองเหตุการณ์ท ี่จะเกิดขึ้นและแนวทางแก้ไขอย่างเชื่อมโยง ดังเช่น กรณีของ "ทฤษฎีใหม่" ท ี่พระราชทานให้แก่ปวงชนชาวไทย เป็นแนวทางในการประกอบอาชีพนับเป็นแนวทางหนึ่งที่พระองค์ทรงมองอย่างองค์รวม ตั้งแต่การถือครองที่ดิน โดยเฉลี่ยของประชาชนคนไทยประมาณ ๑๐ - ๑ ๕ ไร่ เพื่อการบริหารจัดการที่ดิน และแหล่งน้ำอันเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการประกอบอาชีพ เมื่อมีน้ำในการทำเกษตรแล้วจะส่งผลให้ผลผลิตดีขึ้น และหากมีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรจะต้องรู้จักวิธีการจัดการและการตลาด รวมถึงการรวมกลุ่ม รวมพลังชุมชนให้มีความเข้มแข็ง เพื่อพร้อมที่จะออกสู่การเปลี่ยนแปลงของสังคมภายนอกได้อย่างครบวงจร นั่นคือ ทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ ๑, ๒ และ ๓


7. ไม่ติดตำราการพัฒนาตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีลักษณะของการพัฒนาที่อนุโลมและรอมชอมกับสภาพธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสภาพของสังคมจิตวิทยาแห่งชุมชน คือ "ไม่ติดตำรา" ไม่ผูกมัดติดกับวิชาการและเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงของคนไทย


8. ประหยัด เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสุดใ นเรื่องของความประหยัดนี้ ประชาชนชาวไทยทราบกันดีว่าเรื่องส่วนพระองค์ทรงใช้อย่างคุ้มค่าอย่างไร หรือฉลองพระองค์แต่ละองค์ทรงใช้อยู่เป็นเวลานานดังที่นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เคยเล่าว่า "... กองงานในพระองค์โดยท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ บอกว่าปีหนึ่งพระองค์เบิกดินสอ 12 แท่ง เดือนละแท่งใช้จนกระทั่งกุด ใครอย่าไปทิ้งของท่านนะจะกริ้วเลย ประหยัดทุกอย่างเป็นต้นแบบ ทุกอย่าง ทุกอย่างมีค่าสำหรับพระองค์หมด ทุกบาททุสตางค์จะใช้อย่างระมัดระวัง จะสั่งให้เราปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ..."


9. ทำให้ง่ายSimplicityด้วยพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้การคิดค้น ดัดแปลง ปรับปรุง และแก้ไขงานการพัฒนาเป็นไปได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และที่สำคัญคือสอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่และระบบนิเวศน์โดยส่วนรวมใช้กฎแห่งธรรมชาติเป็นแนวทาง ฉะนั้น คำว่า "ทำให้ง่าย"จึงเป็นหลักคิดสำคัญที่สุดของการพัฒนาประเทศในรูปแบบของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ


10. การมีส่วนร่วมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นนักประชาธิปไตย "ประชาพิจารณ์" มาใช้ในการบริหาร เพื่อเปิดโอกาสให้สาธารณชน ประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ทุกระดับได้มาร่วมกัน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่จะต้องคำนึงถึงความคิดของประชาชน ดังพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า "…สำคัญที่สุดจะต้องหัดทำใจให้กว้างขวางหนักแน่น รู้จักรับฟังความคิดเห็น แม้กระทั่งความวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นอย่างฉลาด เพราะการรู้จักรับฟังอย่างฉลาดนั้น แท้จริงคือการระดมสติปัญญาและประสบการณ์อันหลากหลาย มาอำนวยประโยชน์ในการปฏิบัติบริหารงานให้ประสบความสำเร็จที่สมบูรณ์นั่นเอง…."


11. ประโยชน์ส่วนรวมก ารปฏิบัติพระราชกรณียกิจ และการพระราชทานพระราชดำริ ในการพัฒนาและช่วยเหลือพสกนิกรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงระลึกถึงประ โยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ


12. บริการรวมที่จุดเดียว One-Stop Servicesท รงเน้นในเรื่องการสร้างความรู้ รัก สามัคคีและการร่วมมือร่วมแรงใจกันด้วยการปรับลดช่องว่างระหว่างหน่วยงานที่เ กี่ยวข้อง ที่มักจะต่างคนต่างทำและยึดติดกับการเป็นเจ้าของเป็นสำคัญ ให้แปรเปลี่ยนเป็นการรวมมือกันแนวพระราชดำริ ในการดำเนินบริหารของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่มีอยู่ทั้ง 6 ศูนย์ ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ นับเป็นรูปแบบใหม่ของการบริหารราชการแผ่นดินของประเทศไทยอย่างแท้จริงการพึ่ งตนเอง


13. ทรงใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติท รงเข้าใจถึงธรรมชาติและต้องการให้ประชาชนใกล้ชิดกับธรรมชาติทรงมองอย่างละเอ ียดถึงปัญหาธรรมชาติ หากเราต้องการแก้ไขธรรมชาติ จะต้องใช้ธรรมชาติเข้าช่วยเหลือ อาทิ การแก้ไขปัญหาป่าเสื่อมโทรมได้พระราชทานพระราชดำริ การปลูกป่า โดยไม่ต้องปลูก ปล่อยให้ธรรมชาติช่วยในการฟื้นฟูธรรมชาติ


14. ใช้อธรรมปราบอธรรมแนวปฏิบัติที่สำคัญในการแก้ปัญหาและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาวะที่ไม่ปกติให้เข้าสู่ระบบที่เป็นปกติ เช่น การนำน้ำดีขับไล่น้ำเสีย หรือเจือจางน้ำเสียให้กลับเป็นน้ำดี ตามจังหวะการขึ้นลงตามธรรมชาติของน้ำ การบำบัดน้ำเสียโดยใช้ผักตบชวาซึ่งมีตามธรรมชาติ ให้ดูดซับสิ่งสกปรกปนเปื้อนในน้ำ ดังพระราชดำรัสว่า "ใช้อธรรมปราบอธรรม"


15. ปลูกป่าในใจคนพระราชดำรัสตอนหนึ่งความว่า "….เจ้าหน้าที่ป่าไม้ควรจะปลูกต้นไม้ลงในใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นก็จะพากันปลูกต้นไม้ลงบนแผ่นดินและรักษาต้นไม้ด้วยตนเอง"


16. ขาดทุนคือกำไรขาดทุน คือ กำไร (Our loss is our gain…) การเสีย คือ การได้ ประเทศก็จะก้าวหน้า และการที่คนอยู่ดีมีสุขนั้น เป็นการนับที่เป็นมูลค่าเงินไม่ได้...ต่อพสกนิกรชาวไทย "การให้" "การเสียสละ" เป็นการกระทำอันมีผลเป็นกำไร คือความอยู่ดีมีสุขของราษฎร....


17. การพึ่งตนเอง"…การช่วยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพ และตั้งตัวให้มีความพอกินพอใช้ ก่อนอื่นเป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวด เพราะผู้มีอาชีพ และฐานะเพียงพอที่จะพึ่งพาตนเองได้ ย่อมสามารถสร้างความเจริญในระดับสูงขั้นต่อไป…"


18. พออยู่พอกินการพัฒนาเพื่อให้พสกนิกรทั้งหลายประสบความสุขสมบูรณ์ในชีวิต ได้เริ่มจากการเสด็จฯไปเยี่ยมประชาชนทุกหมู่เหล่าในทุกภูมิภาคของประเทศ ได้ทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของราษฎรด้วยพระองค์เอง จากนั้นได้พระราชทานความช่วยเหลือให้มีความอยู่ดีกินดี มีชีวิตอยู่ในขั้น "พออยู่พอกิน" ก่อน แล้วจึงขยับขยายให้มีขีดสมรรถนะที่ก้าวหน้าต่อไป ดังพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า " ถ้าโครงการดี ในไม่ช้า ประชาชนก็ได้กำไร จะได้ผลราษฏรจะอยู่ดีกินดีขึ้น จะได้ประโยชน์ไป..."


19. เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่พระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด มานานกว่า25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง และยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆโดยยึดหลักทางสายกลางพอเพียง พอประมาณด้วยเหตุผล มีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีสำนึกในคุณธรรมมีความซื่อสัตย์ สุจริตดำเนินชีวิตด้วยความอดทนมีสติปัญญา รอบคอบ


20. ความซื่อสัตย์ สุจริต และกตัญญู"…คนที่ไม่มีความสุจริต คนที่ไม่มีความมั่นคง ชอบแต่มักง่าย ไม่มีวันจะสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวมที่สำคัญอันใดได้ ผู้ที่มีความสุจริตและความมุ่งมั่นเท่านั้นจึงจะทำงานสำคัญยิ่งใหญ่ที่เป็นคุณเป็นประโยชน์แท้จริงได้สำเร็จ…."พระราชดำรัสเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2522


ผู้ที่มีความสุจริตและบริสุทธิ์ใจ แม้จะมีความรู้น้อยก็ย่อมทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้ มากกว่าผู้มีความรู้มากแต่ไม่มีความสุจริต ไม่มีความบริสุทธิ์ใจ…." พระราชดำรัสเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2533


21. ทำงานอย่างมีความสุขพ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระเกษมสำราญและทรงมีความสุขทุกคราที่จะช่วยเหลือ ประชาชน ซึ่งเคยรับสั่งครั้งหนึ่งว่า...ทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกัน ในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น...


22. ความเพียร:พระมหาชนกพ ระบาทสมเด็จอยู่หัว ทรงเริ่มทำโครงการต่างๆในระยะแรกที่ไม่มีความพร้อมในการทำงานมากนัก และทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ทั้งสิ้น แต่พระองค์ก็มิได้ท้อพระราชหฤทัย มุ่งมั่นพัฒนาบ้านเมืองให้บังเกิดความร่มเย็นเป็นสุข


23. รู้ รัก สามัคคีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสในเรื่อง รู้ รัก สามัคคี มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นคำสามคำ ที่มีค่าและมีความหมายลึกซึ้ง พร้อมทั้งสามารถปรับใช้ได้กับทุกยุด ทุกสมัย


รู้ การที่เราจะลงมือทำสิ่งใดนั้น จะต้องรู้เสียก่อน รู้ถึงปัจจัยทั้งหมด รู้ถึงปัญหาและรู้ถึงวิธีการแก้ปัญหา


รัก คือความรักที่เมื่อเรารู้ครบด้วยกระบวนความแล้วจะต้องมีความรัก ความพิจารณาที่จะเข้าไปลงมือปฏิบัติแก้ไขปัญหานั้น ๆ


สามัคคี สามัคคี แต่การที่จะลงมือปฏิบัตินั้น ควรคำนึงเสมอว่าเราจะทำงานคนเดียวไม่ได้ ต้องทำงานร่วมมือร่วมใจเป็นองค์กร เป็นหมู่คณะ จึงจะมีพลังเข้าไปแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปด้วยดี


การทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยึดการดำเนินงานในลักษระทางสายกลางที่สอดคล้องกับสิ่งที่อยู่รอบตัว และสามารถปฏิบัติได้จริง ทรงมีความละเอียดรอบคอบและทรงคิดค้นหาแนวทางพัฒนาเพื่อมุ่งสู่ประโยชน์ต่อปร ะชาชนสูงสุด


อ้างอิงจาก หนังสือ สำนักงานคณะกรรมการการพิเศษเพื่อประสานโครงกการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



ทองสง่า ผ่องแผ้ว 21/07/2550



ที่มา http://gotoknow.org/blog/eduresearch/113228


วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ไปร่วมงานรวมพลพลังเงียบที่สวนลุมพินี กทม. ช่วงสาย 22 ก.ค.2550


วันที่ 22 ก.ค. 2550 มีกิจกรรมที่น่าสนใจที่สวนลุมพีนี กทม. กับงานที่ถูกเรียกว่า รวมพลพลังเงียบ เป็นการชุมนุม ทำบุญตักบาตร และมีการประกาศเจตนารมย์ของผู้มาร่วมชุมนุม ที่ต้องการให้ชาติบ้านเมือง สงบ, การชุมนุมให้กำลังใจต่อการทำงานของ กกต. คตส. ศาล, ประธานองคมนตรี ฯลฯ


งานนี้เป็นการจัดขึ้นโดยเครือข่ายภาคประชาชน, เครือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ, กลุ่มพลังเงียบต่างๆ เมื่อนายบอนแวะมาธุระใน กทม. จึงหาโอกาสแวะเวียนไปสัมผัสบรรยากาศบ้าง


ความตั้งใจจริงๆ อยากจะไปตักบาตรที่สวนลุม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ถูกจัดขึ้นในช่วงเช้า แต่เนื่องจากตื่นสาย ไปไม่ทัน เมื่อไปถึงจึงได้ไปร่วมสังเกตการณ์ในขณะที่มีกิจกรรมอื่นๆบนเวทีหน้าลานพระรูป รัชกาลที่ 6 ซึ่งผู้มาร่วมชุมนุม แสดงพลังต่างสวมเสื้อสีเหลืองมาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง


