++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2550

บันทีกรัก ฯ : พาพ่อไปทำบุญ เหนื่อยกาย แต่อิ่มใจ


วันนี้เธอพาคุณพ่อ และทั้งครอบครัว ญาติพี่น้องที่มาจากที่ต่างๆ ไปทำบุญ
เนื่องจากพ่อของเธออายุ 60 ปี จึงทำบุญตามธรรมเนียม คติความเชื่อของตระกูล
เธอตื่นตั้งแต่ไก่โห่ ไปจ่ายตลาด เตรียมสำรับอาหารไปถวายพระ


.... หลังจากวุ่นวายกับสารพัดเรื่อง สารพัดกิจกรรม
ทุกอย่างเสร็จเอาตอนเกือบบ่ายโมง
พอว่าง และตั้งสติได้สักพัก เธอจึงโทรหาเขา..
.... บ่าย 3 โมงเศษๆ เขาก็มาหาเธอที่สวนสาธารณะ ซึ่งเธอกำลังเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถือรอคอยเขาอยู่
เธออยู่ในชุดที่ไปวัดมาในตอนเช้า ท่าทางเหนื่อยๆ แต่ก็ยังคงกระตือรือร้นพูดคุยกับเขา
สักพักก็ขับรถมอเตอร์ไซต์พาเขาไปจองตั๋วให้หลาน เพราะเธอจะพาหลานมาดูหนังในตอนเย็น


แป็บเดียว 4 โมงเศษๆซะแล้ว
เธอจึงพาเขามาตระเวณที่ห้างสรรพสินค้าในจังหวัดของเธอ
เข้าห้องน้ำและซื้อขนมปังให้เขาไปทานบนรถ เพราะเขาทานข้าวกลางวันไม่อิ่มท้อง
แล้วเธอก็ส่งเขาขึ้นรถตอน 16.40 น. เพราะเธอจะไปทำผม สำหรับวันพรุ่งนี้


วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550

ทำบุญอย่างไร ล้างบาปได้มากที่สุด


หลายคนที่เผลอทำสิ่งที่ผิด ไม่เข้าท่า คงคิดว่า บาปนั้น สามารถล้างออกได้
เหมือนที่เคยได้ยินพิธีล้างบาปของชาวตะวันตก


แต่ในมุมมองทางพุทธศาสนา
คนที่คิด ที่บอกมาแบบนี้ ไม่ใช่พระแน่นอน
เพราะบุญ มีไว้เสพ บาปมีไว้ชดใช้ บุญไม่ได้มีไว้ล้างบาป
เมื่อถึงเวลาก็จะต้องชดใช้บาปกรรม
บุญและบาป เกิดต่างเวลากัน
สิ่งที่น่าคิด คือ อนิจจังไม่เที่ยง
จะไปหลงยึดถืออะไรกันนักหนา




บันทึกรัก ฯ ; เมื่อเธอได้รับเมล์จากนักเขียนในดวงใจ


หลังจากที่เธอร่วมมือกับเขา รวมกันสร้าง blog ให้กับนักเขียนในดวงใจของเธอที่ชื่นชอบมานาน
วันนี้ นักเขียนในดวงใจได้ส่งเมล์มาถึงเธออีกครั้ง บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ
ซึ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้น กระตือรือร้น มีความสุข มีกำลังใจที่ได้ทำตามความฝัน
และยังมีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมกับนักเขียนในดวงใจอีกด้วย
ท่านเชิญเธอไปร่วมงานนิทรรศการในช่วง 5-8 ส.ค.
ในส่วนของ blog ท่านแนะนำให้ประชาสัมพันธ์ไปยังแหล่งข้อมูลต่างๆ รวมทั้งการติดต่อประสานงานกับเครือข่ายของท่านอีกด้วย


เพียงเท่านี้ เธอผู้เป็นหวานใจ จะกระตือรือร้น น้ำเสียงที่ดีใจทุกครั้งที่ได้รับการติดต่อจากนักเขียนในดวงใจของเธอ
เขาแอบยิ้มทุกครั้งที่รับรู้ว่า เธอมีความสุขมากมายถึงเพียงนี้





บันทึกรัก ฯ : ความสดใสของเธอในวันทำงานวันสุดท้ายของเดือน


วันนี้เธอผู้เป็นหวานใจของชายคนหนึ่ง โทรมาทักทายเขาตอนเที่ยงกว่าๆ
เธอนั่งทานอาหารญี่ปุ่นที่ห้องทำงานของเธอนั่นเอง


อาหารญี่ปุ่นที่ว่า = มาม่า


วันนี้เธอมาทำงานสาย เพราะแวะไปซื้อของฝากให้คนทางบ้าน
ตอนเย็นวันนี้ เธอจะกลับบ้านกับน้องสาว เลยต้องหาซื้อของไปฝากคนทางบ้านด้วย
วันนี้เธออารมณ์ดี ไม่เสียงขุ่นเหมือนวันวาน
มีคนติดต่อมาถึงเธอ ทางอีเมล์ สอบถามถึงเรื่องหนังสือที่เธอเคยเขียนใน blog
"สาส์นรักจากสวรรค์" นวนิยายความรักที่หลายคนประทับใจ
ลองค้นหาจาก internet ค้เนไปค้นมา มาเจอบันทึกที่เธอเคยเขียนไว้
หลายคนจึงส่งเมล์มาสอบถาม เพราะอยากอ่านหนังสือความรักที่ดีๆเล่มนี้


เธอรู้สึกขำๆ ที่จะต้องคอยตอบคำถาม หาแหล่งที่มาเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้
แหม เจอคนชอบอ่านหนังสือในแนวเดียวกันเสียแล้วสิ
คุณนุช ที่ติดต่อมายังเธอ ให้อีเมล์ และ Msn ไว้ให้ แนะนำตัวมาอย่างดี
และพร้อมเสมอสำหรับการเริ่มต้นในมิตรภาพความเป็นเพื่อนระหว่างกัน....


และยังมีอีกหลายเรื่องราวที่เธอเล่าอย่างเจื้อยแจ้วให้เขาฟัง
เขานั่งฟังผ่านถือถืออย่างสบายอารมณ์
เพราะเธออารมณ์ดีเหมือนเดิมแล้ว


ส่วนเมื่อคืนวาน ที่เธอปิดโทรศัพท์มือถือ เพราะเธอชาร์ทแบตมือถือ
จึงปิดเครื่องเพื่อให้ชาร์ทแบตได้อย่างเต็มที่
เฮ้อ โล่งอกไปที
นึกว่าเครียดมากจนปิดมือถือ...


.. เอ หรือว่า นี่เป็นข้ออ้าง หรือคำแก้ตัวหรือเปล่าหนอ


ไชโย....



ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับคำสอนที่ถูกบิดเบือน


ปัญหาของคัมภีร์อัลกุรอาน กับหลักคำสอนที่ถูกต้องนั้น และมีการตีความได้ชัดเจน
ข้อมูลในส่วนนี้ยังไม่ถูกเผยแพร่ลงไปสู่รากหญ้า
หากมีการตีความคำสอนในคัมภีร์ที่ถูกต้อง ลึกซึ้ง จะเป็นหลักนำทางชีวิตให้ชีวิตสุขสมบูรณ์ยิ่งขึ้น


วิถีมุสลิม คือ วิถีของศาสนา ซึ่งใข้มานำทางขีวิตของชาวมุสลิม


ประเด็นปัญหาที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ คือ เรื่องของการให้การศึกษา อมรม ให้ข้อมูลในแนวทางที่ถูกต้อง
ในส่วนนี้ เลขาสันนิบาต มุสลิมโลกจะให้ความช่วยเหลือด้วย
คาดหวังว่า ในอนาคตภาคใต้คงจะอยู่ร่มเย็นเป็นสุขขึ้นมาบ้าง




การนำปิ่นโตไปถวายพระ ต่างกับการตักบาตรที่หน้าบ้านอย่างไร?


รูปแบบที่มองเห็นนั้นต่างกัน
ลงแรง เดินทางต่างกัน
ใช้เวลาทั้งหมดไม่เท่ากัน
ทั้ง 2 อย่าง น่าจะต่างกัน


แต่ที่จริงแล้ว เหมือนกัน เพราะเป็นการถวายถัตตาหารเช่นกัน
การไปตีความถึงรูปแบบวิธีการที่ต่างกันนั้น เป็นการมองที่เหตุ
แต่มองที่ผลแล้ว ได้ผลเช่นกัน




ทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก ทฤษฏีพลังเงียบ


เป็นแนวคิดที่บอกว่า
ผีเสื้อ 1 ตัวกระพือปีก จะไม่เกิดอะไรขึ้น
หากกระพือปีกเป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสนตัวพร้อมๆกัน ก็สามารถที่จะเกิดพายุได้


มีคนนำแนวความคิดนี้ไปเปรียบเทียบกับการชุมนุมที่สนามหลวงของกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม
ถ้าตามทฤษฏี ต้องเป็นการกระพือปีกพร้อมกัน จึงจะมีพลัง
แต่การกระพือปีกของกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม ไม่ค่อยมีพลัง
เพราะ ไม่ได้กระพือปีกพร้อมกัน และกระพือปีกอย่างแข็งขันเพียงฝ่ายเดียว




เคล็ดลับอายุยืน - อายุวัฒนะ


หลวงปู่ธรรมอิสระ ให้กล่าวในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ในช่วงสายวันที่ 29 มิ.ย.50 ที่ออกอากาศทางช่อง ASTV News1
หลักธรรมที่เป็นเคล็ดลับที่ทำให้อายุยืน มี 7 ข้อ


1 อยู่ให้ได้ สบายกาย สบายใจ
2. อย่ายึดติด ..
3.เป็นคนกินง่าย อยู่ง่าย กินอาหารย่อยง่าย
4. รู้ตัวว่า เวลาไหนควรทำ ไม่ควรทำ อย่าหักโหมทำงาน
5. ใน 1 สัปดาห์ ขอสัก 1 วันให้ยึดพรหมจรรย์ ไม่หมกมุ่นมในกาม
6. สำรวมกาย วาจาใจ
7. คบคนดี



บันทึกรัก ฯ : สู่เช้าที่สดใส



และแล้วก็มาถึงช่วงเวลาเช้าตรู่เสียที
เสียงนกร้องยามเช้าตรู่ ฟังดูโลกสดใส สดชื่นรับอรุณ
ยามเช้าแบบนี้ นั่งนึกถึงเธอ เธอคงจะรู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อวันวาน
หลังจากที่ผ่านช่วงคืนวาน ที่เธออาจจะคิดอะไรมากมายหลายอย่าง
เมื่อตื่นมาแล้ว น่าจะรู้สึกดีขึ้น


ในวันทำงาน วันสุดท้ายของเดือน มิ.ย.2550
กับภาระกิจหลายอย่างในการกรอกข้อมูลเป็นกระตั๊ก
แต่ทว่าในตอนเย็นวันนี้ เธอจะเดินทางกลับจังหวัดบ้านเกิด
พาคุณพ่อคุณแม่ ไปทำบุญที่วัดป่า


วันนี้เธอคงจะรู้สึกดียิ่งขึ้น
ให้ความเครียดของเดือน มิ.ย.นี้ สิ้นสุดไปกับเดือน มิ.ย.นี้ละกัน




วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2550

บันทึกรัก ฯ : ความคิดคำนึงถึงเธอในยามดึก...


คืนนี้ เป็นช่วงเวลาที่นอนดึกเหมือนทุกๆวัน
แต่คืนนี้ ไม่เหมือนคืนเมื่อวาน
เพราะคืนนี้ เธอ..คนที่เขารัก ปิดมือถือ มีเรื่องที่ต้องคิด ต้องเครียด


เวลาที่เธอเครียด ก็จะเครียดแบบสุดๆ เครียดหนัก
เวลามีความสุขก็สุขมากๆ ทุกข์.... ก็ทุกข์มาก
เป็นคนที่สุดๆเหลือเกิน


แม้เธอจะดูเข้มแข็ง ดูเป็นคนที่มีความรู้สึกที่รุนแรง ไม่หวั่นไหว
แต่โดยธรมชาติแล้ว คนเราก็ต้องหวั่นไหวกันบ้าง
ฉะนั้น ถ้าจะหวั่นไหว ก็หวั่นไหนให้หมดในคืนนี้


"จะร้องไห้ ก็ร้องเสีย อย่าไปร้องต่อหน้าคนอื่น...."


"คนเหงาข้างๆใจ" - อัมพร แหวนเพชร



+.เธอมีคนนั่งจองในใจ ฉันขออยู่ใกล้ๆ ถึงไม่ใช่คนสำคัญ ขอเพียงเธอยิ้มสบตาเวลาพบกัน เหมือนได้รางวัลปลอบใจชั้นดี


"....เธอมีคนสำคัญนั้นอยู่ในใจ ฉันแค่อยู่ใกล้ ไม่มีสิทธิ์ได้ใจเธอ
เธอกับเขา เป็นเงาตามกันเสมอ ระหว่างฉันกับเธอ เจอะกันแค่ผ่านผ่านตา...."