ภายในสวนลุมพินีมีเต็นท์ที่ขายสินค้า อาหาร ผลไม้ ของดีจากภาคต่างๆมาตั้งขายที่มุมหนึ่ง ในระหว่างที่มีกิจกรรมบนเวทีกลาง ผู้มาร่วมชุมนุมหลายคน ต่างมาต่อคิวซื้อ ปาท่องโก๋ปักษ์ใต้, ผัดไทโบราณ, เนื้อทุบ, หลายกลุ่มพากันนั่งทานใต้ร่มไม้เย็นๆในสวนลุมพินีอย่างสบายใจ ดูบรรยากาศทั่วไปแล้ว อีกด้านหนึ่งเหมือนกับการมาพักผ่อน ปิคนิคในวันหยุด ส่วนบริเวณที่จัดกิจกรรมบนเวที เหมือนกับการมาฟังการปราศรัย อีกมุมก็ยืนถ่ายภาพกันอย่างสบายใจ , บางคนก็แจกใบปลิว แผ่นพับ ให้ข้อมูลที่ต้องการเผยแพร่ , มีเต้นท์รับสมัครเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย






หลายคนอาจจะมองกิจกรรมการรวมตัวชุมนุมในลักษณะนี้ว่า เป็นการจัดตั้ง หรือมีวัตถุประสงค์อื่นๆก็แล้วแต่จะมองกันไปตามข้อมูลที่ได้รับ และความเชื่อความเข้าใจของแต่ละคน


แต่การชุมนุมแสดงพลังที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น นั่นคือการชุมนุมในช่วงเย็นจนถึงช่วง 5 ทุ่มของกลุ่ม นปก. ที่เคลื่อนขบวนมาจากสนามหลวง เดินผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มาตามถนนราชดำเนิน มุ่งมายังบ้านสี่เสาเทเวศน์ ภาพข่าวที่ปรากฏแต่ความวุ่นวาย การทำลายข้าวของ การใช้กำลังของผู้ชุมนุม ความพยายามสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มองเห็นผู้ร่วมชุมนุมเป็นคนไทยที่มีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันไป ใช้เพียงโล่ และกระบองเท่านั้น


เศร้าใจที่คนไทยต้องมาทำร้ายกัน บาดเจ็บไปหลายสิบคน


ระหว่างทาง การชุมนุม











30 เพลงจาก ปีเตอร์ สารีวงษ์

โฟดีฟาย
ปีเตอร์ สารีวงษ์
Eb

คนออกตังค์นั่งหัวโต๊ะ
ปีเตอร์ สารีวงษ์
C

....ดนตรี..........
จะร้องเพลง ฝรั่งก็ไม่เป็น
แค่เพลงไทย ก็ยังไป ไม่รอด
จะร้องอะไร แต่ใจ ยังปอดๆ
ที่ชอบตลอด ละคือเสียง เพลง.
เพลงไทย พึมพำ พอฟังได้
ตะโกน ออกไป พอเป็นเพลง
เห็นเขาร้อง
ก็อยากร้อง อยากจะเก่ง
เลย ละเลง เป็นฟุตฟิต ฟอไฟ
ร้องเอง งงเอง ไม่รู้ภาษา อะไร
.โฟดิโฟ ดิโฟ ดิฟาย
เจิ๊ดไอล้าย ตะแหน่วตะแหน่ว
โฟดิโฟ ดิโฟ ดิฟาย
เจิ๊ดไอล้าย ตะแหน่วตะแหน่ว.
พอร้องไป ฟังไป ชักเข้าท่า
แต่ไม่รู้ว่าเป็นภาษา อะไร
ร้องเอง ฟังเอง ก็พอไหว
ร้องได้ แต่ต้องแปล เอาเอง.
.โฟดิโฟ ดิโฟ ดิฟาย
เจิ๊ดไอล้าย ตะแหน่วตะแหน่ว
โฟดิโฟ ดิโฟ ดิฟาย
แย๊วแยวๆๆๆๆๆๆ..
....ดนตรี..........
จะร้องเพลง ฝรั่งก็ไม่เป็น
แค่เพลงไทย ก็ยังไป ไม่รอด
จะร้องอะไร แต่ใจ ยังปอดๆ
ที่ชอบตลอด ละคือเสียง เพลง.
เพลงไทย พึมพำ พอฟังได้
ตะโกน ออกไป พอเป็นเพลง
เห็นเขาร้อง
ก็อยากร้อง อยากจะเก่ง
เลย ละเลง เป็นฟุตฟิต ฟอไฟ
ร้องเอง งงเอง ไม่รู้ภาษา อะไร
.โฟดิโฟ ดิโฟ ดิฟาย
เจิ๊ดไอล้าย ตะแหน่วตะแหน่ว
โฟดิโฟ ดิโฟ ดิฟาย
เจิ๊ดไอล้าย ตะแหน่วตะแหน่ว.
พอร้องไป ฟังไป ชักเข้าท่า
แต่ไม่รู้ว่าเป็นภาษา อะไร
ร้องเอง ฟังเอง ก็พอไหว
ร้องได้ แต่ต้องแปล เอาเอง.
.โฟดิโฟ ดิโฟ ดิฟาย
เจิ๊ดไอล้าย ตะแหน่วตะแหน่ว
โฟดิโฟ ดิโฟ ดิฟาย
แย๊วแยวๆๆๆๆๆๆ..
..
.



....ดนตรี........
.คนออกตังค์นั่งอยู่หัวโต๊ะ
นั่งหัวโต๊ะ
นั่นแหละคนออกตังค์
ส่วนผมได้แค่นั่งข้างๆ
[ส่วนผมได้แค่นั่งข้างๆ]
เพราะไม่มีตังค์
จะไปนั่งหัวโต๊ะ
.หัวโต๊ะละอุตส่าห์เชิญมา
ต้องช่วยเขาเฮฮาล่ะสิโธ่
เขาไชล่ะผมก็ช่วยโย
อ่ะเขาโม้ล่ะผมก็ช่วยฟัง
เขาขำล่ะผมก็ขำด้วย
ผมช่วยขำด้วยก็ทุกครั้ง
อยากให้เขามีความสุข
ไม่ลุกออกจากที่นั่ง
เรื่องคนยุ่งน่ะอีรุงตุงนัง
ถ้าคนออกตังค์หายไปจากโต๊ะ
.คนออกตังค์นั่งอยู่หัวโต๊ะ
นั่งหัวโต๊ะ
นั่นแหละคนออกตังค์
ส่วนผมได้แค่นั่งข้างๆ
[ส่วนผมได้แค่นั่งข้างๆ]
เพราะไม่มีตังค์
จะไปนั่งหัวโต๊ะ.
.หัวโต๊ะล่ะจะสั่งปลาวาฬ
สั่งช้างก็จะทานให้หมด
เหล้าเบียร์ก็จะเลียทุกหยด
ไม่ซดล่ะให้มีเสียงดัง
น้ำแข็งโซดาถ้าขาด
ผมก็ซัดเพียวๆทุกครั้ง
กับแกล้มกินได้ทุกแบบ
จืดแซ่บนั่นก็แล้วแต่สั่ง
กินอะไรก็อร่อยดีจัง
ถ้าคนออกตังค์ ยังอยู่หัวโต๊ะ
.คนออกตังค์นั่งอยู่หัวโต๊ะ
นั่งหัวโต๊ะ
นั่นแหละคนออกตังค์
ส่วนผมได้แค่นั่งข้างๆ
[ส่วนผมได้แค่นั่งข้างๆ]
เพราะไม่มีตังค์
จะไปนั่งหัวโต๊ะ
....ดนตรี.........
ของหวานล่ะเสริฟจานสุดท้าย
ก็หายล่ะเข้าลำไส้จนเกลี้ยง
ถึงเขาไม่เต็มใจเลี้ยง
ผมนี้ล่ะก็เต็มใจนั่ง
ของเหลือผมก็ช่วยถือกลับ
ผมรับผิดชอบล่ะทุกครั้ง
อาแป๊ะ มาคิดเงินได้
ให้รีบไปหัวโต๊ะล่ะเขาสั่ง
มีตังค์ทอนเหลือเท่าไหร่ล่ะก็ชั่ง
ไม่ต้องเสียงดัง
มาทอนข้างโต๊ะ
คนออกตังค์นั่งอยู่หัวโต๊ะ
นั่งหัวโต๊ะ
นั่นแหละคนออกตังค์
ส่วนผมได้แค่นั่งข้างๆ
[ส่วนผมได้แค่นั่งข้างๆ]
เพราะไม่มีตังค์
จะไปนั่งหัวโต๊ะ
..
.




ยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก ( C )
ปีเตอร์ สารีวงศ์
C

รักติดปีกบิน
ปีเตอร์ สารีวงศ์
C

....ดนตรี..........
ยักษ์วัดแจ้ง
กับยักษ์วัดโพธิ์
ตัวโตๆ โอ้โฮตัวใหญ่
มีเขี้ยวยาว
มีกระบองคู่ใจ
เจ้ายักษ์ตัวใหญ่
ยืนอยู่คล้ายกัน
นั่นยักษ์ตัวโต
อ๊ะนี่ก็ยักษ์ตัวเล็ก
ยักษ์เด็กๆ
ลูกยักษ์ปักหลั่น
เขี้ยวยังเล็ก
กัดใคร ก็ไม่ทัน
ยักษ์วิ่งไล่กัน
ทั้งวัดแจ้ง วัดโพธิ์.
.ยักษ์ใหญ่วิ่งไล่ยักษ์เล็ก
เห็นยักษ์เล็กวิ่งไล่ยักษ์ใหญ่
ยักษ์ใหญ่วิ่งไล่ยักษ์เล็ก
เอ้าเห็นยักษ์เล็กวิ่งไล่ยักษ์ใหญ่
ยักษ์เล็กวิ่งเตลิดไป
ยักษ์เล็กวิ่งเตลิดไป
ถึงระนอง ระยอง ยะลา
ถึงระนอง ระยอง ยะลา
ยักษ์ใหญ่วิ่งไล่ยักษ์เล็ก
เห็นยักษ์เล็กวิ่งไล่ยักษ์ใหญ่
ยักษ์ใหญ่วิ่งไล่ยักษ์เล็ก
เอ้าเห็นยักษ์เล็กวิ่งไล่ยักษ์ใหญ่
ยักษ์เล็กวิ่งเตลิดไป
ยักษ์เล็กวิ่งเตลิดไป
ถึงระนอง ระยอง ยะลา
ถึงระนอง ระยอง ยะลา.
.ยักษ์วัดแจ้ง
กับยักษ์วัดโพธิ์
ตีกันพัลโล
เป็นท่าเตียนเลี่ยนตา
เจ้ายักษ์ตัวใหญ่
ไล่ยักษ์เล็กกลับมา
เอ้าฮาหุยฮา
เห็นยักษ์วิ่งไล่กัน
.ยักษ์ใหญ่วิ่งไล่ยักษ์เล็ก
เห็นยักษ์เล็กวิ่งไล่ยักษ์ใหญ่
ยักษ์ใหญ่วิ่งไล่ยักษ์เล็ก
เอ้าเห็นยักษ์เล็ก
วิ่งไล่ยักษ์ใหญ่
ยักษ์เล็กวิ่งเตลิดไป
ยักษ์เล็กวิ่งเตลิดไป
ถึงระนอง ระยอง ยะลา
ถึงระนอง ระยอง ยะลา
ยักษ์ใหญ่วิ่งไล่ยักษ์เล็ก
เห็นยักษ์เล็กวิ่งไล่ยักษ์ใหญ่
ยักษ์ใหญ่วิ่งไล่ยักษ์เล็ก
เอ้าเห็นยักษ์เล็กวิ่งไล่ยักษ์ใหญ่
ยักษ์เล็กวิ่งเตลิดไป
ยักษ์เล็กวิ่งเตลิดไป
ถึงระนอง ระยอง ยะลา
ถึงระนอง ระยอง ยะลา
....ดนตรี..........
.ยักษ์วัดแจ้ง
กับยักษ์วัดโพธิ์
ตีกันพัลโล
เป็นท่าเตียนเลี่ยนตา
เจ้ายักษ์ตัวใหญ่
ไล่ยักษ์เล็กกลับมา
เอ้าฮาหุยฮา
เห็นยักษ์วิ่งไล่กัน
.ยักษ์ใหญ่วิ่งไล่ยักษ์เล็ก
เห็นยักษ์เล็กวิ่งไล่ยักษ์ใหญ่
ยักษ์ใหญ่วิ่งไล่ยักษ์เล็ก
เอ้าเห็นยักษ์เล็ก
วิ่งไล่ยักษ์ใหญ่
ยักษ์เล็กวิ่งเตลิดไป
ยักษ์เล็กวิ่งเตลิดไป
ถึงระนอง ระยอง ยะลา
ถึงระนอง ระยอง ยะลา
ยักษ์ใหญ่วิ่งไล่ยักษ์เล็ก
เห็นยักษ์เล็กวิ่งไล่ยักษ์ใหญ่
ยักษ์ใหญ่วิ่งไล่ยักษ์เล็ก
เอ้าเห็นยักษ์เล็กวิ่งไล่ยักษ์ใหญ่
ยักษ์เล็กวิ่งเตลิดไป
ยักษ์เล็กวิ่งเตลิดไป
ถึงระนอง ระยอง ยะลา
ถึงระนอง ระยอง ยะลา
ถึงระนอง ระยอง ยะลา
ถึงระนอง ระยอง ยะลา
... จบเพลงแล้วครับ...


....ดนตรี........
ฉันอยากมีปีกบินไปบนฟ้า
บอกว่ารักเธอ
จะพร่ำจะเพ้อ
รักเธอแน่นเหนียว
บอกไปให้รู้ ว่ามีใจเดียว
หญิงอื่นไม่เหลียว
รักเดียวคือ เจ้า.
ฉันอยากมีปีกบินไปบนฟ้า
ไปหาพระอินทร์
บอกท่านได้ยิน
รักเกินใคร เล่า
ช่วยเป็น สักขี
ในรักสองเรา
บอกให้คนเขารู้ทั่วโลกา
>มี ปีก เหมือนนก
จะหกจะเหิร
เที่ยวแจกบัตรเชิญ
ไปทั่วพารา
บอก ให้ โลกรู้ ทุกวันเวลา
พร้อมเหล่าประชา ร่วมใจ.
ถึงไม่มีปีกบินไปบนฟ้า
บอกว่ารักเธอ
ก็รักเสมอรักเธอเรื่อยไป
ไม่ มี ปีกเหิร
จะเดินย่างกราย
บอกแค่เมืองไทยว่าฉันรักเธอ
....ดนตรี........
>มี ปีก เหมือนนก
จะหกจะเหิร
เที่ยวแจกบัตรเชิญ
ไปทั่วพารา
บอก ให้ โลกรู้ ทุกวันเวลา
พร้อมเหล่าประชา ร่วมใจ.
ถึงไม่มีปีกบินไปบนฟ้า
บอกว่ารักเธอ
ก็รักเสมอรักเธอเรื่อยไป
ไม่ มี ปีกเหิร
จะเดินย่างกราย
บอกแค่เมืองไทยว่าฉันรักเธอ
..
.




น้ำตาหยดนั้น
ปีเตอร์ สารีวงศ์
F

เสียเส้น ( Am )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
Am

....ดนตรี..........
น้ำ ตา หยดนั้น
เธอหยดให้ฉันจริงใจหรือเปล่า
ก่อน ออกประตูบ้านฉัน
เธอหัน มาทำหน้าเศร้า
แล้ว ก็ไป.
เธอ มา บอกฉัน
ว่า จะแต่งงานตามใจผู้ใหญ่
ทำ ทีว่าเธอแสนอาย
ที่กลาย เป็นคนสองใจ
ร้องไห้ ให้ดูเลยเชียว
>รัก กัน แทบตาย
สุดท้ายจะลา
มีเพียงน้ำตา หยดเดียว
หยั่ง รากฝังรัก
ถักใจเป็นเกลียว
น้ำตาหยดเดียวนั่นหรือที่เหลือ
.น้ำ ตา หยดนั้น
ถ้าแกล้งบีบคั้นมาให้ฉันเชื่อ
จะแช่งให้น้ำในตา
สลายกลายเป็นน้ำเกลือ
น้ำกรดรดใจเธอเอง
....ดนตรี..........
>รัก กัน แทบตาย
สุดท้ายจะลา
มีเพียงน้ำตา หยดเดียว
หยั่ง รากฝังรัก
ถักใจเป็นเกลียว
น้ำตาหยดเดียวนั่นหรือที่เหลือ
.น้ำ ตา หยดนั้น
ถ้าแกล้งบีบคั้นมาให้ฉันเชื่อ
จะแช่งให้น้ำในตา
สลายกลายเป็นน้ำเกลือ
น้ำกรดรดใจเธอเอง
..
.



กานท์ การุณวงศ์
Proplus3.0
ดนตรี..14..Bars
12...13...14>>>
แต่ช้าแต่เขาแห่อะไร
ไปเราไปไปดูดีกว่า
ยกมือป้องเดินย่องเข้าไป
ไม่ทันใจเอ้าวิ่งดีกว่า
เร็วเข้าเถิดเขาเปิดจานเสียง
เป็นสำเนียงเสียงโกระช่า
สุขสดชื่นค่ำคืนวันนี้
บ้านเราดีมีหนังขายยา
โอ้ยตาย โอ้ยตาย
แสนอับอายรถขายน้ำปลา
(หุย ฮา หุย ฮา)
(ฮาหุยฮา หุยฮาฮุยฮา)
คนหุยฮาเรามาปล่อยไก่
ไปไป๊ไปไปบ้านดีกว่า
ของอะไรดีหรือไม่ดี
ในยุคนี้ต้องโฆษณา
รถเจ้ากรรมมาทำเสียเส้น
ทำกรรมเวรให้เสียเวลา
หิวเต็มที่วิ่งรี่เข้าครัว
ซวยเกินตัวตัวเอ๋ยตัวข้า
ตึกใหญ่ใหญ่กินไก่กินหมู
บ้านรังหนูกินแต่น้ำปลา
โอ้ยตายแล้วเรา
เหลือขวดเปล่าไม่มีน้ำปลา
เครื่องสำอางค์
ขวดเท่านิ้วก้อย
ร้อยสองร้อยเที่ยวหาซื้อมา
ห่วงแต่แต่งตัว
(ห่วงแต่แต่งตัว)
แม่ทูนหัวลืมซื้อน้ำปลา
(แม่ทูนหัวลืมซื้อน้ำปลา)
ดนตรี..19..Bars
17...18...19>>>
แต่ช้าแต่เขาแห่อะไร
ไปเราไปไปดูดีกว่า
ยกมือป้องเดินย่องเข้าไป
ไม่ทันใจเอ้าวิ่งดีกว่า
เร็วเข้าเถิดเขาเปิดจานเสียง
เป็นสำเนียงเสียงโกระช่า
สุขสดชื่นค่ำคืนวันนี้
บ้านเราดีมีหนังขายยา
โอ้ยตาย โอ้ยตาย
แสนอับอายรถขายน้ำปลา
(หุย ฮา หุย ฮา)
(ฮาหุยฮา หุยฮาฮุยฮา)
คนหุยฮาเรามาปล่อยไก่
ไปไป๊ไปไปบ้านดีกว่า
ของอะไรดีหรือไม่ดี
ในยุคนี้ต้องโฆษณา
รถเจ้ากรรมมาทำเสียเส้น
ทำกรรมเวรให้เสียเวลา
หิวเต็มที่วิ่งรี่เข้าครัว
ซวยเกินตัวตัวเอ๋ยตัวข้า
ตึกใหญ่ใหญ่กินไก่กินหมู
บ้านรังหนูกินแต่น้ำปลา
โอ้ยตายแล้วเรา
เหลือขวดเปล่าไม่มีน้ำปลา
เครื่องสำอางค์
ขวดเท่านิ้วก้อย
ร้อยสองร้อยเที่ยวหาซื้อมา
ห่วงแต่แต่งตัว
(ห่วงแต่แต่งตัว)
แม่ทูนหัวลืมซื้อน้ำปลา
(แม่ทูนหัวลืมซื้อน้ำปลา)
Proplus3.0

จากไปสามปี ( Em )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
Em

พ่อพี่ไม่ได้เป็นนายก ( C#m )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
C#m

กานท์ การุณวงศ์
Proplus3.0
ดนตรี..12..Bars
10...11...12>>>
จากไปสามปี
น้องก็มีเด็กน้อยสองคน
โอ้โหหน้ามน
บ่ควรใจร้อนก่อนวัย
เด็กหญิงคำหล้า
อายุสิบห้าหย่อนหย่อน
เมื่อสามปีก่อน
ก็บ่ทันเติบทันใหญ่
โอโฮะโอโฮะโอ
โฮะโอโฮะโอ
โฮะโอโฮะโอย
บ่ว่าเจ้าสุกก่อนห่าม
บ่หยามว่าเจ้าไวไฟ
แต่อ้ายเสียใจ
บ่ได้เจ้าเป็นศรีเรือน
ดนตรี..4..Bars
2...3...4>>>
อ้ายมาสารคาม
เพราะมีความคึดฮอดเนื้อเย็น
โอ้โหมาเห็น
อกเต้นสะท้านสะเทือน
แม่เฒ่าเหลาตอก
พ่อเฒ่าก็ออกสุ่มปลา
น้องนางคำหล้า
ก็อุ้มลูกน้อยสามเดือน
โอโฮะโอโฮะโอ
โฮะโอโฮะโอ
โฮะโอโฮะโอย
ได้ยินว่าผัวของเจ้า
ขี้เมาไถลไชเชือน
อ้ายเบิ่งแล้วต้องเบือน
บาดลูกกะตาแสลงใจ
ดนตรี..10..Bars
8...9...10>>>
อ้ายมาสารคาม
เพราะมีความคึดฮอดเนื้อเย็น
โอ้โหมาเห็น
อกเต้นสะท้านสะเทือน
แม่เฒ่าเหลาตอก
พ่อเฒ่าก็ออกสุ่มปลา
น้องนางคำหล้า
ก็อุ้มลูกน้อยสามเดือน
โอโฮะโอโฮะโอ
โฮะโอโฮะโอ
โฮะโอโฮะโอย
ได้ยินว่าผัวของเจ้า
ขี้เมาไถลไชเชือน
อ้ายเบิ่งแล้วต้องเบือน
บาดลูกกะตาแสลงใจ
Proplus3.0
แดง แดนทอง
Proplus3.0
ดนตรี..12..Bars
10...11...12>>>
พ่อพี่ไม่ได้เป็นนายก
มรดกที่มีก็หมด
เงินเก่าห้าหมื่นเจ็ดพัน
กินเข้าไปทุกวันเงินมันก็หมด
พี่หวังจะกลับไปบ้าน
ขอน้องแต่งงานก็เลยต้องงด
เลื่อนไปไม่มีกำหนด
น้องจึงได้หมดความรัก
ก็พ่อพี่ไม่ได้เป็นนายก
อกพี่จึงต้องหัก
เจอหน้ากันเป็นประจำ
น้องก็แกล้งกระทำ
เหมือนไม่เคยรู้จัก
ไม่เหมือนกะเมื่อก่อนนี้
น้องเจอกับพี่ก็เคยรีบทัก
เดี๋ยวนี้พี่เซเสียหลัก
น้องจึงตีจากพี่ไป
โธ่เอ๋ยน้องลองคิดดูเถอะว่า
อันโชคชะตา
ของคนมันแน่เมื่อไหร่
เมื่อก่อนเคยมี
แต่เดี๋ยวนี้เงินมันหมดไป
แล้วพี่จะเอาที่ไหน
มาแต่งงานได้วันนี้พรุ่งนี้
พ่อพี่ไม่ได้เป็นนายก
อกพี่จึงร้อนฉี่
อาณาเขตประเทศอินเดีย
ยันอ่าวตังเกี๋ยมันไม่ใช่ของพี่
หมอบอกชะตาพี่สวย
ปีหน้าจะรวยถึงขั้นเศรษฐี
น้องยังกลับเมินหน้าหนี
เพราะพ่อของพี่
ไม่ได้เป็นนายก
แกไม่ได้เป็นนายก
แกไม่ได้เป็นนายก
ดนตรี..4..Bars
2...3...4>>>
พ่อพี่เป็นแค่ อบต.
ตัวน้องนั้นหนอ
ไม่เคยมายอมายก
คุณลุงเป็นแค่เทศมนตรี
ส่วนคุณอาผมนี่เป็นมัคทายก
น้องสาวคนโตของพี่
ทำงานมาหลายปี
ก็ยังได้แค่ซีหก
ดนตรี..6..Bars
4...5...6>>>
พ่อพี่ไม่ได้เป็นนายก
มรดกที่มีก็หมด
เงินเก่าห้าหมื่นเจ็ดพัน
กินเข้าไปทุกวันเงินมันก็หมด
พี่หวังจะกลับไปบ้าน
ขอน้องแต่งงานก็เลยต้องงด
เลื่อนไปไม่มีกำหนด
น้องจึงได้หมดความรัก
ก็พ่อพี่ไม่ได้เป็นนายก
อกพี่จึงต้องหัก
เจอหน้ากันเป็นประจำ
น้องก็แกล้งกระทำ
เหมือนไม่เคยรู้จัก
ไม่เหมือนกะเมื่อก่อนนี้
น้องเจอกับพี่ก็เคยรีบทัก
เดี๋ยวนี้พี่เซเสียหลัก
น้องจึงตีจากพี่ไป
โธ่เอ๋ยน้องลองคิดดูเถอะว่า
อันโชคชะตา
ของคนมันแน่เมื่อไหร่
เมื่อก่อนเคยมี
แต่เดี๋ยวนี้เงินมันหมดไป
แล้วพี่จะเอาที่ไหน
มาแต่งงานได้วันนี้พรุ่งนี้
พ่อพี่ไม่ได้เป็นนายก
อกพี่จึงร้อนฉี่
อาณาเขตประเทศอินเดีย
ยันอ่าวตังเกี๋ยมันไม่ใช่ของพี่
หมอบอกชะตาพี่สวย
ปีหน้าจะรวยถึงขั้นเศรษฐี
น้องยังกลับเมินหน้าหนี
เพราะพ่อของพี่
ไม่ได้เป็นนายก
แกไม่ได้เป็นนายก
แกไม่ได้เป็นนายก
Proplus3.0