นี่คือ เนื้อร้องช่วงต้นเพลง "คนข้างๆใจ" ของ อัมพร แหวนเพชร นักร้องลูกทุ่งสาวเสียงดีอีกคนหนึ่งของวงการเพลงลูกทุ่ง ที่ออกผลงานกับค่ายใหม่ "Smile record" ในยุคที่นักร้องลูกทุ่งหลายคนย้ายค่ายเพื่อหาที่ที่ดีที่สุด สบายใจที่สุด


เสียงร้องของอัมพร แหวนเพชรนั้น หวานซึ้งตรึงใจจริงๆ เมื่อร้องเพลงช้าๆเศร้าๆ ยิ่งโดนใจอย่างจัง และมิวสิควิดีโอเพลงนี้ ถ่ายทำออกมาได้สวยงาม


คนเหงาข้างๆใจ เหมือนกับโชคชะตาที่เล่นตลกกับชีวิตของคนเรา เมื่อเจอคนที่ใช่แล้ว คนนั้นกลับมีเจ้าของเสียแล้ว แต่หัวใจของคนที่มาทีหลังก็ยังคงมีความสุขทุกครั้งที่ได้พบเจอ ได้อยู่ใกล้ๆเขาคนนั้น


แทนที่จะเปิดโอกาสหัวใจ รับคนใหม่ที่ยังไม่มีเจ้าของ แต่ผู้หญิงหลายคน มักจะสนใจคนที่มีเจ้าของ คนที่ใช่แต่ไม่มีสิทธิ์คนนั้นอยู่อย่างเดียว


"......โทษที่ใจของฉันนั้น ไม่เจียมตน ไปแอบรักคนที่เขามีคู่คบหา
กำแพงใจ ยากเกินที่จะฟันฝ่า หัวใจห้องที่ห้า เธอคงไม่มีแบ่งปัน....."


น่าคิดว่า หัวใจของคนเรามี 4 ห้อง แต่ทั้ง 4 ห้องของเขาและเธอคู่นั้น ต่างมีกันและกัน แต่ผู้หญิงอีกคนหวังเพียงอยากให้เขาคนนั้น เหลียวแลเธอบ้าง แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น เฮ้อ ห้องเช่า อพาร์ตเม้น คอนโค มีหลายห้อง ยังแบ่งให้เช่า ให้ครอบครองได้ แต่หัวใจคนเรานั้น เจ้าของหัวใจต้องเป็นเจ้าของทุกห้องแล้วล่ะ ถ้าแบ่งห้องหัวใจให้คนอื่นครอบครอง ชีวิตรักคงจะวุ่นวาย และจะได้ร้องเพลงอกหักในเวลาต่อมาเป็นแน่แท้


"......เธอมีคนนั่งจองในใจ ฉันขออยู่ใกล้ๆ ถึงไม่ใช่คนสำคัญ
ขอเพียงเธอยิ้มสบตาเวลาพบกัน เหมือนได้รางวัลปลอบใจชั้นดี
....."


เพลงนี้ของอัมพร แหวรนเพชร ให้คติความคิดที่ดีทีเดียว เมื่อรู้ตัวว่ารักเขาไม่ได้ ก็ยอมรับความเป็นจริง ขอเป็นเพื่อนก็ยังดี ขอได้อยู่เคียงใกล้ให้ชุ่มฉ่าหัวใจก็เพียงพอแล้ว


".... เธอมีคนสำคัญฉันเชียร์สุดใจ สิทธิเคียงกาย เคียงใจฉันคงไม่มี
มีม่านบังใจ เงาเขาของคนโชคดี สิทธิ์ฉันที่มี เป็นเพียงคนข้างข้างใจ"




"คนดีของเธอ" - สุธิราช วงศ์เทวัญ



+จะเป็นคนดีของเธอให้ได้ จะทำให้เธอซึ้งใจ คิดถึงฉันทุกนาที กี่เดือนกี่วัน ก็ยังยืนยันอย่างนี้ จะทำทุกทุกวิธี เพื่อเป็นคนดีของเธอ.


"....จะเป็นคนดีของเธอให้ได้ จะทำให้เธอรู้ใจ เมื่อใดที่ได้มองตา
จะทำให้รู้ว่า ฉันรักเธอเท่าฟ้า จะทำให้เธอเห็นค่า แม้ว่ามันยังห่างไกล......"


นี่คือ เนื้อร้องช่วงต้นเพลง "คนดีของเธอ" งานเพลงลูกทุ่งชุดใหม่ล่าสุดของ กุ้ง สุริราช วงศ์เทวัญ สังกัดค่าย อาร์สยาม
กับผลงานอัลบั้มเพลงที่ชื่อว่า "เรี่ยมเร้เรไร" ผลงานการเขียนคำร้องโดย "ชัยมหาชน คนมหาชัย" และเรียบเรียงเพลงโดย จิระวัฒน์ ปานพุ่ม


สำหรับกุ้ง สุริราช หลายคนรู้จักและคุ้นเคยกับเขาในเพลง ขอเป็นพระเอกในหัวใจเธอ มาถึงเพลงในชุดใหม่ ก็มาในแนวพระเอกเช่นเคย ยิ่งมาอยู่ค่ายใหญ่อย่างอาร์สยาม คราวนี้กุ้ง สุริธาชย่อมจะโด่งดังได้ไม่ยาก และยังจะได้แฟนเพลงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม


เพลงคนดีของเธอ เป็นเพลงที่ฟังแล้ว ทำให้สาวๆอยากที่จะมีแฟนหนุ่มที่เห็นคุณค่าของเธอเหมือนอย่างในเพลงนี้บ้าง แต่หลายคู่รัก เมื่อคบหาดูใจกันแล้ว กลับไม่เอาใจใส่ดูแลเหมือนตอนที่รู้จักกันใหม่ๆ บางคนไปตกหลุมรักคนใหม่ ทอดทิ้งคนเก่าไปเสียอีก


"...... จะคอยดูแลเทคแคร์ไม่ห่าง จะให้เธอทุกอย่าง แค่สั่งผ่านทางหัวใจ
ตั้งแต่วันนี้ จะทำหน้าที่ผู้ให้ ตราบจนสิ้นลมหายใจ จะให้แต่ความรักจริง....."


นี่คือส่วนหนึ่งของบทเพลงที่หวานจับใจจริงๆ หนุ่มๆหลายคนมีความตั้งใจอย่างเนื้อเพลงในท่อนนี้ แต่การแสดงออกต่อผู้หญิงที่ตัวเองรัก กลับไม่เป็นอย่างที่อยากจะทำ ถ้ารักจริงก็ควรที่จะแสดงออกอย่างที่ใจคิดบ้างนะ


"....เธอมีปัญหาจะให้เห็นหน้าคนแรก จะเป็นคนแบก ความทุกข์ของเธอไปทิ้ง
ในคืนหนาวเย็น จะเป็นไออุ่นให้อิง จะทำเพื่อเธอทุกสิ่ง จะไม่ทอดทิ้งคนดี....."


"...จะเป็นคนดีของเธอให้ได้ จะทำให้เธอซึ้งใจ คิดถึงฉันทุกนาที
กี่เดือนกี่วัน ก็ยังยืนยันอย่างนี้ จะทำทุกทุกวิธี เพื่อเป็นคนดีของเธอ...."





บันทึกรัก ฯ : ความรู้สึกเมื่อโทรหาเธอไม่ติด


หลังจากช่วงเวลาเลิกงาน เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง
น่าจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น ผ่อนคลายมากขึ้น
ชายคนหนึ่งจึงโทรไปหาเธอในช่วงหัวค่ำ ช่วงที่เธอจะต้องนั่งดูละครสุดโปรด เรื่อง กาษา นาคา
แต่โทรหลายครั้ง ก็โทรไม่ติด
เธอคงจะปิดมือถืออย่างที่บอกไว้เมื่อตอนบ่าย


แล้วตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างหนอ
กลัวว่า จะคิดมาก และพกพาความเครียดเข้าไปในห้องนอนด้วย
แต่ถ้าดูละครด้วยความสบายใจที่ไม่ได้รับรู้ปัญหาที่น่าปวดหัวสักช่วงเวลาหนึ่งก็คงจะดีไม่น้อย


ถ้าอยู่ข้างๆ เขาจะกอดเธอให้หายเครียด
ให้รู้ว่า มีใครคนหนึ่ง ห่วงใยเธอทุกลมหายใจ




บันทึกรัก ฯ : เธอบอก....อยากปิดมือถือ อยู่เงียบๆ พักจากเรื่องรกสมอง


เธอโทรมาอีกครั้งในช่วงก่อนเลิกงาน
เธอบอกว่า มีหลายอย่างที่ทำให้เธอเครียด
อยากที่จะปิดมือถือ อยากอยู่เงียบๆ จะได้ไม่ต้องรับรู้กับปัญหา
รับรู้เรื่องทุกข์ร้อนจากโทรศัพท์จากใคร
แม้ว่า จะทำให้คนรักของเธอไม่สามารถติดต่อเธอได้
แต่ขอสักช่วงเวลาหนึ่ง ที่ขอพักสักนิด


ให้คนที่พยายามโทรมา สอบถามขอคำแนะนำ เรื่องปัญหาต่างๆ แบกกับปัญหาต่างๆไปก่อนละกัน
อย่าให้เธอแบกอยู่ตลอดเวลาเลยนะ



บันทึกรัก ฯ : อารมณ์สุขสันต์เมื่อเธอทำงานสำเร็จ


ในช่วงบ่ายก่อนเลิกงาน เธอโทรมาทักทายชายคนหนึ่ง
มาคราวนี้ น้ำเสียงสดชื่นแจ่มใส เปลี่ยนไปจากช่วงเช้า
คราวนี้ เธอสามารถทำงานที่รับผิดชอบในหน้าที่ได้สำเร็จ นั่นคือ การติดตั้งโปรแกรม วิดีโอคอมเฟอเรนซ์
โปรแกรมประชุมทางไกล ที่สามารถติดต่อกับที่อื่นๆได้แบบสดๆ


ช่วงบ่ายเธอจึงทดสอบโปรแกรม ทดลองส่งเสียง พูดคุย ทั้งภาพและเสียงออกอากาศสดๆ
ทำให้หน่วยงานที่อยู่ต่างจังหวัด ได้เห็นทั้งภาพและเสียงของเธอในเวลานั้นด้วย
ทดสอบ พูดคุย ทักทายกับเพื่อนในหน่วยงานที่อยู่ต่างจังหวัดจนคุ้นเคย
และยังได้พูดคุยกับเพื่อนในหน่วยงานที่อยู่ในจังหวัดเดียวกับชายคนหนึ่ง คนรักของเธอด้วย


แหม ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ชายคนหนึ่งจึงบอกว่า ดีแล้วล่ะ ทำความรู้จักไว้
เผื่อว่าวันหนึ่ง อาจได้ย้ายมาทำงานในสำนักงานที่อยู่ในจังหวัดของเขา
จะได้อยู่ใกล้ๆ กอด เธอได้ทุกวัน ไม่ต้องคิดถึงมากมายถึงขนาดนี้


วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2550

บันทึกรัก ฯ : ความหงุดหงิดยามดึกของเธอต่อความไม่เอาไหนของแฟนเพื่อน


เธอผู้เป็นหวานใจของชายคนหนึ่ง เป็นคนที่รักเพื่อนมาก ห่วงใย และแคร์เพื่อนอยู่เสมอ
วันก่อน เพื่อนรักมายืมชุดใส่ไปร่วมงานแต่งงาน เธอก็เลือกชุดสีขาวสวยหวานให้เพื่อนใส่ไป
เพื่อนก็โวยวาย เพราะรับไม่ได้ ไม่เข้ากับรูปร่างที่อวบอ้วน หลังจากโวยวายจนหนำใจแล้ว ก็เลือกได้ชุดหนึ่ง


เพื่อนของเธอ มีสามีแล้ว แต่ดูเหมือนว่า สามีจะไม่ค่อยได้เรื่องเสียเลย
สามีของเพื่อนเธอ เป็นรุ่นพี่ แต่ทว่ายังเอาตัวไม่รอด
ยังคงขอเงินเมียใช้อยู่
ช่วงนี้สามีของเพื่อนเธอ ก็ไปหางานทำใน กทม. ไม่ยอมกลับมาอยู่ด้วยกันเสียที
จนเพื่อนของเธอ รอแล้วรอเล่า และดูท่าทาง สามีอาจจะไม่กลับมาหาเธอเสียแล้ว
คาดว่า คงจะไปหลงไหลติดพันกับสาวๆตามประสา


ยิ่งรับฟังเรื่องราวต่างๆ ทำให้เธอผู้เป็นหวานใจของชายคนหนึ่ง เกิดอารมณ์เซ็งอย่างมาก
แทนที่ดูละคร กาษา นาคา จะรู้สึกดี แต่วันนี้ กลับเซ็ง
เพราะสงสารเพื่อน
เห็นใจเพื่อน


เธฮจึงโทรมาพูดคุยและระบายกับชายคนหนึ่ง ก่อนนอนด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
แต่เขาก็รับฟังเธอด้วยอาการงัวเงียเช่นกัน
เขากำลังดูรายการเพลงลูกทุ่งทางเคเบิลทีวี เธอได้ยินเลยขอให้ร้องเพลงกล่อมนอน
เขาจึงพยายามส่งเสียงร้องไปทางมือถือ เหมือนท่องบ่น
จนเธอบอกว่า พอแล้ว พอๆๆ ฟังไม่ได้เลยนะ