สิงห์ไมค์โครโฟน
ปีเตอร์ สารีวงษ์
D

เดี๋ยวก็หม่ำซะหรอก ( Gm )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
Gm

....ดนตรี..........
เขาว่าฉันเป็นสิงห์ไมค์โครโฟน
เขาว่าฉันเป็นสิงห์ไมค์โครโฟน
ฉันก็ตะโกนร้องเพลงออกไป
ร้องเพลง ละมันสะใจ
ไม่สนใจใคร จะบ่นจะว่า
ก็เรานี่หนา สิงห์ไมค์โครโฟน
ก็เรานี่หนา สิงห์ไมค์โครโฟน
.ไม่รู้อะไรหนักหนา
ไม่รู้อะไรหนักหนา
ถึงต้องมาว่าตัวฉันคนเดียว
คนอื่นละที่เขาข้องเกี่ยว
ก็ไมค์ตัวเดียว ก็มีถมไป
แต่ไมค์ ตัวนี้
รู้ บ้างซีละนี่มันของใคร
ไม่รู้ จะบอกออกไป
ก็ฉันนี่ไง สิงห์ไมค์โครโฟน
ก็ฉันนี่ไง สิงห์ไมค์โครโฟน
แหม น้องสาว
น้องสาวละยังมาเฝ้าค่อนขอด
ตามมาดูตลอดมาชอบฉันใช่ไหม
ดู ซิดู จะดูให้รู้ไป
ระหว่างเธอกับไมค์
ล่ะฉันชอบใครแน่บ่
อีกทีละฉันมีความสุข
อีกทีละฉันมีความสุข
ไม่มีทุกข์ เมื่อได้จับไมค์
ไม่มีทุกข์ เมื่อได้จับไมค์
.ไม่ว่า จะเป็น ส.ส.
ไม่ว่า จะเป็น ส.ส.
ทั้ง อ.บ.ต กำนันผู้ใหญ่
โฆษกดีเจทั่วไป
พ่อค้าแม่ขาย หรือนักร้องเพลง
จะเป็น ทอล์คโชว์
คนขายแตงโม ละขายเสื้อกางเกง
คนพูด เก่งๆ
ก็พวกฉันเอง สิงห์ไมค์โครโฟน
ก็พวกฉันเอง สิงห์ไมค์โครโฟน
เอ้ามา มามามามา
เอ้ามา มามามามา
มาชื่นอุรา สนุกสุขสันต์
ชอบไมค์โครโฟนเหมือนกัน
ชอบไมค์โครโฟนเหมือนกัน
ละสนุกสุขสันต์ ทุกงานทุกที่
ก็พวกเรานี้ สิงห์ไมค์โครโฟน
ก็พวกเรานี้ สิงห์ไมค์โครโฟน
....ดนตรี..........
.ไม่ว่า จะเป็น ส.ส.
ไม่ว่า จะเป็น ส.ส.
ทั้ง อ.บ.ต กำนันผู้ใหญ่
โฆษกดีเจทั่วไป
พ่อค้าแม่ขาย หรือนักร้องเพลง
จะเป็น ทอล์คโชว์
คนขายแตงโม ละขายเสื้อกางเกง
คนพูด เก่งๆ
ก็พวกฉันเอง สิงห์ไมค์โครโฟน
ก็พวกฉันเอง สิงห์ไมค์โครโฟน
เอ้ามา มามามามา
เอ้ามา มามามามา
มาชื่นอุรา สนุกสุขสันต์
ชอบไมค์โครโฟนเหมือนกัน
ชอบไมค์โครโฟนเหมือนกัน
ละสนุกสุขสันต์ ทุกงานทุกที่
ก็พวกเรานี้ สิงห์ไมค์โครโฟน
ก็พวกเรานี้ สิงห์ไมค์โครโฟน
..
.



วิเชียร คำเจริญ
Proplus3.0
ดนตรี..10..Bars
8...9...10>>>
(หม่ำ หม่ำ)
(หม่ำเดี๋ยวก็หม่ำซะหรอก)
สวยจริงจริงยอดหญิงยิ่งสวย
เฉิดฉลวยสวยจนพี่บ่นไม่ออก
ร่างคมขำถึงจะดำแต่ก็ยังเด่น
แรกพบเห็น
ใจมันเต้นจนแทบจะช็อก
จะดูทรงผมก็คมก็ขำ
จะดูในตาในตาก็ดำ
อื๊อ เดี๋ยวก็หม่ำเสียหรอก
(หม่ำ หม่ำ)
(หม่ำเดี๋ยวก็หม่ำซะหรอก)
(หม่ำ หม่ำ)
(หม่ำเดี๋ยวก็หม่ำซะหรอก)
ดูซิดู ยิ่งดูยิ่งซึ้ง
อกตึงตึง
ถึงตันเป็นหนั่นเป็นหนอก
ปากเรื่อแดง
แด๊ง แดงจนเสียวใจซ่าน
หน้าน้องหวาน
เหมือนน้ำตาลอยู่ในกระบอก
ถ้าเป็นขนมจะอมให้หนำ
มองน้องทีไรหมั่นไส้หลายซ้ำ
อื๊อ เดี๋ยวก็หม่ำเสียหรอก
(หม่ำ หม่ำ)
(หม่ำเดี๋ยวก็หม่ำซะหรอก)
(หม่ำ หม่ำ)
(หม่ำเดี๋ยวก็หม่ำซะหรอก)
แจ๋วจริงจริงยอดหญิงยิ่งแจ๋ว
หน้าแป่วแป่ว
แจ๋วไปจนใจกระฉอก
ลูกใครหนอ
พ่อแม่ช่างแต่งช่างปั้น
แต่งสองพันได้
จะหมั่นไปหม่ำเสียหรอก
จีบเข้านิดทำหน้าง้ำง้ำ
ทำโกรธทำแกล้งหน้าแดงจนดำ
อื๊อ เดี๋ยวก็หม่ำเสียหรอก
(หม่ำ หม่ำ)
(หม่ำเดี๋ยวก็หม่ำซะหรอก)
(หม่ำ หม่ำ)
(หม่ำเดี๋ยวก็หม่ำซะหรอก)
ดูซิดู แน่ะดูหน้างอ
นั่งชันคอ
แข็งจังดังหุ่นกระบอก
โอ้ผู้หญิง
สวยจริงยามที่เธอโกรธ
ยามพิโรธ
สวยจังดังหน้าไพ่ป๊อก
ดูหน้าซิหนองององ้ำง้ำ
โมโหขึ้นมามันน่าขยำ
อื๊อ ดูซิ ดูซิดู อู๊ย อู๊ย
เดี๋ยวก็หม่ำเสียหรอก
ดนตรี..10..Bars
8...9...10>>>
(หม่ำ หม่ำ)
(หม่ำเดี๋ยวก็หม่ำซะหรอก)
ดูซิดู แน่ะดูหน้างอ
นั่งชันคอ
แข็งจังดังหุ่นกระบอก
โอ้ผู้หญิง
สวยจริงยามที่เธอโกรธ
ยามพิโรธ
สวยจังดังหน้าไพ่ป๊อก
ดูหน้าซิหนองององ้ำง้ำ
โมโหขึ้นมามันน่าขยำ
อูย อูย อูย
เดี๋ยวก็หม่ำเสียหรอก
เดี๋ยวก็หม่ำเสียหรอก
เดี๋ยวก็หม่ำเสียหรอก
Proplus3.0

อยากอุ้ม ( Bm )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
Bm

ฮัลโหล ( Bbm )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
Bbm

ไพรัตน์ ชูรัตน์
Proplus3.0
ดนตรี..>>>>
อุ้ม อุ้ม อุ้ม อุ้ม
อุ้ม อุ้ม อุ้ม อุ้ม เอาไปโลด
ดนตรี..6..Bars
4...5...6>>>
อยากอุ้มเธอไปขังไว้บ้าน
ซักยี่สิบวันคือสิมันส์หลาย
ให้พ่อกับแม่ของเธอวุ่นวาย
ตามหาที่ไหนก็ไม่เจอ
แล้วค่อยจดหมายไปติดต่อ
ให้พ่อเธอรู้ยื่นข้อเสนอ
ถ้าแม้นว่าท่าน
นั้นอยากพบเจอ
ต้องทำตามข้อเสนอที่ยื่นมา
หากบ่แจ้งตำรวจ
เด้อเฒ่าพ่อเด้อ
ให้มาพบมาเจอมาเจรจากัน
เงินทองค่าไถ่
กระผมบ่อเอาดอก
บ่แมนโจรกระจอก
คือสิเฮ็ดจังซั่น
แต่ว่ามักลูกสาวของพ่อนีแล้ว
จึงได้คิดหาแนวต่อรองกัน
สิให้ผมไปขอเงินผมกะบ่มี
จึงได้อุ้มพาหนีเอามาไว้บ้าน
ขั่นแม่นผมให้พ่อพ้อกับลูกสาว
แต่พ่อต้องให้หมู่เฮา
ได้แต่งงานกัน
บ่จังซั่นสิอุ้มหนีไปไว้ไกลไกล
เอาไปเซืองไว้ไห่
แถวเมืองกาญจน์พุ้นเด๊
สิบอกให้
โอยเด๊หล่าอ้ายนี้ฮักเจ้าหลาย
โอยเด๊หล่าอ้ายนี้ฮักเจ้าหลาย
แต่ว่าพ่อเจ้าห้าย
อ้ายเก่งหนักหนา
คอยกีดกันอยู่เบิดมื้อบ่ห่าง
ยางกายบ้านเพิ่นกะจะฮ้องด่า
เคียดแฮงหลาย
โอ๊ยเคียดแฮงหลาย
เป็นจังได๋ล่ะจะมาคอยกันท่า
ห่วงลูกสาวอิหยังกะด้อ
โพดหลายแท้น้อ ว่าที่พ่อตา
อุ้ม อุ้ม อุ้ม อุ้ม
อุ้ม อุ้ม อุ้ม อุ้ม
ดนตรี..6..Bars
4...5...6>>>
อยากอุ้มเธอไปขังไว้บ้าน
ซักยี่สิบวันคือสิมันส์หลาย
ให้พ่อกับแม่ของเธอวุ่นวาย
ตามหาที่ไหนก็ไม่เจอ
Proplus3.0
แมวหมู่ / โสฬส
Proplus3.0
ดนตรี..16..Bars
14...15...16>>>
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
ไปอยู่ที่ไหนเธอ
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
ทำไมไม่รับสาย
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
เธอแอบไปหาใคร
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
เดี๋ยวจะมาโทรอีกที
โทรกี่ที
จะโทรกี่ทีกี่ทีเหมือนเดิม
เธอไม่ยอมไม่เอาไม่ดูไม่ฟัง
ไม่รับไม่ตอบ
ให้คอยตั้งนาน
จะถามอะไรหน่อย
ถ้าหากไม่เจอจะโทรให้ตาย
ไปเลยวันนี้ อื้อ อื้อ
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
ไปอยู่ที่ไหนเธอ
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
ทำไมไม่รับสาย
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
เธอแอบไปหาใคร
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
เดี๋ยวจะมาโทรอีกที
มีกี่เบอร์
กี่เบอร์กี่เบอร์ก็โทรทุกเบอร์
คงไม่เจอ
ถ้าเธอไม่มีแก่ใจจะรับมันหน่อย
ไม่นานเท่าไรไม่เสียเวลาหรอก
แต่กดกี่ทีกี่ทีกี่ที
ได้ยินแต่ตุ๊ด ตุ๊ด ตุ๊ด
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
ไปอยู่ที่ไหนเธอ
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
ทำไมไม่รับสาย
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
เธอแอบไปหาใคร
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
เดี๋ยวจะมาโทรอีกที
ดนตรี..10..Bars
8...9...10>>>
อาทิตย์ก็โทรจันทร์ก็โทร
อังคารก็โทร
พฤหัสไม่โทรพุธโทร
พุธโทรพุธโทร
อาทิตย์ก็โทร
ศุกร์ทีไรทำไมต้องโทร
มานั่งหัวโตท่องพุธโทร
พุธโทรพุธโทรพุธโทรพุทโธ่
โทรไปหาล่ะก็ไม่เคยเจอ
โทรทีไรล่ะก็มีแต่ตุ๊ด ตุ๊ด ตุ๊ด
ตุ๊ด ตุ๊ด ตุ๊ด
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
ไปอยู่ที่ไหนเธอ
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
ทำไมไม่รับสาย
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
เธอแอบไปหาใคร
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
เดี๋ยวจะมาโทรอีกที
มีกี่เบอร์
กี่เบอร์กี่เบอร์ก็โทรทุกเบอร์
คงไม่เจอ
ถ้าเธอไม่มีแก่ใจจะรับมันหน่อย
ไม่นานเท่าไรไม่เสียเวลาหรอก
แต่กดกี่ทีกี่ทีกี่ที
ได้ยินแต่ตุ๊ด ตุ๊ด ตุ๊ด
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
ไปอยู่ที่ไหนเธอ
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
ทำไมไม่รับสาย
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
เธอแอบไปหาใคร
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
เดี๋ยวจะมาโทรอีกที
เธอเป็นอะไร
เธอหนีตลอดเลย
เธอมีอะไรอันนี้ต้องบอกกัน
จะมาจะไปไม่รักก็บอกฉัน
คุยกันดีดีคงรู้
คงจบไปนานแล้ว
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
ไปอยู่ที่ไหนเธอ
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
ทำไมไม่รับสาย
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
เธอแอบไปหาใคร
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
เดี๋ยวจะมาโทรอีกที
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
ไปอยู่ที่ไหนเธอ
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
ทำไมไม่รับสาย
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
เธอแอบไปหาใคร
ฮัลโหล โอะโอ๊ะโอะโอ๊ะ
เดี๋ยวจะมาโทรอีกที
Proplus3.0

เห็นแล้วหิว ( Em )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
Em

เราคงต้องเป็นแฟนกัน ( G )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
G

สุรพล โทณะวณิก
Proplus3.0
ดนตรี..>>>>
โฮโหโฮย หิวจังเลย
ดนตรี..12..Bars
10...11...12>
ในตาคุณเหมือนมะนาว
หน้าขาวเหมือนดังแป้งจี่
เส้นผมเหมือนดังเส้นหมี่
หัวไหล่พองดี
เหมือนขนมปังปอน
จมูกเหมือนลูกชมพู่
ใบหูเหมือนทอดมันร้อนร้อน
ปากคุณ
เหมือนกระจับอ่อนอ่อน
ฟันเรียงสลอน
เหมือนข้าวโพดพันธุ์ดี
ทรงสะบึมพรึมโจ๊ะพรึมพรึม
พี่ไม่ลืมนึกถึงกะหล่ำปลี
สะโพกคุณเหมือนเป็ดดุ๊กดิ๊กดี
เอวดิ้นแต่ละที
เหมือนลอดช่องสิงคโปร์
ดูมือนึกถึงปลาหมึก
วงหน้าน้ำตาลปึก
สองขาปลาท่องโก๋
ผิวกาแฟใส่นมช้อนโตโต
โถพี่หิวโซ
เห็นอะไรเลยอยากกิน
ดนตรี..16..Bars
14...15...16>
ในตาคุณเหมือนมะนาว
หน้าขาวเหมือนดังแป้งจี่
เส้นผมเหมือนดังเส้นหมี่
หัวไหล่พองดี
เหมือนขนมปังปอน
จมูกเหมือนลูกชมพู่
ใบหูเหมือนทอดมันร้อนร้อน
ปากคุณ
เหมือนกระจับอ่อนอ่อน
ฟันเรียงสลอน
เหมือนข้าวโพดพันธุ์ดี
ทรงสะบึมพรึมโจ๊ะพรึมพรึม
พี่ไม่ลืมนึกถึงกะหล่ำปลี
สะโพกคุณเหมือนเป็ดดุ๊กดิ๊กดี
เอวดิ้นแต่ละที
เหมือนลอดช่องสิงคโปร์
ดูมือนึกถึงปลาหมึก
วงหน้าน้ำตาลปึก
สองขาปลาท่องโก๋
ผิวกาแฟใส่นมช้อนโตโต
โถพี่หิวโซ
เห็นอะไรเลยอยากกิน

ปิติ ลิ้มเจริญ
Proplus3.0
ดนตรี..13..Bars
11...12...13>>
(ละลาลาลา)
(ละลาล้าลาลาลา)
(ละลาลาล้าลาลา)
(ลาลาล้าลาลาลา)
อยู่ตัวคนเดียว
ไม่เคยต้องเกี่ยวกับใคร
ก็แสนจะสุขสบาย
ตามใจตัวเองไว้ก่อน
อยากเที่ยวก็ไป
ไม่ไหวก็กลับมานอน
ไม่เคยเป็นเดือดเป็นร้อน
จนได้มาพบกับเธอ
ทำไมไม่รู้
แต่รู้ว่าอยากใกล้ชิด
หัวใจมันเริ่มออกฤทธิ์
ชอบคิดอะไรเพ้อเจ้อ
เพิ่งเจอเมื่อกี้
ก็ยังจะโทรถึงเธอ
เข้านอนก็ยังจะเผลอ
คิดถึงแต่เธอเรื่อยไป
ต้องส่องกระจกแต่เช้าทุกวัน
ยืนหมุนมันอยู่อย่างนั้น
เพื่อความมั่นใจ
อยากทำตัวเองให้ดูดี
ให้เธอชื่นใจ
เป็นอะไรที่มันไม่เคย
แต่เป็นไปแล้ว
แล้วคงจะหยุดไม่ไหว
แล้วเธอล่ะเคยบ้างไหม
อาการเหมือนกันไหมเธอ
ถ้าหากเธอนั้น
ก็เป็นเหมือนกันเสมอ
สรุปว่าฉันกับเธอ
เราคงต้องเป็นแฟนกัน
(ละลาลาลา)
(ละลาล้าลาลาลา)
(ละลาลาล้าลาลา)
(ลาลาล้าลาลาลา)
ดนตรี..16..Bars
14...15...16>>
(ละลาลาลา)
(ละลาล้าลาลาลา)
(ละลาลาล้าลาลา)
(ลาลาล้าลาลาลา)
ต้องส่องกระจกแต่เช้าทุกวัน
ยืนหมุนมันอยู่อย่างนั้น
เพื่อความมั่นใจ
อยากทำตัวเองให้ดูดี
ให้เธอชื่นใจ
เป็นอะไรที่มันไม่เคย
แต่เป็นไปแล้ว
แล้วคงจะหยุดไม่ไหว
แล้วเธอล่ะเคยบ้างไหม
อาการเหมือนกันไหมเธอ
ถ้าหากเธอนั้น
ก็เป็นเหมือนกันเสมอ
สรุปว่าฉันกับเธอ
เราคงต้องเป็นแฟนกัน
เราคงต้องเป็นแฟนกัน
เราคงต้องเป็นแฟนกัน
(ละลาลาลา)
(ละลาล้าลาลาลา)
(ละลาลาล้าลาลา)
(ลาลาล้าลาลาลา)
Proplus3.0

แก้วตาขาร็อค ( Ebm )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
Ebm

นางฟ้าหน้าราม ( Em )
ปีเตอร์ โฟดิฟาย
Em

นครินทร์ กิ่งศักดิ์
Proplus3.0
ดนตรี..8..Bars
6...7...8>>>
เจ้าทิ้งพี่ไปไม่ลาซักคำ
ทิ้งพี่ชาวนาตัวดำ
ไปทำงานเมืองบางกอก
เบื่อคนทางนี้
ไปคลั่งดนตรีเพลงร็อค
เพลงลูกทุ่งนาบ้านนอก
เจ้าบอกว่าเชยสิ้นดี
แว่วแว่วข่าวมาว่าเจ้าหลงไฟ
แสงสีและศิวิไลซ์
เจ้าไปเที่ยวแทบทุกที่
เข้าผับเข้าบาร์
งานการก็ลาทั้งปี
ไปหลงดูวงดนตรี
เล่นเพลงร็อคที่ชอบใจ
ไปยืนกรีดร้อง
ไปเฝ้ามองที่หน้าเวที
วงร็อคหน้าตาดีดี
แบบนี้ที่เธอคลั่งไคล้
ฟังคำพี่หนา
พี่เตือนแก้วตาจากใจ
พวกขาร็อคอันตราย
ส่วนใหญ่มีเมียหลายคน
กลับบ้านเถิดหนา
ท้องนายังคอย
พ่อแม่นั่งตาละห้อย
รอคอยด้วยความหมองหม่น
พี่เป็นชาวนา
จะขอตั้งตาฝึกฝน
อยากร้องเพลงร็อคด้วยคน
เผื่อหน้ามนจะหวนกลับมา
ดนตรี..8..Bars
6...7...8>>>
กลับบ้านเถิดหนา
ท้องนายังคอย
พ่อแม่นั่งตาละห้อย
รอคอยด้วยความหมองหม่น
พี่เป็นชาวนา
จะขอตั้งตาฝึกฝน
อยากร้องเพลงร็อคด้วยคน
เผื่อหน้ามนจะหวนกลับมา

เอี่ยม แสนสุภาพ
Proplus3.0
ดนตรี..9..Bars
7...8...9>>
เก็บหอมและรอมริบ
ขุดเลือดซิบซิบ
มาลงทุนแผงลอย
ถึงจนก็ทนไม่ถอย
ขายยีนส์อยู่ตีนสะพานลอย
เปิดแผงน้อยน้อย
อยู่แถวแถวหน้าราม
สาวเอ๋ยอย่าเลยแผง
ลีวายร์ริมแดง
มาซื้อไปใส่ให้งาม
ชอบใจก็ไต่ก็ถาม
จะลดราคาแบบขาประจำ
แต่แม่คนงามต่อหนักจังเลย
นางฟ้าหน้าราม
พูดคำต่อคำ
สี่ซ้าห้าบาทก็ต่อ
โอ้โฮติดคอ
ต่อทีเล่นเอาใจหาย
ขาดตัวขาดใจ
กำรี้กำไรไม่มี
ต่อกันอย่างงี้
ผมเองก็จนใจ
วันนี้อุดหนุนกันก่อนได้ไหม
แค่พอไม่ให้อดตาย
จะแถมหัวใจ
ยกให้เลยฟรีฟรี
ดนตรี..14..Bars
12...13...14>>
อึดไว้ให้ไปรอด
หัวแทบเป็นน๊อต
ตัวก็แทบเป็นเกลียว
ขายยีนส์อยู่ตัวคนเดียว
ไม่เคยมีใครแลเหลียว
อยู่ตัวคนเดียว
มันก็เปลี่ยวหัวใจ
อยากคบกับคนงาม
เจอกันหน้าราม
ขอได้โปรดทักทาย
ไม่ซื้อหาก็ไม่ว่าอะไร
ถ้อยทีก็ถ้อยอาศัย
ผมคนค้าขาย
น่ะไม่ใช่คนใจดำ
นางฟ้าหน้าราม
พูดคำต่อคำ
สี่ซ้าห้าบาทก็ต่อ
โอ้โฮติดคอ
ต่อทีเล่นเอาใจหาย
ขาดตัวขาดใจ
กำรี้กำไรไม่มี
ต่อกันอย่างงี้ผมเองก็จนใจ
วันนี้อุดหนุนกันก่อนได้ไหม
แค่พอไม่ให้อดตาย
จะแถมหัวใจ
ยกให้เลยฟรีฟรี
ดนตรี..9..Bars
7...8...9>>>
นางฟ้าหน้าราม
พูดคำต่อคำ
สี่ซ้าห้าบาทก็ต่อ
โอ้โฮติดคอ
ต่อทีทีเล่นเอาใจหาย
ขาดตัวขาดใจ
กำรี้กำไรไม่มี
ต่อกันอย่างงี้ผมเองก็จนใจ
วันนี้อุดหนุนกันก่อนได้ไหม
แค่พอไม่ให้อดตาย
จะแถมหัวใจ
ยกให้เลยฟรีฟรี
อ่ะยกให้เลยฟรีฟรี
แถมคนขายให้ฟรีฟรี