หลังจากปบ่อยให้เธอคุยจนรู้สึกดี ก่อนวางสาย ก็อวยพรให้เธอนอนหลับฝันดี
และตามด้วย จุ๊บๆๆ จ๊วบๆๆๆๆ
ถ้าอยู่ใกล้ๆ นอนข้างๆ คงได้กอด ได้จูบและหอมแก้มทั้งซ้ายและขวาไปเรียบร้อยแล้ว


บันทึกรัก ฯ : sit up ลดพุง....เพื่อรัก



ยิ่งนานวัน เธอผู้เป็นหวานใจของชายคนหนึ่งยิ่งรู้สึกว่า อ้วนมากขึ้นทุกที
พยายามไปออกกำลังกายทุกเย็น

แต่ถ้าวันไหนฝนตก ก็หมดสิทธิ์ออกกำลังกาย
วันนี้ เธอรู้สึกว่า อ้วนขึ้น
จึงบอกชายคนหนึ่งว่า พยายาม sit up 100 ครั้งขึ้นไปแล้ว
จะได้ลดพุง


แต่เขาก็บอกว่า แบบนี้กล้ามท้องขึ้นแหงๆ
เผลอๆจะออกข้าง อ้วนออก อ้วนออก


ทำไมน้า พยายามที่ละรักษารูปร่างเอวใจเขา
แต่ไปๆมาๆ ก็อ้วนเอา อ้วนเอา ทรมานสายตาเขาซะอีก



บันทึกรัก ฯ : ห่วงพ่อที่ป่วย


คุณพ่อของเธอในวัย 60 ปีนั้น มีอาการป่วยหลายอย่าง แต่ไม่ค่อยที่จะบอกกล่าวกับคนในครอบครัวมากนัก
เมื่อเกิดอาการหนัก จึงจะเข้ารับการรักษาจากหมอ
แต่ส่วนใหญ่ คุณพ่อของเธอไม่ค่อยที่จะใส่ใจในเรื่องสุขภาพของท่านเองมากนัก


เมื่อเธอผู้เป็นหวานใจของชายคนหนึ่ง คุยโทรศัพท์ในช่วงสายของวันนี้
น้ำเสียงของเธอดูเศร้าๆ เหนื่อยๆใจพอสมควร
แต่ละวัน ต้องหมั่นโทรศัพท์ไปสอบถามทางบ้าน ว่าคุณพ่อของเธอเป็นอย่างไรบ้าง


เธอทำงานต่างจังหวัด อยากจะย้ายกลับไปทำงานที่จังหวัดบ้านเกิดใจจะขาดเพื่อจะได้ดูแลคุณพ่อ
แต่ในช่วงเวลานี้ ยังไม่ได้จังหวะที่ดี คงต้องรอเวลาอีกระยะหนึ่ง


ชายคนหนึ่งได้ยินเสียงของเธอที่ดูเศร้าๆมากกว่าทุกวัน
วันนี้ จึงไม่ได้คุยอะไรกับเธอมากนัก
ปล่อยให้เธอได้มีเวลาเศร้าบ้าง

ความจริงแล้ว สมควรที่จะพูดปลอบโยน ให้กำลังใจคนรัก
แต่เขาอยากให้มีช่วงเวลาเศร้าบ้าง เพื่อในยามที่สุข จะได้สุขอย่างเต็มที่
เพราะเศร้าจนหมดในช่วงเวลานั้นแล้ว



"รอสายคนใจดำ" - ศิริพร อำไพพงษ์



".....ใจดำแท้หนอ ทิ้งให้หน้าจอว่างงาน
เบอร์ที่เคยโทรหากัน ไปส่งยิ้มหวานอยู่หน้าจอใคร...
แวะมาฝึกในให้ชินกับการได้ยินเสียงอ้าย เป็นแขกประจำห้องใจ
หนึ่งวันสิบสายแต่เลขหมายเดียว...."


พี่นาง ศิริพร อำไพพงษ์ มีผลงานเพลงในอัลบั้มชุดใหม่ล่าสุด ที่พึ่งวางแผงเมื่อ 26 มิ.ย.2550 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลงานชุดที่ 11 "ย่านบ่มีชาติหน้า" กับ 10 เพลงใหม่ทั้งอัลบั้ม หลังจากที่มีผลงาน "เมือยามบ้าน ทั้งมันทั้งม่วน" ออกมา 2 อั้ลบั้ม ออกมาเรียกความม่วนซื่นโฮแซว ให้บรรดาแฟนพันธุแท้ได้คึกคักตลอดปีที่ผ่านมา


ในอัลบั้ม "ย่านบ่มีชาติหน้า" มีเพลงโปรโมทเพลงแรกที่ชื่อ "รอสายคนใจดำ" ส่งออกมาเจาะใจคนฟังก่อนใครๆ ผลงานการแต่งของ ครูสลา คุณวุฒิ เรียบเรียงดนตรี โดย ธีระพงษ์ ศักดิ์แก้ว เช่นเคย


บทเพลงที่เกี่ยวกับข้องกับความรักและโทรศัพท์มือถือนั้น ต้องยกให้ ครูสลาที่ท่านสามารถแต่งเพลงได้หลากหลายมุมมอง ซึ่งกลายเป็นเพลงฮิตติดใจคนฟังแทบทั้งนั้น ตั้งแต่ต่าย อรทัย กับเพลงหน้าจอรอสาย , มนต์แคน แก่นคูน กับเพลงยามท้อขอโทรหา และที่พึ่งจะออกอัลบั้มชุดใหม่มาไม่นานนี้คือ จั๊กจั่น วันวิสา กับเพลง "เบอร์โทรคนเหงา" ซึ่งเป็นเพลงความรักที่เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือทั้งนั้น แล้วก็กลายเป็นเพลงฮิตไปหมด


พี่นาง ศิริพร อำไพพงษ์ก็เลยไม่พลาดที่จะมีเพลงรักมือถือบ้าง แต่เป็นในสไตล์ของพี่นาง ในแบบตัดพ้อถึงฝ่ายชายเล็กน้อย ในแบบรอสายคนใจดำ


".....บ่ฮู้เป็นหยังอ้ายจึงเริ่มจางห่างใจ อุตสาห์ออกมือถือใหม่
เพื่อใช้งานได้ทุกการข้องเกี่ยว ถ่ายรูปฟังเพลง เล่มเกมทำได้ครบเครื่องเลยเชียว
แต่ทำบ่ได้เรื่องเดียว คือ โทรหาอ้ายคนใจดำ...."


ป๊าดดดด บาดใจดีแท้ ที่ว่ามือถือรุ่นใหม่ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง นอกจากการโทรออกและรับสายเฉยๆ แต่โทรหาคนใจดำนั้น ยากเหลือเกิน!!


".....คึดฮอดแฮงๆ โทรหาก็บ่รับสาย คึดฮอดหลายๆ โทรไปก็สายบ่ว่าง
วางงานบ่ได้ หรือเกรงใจคนอยู่ข้างๆ บ่โทรหาก็บ่เป็นหยัง แต่รับสายน้องบ้างได้บ่...."


"..ใจดำแท้หนอ ทิ้งให้หน้าจอว่างนาน
หรืออ้าย หาวิธีลืมกัน คนอย่างน้องนั้นฟังก์ชั่นบ่พอ
มือถือรุ่นทันสมัย ใช้งานแค่ฟังเพลงรอ
สิเลิกสิคบกันต่อ โทรบอกได้บ่ อย่าใจดำหลาย...."



โอ๊ะๆๆ โดนคักขนาด ที่ว่า ฟังก์ชันของมือถือมีมากมาย แต่ฟังก์ชั่นของสาวเจ้านั้นไม่มีมากพอ เลยโทรหาคนใจดำไม่ได้ ต้องชื่นชมในมุมมอง และมันสมองของครูสลาจริงๆว่า คิดได้ยังไงกันเนี่ย..


.


เพลงนี้คือเพลงแรก และภาพแรกในอัลบั้มชุดใหม่ของพี่นางที่ได้เห็นทางจอทีวี ในอัลบั้มชุดใหม่แต่ละชุด พี่นางมักจะทำทรงผมใหม่มาฝากให้แฟนๆได้เจริญหูเจริญตาอยู่เสมอ แม้แต่รูปถ่ายปก CD ในชุดนี้ได้เห็นพี่นาง ศิริพร ในแบบสบายๆ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน


สำหรับในอัลบั้มชุด ย่านบ่มีชาติหน้า ยังมีบทเพลงที่น่าสนใจอีกเพียง ซึ่งจะได้เขียนแนะนำกันต่อไปนะครับ


รอสายคนใจดำ ศิริพร อำไพพงษ์ เพลงลูกทุ่ง


วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2550

น้ำใจจากผู้ก่อตั้งชมรมฯ ที่มอบให้ต๊อดตี้ นิสิตตาบอดผู้ติดตามผลงานของ อ.วิทยากร เชียงกูล


คุณนิด ผู้ก่อตั้งชมรมฯ ได้ช่วยเปิดโอกาสให้น้องต๊อดตี้ นิสิต มมส. ซึ่ง
ตาบอด แต่ใฝ่เรียนรู้ อยากมีโอกาสได้สัมผัสผลงานของ อ.วิทยากร เชียงกูล
คุณนิด จึงได้ใช้โทรศัพท์ อัดเสียงโดยการอ่าน บทกวี "ฉันจึงมาหาความหมาย"
เพื่อส่งให้ น้องต๊อดตี้ ได้สัมผัสกับผลงานอมตะตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ที่
ประทับใจผู้อ่านหลายยุคหลายสมัย เพื่อให้น้องต๊อดตี้ นิสิตตาบอด ได้
สัมผัสผลงานอมตะชิ้นนี้ เหมือนคนอื่นๆบ้าง


ซึ่งคุณนิด ได้ดำเนินการอ่านผลงานชิ้นนี้ และอัดเป็นไฟล์เสียง และส่งไปยัง
น้องต๊อดตี้ ทางอินเทอร์เนตในวันที่ 26 มิ.ย.50 แล้วครับ



----------
ชมรมศึกษาผลงาน อ.วิทยากร เชียงกูล Official site : http://witayakornclub.wordpress.com
กลุ่มข่าว ชมรมศึกษาผลงาน วิทยากร เชียงกูล : http://groups.google.co.th/group/witayakorn?hl=th


บันทึกรัก ฯ ทำ blog ร่วมกันด้วยความรัก


งานอดิเรกตามความฝันของเธอผู้เป็นแรงใจ คือ การทำ blog เผยแพร่ข้อมูลให้กับนักเขียนที่เธอชื่นชอบและติดตามผลงานมานานหลายปี
เขาและเธอ เลยช่วยกันทำ blog หนึ่งขึ้นมา


เธอลงทะเบียนสมัคร blog เขาเข้ามาช่วยเหลือ
ลงทะเบียนสมัครแล้ว ได้ password ที่จำยาก เขาเลยเปลี่ยนให้จำง่ายขึ้น
เลยเอาชื่อของเขาและเธอมาตั้งเป็น password
ตรงกลางระหว่างชื่อเขาและเธอเชื่อมด้วยคำว่า รัก

password ที่ได้ จึงเป็น ชื่อของเขา+รัก+ชื่อของเธอ


เมื่อเธอรู้ ก็เขินอายอย่างมาก ในตอนแรก ขนาดจะ login และ กรอก password เข้าไปแก้ไข blog
เธอยังเขินที่จะกรอก password ลงไป


แต่ไม่นานคงจะคุ้นเคยแล้วล่ะ



บันทึกรัก ฯ : SMS โทรมาไม่มีอะไรนะคะที่รัก แต่....


ชายคนหนึ่งได้รับ SMS เมื่อ 26 มิ.ย.2550 เวลา 20.22 น.