จักรยานขี้เมี่ยง
ปีเตอร์ สารีวงษ์
F

งานช่วย [อีกแล้วหรือพี่]
ปีเตอร์ สารีวงษ์
G

....ดนตรี........
หนทางจะใกล้จะไกล
แต่ใจบ่ไหวบ่เบี่ยง
อ้ายถีบจักรยานขี้เมี่ยง
ได้ยินเสียงมันช่างก๋วนใจ๋
อิ๊ด แอ่ด อิ๊ดแอ่ดอิ๊ดแอ่ด
อิ๊ด แอ่ด อิ๊ดแอ่ดอิ๊ดแอ่ด
....
ไปจีบอีน้องบ้านเหนือ
งามเหลือนะแม่หวานใจ๋
ฮักเธอแม้ทางจะไกล๋
ในหัวใจส่งเสียงไปถึงเธอ
อิ๊ด แอ่ด อิ๊ดแอ่ดอิ๊ดแอ่ด
อิ๊ด แอ่ด อิ๊ดแอ่ดอิ๊ดแอ่ด
.อีน้องจะฮักอ้ายได้ก่อ
ถึงรูปบ่หล่อแถมจักรยานก็เก่า
จักรยานขี้เมี่ยงของเฮา
แต่ความฮักละอ้ายบ่เกยเก่า
แต่พอน้องเอิ้นเอา
[อ้ายจักรยานขี้เมี่ยงจะไปไหนเจ้า]
ได้ยินแล้วใจ๋บ่ดี
เพราะอ้ายมีแค่จักรยานขี้เมี่ยง
ก็คงหมดหวังได้น้องมาคู่เคียง
ได้แต่ส่งเสียงนี้ไปถึงเธอ
อิ๊ด แอ่ด อิ๊ดแอ่ดอิ๊ดแอ่ด
อิ๊ด แอ่ด อิ๊ดแอ่ดอิ๊ดแอ่ด
[อีน้อง อีน้องบ่ฮักอ้ายกา]
....ดนตรี.........
หนทางจะใกล้จะไกล
แต่ใจบ่ไหวบ่เบี่ยง
อ้ายถีบจักรยานขี้เมี่ยง
ได้ยินเสียงมันช่างก๋วนใจ๋
อิ๊ด แอ่ด อิ๊ดแอ่ดอิ๊ดแอ่ด
อิ๊ด แอ่ด อิ๊ดแอ่ดอิ๊ดแอ่ด
....
ไปจีบอีน้องบ้านเหนือ
งามเหลือนะแม่หวานใจ๋
ฮักเธอแม้ทางจะไกล๋
ในหัวใจส่งเสียงไปถึงเธอ
อิ๊ด แอ่ด อิ๊ดแอ่ดอิ๊ดแอ่ด
อิ๊ด แอ่ด อิ๊ดแอ่ดอิ๊ดแอ่ด
.อีน้องจะฮักอ้ายได้ก่อ
ถึงรูปบ่หล่อแถมจักรยานก็เก่า
จักรยานขี้เมี่ยงของเฮา
แต่ความฮักละอ้ายบ่เกยเก่า
แต่พอน้องเอิ้นเอา
[โอ๊ย อ้ายจักรยานขี้เมี่ยง]
ได้ยินแล้วใจ๋บ่ดี
เพราะอ้ายมีแค่จักรยานขี้เมี่ยง
ก็คงหมดหวังได้น้องมาคู่เคียง
ได้แต่ส่งเสียงนี้ไปถึงเธอ
อิ๊ด แอ่ด อิ๊ดแอ่ดอิ๊ดแอ่ด
อิ๊ด แอ่ด อิ๊ดแอ่ดอิ๊ดแอ่ด
[อีน้อง อ้ายอู้แต้ๆนา]
..
.



....ดนตรี..........
มีงานที่ไหน
ต้องไปไม่ท้อไม่หวั่น
กลางคืนกลางวัน
ก็ไป ด้วยใจเกินร้อย
งานวงงานวัด
ก็ไป ไม่เคยท้อถอย
ได้มากได้น้อย
ขอเพียง ได้กินได้จ่าย
แต่ว่าโอโอย โอ๊ย
งานนี้งานช่วยอีกแล้วหรือพี่
.รับงานทุกวัน
ให้ฉันต้องไปทุกที่
แทงกิ้วปาร์ตี้
เห็นมีเสมอๆ
ช่วยกันช่วยกัน
ไม่เคยจะขัดเลยเออ
ขอบคุณมากเด้อ
ที่เชิญมาเล่นงานฟรี
โอ่โอโอ โอ๊ย
งานนี้งานช่วยอีกแล้วหรือพี่
>งานโน้น งานนั่น
งานนี่ ทีวีหรือวิทยุ
ก็จะไปโดยไม่ต้องยุ
เพื่อจะให้ผลงานทะลุ
จะได้ดังเหมือนดังเสียงพลุ
เอาไง เอากัน
ตอนกลางคืนเล่นที่ระยอง
ตอนตีสองละวิ่งมาสุพรรณ
โอ่โอโอโอ๊ย โอย
งานนี้งานช่วยอีกแล้วหรือพี่
.เป็นศิลปิน
อย่าลืมอีตอนเริ่มต้น
ความดีคงทน
ความดังมันไม่คงที่
ทางไกลแค่ไหน
ต้องไปให้ถึงจุดนี้
ความหวังยังมี
งานนี้ คงได้วัดใจ
โอ่โอโอโอ๊ย โอย
งานนี้งานช่วยอีกแล้วหรือพี่
....ดนตรี..........
>งานโน้น งานนั่น
งานนี่ ทีวีหรือวิทยุ
ก็จะไปโดยไม่ต้องยุ
เพื่อจะให้ผลงานทะลุ
จะได้ดังเหมือนดังเสียงพลุ
เอาไง เอากัน
ตอนกลางคืนเล่นที่ระยอง
ตอนตีสองละวิ่งมาสุพรรณ
โอ่โอโอโอ๊ย โอย
งานนี้งานช่วยอีกแล้วหรือพี่
.เป็นศิลปิน
อย่าลืมอีตอนเริ่มต้น
ความดีคงทน
ความดังมันไม่คงที่
ทางไกลแค่ไหน
ต้องไปให้ถึงจุดนี้
ความหวังยังมี
งานนี้ คงได้วัดใจ
โอ่โอโอโอ๊ย โอย
งานนี้งานช่วยอีกแล้วหรือพี่
..
.




คนตัวเปล่า
ปีเตอร์ สารีวงษ์
C

ผู้ชายปอนๆ
ปีเตอร์ สารีวงษ์
G

....ดนตรี........
เป็นคนตัวเปล่า
กินข้าวนอกบ้านทั้งปี
บ๋อยถามกี่ที
ชูแค่นิ้วชี้ทุกครั้ง
เพื่อนเคยสังสรรค์
แต่งงานแล้วเลยไม่ว่าง
ปล่อยเราตกค้าง
มานั่งคนเดียวทุกวัน
.เคยคิดว่าเท่ห์
เที่ยวเตร่เป็นหนุ่มเพลย์บอย
มีสาวควงบ่อย
ที่สุดก็จ๋อยทั้งนั้น
มาถึงวันนี้
ควรมีคนรอที่บ้าน
ก็ได้แต่ฝัน
กลับบ้านเจอแต่เงาเรา
>คิดใหม่หาใหม่
หาไปยิ่งไกลความหวัง
เจอะคนที่นึกว่าว่าง
กลับเจอทีหลังแฟนเขา
สาวๆหน้าใส
ก็ไม่ชายตามองเรา
บอกใจว่าอย่าไปเศร้า
ใจเราไม่ยอมเข้าใจ
.เป็นคนตัวเปล่า
กินข้าวนอกบ้านนานมา
ทั้งๆอุตส่าห์
แต่งบ้านต่อครัวเตรียมไว้
ผ่านไปวันๆ
ยังหาแม่บ้านไม่ได้
สงสารหัวใจ
อยากกินข้าวใหม่ปลามัน
....ดนตรี.....
>คิดใหม่หาใหม่
หาไปยิ่งไกลความหวัง
เจอะคนที่นึกว่าว่าง
กลับเจอทีหลังแฟนเขา
สาวๆหน้าใส
ก็ไม่ชายตามองเรา
บอกใจว่าอย่าไปเศร้า
ใจเราไม่ยอมเข้าใจ
.เป็นคนตัวเปล่า
กินข้าวนอกบ้านนานมา
ทั้งๆอุตส่าห์
แต่งบ้านต่อครัวเตรียมไว้
ผ่านไปวันๆ
ยังหาแม่บ้านไม่ได้
สงสารหัวใจ
อยากกินข้าวใหม่ปลามัน
..
.



....ดนตรี..........
ผู้ชายปอนๆ
นอนเสื่อผิวเนื้อกร้านดำ
หาเช้ากินค่ำ
อาบเหงื่อต่างน้ำจำทน
ร่ำเรียนมาน้อย
ต่ำต้อยขายแรงเลี้ยงตน
หนักเอาเบาสู้ไม่บ่น
หลบหนีความจนเรื่อยมา
.ผู้ชายจนๆ
อดทนก่อร่างสร้างตัว
งานหนักไม่กลัว
หัวใจมีไฟแรงกล้า
ในชีวิตนี้
ฝันจะมั่งมีเงินตรา
ไม่ท้อเมื่อ มีปัญหา
แก้ไขฟันฝ่าข้ามไป.
.มี แรง
เป็นเพื่อนคอยเตือนให้สู้
ชีวิตยังอยู่
เรียนรู้สร้างตัวให้ได้
ขยันประหยัด
ซื่อสัตย์เป็นเกราะกันภัย
เมื่อยังมีลมหายใจ
ทำงานต่อไปไม่ล้า.
.ผู้ชายปอนๆ
นอนเสื่อผิวเนื้อกร้านดำ
สร้างฝันเลอล้ำ
จะทำให้ตัวสูงค่า
มีน้อยใช้น้อย
ไม่คอย วาสนา
กำลังพ่อแม่ให้มา
สองมือจะคว้าเส้นชัย
....ดนตรี..........
.ผู้ชายปอนๆ
นอนเสื่อผิวเนื้อกร้านดำ
สร้างฝันเลอล้ำ
จะทำให้ตัวสูงค่า
มีน้อยใช้น้อย
ไม่คอย วาสนา
กำลังพ่อแม่ให้มา
สองมือจะคว้าเส้นชัย
..
.




รักไม่กล้าบอก
ปีเตอร์ สารีวงษ์
Ab

สัญญาฮักสองเฮา
ปีเตอร์ สารีวงษ์
F

....ดนตรี..........
อุตส่าห์ ห้ามใจไม่ให้ไปรัก
แปลกใจยิ่งนัก
เจอะเธอรักอยู่เรื่อยไป
เธอเป็นดอกฟ้า
พี่เป็นดอกหญ้ามันห่างกันไกล
พี่ห้ามหัวใจไม่ได้
เจอะกันทีไรต้องรักเรื่อยมา.
อุตส่าห์ ห้ามใจไม่ให้ไปหลง
จิตใจพะวง
ก็คิดถึงเธอเรื่อยมา
ห้ามใจไม่อยู่
ไม่รู้อะไรหนักหนา
เจอะเธอหลงรักแทบบ้า
จนหมดปัญญา
แล้วหนอตัวเรา
.อุตส่าห์แอบมอง
เฝ้าปองน้องอยู่ในใจ
จะทำอย่างไร
เพราะห่วงขวัญใจหนักหนา
รักไม่กล้าบอก
ช้ำชอกอยู่ในอุรา
เพราะหลงรักเธอแทบบ้า
ไม่มีปัญญาบอกรักกับเธอ.
อุตส่าห์
ห้ามใจตั้งสองสามครั้ง
แม้จะผิดหวัง
ทุกวันก็ยังรักเธอ
เฝ้าคิดเฝ้าฝัน
ใจฉัน ได้ แต่ละเมอ
น้องจ๋าอย่าให้พี่เก้อ
เพราะหลงรักเธอตลอดเวลา
....ดนตรี..........
.อุตส่าห์แอบมอง
เฝ้าปองน้องอยู่ในใจ
จะทำอย่างไร
เพราะห่วงขวัญใจหนักหนา
รักไม่กล้าบอก
ช้ำชอกอยู่ในอุรา
เพราะหลงรักเธอแทบบ้า
ไม่มีปัญญาบอกรักกับเธอ.
อุตส่าห์
ห้ามใจตั้งสองสามครั้ง
แม้จะผิดหวัง
ทุกวันก็ยังรักเธอ
เฝ้าคิดเฝ้าฝัน
ใจฉัน ได้ แต่ละเมอ
น้องจ๋าอย่าให้พี่เก้อ
เพราะหลงรักเธอตลอดเวลา
..
.



....ดนตรี..........
นั่ง มองดูโขงน้ำตาอ้ายหลั่ง
นึกถึงความหลัง
เมื่อครั้งสองเฮาฮักกัน
งานไหลเรือไฟ
สองใจได้ฮ่วมสัมพันธ์
ในงานคืนนั้น
ร่วมฝากฮักคำมั่นสัญญา.
.นั่ง มองดูโขงหัวใจลอยล่อง
คิดถึงเนื้อทอง
หัวใจพี่พร่ำครวญหา
เจ้าจากแดนไทย
ส่งใจข้ามลำโขงมา
พี่ สุขอุรา
เมื่อมองโขงต้องแสงจันทร์.
.เคย สาบานพระธาตุพนม
สองเฮาซื่นซม
ที่มีจิตใจตรงกัน
สิขอ ฮักเธอไม่มีเปลี่ยนผัน
ในใจอ้ายนั้น
ฮักเธอ ไม่มีเสื่อมคลาย.
จ้อง มองดูโขงหัวใจลอยเลื่อน
ภาพรักคอยเตือน
ไม่เคยจะเลือนจางหาย
หากวาสนา
ให้เราได้มาเคียงกาย
คงสุขใจหลาย
สองใจเฮาฮักฮ่วม กัน
....ดนตรี..........
จ้อง มองดูโขงหัวใจลอยเลื่อน
ภาพรักคอยเตือน
ไม่เคยจะเลือนจางหาย
หากวาสนา
ให้เราได้มาเคียงกาย
คงสุขใจหลาย
สองใจเฮาฮักฮ่วม กัน
..
.




ทุกที ทุกที่เลย ( Am )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
Am

พี่มันผิดเอง ( F )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
F

จักราวุธ / อนุวัฒน์
Proplus3.0
ดนตรี..18..Bars
16...17...18>>>
แดงมีแต่แดง
ไม่มีไฟเขียวเอาอีกแล้ว
อยากจะไปธุระก็ไปไม่ทัน
ไปไม่กี่คันก็แดงอีกแล้ว
เอาอีกแล้ว
ก็ไปทำธุระพรุ่งนี้แล้วกัน
ซ้ายรถก็จอด
แล้วตรงกลางก็ทำถนน
อีกหกเจ็ดคนทางขวา
ก็รอ U-Turn
ใครคิดจะไปจะไปธุระคงไม่ทัน
ขนาดไม่ไปธุระเรายังไม่ทัน
ทุกทีเลย ติดทุกทีเลย
ติดทุกทีเลย ติดทุกทีเลย
(จะบอกให้)
(คนกรุงเทพน่ะ)
(เกิดมาเพื่อสิ่งนี้นี่เอง)
ดนตรี..7..Bars
5...6...7>>>
รวยรวยเท่าไร
จ้างก็ไม่ไปเร็วกว่านี้
ต่อให้มีศักดิ์ศรีก็ไปไม่ทัน
ฉันคิดว่าเธอ
ก็คงเจออย่างเดียวกับฉัน
อยากจะไปตรงไหน
ละก็ไปไม่ทัน
จะติดแบบนี้อีกนานไหม
หุงข้าวต้มไข่ตะลุ่มตุ้มม้ง
ติดกันเป็นโขลงมะโล้งโป๊งเป๊ง
เดินข้ามถนนมะโหลงโฉงเฉง
ติดกันติดเองล่ะก็เกรงไม่ทัน
ฮืมต้ม โคล้งละกัน
ทุกทีเลย ติดทุกทีเลย
ติดทุกทีเลย ติดทุกทีเลย
ไปไหนก็กลัวไปสาย
ไม่ไปไม่ได้อะไรกันเหวย
แท็กซี่ล่ะก็ยังมาติด
ไปทีละนิดล่ะหงุดหงิดจังเลย
ถ้าหากมีปีกบินไป
ถ้าหากมีปีกบินไป
กระด้งก็ได้ละไปไหนไปเลย
กระด้งก็ได้ละไปไหนไปเลย
เอ๊ย ทุกทีเลย ติดทุกทีเลย
ติดทุกทีเลย ติดทุกทีเลย
ทุกทีเลย ทุกทีเลย
ทุกทีเลย ทุกทีเลย
Proplus3.0
เทพนม / ปานสรวง & ปวงสรร
Proplus3.0
ดนตรี..8..Bars
6...7...8>>
พี่มันผิดเอง
ที่ทำให้ซึ้งไม่เป็น
หน้าตาพี่ก็ไม่เด่น
พี่เป็นแค่ตัวสำรอง
คบน้องเป็นปี
พี่ยังต้องเฝ้าตรึกตรอง
อยากจองหัวใจทุกห้อง
ไม่กล้าจะลองซักที
พี่ต้องแอบมอง
เฝ้าปองรักน้องมานาน
หัวใจที่เคยทนทาน
ก็พาลชำรุดเสียนี่
เพราะมีคนจอง
มาขอน้องพี่รู้ดี
ผิดเองที่ยังรอรี
พี่ช้ำใจอยู่ทุกวัน
ยัง พี่ยังไม่ตาย
แต่ใจสลาย
เหมือนใครเขาเอามีดฟัน
อกมันเป็นหนอง
ต้องนอนระบมทั้งวัน
จะทนได้ก็ไม่นาน
ไม่นานก็คงเฉาตาย
นั่งมองท้องนา
ยิ่งพาให้ใจพี่เศร้า
โธ่ ควายที่ดูโง่เง่า
แต่มันก็มีคู่ใจ
แล้วมองตัวเรา
เกิดมาโง่เง่ากว่าควาย
ชาตินี้หาแฟนไม่ได้
ต้องไปให้ควายเป็นครู
ดนตรี..8..Bars
6...7...8>>>
ยัง พี่ยังไม่ตาย
แต่ใจสลาย
เหมือนใครเขาเอามีดฟัน
อกมันเป็นหนอง
ต้องนอนระบมทั้งวัน
จะทนได้ก็ไม่นาน
ไม่นานก็คงเฉาตาย
นั่งมองท้องนา
ยิ่งพาให้ใจพี่เศร้า
โธ่ ควายที่ดูโง่เง่า
แต่มันก็มีคู่ใจ
แล้วมองตัวเรา
เกิดมาโง่เง่ากว่าควาย
ชาตินี้หาแฟนไม่ได้
ต้องไปให้ควายเป็นครู
Proplus3.0

รออยู่บนฟ้า
ปีเตอร์ สารีวงษ์
A

ได๋ด๋ำเดียก ( F )
ปีเตอร์ สารีวงศ์
F

....ดนตรี........
ช่วยรอบนฟ้าก่อนนะคนดี
พี่ชายวันนี้ ไม่มีอะไรจะให้
พี่ยังลำบาก
ขืนลากเธอมาอดตาย
หัวใจสลาย
พี่ทำไม่ได้อย่างนั้น
.เป็นวาสนาหรือว่าบุญเก่า
ที่ทำให้เรา ทั้งคู่ได้ดูใจกัน
แต่ยังเกินเอื้อม
เพราะเรายังเหลื่อมชนชั้น
หัวใจมีกันและกัน
เท่านั้นมันยังไม่พอ.
>ไม่อยากเป็นหนู
ตกถัง ข้าวสาร
อยากมีหลักฐาน
ด้วยการที่เป็นคนก่อ
ถ้าไม่มีหลัก
ยอมหักจะไม่ยอมงอ
ถ้าเธอมั่นใจจะรอ
พี่ขอให้คำสัญญา.
.ช่วยรอบนฟ้าก่อนนะคนดี
ให้เวลาพี่
สร้างตัวซักปีเถิดหนา
จะเติมจะต่อ
ให้พอเทียมหน้าเทียมตา
แล้วพี่จะขึ้นไปหา
จูบเธอให้ฟ้าสะเทือน
....ดนตรี........
ไม่อยากเป็นหนูตกถังข้าวสาร
อยากมีหลักฐาน
ด้วยการที่เป็นคนก่อ
ถ้าไม่มีหลัก
ยอมหักจะไม่ยอมงอ
ถ้าเธอมั่นใจจะรอ
พี่ขอให้คำสัญญา
ช่วยรอบนฟ้าก่อนนะคนดี
ให้เวลาพี่
สร้างตัวซักปีเถิดหนา
จะเติมจะต่อ
ให้พอเทียมหน้าเทียมตา
แล้วพี่จะขึ้นไปหา
จูบเธอให้ฟ้าสะเทือน
..
.



....ดนตรี..........
ด่งได๋ด๋ำเดียก
ญวนเขาเรียก ว่าฉันรักเธอ
ไอเลิฟยูเสมอ
ฝรั่งนะเออ ก็พูดประจำ
หว่อ อ้าย หนี่
คนจีนนี้ พูดเช้ายันค่ำ
พม่า ผิวงาม
พูดอีกคำ ว่าจะหนอชิเด
.พูดคำว่ารัก
ก็เพราะรัก รักกันจริงๆ
ชาย รักหญิง
อันที่จริง หญิงก็รักชาย
ถึงคนละภาษา
แต่ก็มา พูดรักกันได้
จะอยู่ที่ไหน
ใกล้หรือไกล ให้มารักกัน
อะด๋งได๋ด๋งเด่า
หงายเง่า เก่าดึ๊กๆ
อะด๋งได๋ ด๋งเด่า
หงายเง่า เก่าดึ๊กๆ
ไอเลิฟยู ไอเลิฟยู
อุอุ๊อู ละก็หว่ออ้ายหนี่
อี่อิอิ๊อี อิอิอี จะนอชิเด
.ข้อยมักเจ้า
พี่น้องลาว ก็ฮักจริงใจ
ด่งด๊งด่งด๊งด่งได๋
จะเป็นยังไง
ก็ด่งได๋ด๋ำเดียก
ต่างชาติ ต่างภาษา
มาเรามา มาช่วยกันเรียก
หัวใจ พร่ำเพรียก
ต่างก็เรียก ละว่าฉันรักเธอ
อะด๋งได๋ด๋งเด่า
หงายเง่า เก่าดึ๊กๆ
อะด๋งได๋ด๋งเด่า
หงายเง่า เก่าดึ๊กๆ
ไอเลิฟยู ไอเลิฟยู
อุอุ๊อู ละก็หว่ออ้ายหนี่
อี่อิอิ๊อี อิอิอี ละจะนอชิเด
..อะด๋งได๋ด๋งเด่า
หงายเง่า เก่าดึ๊กๆ
อะด๋งได๋ด๋งเด่า
หงายเง่า เก่าดึ๊กๆ
อะด๋งได๋ด๋งเด่า
หงายเง่า เก่าดึ๊กๆ
อะด๋งได๋ด๋งเด่า
หงายเง่า เก่าดึ๊กๆ
....ดนตรี..........
ด่งได๋ด๋ำเดียก
ญวนเขาเรียก ว่าฉันรักเธอ
ไอเลิฟยูเสมอ
ฝรั่งนะเออ ก็พูดประจำ
หว่ออ้ายหนี่
คนจีนนี้ พูดเช้ายันค่ำ
พม่า ผิวงาม
พูดอีกคำ ว่าจะหนอชิเด
.พูดคำว่ารัก
ก็เพราะรักๆกันจริงๆ
ชาย รักหญิง
อันที่จริง หญิงก็รักชาย
ถึงคนละภาษา
แต่ก็มา พูดรักกันได้
จะอยู่ที่ไหน
ใกล้หรือไกล ให้มารักกัน
อะด๋งได๋ด๋งเด่า
หงายเง่า เก่าดึ๊กๆ
อะด๋งได๋ด๋งเด่า
หงายเง่า เก่าดึ๊กๆ
ไอเลิฟยู ไอเลิฟยู
อุอุ๊อูละก็หว่ออ้ายหนี่
อี่อิอิ๊อี อิอิอี จะนอชิเด
ข้อยมักเจ้า
พี่น้องลาว ก็ฮักจริงใจ
ด่งด๊งด่งด๊งด่งได๋
จะเป็นยังไง
ก็ด่งได๋ด๋ำเดียก
ต่างชาติต่างภาษา
มาเรามา มาช่วยกันเรียก
หัวใจพร่ำเพรียก
ต่างก็เรียก ละว่าฉันรักเธอ
อะด๋งได๋ด๋งเด่า
หงายเง่า เก่าดึ๊กๆ
อะด๋งได๋ด๋งเด่า
หงายเง่า เก่าดึ๊กๆ
ไอเลิฟยู ไอเลิฟยู
อุอุ๊อู ละก็หว่ออ้ายหนี่
อี่อิอิ๊อี อิอิอี ละจะนอชิเด
อะด๋งได๋ด๋งเด่า
หงายเง่า เก่าดึ๊กๆ
... จบเพลงแล้วครับ...



มาจากบ้านนา ( Bb )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
Bb

หน้าอกซีกซ้าย
ปีเตอร์ สารีวงษ์
F

....ดนตรี..........
ตัว พี่มาจากบ้านนา
เข้าสู่ กรุงเทพเมืองฟ้า
ที่เขาว่า เป็นแดนศิ วิไลซ์
เข้า มาด้วยความหวัง
ความฝัน ว่าอันยิ่งใหญ่
อยากจะเป็น นักร้องก้องไกล
หวัง จะได้ เป็นอย่างที่ฝัน.
ใจ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เหมือนคน มืดหน้าตามัว
ไม่น่าเจอตัว นางฟ้าลาวัลย์
นั่ง รถไฟลอยฟ้า
พูดจา กับมือถือทั้งวัน
พอเจอสตริง
น้องยิ่งร้องกรี๊ดลั่น
แล้วบ้านนอกอย่างฉัน
จะสนใจกัน มั๊ยหนา
>จะรักพี่ได้มั๊ย
ถามใจ ของน้อง
มารัก นักร้อง ลูกทุ่ง ดีกว่า
ซื่อๆ ตรงๆ น้องคง ไม่ว่า
แล้วพี่ จะพา
น้องกานดา ขี่ควาย.
ตัว พี่มาจากบ้านนา
ด้วยใจ ละที่ปรารถนา
ขอดังสักครา ถ้าวาสนาเป็นใจ
จึง ขอวอน สวรรค์
ให้ฉัน มีวันยิ่งใหญ่
จะร้องเพลง ให้ก้องดังไกล
คู่กับขวัญใจ
แม่สาวงามเมืองกรุง เอ๊ย
....ดนตรี..........
>จะรักพี่ได้มั๊ย
ถามใจ ของน้อง
มารัก นักร้อง ลูกทุ่ง ดีกว่า
ซื่อๆ ตรงๆ น้องคง ไม่ว่า
แล้วพี่ จะพา
น้องกานดา ขี่ควาย.
ตัว พี่มาจากบ้านนา
ด้วยใจ ละที่ปรารถนา
ขอดังสักครา ถ้าวาสนาเป็นใจ
จึง ขอวอน สวรรค์
ให้ฉัน มีวันยิ่งใหญ่
จะร้องเพลง ให้ก้องดังไกล
คู่กับขวัญใจ
แม่สาวงามเมืองกรุง
... จบเพลงแล้วครับ...