"โทรมาไม่มีอะไรนะคะที่รัก เหตุผลแค่คิดถึงเท่านั้นเอง พักผ่อนซะนะคะ อย่านอนดึกมากนักนะ ถ้าไม่รักไม่ห่วงน้า"




ข้อความจากอาจารย์วิทยากร เชียงกูล


เป็นข้อความหลังจากที่ส่งเมล์ไปให้อาจารย์ได้ทราบถึงข่าวคราวความ
เคลื่อนไหวของชมรมศึกษาผลงาน วิทยากร เชียงกูล


"ปิดดูคร่าวๆแล้ว ก็ดี จะส่งบทความไปให้เพิ่มเติม " ทำให้ทางชมรมฯรู้สึก
ดีใจมากกับคำชมนี้ และทางชมรมฯ ก็จะได้อัพเดทเว็บไชต์นี้ให้ดียิ่งขึ้นไป



++++++
ชมรมศึกษาผลงาน อ.วิทยากร เชียงกูล Official site : http://witayakornclub.wordpress.com
กลุ่มข่าว ชมรมศึกษาผลงาน วิทยากร เชียงกูล : http://groups.google.co.th/group/witayakorn?hl=th


ข้อเสนอแนะชื่อเรียกของงานพบนักเขียนในดวงใจ วิทยากร เชียงกูล 21-22 ก.ค.50


คุณน้อย ลิขิต ที่ติดตามข่าวคราวของชมรมฯ และช่วยให้ข้อเสนอแนะหลายอย่าง
ได้ให้ความคิดที่ดีๆมาว่า


"งานพบปะระหว่างผู้อ่านกับนักเขียน ของชมรมฯ นี้ น่าจะมีชื่อเรียกที่ใช้
เพื่อการประชาสัมพันธ์ได้ "
ว่าแล้ว คุณน้อย จึงเสนอชื่อที่น่าจะใช้ได้


1.จิบกาแฟตามหาความหมายกับวิทยากร เชียงกูล
2.จับเข่าคุย 40 ปี ฉันจึงมาหาความหมายกับวิทยากร เชียงกูล
3.คุยนอกรอบ ตามหาความหมายกับวิทยากร เชียงกูล
4.สังสรรค์ 40 ปี ฉันจึงมาหาความหมาย
5. ฯลฯ


ซึ่งชื่อที่เหมาะสมนั้น คุณนิด ผู้ก่อตั้งชมรมฯ คงจะได้ปรึกษาหารือกับ
สมาชิกชมรมฯ ท่านอื่นๆต่อไป


การติดตามอ่านข่าวสารจากกลุ่มข่าวชองชมรมฯ ที่เวบอื่นๆ


ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆได้มากขึ้น เช่น
เดียวกันกับ การติดตามข่าวสารจากกลุ่มข่าวของชมรมฯ
นอกจากสามารถที่จะเข้ามาเปิดอ่านในหน้าเวบไซต์ของกลุ่มข่าวใน
groups.google.com แล้ว ยังมีช่องทางอื่นๆในการติดตามอ่านข่าวสารได้อย่าง
สะดวก อาทิ


1. รับข่าวสารทางอีเมล์ เพียงเข้ามากรอกอีเมล์ ในแบบฟอร์มรับข่าวสารใน
blog ต่างๆของชมรม และรออีเมล์ตอบรับ เพื่อการคลิก confirm (ยืนยัน) แค่
นี้ก็จะไม่พลาดทุกข่าวสารของชมรมฯ แล้วครับ แต่เมล์ที่ใช้รับข่าวสาร หาก
เป็นไปได้ ควรสมัครใช้ Gmail เพราะจะสามารถอ่านเมล์เป็นภาษาไทยได้เสมอ
ครับ


2. การดึง Rss Feed ไปอ่านใน google reader หรือ ตัวอ่าน Rss อื่นๆ


3. การนำ code เพื่อดึงหัวข้อข่าวไปแปะไว้ที่เวบไซต์ หรือ blog ส่วนตัวของ
แต่ละท่าน โดยการนำโค้ดข้างล่าง ไปแปะไว้ในเวบที่ท่านต้องการให้หัวข้อข่าว
ไปแสดง


เมื่อท่านเปิดเวบ หรือ blog ของท่าน หัวข้อข่าวจะถูกส่งไปยังเวบของท่านโดย
อัตโนมัติ ซึ่งสามารถคลิกอ่าน หัวข้อที่สนใจได้ทันที


นอกจากนี้ เป็นการช่วยเผยแพร่ข่าวสารของชมรมฯ ให้ผู้สนใจได้รับรู้ และ
สามารถร่วมเป็นสมาชิกชมรมฯ ได้ทันที เพราะผลงานของวิทยากร เชียงกูลนั้น มี
ผู้ได้อ่านผลงานมากมาย แต่ไม่ยังไม่มีแหล่งที่รวบรวม ชุมนุมผู้ติดตามผลงาน
เสียที ซึ่งครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสในการพูดคุย แลกเปลี่ยน พบปะ ร่วมทำ
กิจกรรม ตามโอกาสและจังหวะเวลาที่เหมาะสมต่อไป และได้อ่านผลงานเขียนเล่ม
ใหม่ๆของ อ.วิทยากร เชียงกูล ก่อนใคร และติดต่อสื่อสารกับนักเขียนในดวงใจ
อย่างใกล้ชิดมากกว่าใครอีกด้วย


ทุกท่านที่สนใจ สามารถทำการ copy code ข้างล่างไปใช้ได้ทันทีครับ


<br><script language="JavaScript" src="http://feed2js.org//feed2js.php?
src=http%3A%2F%2Fgroups.google.com%2Fgroup%2Fwitayakorn%2Ffeed
%2Frss_v2_0_msgs.xml&amp;chan=title&amp;num=20&amp;utf=y" type="text/
javascript"></script>


<noscript>
<a href="http://feed2js.org//feed2js.php?src=http%3A%2F
%2Fgroups.google.com%2Fgroup%2Fwitayakorn%2Ffeed
%2Frss_v2_0_msgs.xml&amp;chan=title&amp;num=20&amp;utf=y&amp;html=y">View
RSS feed</a>
</noscript>
<P>
<TABLE style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM:
5px; PADDING-TOP: 5px; BACKGROUND-COLOR: #fff" cellSpacing=0 border=0>
<TBODY>
<TR>
<TD><IMG height=26 alt="Google Groups" src="http://groups.google.co.th/
groups/img/3/groups_bar.gif" width=132> </TD></TR>
<TR>
<TD style="PADDING-LEFT: 5px"><B>Subscribe to กลุ่มข่าว ชมรมศึกษาผลงาน
วิทยากร เชียงกูล</B> </TD></TR>
<FORM action=http://groups.google.co.th/group/witayakorn/boxsubscribe>
<TR>
<TD style="PADDING-LEFT: 5px">Email: <INPUT name=email> <INPUT
type=submit value=Subscribe name=sub> </TD></TR></FORM>
<TR>
<TD align=right><A href="http://groups.google.co.th/group/
witayakorn">Visit this group</A> </TD></TR></TBODY></TABLE></P>
<OL>
<LI>กรอกอีเมล์เพื่อสมัครสมาชิกและติดตามข่าวสารทางอีเมล์ของท่าน
<LI>เข้าไป check mail ของท่านเพื่อกดยืนยัน รับข่าวสาร
<LI>เมื่อสมัครสมาชิกแล้ว ท่านสามารถส่งบทความ ข้อคิดเห็น โดยส่งอีเมลไป
ยังกลุ่มข่าวนี้: <A class=gl
href="mailto:witayakorn@googlegroups.com">witayakorn@googlegroups.com</
A><BR></LI></OL>
</p>



------


ชมรมศึกษาผลงาน อ.วิทยากร เชียงกูล Official site : http://witayakornclub.wordpress.com
กลุ่มข่าว ชมรมศึกษาผลงาน วิทยากร เชียงกูล : http://groups.google.co.th/group/witayakorn?hl=th


วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2550

clip video ของชมรมฯ


อีกไม่นานนี้ กำลังจะสร้างเวบไซต์ใหม่ของชมรมฯ โดย ใช้ blog ที่
wordpress.com ซึ่งจะได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ
ซึ่งที่สำคัญที่สุด คือ คลิปวิดีโอนั่นเอง


ซึ่งจะได้มีการบันทึกคลิปวิดีโอการพบปะกัน ระหว่างสมาชิก กับ อ.วิทยากร
เชียงกูล
หรือ คลิปวิดีโอของสมาชิก ที่บันทึกทั้งภาพและเสียง สื่อสารถึง อ.วิทยากร
เชียงกูลในลำดับต่อไป


ตัวอย่างคลิปวิดีโอที่ไปพบ อ.วิทยากร เชียงกูล


http://www.dailymotion.com/swf/2h7jwzKlW4mSSf7BC


http://www.dailymotion.com/swf/6BvjIRWtoY5WHf7Et


http://gotoknow.org/blog/bonlight/103130


ชมรมศึกษาผลงาน อ.วิทยากร เชียงกูล Official site : http://witayakornclub.wordpress.com


คุณนิด ผู้ก่อตั้งชมรม ตื่นเต้น รอเวลาพบกับสมาชิกชมรมฯคนใหม่ "คุณมะเดี่ยว" สิ้นเดือนนี้


ตลอดระยะเวลา 40 ปีนับตั้งแต่ที่วิทยากร เชียงกูล สร้างสรรค์ผลงาน "ฉันจึง
มาหาความหมาย" และงานเขียนอื่นๆอีกมากมาย
มีผู้ที่ติดตามผลงานมากมายหลายคน จนกระทั่งมีการก่อตั้งชมรมศึกษาผลงาน
วิทยากร เชียงกูล จึงเริ่มค้นพบแฟนพันธุ์แท้ของวิทยากร เชียงกูลเพิ่มขึ้น


เมื่อคุณนิด ขนิษฐา เริ่มแจ้งข่าว ชักชวนผู้สนใจเข้าร่วมชมรมฯ คุณมะ
เดี่ยว ได้แจ้งความจำนงไว้ใน blog ของคุณนิด ซึ่งต่อมาได้มีการติดต่อ พูด
คุยกันทางโทรศัพท์เมื่อ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา


มาจนถึงวันนี้ คุณนิดบอกว่า รอคอยที่จะพบคุณมะเดี่ยว หรือ นายสายลม เจ้า
ของเวบไซต์ http://www.day4dream.com ในวันเสาร์ที่ 30 มิ.ย.นี้ ที่
มหาสารคาม หลังจากที่ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ในแบบคนคอเดียวกัน คนที่ชื่น
ชอบผลงานของ วิทยากร เชียงกูลเหมือนกัน ซึ่งในวันนัดพบนี้ คงจะได้พูดคุย
กันอย่างถึงใจ ซึ่งคาดว่า คงจะใช้เวลาพูดคุยกันนานพอสมควรเลยทีเดียว




ชมรมศึกษาผลงาน อ.วิทยากร เชียงกูล Official site : http://witayakornclub.wordpress.com
กลุ่มข่าว ชมรมศึกษาผลงาน วิทยากร เชียงกูล : http://groups.google.co.th/group/witayakorn?hl=th


จับ blog มาเป็นเวบไซต์ชมรมฯ การเลือกใช้ทรัพยากรที่มีหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการ


ที่มา http://gotoknow.org/blog/bonlight/106114


การนำเสนอข้อมูลทาง internet มักจะนำเสนอในรูปแบบของเวบไซต์ ซึ่งสามารถใส่
สิ่งที่ต้องการลงไปได้อย่างอิสระ ต้องอาศัยความรู้ ทักษะ พอสมควร แต่ใน
บันทึกนี้ จะบอกเล่าถึงการประยุกต์ blog ที่มีข้อจำกัดหลายอย่างมาใช้แทน
เวบไซต์


การนำเสนอข้อมูลของชมรมศึกษาผลงานวิทยากร เชียงกูล การรวมตัวของผู้ที่ชื่น
ชอบและติดตามผลงานของนักเขียนท่านนี้ โดยช่องทางการสื่อสารผ่าน Internet
และจัดทำในแบบงานอดิเรก การทำตามความฝัน เบาๆสบายๆ เพื่อให้มองเห็นแนวทาง
ความคิด จึงประมวลวิธีคิดวิธีทำงาน มาดังนี้


เมื่อตัดสินใจที่จะสื่อสารถึงผู้สนใจผ่าน internet เลือก blog เพราะสะดวก
และง่าย เริ่มต้นที่ http://witayakorn.blogspot.com เพราะสามารถเขียน
บันทึก ใส่ code ได้อย่างอิสระ มีเครื่องมือเสริมให้ตกแต่ง blog ได้
มากมาย แต่ช่วง พ.ค.50 เกิดปัญหาการบล็อกเวบ blogspot แม้ปัจจุบัน จะเข้า
เวบได้แล้ว แต่บางท่านก็ยังเข้าดูไม่ได้
อีกหนึ่งทางเลือกมาสมัครใช้ blog ที่ http://gotoknow.org/blog/witayakorn
เป็นเวบที่อยู่ในเมืองไทย สะดวกรวดเร็ว เผยแพร่ข้อมูลและบทความต่างๆได้
แต่หากจะใส่ข้อมูลที่มากกว่านั้น gotoknow ยังไม่เหมาะ ยิ่งหากจะใส่
เครื่องมือเสริม code ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการสื่อสาร ยิ่งทำให้การเปิด
ดู blog gotoknow เปิดได้ช้ากว่าเดิม จึงมองหาอีก 1 blog เพื่อใส่ข้อมูล
ให้ครบถ้วน และดึงความสามารถ code และสิ่งที่มีบริการ ออกมาใช้สื่อสารกับ
สมาชิก ซึ่งได้เลือก wordpress.com
ใช้สมัครใช้บริการกลุ่มข่าว group.google.com (กลุ่มข่าว ชมรมศึกษาผลงาน
วิทยากร เชียงกูล Google Group) ในการประยุกต์ใช้สื่อสารกับสมาชิกโดยการ
ส่งข้อมูลผ่านอีเมล์ ในลักษณะของกลุ่มข่าวของชมรมฯ มีแบบฟอร์มให้กรอก
อีเมล์เป็นสมาชิกกลุ่มข่าว และให้สามารถส่งข้อมูลทางอีเมล์ เข้ามายังกลุ่ม
ข่าวได้ทันที