....ดนตรี........
หน้าอกซีกซ้าย
บรรจุหัวใจผู้ชายไม่กล้า
ที่อยากบอกเธอไปว่า
รักเธอยิ่งกว่าสายตาบรรยาย
ชายตาดำๆ
ที่จะพร้อมทำ ให้เธอสุขใจ
ทิศตะวันตกเฉียงใต้
ของไหล่ซ้ายติดป้ายรักเธอ
.เธอเมินทีไร
เจ็บกระดองใจ
เหมือนโดนค้อนตอก
สายตาส่งความช้ำชอก
แสดงออก อกซ้ายเสมอ
อาการแบบนี้
ยาแก้ที่ดีก็มีแต่เธอ
อย่าปล่อยให้ต้องยืนเซ่อ
คอยสบตาเธอข้างเดียวอยู่เลย
>สงสารซีกซ้าย
ผู้ชายคนนี้ได้มั้ย
รักเธอล้นใจ
แต่ไม่กล้าพอเปิดเผย
หากไม่มีใคร
ก็อย่าบอกใจให้มองข้ามเลย
อย่างน้อยสบตาเฉยๆ
ไม่ยากเลยแค่หันมองหน้า
.หน้าอกซีกซ้าย
บรรจุหัวใจที่เธอมองผ่าน
ที่มันอยากเป็นการบ้าน
ให้เธอเก็บไปคิดดูว่า
จะรักได้มั้ย
บวกลบง่ายๆไม่เสียเวลา
แล้วส่งซิกตอบหน่อยว่า
ฉันแบกรักมาเสียเที่ยวหรือเปล่า
....ดนตรี........
>สงสารซีกซ้าย
ผู้ชายคนนี้ได้มั้ย
รักเธอล้นใจ
แต่ไม่กล้าพอเปิดเผย
หากไม่มีใคร
ก็อย่าบอกใจให้มองข้ามเลย
อย่างน้อยสบตาเฉยๆ
ไม่ยากเลยแค่หันมองหน้า
.หน้าอกซีกซ้าย
บรรจุหัวใจที่เธอมองผ่าน
ที่มันอยากเป็นการบ้าน
ให้เธอเก็บไปคิดดูว่า
จะรักได้มั้ย
บวกลบง่ายๆไม่เสียเวลา
แล้วส่งซิกตอบหน่อยว่า
ฉันแบกรักมาเสียเที่ยวหรือเปล่า
..
.




ตำนานรักเดียวกัน
ปีเตอร์ สารีวงษ์
F

แก้วตาขาร็อค ( Ebm )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
Ebm

....ดนตรี..........
มี เรื่องราวของชายอกหัก
เขา เจอ
ความรักที่ช่างฉ่ำหวาน
แล้ว ฝากใจรักไว้ร่วมกัน
มินาน กลับกลายเป็นรักขื่นขม
.ฟัง เรื่องราวเพื่อนฉันเลยนี่
เสีย ที รักเธอลวงฉันอกตรม
หลง มอบใจมิได้ชื่นชม
ระบม ไข้รักนี้ยังฝังใจ
.นี่คือความรัก ที่ฉันพบเจอ
เมื่อฉันเผลอ
แล้วเธอก็มีรักใหม่
คนนั้น เขาพาเธอหนีห่างไป
โธ่ใจ นิดเดียวถูกเธอทำลาย
.ฉัน
ต้องเดินเหมือนคนเสียหลัก
เพราะ รัก
ของเธอนั้นมากลับกลาย
เรา ต่างคนก็รักสลาย
สอง ชาย
เล่าขานตำนานเดียวกัน
....ดนตรี..........
.นี่คือความรัก ที่ฉันพบเจอ
เมื่อฉันเผลอ
แล้วเธอก็มีรักใหม่
คนนั้น เขาพาเธอหนีห่างไป
โธ่ใจ นิดเดียวถูกเธอทำลาย
.ฉัน
ต้องเดินเหมือนคนเสียหลัก
เพราะ รัก
ของเธอนั้นมากลับกลาย
เรา ต่างคนก็รักสลาย
สอง ชาย
เล่าขานตำนานเดียวกัน
..
.




เจ้าทิ้งพี่ไปไม่ลาซักคำ
ทิ้งพี่ชาวนาตัวดำ
ไปทำงานเมืองบางกอก
เบื่อคนทางนี้
ไปคลั่งดนตรีเพลงร็อค
เพลงลูกทุ่งนาบ้านนอก
เจ้าบอกว่าเชยสิ้นดี
แว่วแว่วข่าวมาว่าเจ้าหลงไฟ
แสงสีและศิวิไลซ์
เจ้าไปเที่ยวแทบทุกที่
เข้าผับเข้าบาร์
งานการก็ลาทั้งปี
ไปหลงดูวงดนตรี
เล่นเพลงร็อคที่ชอบใจ
ไปยืนกรีดร้อง
ไปเฝ้ามองที่หน้าเวที
วงร็อคหน้าตาดีดี
แบบนี้ที่เธอคลั่งไคล้
ฟังคำพี่หนา
พี่เตือนแก้วตาจากใจ
พวกขาร็อคอันตราย
ส่วนใหญ่มีเมียหลายคน
กลับบ้านเถิดหนา
ท้องนายังคอย
พ่อแม่นั่งตาละห้อย
รอคอยด้วยความหมองหม่น
พี่เป็นชาวนา
จะขอตั้งตาฝึกฝน
อยากร้องเพลงร็อคด้วยคน
เผื่อหน้ามนจะหวนกลับมา
ดนตรี..8..Bars
6...7...8>>>
กลับบ้านเถิดหนา
ท้องนายังคอย
พ่อแม่นั่งตาละห้อย
รอคอยด้วยความหมองหม่น
พี่เป็นชาวนา
จะขอตั้งตาฝึกฝน
อยากร้องเพลงร็อคด้วยคน
เผื่อหน้ามนจะหวนกลับมา
GMM Grammy



โฟดีฟาย&สาวซำน้อย ( Eb )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
Eb

ตำนานรักเดียวกัน ( F )
ปีเตอร์ สารีวงษ์
F

..จะร้องเพลงฝรั่งก็ไม่เป็น
แต่เพลงไทย
ก็ยังไปไม่รอด
จะร้องอะไร
แต่ใจยังปอด ๆ
ที่ชอบตลอด
ละคือเสียงเพลง.
เพลงไทยพึมพำพอฟังได้
ตะโกนออกไปพอเป็นเพลง
เห็นเขาร้อง
ก็อยากร้องอยากจะเก่ง
เลยละเลง
เป็นฟุตฟิตฟอไฟ
ร้องเองงงเอง
ไม่รู้ภาษาอะไร
.โฟดิโฟดิโฟดิฟาย
เจิ๊ดไอล้าย
ตะแหน่วตะแหน่ว
โฟดิโฟดิโฟดิฟาย
เจิ๊ดไอล้าย
ตะแหน่วตะแหน่ว.
พอร้องไปฟังไป
ชักเข้าท่า
แต่ไม่รู้
ว่าเป็นภาษาอะไร
ร้องเองฟังเองก็พอไหว
ร้องได้
แต่ต้องแปลเอาเอง.
.โฟดิโฟดิโฟดิฟาย
เจิ๊ดไอล้าย
ตะแหน่วตะแหน่ว
โฟดิโฟ ดิโฟ ดิฟาย
แย๊วแยวๆๆๆๆๆๆ..

จะร้องเพลงฝรั่งก็ไม่เป็น
แค่เพลงไทย
ก็ยังไปไม่รอด
จะร้องอะไร
แต่ใจยังปอดๆ
ที่ชอบตลอด
ละคือเสียงเพลง.
เพลงไทยพึมพำพอฟังได้
ตะโกนออกไปพอเป็นเพลง
เห็นเขาร้อง
ก็อยากร้องอยากจะเก่ง
เลยละเลงเป็นฟุตฟิตฟอไฟ
ร้องเอง งงเอง
ไม่รู้ภาษาอะไร
.โฟดิโฟ ดิโฟ ดิฟาย
เจิ๊ดไอล้าย
ตะแหน่วตะแหน่ว
โฟดิโฟ ดิโฟ ดิฟาย
เจิ๊ดไอล้าย
ตะแหน่วตะแหน่ว.
พอร้องไปฟังไป
ชักเข้าท่า
แต่ไม่รู้
ว่าเป็นภาษาอะไร
ร้องเองฟังเองก็พอไหว
ร้องได้
แต่ต้องแปลเอาเอง.
.โฟดิโฟ ดิโฟ ดิฟาย
เจิ๊ดไอล้าย
ตะแหน่วตะแหน่ว
โฟดิโฟ ดิโฟ ดิฟาย
แย๊วแยวๆๆๆๆๆๆ..
ดนตรี สาวซำน้อย(Fm)
.โอ้ผู้สาวซำน้อย
เจ้างามเลิศลอย
เนื้อกลอยมีแฟนหรือยัง
สิบสี่สิบห้า
ขวัญตาน่ารักน่าชัง
เป็นบุญปางหลัง
ที่มาได้เจอแม่คุณ
มักผู้สาวซำน้อย
ได้แต่เฝ้าคอย
เมียงมองเนื้อนิ่มละมุน
ใจนี้ พี่กลัวจะไม่มีบุญ
ไม่ได้แม่คุณ เป็นแฟน
คงแสนเศร้าใจ
โอ้ยละว่าคนงาม
จังว่าละโอ๊ยคนงาม
อยากสิตามไปฮอด
เฮือนซานสิได้บ่ สิได้บ่
สิไปถามจ้อๆ
ขอเจ้าสิว่าจังใด๋
อ้ายมีใจจริงนั้น
ความฝันนั้นบ่ห่าง
ให้นางเหมิดสุอย่าง
หวังสร้างละแม่นอีหลี
ใจดีใจดีแน่นอน
ใจดีใจดีแน่นอน
พี่ไม่หลอกหลอน
บังอรเลยหนา
จะรักจนชั่วชีวา
จะรักจนชั่วชีวา
สุดปรารถนา
น้องมาเคียงกาย
จะไม่รักใครคนไหนอีกเลย
จะไม่รักใครคนไหนอีกเลย

..โอ้ผู้สาวซำน้อย
เจ้างามเลิศลอย
เนื้อกลอยมีแฟนหรือยัง
สิบสี่สิบห้า
ขวัญตาน่ารักน่าชัง
เป็นบุญปางหลัง
ที่มาได้เจอแม่คุณ
..มักผู้สาวซำน้อย
ได้แต่เฝ้าคอย
เมียงมองเนื้อนิ่มละมุน
ใจนี้ พี่กลัวจะไม่มีบุญ
ไม่ได้แม่คุณ เป็นแฟน
คงแสนเศร้าใจ
โอ้ยละว่าคนงาม
จังว่าละโอ๊ยคนงาม
อยากสิตามฮอด
เฮือนซานสิได้บ่
สิได้บ่
สิไปถามจ้อๆ
ขอจองละสิว่าจังใด๋
อ้ายมีใจจริงนั้น
ความฝันนั้นบ่ห่าง
ให้นางเหมิดสุอย่าง
หวังสร้างละแม่นอีหลี
ใจดีใจดีแน่นอน
ใจดีใจดีแน่นอน
พี่ไม่หลอกหลอน
บังอรเลยหนา
จะรักจนชั่วชีวา
จะรักจนชั่วชีวา
สุดปรารถนา
น้องมาเคียงกาย
จะไม่รักใคร
คนไหนอีกเลย
จะไม่รักใคร
คนไหนอีกเลย..


..มี..เรื่องราว
ของชายอกหัก
เขาเจอความรัก
ที่ช่างฉ่ำหวาน
แล้วฝากใจรักไว้ร่วมกัน
มินาน
กลับกลายเป็นรักขื่นขม
ฟังเรื่องราว
เหมือนฉันเลยนี่
เสียที
รักเธอลวงฉันอกตรม
หลงมอบใจมิได้ชื่นชม
ระบมไข้รักนี้ยังฝังใจ
นี่คือความรัก..
ที่ฉันพบเจอ..
เมื่อฉันเผลอ
แล้วเธอก็มีรักใหม่
คนนั้น
เขาพาเธอหนีห่างไป
โธ่ใจ
นิดเดียวถูกเธอทำลาย
ฉัน..ต้องเดิน
เหมือนคนเสียหลัก
เพราะรัก
ของเธอนั้นมากลับกลาย
เราต่างคนก็รักสลาย
สองชาย
เล่าขานตำนานเดียวกัน..
ดนตรี **OASIS**
..นี่คือความรัก
ที่ฉันพบเจอ
เมื่อฉันเผลอ
แล้วเธอก็มีรักใหม่
คนนั้น
เขาพาเธอหนีห่างไป
โธ่ใจ
นิดเดียวถูกเธอทำลาย
ฉัน..ต้องเดิน
เหมือนคนเสียหลัก
เพราะรัก
ของเธอนั้นมากลับกลาย
เราต่างคนก็รักสลาย
สองชาย
เล่าขานตำนานเดียวกัน..