Subscribe to กลุ่มข่าว ชมรมศึกษาผลงาน วิทยากร เชียงกูล
Email:
Visit this group


ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้หลายท่าน รวมทั้ง อ.วิทยากร เชียงกูล ที่ไม่
ต้องเจียดเวลามาเรียนรู้การใช้ blog แต่สามารถส่งบทความทางอีเมล์ได้ทันที
สามารถเผยแพร่บทความ ข้อเขียนที่ต้องการ โดยไม่ต้องผ่านใคร จากข้อมุลใน
กลุ่มข่าว บทความที่น่าสนใจ จะ copy ไปใส่ใน blog อีกทางหนึ่ง
การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง blog ต่างๆ + กลุ่มข่าว โดยการดึงหัวข้อจาก
กลุ่มข่าวด้วย Rss ไปแสดงใน blog เรียกว่า เขียนบันทึก บทความที่ไหน ทุก
ที่สามารถมองเห็นได้หมด ซึ่งช่วยให้สมาชิกหรือผู้ที่สนใจ หากต้องการนำ
หัวข้อไปแสดงใน บล็อก หรือเวบไซต์ เพื่อติดตามข่าวคราว ความเคลื่อนไหว ก็
สามารถนำ source code ไปติดไว้ได้


โครงสร้างของเวบ (blog) แบบง่ายๆ
แบนเบอร์ + ป้าย ชื่อชมรม + โลโก้


หน้าหลัก เกี่ยวกับชมรม บทความ บทกวี รูปถ่าย คลิปวิดีโอ ผลงาน
หนังสือ สมัครสมาชิก ติดต่อชมรม
บันทึก รูปถ่าย อ.วิทยากร
ประวัติ อ.วิทยากร


Rss 1
Rss 2
link


สมัครสมาชิก
MSn
counter
stat



ชมรมศึกษาผลงาน อ.วิทยากร เชียงกูล Official site : http://witayakornclub.wordpress.com



Google Calendar มากกว่า Organizer ส่วนตัว


คัดลอกมาจาก http://www.dominixz.com/review/review-website-google-calendar-%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2-organizer-%e0%b8%aa%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7/


Review Website : Google Calendar มากกว่า Organizer ส่วนตัว



วันนี้รู้สึกเหนื่อยจากการเีรียนมากเลย ขอ Update เรื่องชิลๆ เลยละกันนะครับ วันนี้ผมพามาชิล แต่สิ่งที่ได้อาจจะมีประโยชน์สำหรับทุกท่านที่ยังไม่เคยลองใช้ Google Calendar นะครับ ทำไมต้อง Google Calendar ณ ทุกวันนี้หากใครยังเรียนอยู่อย่างผมหรือทำงานแล้ว แต่กิจกรรมเยอะมากจัดการเวลาไม่ถูกเลย ไม่รู้ว่าทำไมเวลาหายไปโดยรู้สึกว่าไอ้นู้นก็ยังไม่ได้ทำ ไอ้นี้ก็ยังไม่ได้ทำ ทำไมงานเยอะอะไรแบบนี้ นี้เลยครับเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพตัวหนึ่งของโลก (เน้นเลยว่าของโลก) ไม่ว่าจะทำ To-Do List เป็น Organizer หรือจะเป็น Birthday Alarm ก็ทำได้สารพัดมีประโยชน์สุดๆ



โดยผมจะอธิบายตามตัวเลยนะครับ




  1. เป็นแบบให้เราดูตารางเวลาละครับมีทั้งแบบ วัน , อาทิตย์ , เดือน , 4 วัน หรือแม้แต่เอาเฉพาะวันที่มีงาน (Agenda)

  2. อันนี้เป็นปุ่มการสร้างนัดหมายต่างๆโดยถ้าเป็น Create Event จะสามารถใส่ Detail ได้ละเอียดเลยว่าที่ไหนยังไงบาง จะให้มีเตือนไหมแบบนี้เ้ป็นต้น แต่ถ้าเป็น Quick Add ก็จะใส่เหตุการณ์ลงไปได้ว่าีเกิดอะไรกี่โมงได้โดยต้องใช่การพิมพ์แมบบสั้นเช ่น "ไปบ้านเพื่อน 8am tomorrow" มันก็จะไปสร้างนัดหมายในเวลา 8am พรุ่งนี้ให้

  3. ปฎิทินวันที่ต่างๆเราสามารถกดเพื่อไปดูนัดหมายในแต่ละวันได้ครับ

  4. Google Calendar ต่างๆที่เราได้ใช้งานหรือ share ด้วยเช่น ถ้าเราดึง Google Calendar คนอื่นที่เขาเปิด share เราก็จะเห็นตารางนัดหมายของเขาด้วยในส่วนที่เขาเปิดเป็น Public (เวลาสร้างนัดหมายสามารถกำหนดระดับการเข้าถึงได้)

  5. เป็นการตั้งค่าต่างๆใน Google Calendar รวมถึงตั้งค่า Mobile !!!!




ส่วนอันนี้คือประเด่นที่ผมอยากจะให้ทุกคนได้ใช้มากเลยครับเพราะมัน ฟรี!!!! นั้นคือส่วนของ Mobile Alert ครับผมจะอธิบายวิธีสมัครให้เลยนะครับ




  1. ให้เลือกประเทศที่อยู่ลงไปนะครับ

  2. ใส่เบอร์โทรศัพท์มือถือลงไป Area Code ตามด้วยเบอร์นะครับ เช่น +66812345555 จะสังเกตุได้ว่าไม่ต้องใส่ 0 นะครับ

  3. เมื่อเราใส่เบอร์เสร็จแล้วก็กดปุ่มเบอร์ 3 ได้เลยครับมันจะส่ง SMS ไปที่เครื่องเราเพื่อให้รหัสมายืนยัน

  4. เมื่อได้รหัสจาก Google แล้วก็ใส่รหัสแล้วกดปุ่ม 4 ได้เลย Verify ผ่านแล้วเริ่มใช้กันได้เลย



วิธีใช้ก็ง่ายๆครับเมื่ออยู่ในหน้านัดหมาย (Event) ใดๆมันจะมีคำว่า Option ให้เราเปิดมันขึ้นมาแล้วมันจะมีให้เลือกแบบในการเตือนมีทั้ง Email , Pop-up , SMS(เฉพาะคนที่สมัคร Mobile แล้วนะครับ)
คำเตือน : สำหรับคนที่ใช้ IE7 นะครับเวลากด Option แล้วมันจะเด้งไปอีกหน้าอะครับผมไม่รู้ว่าแก้ไงนะครับลองใช้ Firefox / IE6 แล้วใช้ได้นะครับ



อธิบายของส่วนของ Event นะครับ




  1. ก็คือส่วนของระบบการเตือนนะครับว่าจะให้มันเตือนเหตุการณ์นี้แบบไหน เช่น แบบ SMS ก็จะส่งผ่าน SMS ไปยังมือถือคุณเพื่อเตือนคุณตามเวลาที่กำหนดไว้ เช่น ก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ 1 ชม เป็นต้น

  2. ส่วนที่ผมเคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่าเป็นการกำหนดว่าใครสามารถดูนัดหมาย นี้ได้บาง เอาไว้ใช้ในกรณีที่ Calendar นี้เปิดให้คนอื่นดูได้ด้วย

  3. ถ้าหากต้องการให้ใครรับรู้เหตุการณ์นี้ด้วยเป็นพิเศษก็ยังสามารถส่ง Email จากต้องนี้ไปได้ทันที



วันนี้ก็จบการ Review Website Google Calendar สังเกตุได้ว่าผม Review อันนี้ใช้หลายรูปเหลือเกินเพราะอยากให้ใช้กันเยอะๆนะครับ เพราะมันมีการส่ง SMS ฟรีด้วยสินี้สิข้อดีสำคัญเลยละ ทำให้เราไม่ค่อยพลาดนัดหมายเลยทีเดียว ที่นี้ยังทำประยุกต์เป็น Birthday Alarm ได้ด้วยโดยเราก็ไปกำหนดนัดหมายในวันเกิดของคนๆนั้นซะ แล้วเราก็ให้มันเตือนผ่าน SMS เราจะไม่พลาดวันเกิดใครเลยทีเดียวเชียว :) และยังเหมาะกับคนที่งานยุ่งๆวุ่นๆตลอดเวลาได้ตัวนี้ช่วยเตือนคุยได้ไม่ให้ลื ม นัดหมายที่สำคัญ ฝาก Google Calendar ไว้ให้คนไทยใช้กันเยอะๆนะครับ ไปละวันนี้ Review ยาวไปหน่อย ^^


ปล. หลังจากนี้ผมอาจจะใ้ช้รูปจาก Photobucket หรือไม่ก็ Flickr นะครับเพราะพื้นที่ผมจะหมดแล้ว (เช่าปีละ 100 บาทได้พื้นที่ 15mb เองอะต้องจัดสรรค์ Bandwidth + เนื้อที่หน่อยอ่า) อาจจะทำให้ภาพโหลดช้านะครับ ก็ขออภัยด้วยนะครับ


การพบกันของ 2 แฟนพันธุ์แท้ วิทยากร เชียงกูล


คุณนิด ขนิษฐา เตรียมพบกับแฟนพันธุ์แท้ที่ มหาสารคาม คือ
คุณมะเดี่ยว หรือ เฉลิมเกียรติ สอนคำแก้ว เจ้าของเวบไซต์ http://www.day4dream.com
และ blog ที่ http://gotoknow.org/blog/day4dream0001 กับชื่อเรียก นาย
สายลม


โดยทั้งคุณนิดและคุณมะเดี่ยวนั้น ต่างติดตามผลงานของ วิทยากร เชียงกูลมา
เป็นเวลาหลายปี
นับตั้งแต่ผลงาน ฉันจึงมาหาความหมาย เรื่อยมาจนปัจจุบัน


ทั้งคู่ได้เริ่มต้นสื่อสารผ่านทาง blog ของคุณนิด
จนกระทั่งติดต่อผ่าน Msn และคุณมะเดี่ยว (นายสายลม) ได้โทรศัพท์มาทักทาย
คุณนิด
เมื่อ 23 มิ.ย.2550 และได้คุยกันอย่างถูกคอเป็นเวลากว่า ครึ่งชั่วโมง
ซึ่งจะได้นัดหมายเจอกันในวันเสาร์ที่ 30 มิ.ย.2550 นี้
ที่มหาสารคาม

ที่มา http://groups.google.co.th/group/witayakorn/browse_thread/thread/cd516b6de7760997?hl=th


ชมรมศึกษาผลงาน อ.วิทยากร เชียงกูล Official site : http://witayakornclub.wordpress.com


วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2550

บันทึกรัก ฯ : SMS แรกจากเขา


"เหนื่อยมั้ยที่รัก"


ข้อความ SMS สั้นๆที่เธอได้รับในมือถือ ในช่วงสายๆวันที่ 24 มิ.ย.50 ทำเอาเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งวันเมื่อเปิดอ่าน จนต้องเรียกเพื่อน "จิ๋ม" มาดู


เพราะเป็น SMS ข้อความแรกที่เขา ส่งมาถึงเธอ หลังจากที่เธอส่ง SMS ถึงเขาหลายครั้ง หลายข้อความ


ทำเอาเธอมีความสุขมากมาย เพราะไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่า เขาจะ SMS มาถึงเธอ


ก่อนนอนคืนนั้นน เธอจึงส่ง SMS ถึงเขา ก่อนที่จะหลับฝัน


"คุณจ๋าคิดถึงจังได้รับข้อความที่ส่งมาดีใจมากเลยแล้วก็คิดถึงมากขึ้นกว่าเดิมอีก ง่วงจังอยากให้อยู่ใกล้ๆ ฉันจะได้นอนซุกอก"


24/06/2007 21.01 น.



21-22 ก.ค. นัดพบปะสมาชิกชมรมคนศึกษาผลงานวิทยากร เชียงกูลครั้งที่ 1


หลังจากทางชมรมคนศึกษาผลงานวิทยากร เชียงกูล ได้เปิดตัวเว็บไชต์ขึ้นเมื่อ
วันที่ 21 มิย. ที่ผ่าน ก็ได้มีข่าวดีเกิดขึ้นทันที
ค่ะ..จะมีการนัดพบปะสมาชิกชมรมคนศึกษาผลงานวิทยากร เชียงกูลครั้งที่ 1
ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 21 - 22 กค.นี้ค่ะ ซึ่งตอนนี้ทางชมรมได้ติดต่อแจ้งไป
ยังอาจารย์วิทยากร แล้วค่ะ ซึ่งอาจารย์รับปากแน่นอนเรียบร้อยแล้ว


สมาชิกชมรมฯ ท่านใดว่าง..หรือสมาชิกใน G2K ท่านใดสนใจเพื่อที่จะเข้าไปพบปะ
พูดคุยกับอาจารย์วิทยากร เชียงกูล นักเขียนแห่งประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ยุค
แสวงหา ตัวต่อตัว ก็เชิญลงชื่อเข้ามาได้นะค่ะ..งานนี้พลาดไม่ได้แล้วค่ะ


ที่มา http://gotoknow.org/blog/newsclub/105661


บันทึกรัก ฯ : อย่านอนดึกนักนะ ฉันเป็นห่วง


แม้จะอยู่ห่างไกลคนละจังหวัด แต่เหมือนอยู่ใกล้กันนิดเดียว
เพราะโทรศัพท์ถึงกันอยู่บ่อยๆ


ชายคนหนึ่งติดนิสัยที่มักจะนอนดึกๆ 6 ทุ่มเป็นประจำ
บางวันจะดูทีวีจนดึก บางวันจะเล่น internet จนนอนดึก


ในขณะที่เธอ จะเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ
2-3 ทุ่ม เธอก็ง่วงนอนเสียแล้ว
เธอจึงมักจะคอยเตือนเขาบ่อยๆ
ในช่วงวันหยุด ช่วงเวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน เธอจึงนอนดึกไปกับเขาด้วย
เพราะเขามัวแต่กอด มัวแต่หอมเธอทั้งคืน
ตื่นเช้ามา แม้เธอจะสดชื่น แต่สักพักก็หาวนอน
...นอนยังไงก็ไม่อิ่ม หาวนอนอยู่ดี


ด้วยความเคยชิน เขายังคงนอนดึกเช่นเดิม
เธอจึงต้องคอยเตือนเขาด้วยความรัก อย่านอนดึกนักนะที่รัก อยู่บ่อยๆ


กิจกรรมพบปะกับนักเขียนในดวงใจ วิทยากร เชียงกูล ช่วงปลายเดือน ก.ค.2550


ช่วงวันที่ 21-22 ก.ค.2550 นี้ จะมีกิจกรรมพบปะกับวิทยากร เชียงกูล สำหรับ
ผู้ที่สนใจ
โดยพบปะ พูดคุยกับตัวจริงเสียงจริงอย่างใกล้ชิด รายละเอียด โปรดติดตามที่
นี่ในเร็วๆนี้ครับ


เพลงดีใจที่มีวันนี้ ..เอิร์น เดอะสตาร์


ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ


ขอให้ทุกอย่างแคล้วคลาดไปด้วยดีเถิด
----------------------------------------------------
บทเพลง : ดีใจที่มีวันนี้ ..ขับร้องโดยเอิร์น เดอะสตาร์
http://www.geocities.com/earnthestar/
http://www.geocities.com/earnthestar/dj.htm
----------------------------------------------------
ดีใจที่มีวันนี้ ดีใจที่มีพอเพียง
ดีใจทีมีเธอข้างเคียง ทุกอย่างเป็นดั่งฝัน
พอใจที่อยู่ตรงนี้ มีรักและความผูกพัน
รอยยิ้มที่เรามีทุกวัน คือรางวัลของขวัญจากฟ้า


ตามรอยพ่อหลวง ใช้ชีวิตที่เพียงพอ
ก็บอกตัวเองเรื่อยมา


* ไม่ต้องไปฟุ้งเฟ้อ ไม่ต้องใช้ฟุ่มเฟือย
ชีวิตแม้จะเหนื่อย แต่ใจไม่อ่อนล้า
ความสุขอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องไปเสาะหา
อยู่กับลมกับฟ้ากับแสงดาว


** ดีใจที่มีวันนี้ สุขใดจะมีเทียมเท่า
ภูมิใจในแผ่นดินไทยของเรา ทุกย่างก้าวพวกเรามีพอเพียง


*, **
http://www.gmm-tv.com/board_more.php?cat_id=15


คอนเสิร์ตใหญ่อรวี สัจจานนท์

คอนเสิร์ต...
วันเสาร์-อาทิตย์ 27-28 ตุลาคม 50 นี้ เวลา 14.00 น.-17.00 น. (2 วัน วัน
ละรอบ)
หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
ถนนรัชดาภิเษก, กรุงเทพฯ

ราคาบัตรคาดไว้ว่าน่าจะเป็นราคานี้...
ยังไงเก็บตังค์เผื่อไว้ได้เลยเจ้าค่ะ...เหลือไว้ซื้อหนมกินได้อีก

2,000.-
1,500.-
1,000.-
800.-
500.-
สามารถดูรายละเอียดที่ http://www.orrawee.com/board/index.php

ที่มา http://www.gmm-tv.com/board_more.php?cat_id=15

อัลบั้มชุดใหม่ล่าสุดชุดที่ 2 " ก็ยังคิดถึง " จั๊กจั่น วันวิสา


สาวน้อยวัย 17 ปี จาก อ.ทุ่งศรีอุดม จ.อุบลราชธานี ค่ะ


จั๊กจั่น วันวิสา วันนี้เธอมาพร้อมกับอัลบั้มชุดใหม่ล่าสุดชุดที่ 2 " ก็
ยังคิดถึง "


ลูกทุ่งแนวใหม่ ที่มีกลิ่นอายร่วมสมัย ซึ่งได้นักแต่งเพลงมือทองหลายท่าน
ร่วมประพันธ์


อาทิ อ.วสุ ห้าวหาญ, อ.เสถียร ทำมือ และ อ.สิงห์เฒ่า ทุ่งขี้เหล็ก


เท่านั้นยังไม่พออัลบั้มชุดนี้ยังมีหลายบทเพลง เพราะๆ ซึ้งๆ ที่ถ่ายทอด
ผ่านน้ำเสียงใสๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว


ของสาวน้อยคนนี้ อาทิ เพลงเบอร์โทรคนเหงา , ไม่ได้แสร้งให้
สงสาร ,ก็ยังคิดถึง ฯลฯ


ขอฝากน้องสาวหล่าคนนี้ไว้ในใจแฟนเพลงทุกๆท่านอีกสัก
คนนะค่ะ


" จั๊กจั่น วันวิสา " กับผลงานอัลบั้มชุดใหม่ล่าสุด
ชุดที่ 2 " ก็ยังคิดถึง "


5 มิถุนายน นี้ วางแผงพร้อมกันทั่ว
ประเทศ ค่ะ sm02sm02


ที่มา http://www.orathaiclub.net/forum/viewtopic.php?id=664


เวบไซต์ของเจี๊ยบ เบญจพร ค่ะ

ฝากเว็บพี่เจี๊ยบ เบญจพรด้วยนะคะ ตอนนี้มีที่อยู่แน่นอนแล้วค่ะที่
http://www.lovejeab.com/ ค่ะ ไม่ย้ายแล้วจ้า

อาร์ สยาม เตรียมเปิดตัวอัลบั้มใหม่ กุ้ง สุธิราช และ ปีเตอร์

ช่วงนี้ ค่าย อาร์ สยาม เค้ามาแรงจริง ๆ เพราะนอกจากจะปั้นศิลปินหน้าใหม่
ให้ทยอยออกอัลบั้มกันเป็นว่าเล่นแล้ว ยังมีศิลปินเบอร์เก่าแต่เข้าใหม่ เต
รียมจ่อไมค์แจ้งเกิดอีกรอบ ประเดิมแบบเบาะ ๆ ด้วยการเปิดบ้านต้อนรับ ปี
เตอร์ โฟดีฟาย และ กุ้ง สุธิราช ซึ่งจะมีแถลงข่าวเปิดตัวพร้อมอัลบั้มอย่าง
เป็นทางการ ในวันที่ 20 มิถุนายน นี้ เวลา บ่ายโมง ณ บริษัท อาร์เอส
อาคารเชษฐโชติศักดิ์ 3 ชั้น 7 ...
ที่มา http://www.r-siam.com/news/news.php?n_id=00000000340&PHPSESSID=6b2c65...

เปิดตัวกลุ่มข่าวคนรักเพลงลูกทุ่ง

จาก blog คนรักเพลงลูกทุ่ง http://gotoknow.org/blog/luktung
ในตอนนี้ ได้ขยายบริการ เป็นกลุ่มข่าวคนรักเพลงลูกทุ่ง
เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการ รวบรวมข้อมูล ข่าวสารต่างๆของเพลงลูกทุ่งโดย
เฉพาะ
และพูดคุยกันแบบกันเอง หาเพื่อน มีอะไรดีๆก็บอกกันได้เด้อ

วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2550

บันทึกรัก ฯ : SMS ก่อนนอนคืนนี้


"คุณจ๋า ฉันจะนอนแล้วนะ ง่วงจังปวดหัวด้วย แต่ก็คิดถึงมากรู้มั้ย จะหลับและฝันว่าคุณอยู่ใกล้คอยดูแลฉัน"

23/06/2007 22.37 น.


กำลังมองหา blog ใหม่ของชมรม


กำลังมองหา blog ใหม่ของชมรม เพื่อให้ง่ายต่อการ update
และการจัดวางรูปแบบรายละเอียดต่างๆ
ตอนนี้คาดว่า คงจะลองใช้ที่ wordpress.com ดู
เพราะสามารถใส่รายละเอียดหลายอย่างได้มากเท่าที่ต้องการ
แม้ว่าจะไม่เท่ากับ blogspot ที่สามารถแทรก code html และ Javascrpit
ได้เลยก็ตาม
แต่คงต้องลองดูแล้วล่ะ


เพราะ gotoknow แม้จะดี แต่มีข้อจำกัดที่ให้แทรก code
ไำด้ในมุมด้านซ้ายมุมเดียวเท่านั้น


มูลนิธิ ณ กิตติคุณ

ที่มา http://weblog.manager.co.th/publichome/forgiven/

ถ้าจะพูดถึงโรงเรียนสอนศิลปะ-ดนตรี ในปัจจุบันนี้ พ่อแม่นิยมส่งเสริมลูกทางด้านนี้โดยมีการส่งลูกไปเรียนพิเศษในช่วงวันหยุดกันมาก สำหรับเด็กพิเศษบางคนเราจะพบพรสวรรคหรือศักยภาพในตัวเขาเหล่านั้นได้ หากมีคนที่เข้าใจเขา มุ่งให้ความรูความรัก และความเข้าใจเขาเหล่านั้น โดยผ่านกิจกรรมทางด้านดนตรี ศิลปะ และพลศึกษา

มูลนิธิ ณ กิตติคุณ ได้จดทะเบียนมูลนิธิในปี 2547 โดยมีคุณสนทนี สุขประเสริฐ (ครูปุ๊)
เป็นผู้จัดการมูลนิธิ ก่อนหน้านี้ครูปุ๊ได้สอนดนตรี (เปียโน) ให้กับเด็กปกติ และได้เห็นญาติของลูกศิษย์ที่เป็นเด็กพิเศษ ครูปุ๊จึงขออนุญาตผู้ปกครองขอสอนดนตรีให้เด็กพิเศษ... จนในปัจจุบันนี้ครูปุ๊มีประสบการณ์การทำงานกับเด็กพิเศษมาเป็นเวลากว่า 15 ปี

เมื่อสอนไปนานๆเข้า ครูปุ๊พบกับลูกศิษย์ที่มีอาการออทิสติก ดาวน์ซินโดรม สมองพิการ (ซีพี) แอลดี และกลุ่มพัฒนาการช้า เด็กแต่ละประเภทจะแตกต่างกัน พ่อแม่ที่พาลูกมาสมัครเรียนที่มูลนิธิ ณ กิตติคุณ ครูปุ๊ต้องคุยกับพ่อแม่ก่อนที่จะมีการสอน เพราะเด็กแต่ละคนจะมีระดับความบกพร่องแตกต่างกัน บางคนมีโอกาสไปได้ไกล บางคนจะช้าหน่อย เพื่อให้พ่อแม่เข้าใจ และไม่เอาลูกไปเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น...

เมื่อ 5 ปที่ผ่านมา ครูปุ๊สอนเด็กซีพี และสังเกตว่าเด็กคนนี้ท่าทางจะวาดรูปไดครูปุ๊จึงฝึกให้เด็กคนนั้นวาดรูปจากของจริงโดยดูเครื่องดนตรีที่อยู่ตรงหน้า และเห็นว่าเด็กทำได้ จึงได้ทดลองทำกับเด็กดาวน์ซินโดรมและออทิสติก ปรากฏว่าเด็กหลายคนมีความสามารถตรงนี้ในลักษณะที่มองของจริงและวาดภาพได้ ครูปุ๊จึงชักชวนเพื่อนให้มาสอนศิลปะคู่ขนานไปกับการสอนดนตรี...

จากการสอนนี้เองจึงทำให้เกิดชุมชนขึ้นระหว่างผู้ปกครอง เด็ก และครูปุจากจุดนี้ครูปุ๊ได้ทราบปัญหาของผู้ปกครองว่า เด็กบางคนยังอยู่ในโรงเรียน บางคนอยู่นอกระบบโรงเรียน และบางคนไม่มีที่เรียน ผู้ปกครองจึงปรารภกับครูปุ๊ว่า น่าจะทำเป็นชุมชนขึ้นมาจริงๆสำหรับน้องที่อายุตั้งแต่ 15 ปขึ้นไปที่ไม่มีสังคม ครูปุ๊จึงคิดก่อตั้งมูลนิธิ ณ กิตติคุณขึ้น

กลุ่มเด็กที่มาเรียนที่มูลนิธินี้ส่วนใหญ่อายุระหว่าง 11-12 ป กิจกรรมหลักๆ คือ ดนตรีศิลปะ พลศึกษา... เด็กออทิสติกได้รับการฝึกให้มีสมาธิในการเล่นกีฬาได้ในจุดหนึ่ง โดยต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกนานพอสมควร

การสอนให้เด็กแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ครูปุ๊จะมีครูผู้ดูและเป็นผู้ช่วย และเป็นตัวเชื่อมระหว่างครูผู้สอนกับเด็ก เด็กทุกคนจะมีสมุดประจำตัว แต่ละวันจะทราบว่าเด็กแต่ละคนได้รับการพัฒนาในด้านใดบ้าง เด็กที่จะมาร่วมกิจกรรมที่นี่จะมาตามความสะดวกของเด็กและผู้ปกครอง บางคนมาสัปดาห์ละ 1-2 วัน บางคนมาทุกวัน กลุ่มบุคลากรที่ทำงานที่มูลนิธินี้มีทั้งครูที่เรียนจบแล้ว กับครูที่กำลังเรียนในมหาวิทยาลัย ครูปุ๊อยากได้ครูใหม่ๆ ที่มีใจในการทำงานกับเด็กพิเศษ ครูของที่นี่จะทำงานได้สะดวกใจเพราะมีครูผู้ช่วยคอยช่วยดูแลอยู่ ผู้ดูแลเด็กจะเข้าใจในตัวเด็ก ว่าเด็กรู้สึกอย่างไร เด็กไม่เข้าใจตรงไหน ทำให้ครูผู้สอนไม่รู้สึกหนักใจ...

ก่อนสอนจะมีการคุยกันก่อนสอนว่า เด็กแต่ละคนเป้าหมายได้แค่ไหน เด็กแต่ละคนมีความบกพร่องที่แตกต่างกัน หน้าที่ของมูลนิธิคือ ช่วยแก้ไขข้อบกพร่องนั้นๆ

ก่อนที่ผู้ปกครองจะพามาฝึกศิลปะ-ดนตรีที่นี่ หากเด็กได้ผ่านการปรับพฤติกรรมก่อน ก็จะช่วยให้ลูกเรียนได้มากขึ้น เมื่อถามถึงความสำเร็จที่ได้ทำงานด้านนี้... ครูปุ๊เล่าว่า เด็กออทิสติกที่อยู่ไม่นิ่ง เมื่อได้รับการฝึกให้ทำงานด้านการฝีมือ ในกลุ่มเด็กออทิสติกซึ่งไม่มีสมาธิในการทำงานที่ละเอียด ถือว่ายากมาก... วันนี้เด็กๆเหล่านั้นสามารถทำเองได้ บางคนพัฒนาการพูดจากการเรียนศิลปะ ปกติไม่พูดแต่พอเรียนศิลปะจะพูดขณะที่เรียน บางคนเคยทำร้ายตัวเอง จะลดการทำร้ายตัวเองลง จุดนี้เองที่ครูปุ๊ถือว่าเธอประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเด็กในระดับหนึ่ง การเล่นดนตรีการอ่านโน๊ตสำหรับเด็กพิเศษจะเป็นสิ่งที่ยาก แต่ถ้าเล่นให้เขาฟังแล้วร้องให้เขาฟัง เด็กบางคนสามารถเล่นตามได้เอง ทำให้ครูปุ๊ค้นหาได้ว่าเด็กแต่ละคนมีพรสวรรค์ในด้านใด และจะส่งเสริมเขาทางด้านใด

บางคนอาจชอบการร้องเพลง เช่น เด็กออทิสติกบางคนที่ไม่พูด ครูปุ๊จะแต่งเพลงสั้นๆ (เอ๊ะ เจอกันอีก โอ๊ะ เจอกันอีก วันนี้อากาศดีนะ) ที่มีเพียงไม่กี่คำ และสอนให้เด็กจนร้องไดเด็กอาจจะไม่เข้าใจความหมายที่ร้องในช่วงแรกๆ แต่ครูปุ๊เชื่อว่าต่อไปเขาจะเข้าใจได้ ความสำเร็จคือเด็กยอมเปล่งคำ และเปล่งเสียงได้ถูกต้อง จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ครูปุ๊พยายามค้นหาว่า จากที่เด็กพูดออกมาโดยอาจจะยังไม่เข้าใจความหมายในช่วงแรก ทำอย่างไรให้พัฒนามาเป็นการสื่อสารกันให้ได้ นี่คือโจทย์ที่ครูปุ๊กำลังค้นหาคำตอบ และยังสนุกกับงานที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ การต้องแก้ปัญหาต่างๆเหล่านี้ทำให้ครูปุ๊รู้สึกอยู่เสมอว่า อยากทำต่อไปเรื่อยๆ ครูปุ๊บอกว่ารู้สึกสนุกที่ได้ทำงานและได้แก้ปัญหากับเด็กแต่ละคน

ถามว่าเคยท้อในการทำงานไหม ครูปุ๊บอกว่าเด็กบางคนสอนยากมาก ถึงขนาดอยากจะกราบเด็กว่าทำไมไม่ทำให้ครูปุ๊ทำได้ก็มี แต่ไม่รู้สึกท้อ... ครูปุ๊บอกว่า ทุกวันที่ทำไม่ได้ทำเพื่อตนเอง หากไม่ได้กำลังใจจากพระเจ้าคงไม่สำเร็จ วันที่เริ่มต้นจะทำงาน เธอขอความรักจากพระเจ้า ครูปุ๊บอกว่าแล้วอย่างอื่นจะตามมาเอง ในพระคัมภีร์บอกว่ารักนั้นก็อดทนนาน และเป็นความอดทนที่มีความสุขในการอดทน ตรงจุดนั้นเป็นไฟของครูปุและเธอไม่อยากให้ไฟตรงนี้มอดไป เธอได้ให้กำลังใจกับกลุ่มที่ทำงานเพื่อคนพิการว่า...

“การที่เรามาอยู่ตรงจุดนี้เป็นโอกาสที่เราจะรักมากกว่าที่เคยเป็น เราไม่ได้รักคนที่ตอบแทนเราไดเราไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะรักเราแค่ไหน หรือว่าพ่อแม่เด็กจะพอใจเรามั๊ย แต่มันเป็นความรักที่บอกว่า อย่างไรก็รัก มันไม่มีเงื่อนไข ถึงคุณจะกัดฉันฉันก็ยังรักคุณ ถึงคุณจะทุบฉันฉันก็ยังรักคุณได้... ถึงคุณพ่อคุณแม่ก็ตาม ครูปุ๊อยากจะบอกว่าคุณมีโอกาสที่จะรักมากกว่าที่พ่อแม่คนอื่นรักไดนั่นคือความงามของชีวิต แม้ว่าจะเป็นอุปสรรคของชีวิต”

ครูปุ๊บอกว่าผ่านผู้ปกครองมาจำนวนมาก หลายคนอยากฆ่าตัวตาย หลายคนทนไม่ไหว หลายคนหย่าร้างกันเพราะลูกเป็นเหตุ ใครก็ตามที่ยังอยู่กับลูก ครูปุ๊บอกว่าคุณยังมีโอกาสตรงนี้ที่จะรัก อย่าไปฟังใครที่บอกว่าคุณทำได้ไม่ดีที่สุด แต่ละคนทำได้ดีที่สุดในจุดของคุณเองเท่านั้น ไม่สามารถที่จะทำเหมือนกับคนอื่นไดแต่ทำให้ดีที่สุดสำหรับลูกของคุณ...

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุด คืออย่าบอกว่าลูกโง่ อย่าว่าลูก แต่ให้กำลังใจลูกเสมอเมื่อลูกทำได้ดี ให้กำลังใจทันที เด็กจะเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง ศิลปะและดนตรีทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองได้ในเวลาอันสั้น ฉะนั้น การสร้างความมั่นใจในตัวเองจึงเกิดได้เร็ว เด็กจะมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นและเริ่มวาดภาพ เด็กจะไม่รู้สึกกลัว และเป็นความรู้สึกว่าเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้คนอื่นรับเขาไดทั้งชีวิตไม่มีอะไรที่คนในสังคมรับเขาได้เลย แต่ในเชิงศิลปะมีคนรับเขาไดและชื่นชมด้วยเมื่อเด็กเต้นได้ถูกต้อง เต้นได้ถูกจังหวะ ในเรื่องของกำลังใจ ตัวเราเองยังต้องการกำลังใจ เด็กพิเศษเขาต้องการมากกว่าเรา...

ปัจจุบัน โรงเรียน ณ กิตติคุณ กลายเป็นโรงเรียนเฉพาะเด็กพิเศษ ตั้งอยู่ที่ 356 ถนนศรีอยุธยา พญาไท กรุงเทพฯ โทร. 02-640 1860

ที่มา : สัมภาษณ์ คุณสนทนี สุขประเสริฐ ผู้จัดการมูลนิธิ ณ กิตติคุณ
ในรายการวิทยุเพื่อคนพิการ

ขออนุโมทนา ...



สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา (บ้านเฟื่องฟ้า) เป็นหน่วยงานของรัฐ รับผิดชอบในการอุปการะเลี้ยงดูเด็กอ่อนพิการทุกประเภท ทั้งชายและหญิง อายุแรกเกิด ถึง 7 ปี หรืออาจจะมากกว่านี้ หากจำเป็นต้องได้รับการดูแล หรือพัฒนาก่อนที่จะย้ายเข้ารับการสงเคราะห์ในสถานสงเคราะห์เด็กพิการต่างๆ ตามสภาพความพิการต่อไป

ก่อนตั้งสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา (บ้านเฟื่องฟ้า) กลุ่มผู้เข้ารับบริการที่เป็นเด็กอ่อนพิการ ได้รับการเลี้ยงดูร่วมกับเด็กอ่อนปกติที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด... ต่อมาปัญหาเด็กอ่อนพิการเริ่มมีปริมาณเพิ่มขึ้น ทำให้การเลี้ยงดูเด็กอ่อนปกติร่วมกับเด็กอ่อนพิการมีความยากยิ่งต่อการให้บริการ เพราะเด็กอ่อนพิการจำเป็นต้องให้การดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษเนื่องจากสภาพความพิการของเด็ก กรมประชาสงเคราะห์จึงได้แยกการปฏิบัติงานออกจากสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด โดยยืมอาคารของสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด ชื่ออาคารกรรณิการ์ มาเป็นอาคารนอนของเด็กอ่อนพิการและใช้เป็นสำนักงานด้วย โดยเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 ระยะแรกมีเด็กในความอุปการะประมาณ 30-50 คน ต่อมามีจำนวนเด็กอ่อนพิการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงได้สร้างอาคารต่างๆเพิ่มขึ้นในเนื้อที่ 15 ไร่

วิสัยทัศน์: " เด็กๆสดใส ผู้ใหญ่สร้างสรรค์ มุ่งมั่นพัฒนา "

ภารกิจ:
ให้บริการขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต
ให้การพัฒนา และฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย
ให้การส่งเสริมพัฒนาการ และเตรียมความพร้อมทางการศึกษา
ให้บริการทางสังคมสงเคราะห์ และจิตวิทยา
ส่งเสริม สนับสนุน ให้เครือข่ายต่างๆมีส่วนร่วมในการทำงาน

วัตถุประสงค์: ให้การอุปการะเด็กอ่อนพิการทั้งชาย-หญิง อายุแรกเกิดถึง 7 ปี ที่กำพร้าถูกทอดทิ้ง พลัดหลง ครอบครัวประสบปัญหาเดือดร้อน

เป้าหมาย: เด็กอ่อนพิการทุกประเภททั้งชายและหญิง อายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 7 ปี ที่ประสบปัญหาเดือดร้อน

สนับสนุนการดำเนินงานโดยบริจาคเงินและสิ่งของได้ที่...
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญาบ้านเฟื่องฟ้า
เลขที่ 78/9 หมู่ 1 ถนนติวานนท์ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 * ได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ เวลา 8.30 น. – 16.30 น.*

บริจาคโอนเงินเข้าบัญชี "มูลนิธิสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา"
เลขที่บัญชี 123-1-18770-0 ประเภทออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาปากเกร็ด

กรณีโอนเงิน กรุณาส่งสำเนาใบฝากเงินพร้อมชื่อที่อยู่ของท่านมายังมูลนิธิฯ หรือสถานสงเคราะห์ฯ หรือโทรศัพท์แจ้งให้ทราบด้วย เพื่อจะได้ส่งใบสำคัญรับเงินให้ท่านต่อไป

สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อใช้ในการดำเนินงานเพื่อเด็กพิการ
1. อาคารนอนเด็ก (ค่าก่อสร้าง 4.2 ล้านบาท/อาคาร) เพื่อลดความแออัดและเหมาะสมกับเด็ก พักอาศัยได้ประมาณ 70 คน มีห้องพัฒนาการเด็ก มีระเบียงให้เด็กได้ใช้ประโยชน์

2. บ้านพักเจ้าหน้าที่ (ค่าก่อสร้าง 7.6 ล้านบาท/หน่วย) เพื่อขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ได้มีบ้านพักภายในสถานสงเคราะห์ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าและเดินทาง สามารถทำงานให้กับสถานสงเคราะห์ได้แม้เป็นวันหยุด

3. ต่อเติมอาคารพยาบาล เนื่องจากมีเด็กป่วยต้องดูแลใกล้ชิดเป็นจำนวนมาก การต่อเติมอาคารเป็นอาคารชุด 4 ชั้นๆละ 4 ห้อง รวม 16 ห้อง โดยต้องใช้ค่าใช้จ่ายประมาณ 2.7 ล้าน ซึ่งในขณะนี้ได้มีงบประมาณแล้วประมาณ 2 ล้านบาท

4. งบประมาณในการจ้างเจ้าหน้าที่ นักกายภาพบำบัด ครูพัฒนาการเด็ก พี่เลี้ยง ซึ่งขณะนี้มีลูกจ้างชั่วคราว 65 คน

วัสดุและเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆที่ต้องการเพื่อใช้ในการดำเนินงานเพื่อเด็กพิการ
ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ของเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 7 ปี (ต้องการจำนวนมาก)
อาหารเสริมชนิดชง สำหรับเด็กเล็กพิการที่ไม่สามารถรับประทานอาหารปกติได้ ต้องให้อาหารเหลวทางสายยาง

วัสดุสิ่งของที่ขาดแคลนและต้องการโดยเร่งด่วน
ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ทุกขนาด (จำนวนมาก)
แผ่นรองซับสำเร็จรูป ขนาดใหญ่ (จำนวนมาก)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญาบ้านเฟื่องฟ้า เลขที่ 78/9 หมู่ 1 ซอยติวานนท์ 1 ถนนติวานนท์ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 โทร. 02-583 6815, 02-583 4000, 02-583 4031 หรือ โทรสาร. 02-583 4000

ขออนุโมทนา ...

เปิดเวบไซต์ของชมรมคนรักวิทยากร เชียงกูลแล้วครับ


คนรักผลงาน อ.วิทยากร เชียงกูลได้จัดทำเวบไซต์ไว้ที่ gotoknow
http://gotoknow.org/blog/witayakorn
* บทความต่างๆ
* ประวัติอ.วิทยากร เชียงกูล
* ข่าวสารจากสมาชิก


เรื่องซึ้งๆ ของคุณยาย (จาก FFw mail)








เรื่องของคุณยายมีอยู่ว่า.....

คืนนั้นฝนตก อากาศหนาวเย็นเหลือเกิน ขณะที่ฉันกำลังยืนรอรถประจำทางอยู่คนเดียว รถประจำทางคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดตรงป้ายที่ดิฉันยืนอยู่
หญิงชราคนหนึ่งค่อยๆ ตะเกียกตะกายลงจากรถแล้วเดินตรงมาทางที่
ดิฉันยืนอยู่อย่างเชื่องช้า ....


" แม่หนู .... รถประจำทางคันต่อไป จะมาถึงเมื่อไหร่จ๊ะ ? ....." หญิงชราผู้นั้นถามดิฉัน ดิฉันจึงถามแกว่า


" แล้วคุณยายจะไปรถสายไหนล่ะคะ " พอแกบอกดิฉันๆก็อุทานเสียงดังลั่น " อ้าว ..... ก็คุณยายเพิ่งลงมาจากรถคันนั้นเมื่อกี้นี่เองนี่คะ "


" เอ้อ ....." หญิงชราตอบตะกุกตะกักอย่างอายๆ " คือว่า ...บนรถคันเมื่อกี้นี้ มีชายหนุ่มพิการคนหนึ่งขึ้นมา แต่ไม่มีใครลุกให้เขานั่งเลย ยายรู้ว่า ถ้าคนแก่ๆ อย่างยายลุกให้เขานั่ง เขาคงจะอายแน่ๆ ยายเลยทำเป็นว่าจะลงเสียที่นี่ พอยายกดกริ่งให้รถจอด เขาก็เดินมานั่งตรงที่ยายได้โดยไม่ต้องอึดอัดใจ ส่วนยายก็ ... เอ้อ ...... รถประจำทางมันมีเสมอไม่ใช่หรือจ๊ะ แม่หนู ......."



วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2550

การประยุกต์ใช้งานอินทราเน็ตและเอ็กทราเน็ตเพื่อสนับสนุนการค้าบนเวบ (Intranet/Extranet)


ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่าระบบอินทราเน็ตและเอ็กทราเน็ตคืออะไร? และมันเกี่ยวโยงอะไรกับอินเทอร์เนต?


ตามความหมายแล้ว ทั้งสองระบบนี้ หมายถึง ระบบเครือข่ายที่สร้างขึ้นจากการนำหลักการหรือระบบการทำงานของอินเทอร์เนตมาใช้งานภายในองค์กร (Intranet) และระหว่างองค์กรเฉพาะกลุ่ม (Extranet) ซึ่งหน้าที่ต่างๆในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นเรื่องเว็บบราวเซอร์ การรับ-ส่งอีเมล์ การทำการโอนย้ายแฟ้มข้อมูล (FTP) จะเหมือนกันกับที่ใช้อยู่บนระบบอินเทอร์เน็ตปกติ ซึ่งระบบนี้ทำงานด้วยการตั้งอินทราเน็ตเซิร์ฟเวอร์ขึ้นมาภายในองค์กรหรือศูนย์กลางของกลุ่มองค์กรของเรา เช่น ระหว่างบริษัทของเรากับกับกลุ่มตัวแทนจำหน่าย เป็นต้น



อินทราเน็ต/เอ็กทราเน็ต สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานภายในองค์กร และระหว่างองค์กรได้มากมายหลายรูปแบบ โดยสามารถใช้ร่วมหรือทดแทนเครือข่ายหรือระบบ LAN เดิม ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกันก็คือ การรับ-ส่งข้อมูลในลักษณะแบบกราฟฟิก และ มัลติมีเดีย เช่น การใช้งานในการสร้างแฟ้มประวัติบุคคล ก็สามารถที่จะใส่ภาพบุคคล กิจกรรม สถิติที่เป็นกราฟสี หรือหากใช้ในการควบคุมสต๊อกก็สามารถแสดงภาพสีของสินค้า หรือ ชิ้นส่วนได้ทุกชิ้น ทำให้มีความแม่นยำในการควบคุมและเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น เมื่อเทียบกับระบบ LAN ดั้งเดิม ต่อไปนี้เป็นบางตัวอย่างของการใช้ประโยชน์จากระบบ อินทราเนต/เอ็กทราเน็ตจากประสบการณ์การทำงานของทีมงานบริษัทแห่งหนึ่ง ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ มีดังนี้ คือ



  1. ใช้เป็นระบบกระจายอีเมล์ภายใน : ระบบนี้ใช้ตู้อีเมล์กลางบนระบบอินเทอร์เนตเพียงตู้เดียวในรูปของ ชื่อพนักงานแต่ละคน@yourcompany.com และการเปิดตู้และส่งอีเมล์จะสามารถทำงานได้เองโดยอัตโนมัติตามเวลาที่ตั้งไว้ได้โดนอินทราเน็ตเซิร์ฟเวอร์จะทำการต่อโมเด็มเข้าสู่ระบบอินเทอร์เนตเองเมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้ และเมื่อทำการรับ-ส่งอีเมล์เรียบร้อยก็จะยกเลิกการเชื่อมต่อทันที ทำให้ประหยัดเวลาการใช้งาน หลังจากนั้น เครื่องก็จะทำหน้าที่กระจายอีเมล์ที่ได้รับจากตู้กลางเข้าสู่ตู้อีเมล์ภายใน โดยตรวจสอบชื่อที่อยู่หน้าเครื่องหมาย @ ของอีเมล์แต่ละฉบับ ซึ่งวิธีนี้เองที่เราสามารถส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าบนเว็บแล้วกระจายไปยังฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ

  2. ใช้สนับสนุนระบบ Back Office: เป็นการเชื่อมต่อเว็วเซิร์ฟเวอร์ในระบบอินทราเน็ตเข้ากับอินทราเน็ตเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ภายในสำนักงานให้ทำงานประสานกัน เพื่อสนับสนุนกิจกรรมอีคอมเมิร์ซในส่วนจัดการระบบ Back Office เช่น การรับคำสั่งซื้อ บริหารคำสั่งซื้อ เบิกจ่ายสินค้าคงคลัง บันทึกผลงานของสมาชิกหรือตัวแทนขาย หรือแม้แต่ต่อเชื่อมเข้าสู่ระบบวางแผนการผลิต

  3. ใช้กับ Off-line Catalog : ในกรณีที่ท่านมีสินค้าจำนวนมาก การจัดพิมพ์แคตาล็อคตามปกติคงจะเป็นเรื่องที่ลำบาก เพราะเสียค่าใช้จ่ายสูง และถ้าต้องส่งให้ ผู้ค้าปลีกของท่านด้วยก้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง แต่ครั้นจะจัดทำในรูปของเวบเพจก็อาจจะมีปัญหาที่ปริมาณข้อมูลมากเกินไป และเสียเวลาในการเปิดดู หรือ ดาวน์โหลดข้อมูลจากระบบอินเทอร์เนต ฉะนั้นทางแก้หนึ่งก็คือ จัดทำเป็น CD-Rom เพื่อใช้ในการเปิดชม Offline ในร้านหรือโชว์รูม แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมัปัญหาในเรื่องการอัพเดทข้อมูล ฉะนั้น วิธีหนึ่งที่ทำได้ก็คือ การจัดสร้างระบบผสมกับระบบเอ็กทราเนต โดยเริ่มจากการถ่ายข้อมูลจาก CD-ROM ลงในฮาร์ดดิสก์และเมื่อต้องการทำการอัพเดทก็สามารถกระทำผ่านระบบเอ็กทราเนตได้โดยตรงและอาจจะหมายรวมถึงการบริหารการซื้อ-ขายของผู้ค้าปลีกผ่านระบบนี้ได้อีกด้วย

  4. ใช้เอ็กทราเน็ตบริหารงานขายและการจัดจำหน่ายของผู้ค้าปลีก : เช่น ให้ตัวแทนของท่านสั่งซื้อสินค้า แจ้งรายการโปรโมชั่น ติดตามผลการขาย เปิดหน้าร้านร่วมกันบนระบบอินเทอร์เน็ต หรือใช้ระบบ Online Catalog ร่วมกัน เป็นต้น

  5. ใช้เอ็กทราเน็ตสนับสนุนการจัดส่งสินค้า: ระบบนี้จะทำให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าบนระบบออนไลน์ได้ และสามารถส่งคำสั่งซื้อที่ได้ไปยังระบบเอ็กทราเน็ตของผู้ค้าปลีกเพื่อให้ตัสแทนที่อยู่ในพื้นที่นั้นจัดส่งสินค้าให้เลย ด้วยระบบนี้เราอาจจะเช็คก่อนก้ได้ว่า ตัวแทนรายใดมีสินค้าอยู่ในสต๊อกหรือไม่? หากไม่มีก็อาจโอนไปให้ตัวแทนรายอื่นในพื้นที่ใกล้เคียงทำการจัดส่งแทน

  6. ระบบการกระจายรายงานขายผ่านระบบอินเทอร์เนต: เป็นการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายภายในองค์กร เพื่อให้ทำการกระจายรายงานผลการขาย หรือ รายงานด้านการค้าต่างๆไปยังสมาชิกหรือบริษัทในเครือโดยอัติโนมัติโดยอาศัยระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจจะเป็นการส่งรายงานนั้นเข้าสู่อีเมล์ของลูกค้า หรือออกรายงานในรูปของ HTML บนเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่ทางลูกค้าสามารถจะค้นหาดูได้เลย

  7. การประมวลผลคำสั่งซื้อหรือ Enquiry Form: ใช้วิธีการเชื่อมต่อข้อมูลจากเว็บเซิร์ฟเวอร์ในระบบอินเทอร์เน็ตเข้ามายังระบบเครือข่ายภายในเพื่อนำไปสู่การประมวลผลโดยตรง ซึ่งในแต่ละขั้นตอนสามารถทำงานเชื่อมต่อกันโดยอัติโนมัติ


ข้างต้นนี้เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของการประยุกต์ใช้ระบบอินทราเน็ต/เอ็กทราเน็ตเท่านั้น ในการออกแบบระบบจริงนั้นจำเป็นจะต้องปรับยืดหยุ่นตามความต้องการหรือปัญหาทางธุรกิจของท่านและสามารถที่จะต่อเติม หรือใช้ร่วมกับระบบเครือข่ายเดิมที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งต้องเรียนว่า การประยุกต์ใช้งานเหล่านี้ มันไม่รู้จบนะครับ !


นำมาจากบทความถ่ายทอดประสบการณ์ โดย วัชรพงศ์ ยะไวทย์






Technorati : , , , , , ,

บันทึกรัก ฯ : SMS ในวันที่เหน็ดเหนื่อย


"คุณจ๋า เหนื่อยจังเลย แต่คิดถึงคุณมากกว่า ฉันง่วงจังเลยอยากนอนซุกอกอุ่นๆของคุณน่ะ งั้นคืนนี้ขอฝันว่าฉันนอนอยู่ข้างๆคุณนะคะ"


22/06/2007 20.41


วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2550

บันทึกรัก ฯ : เมื่อคืนเหนื่อยมั้ย?


เมื่อเขาและเธอโทรศัพท์หากัน มักจะมีคำทักทายที่คุ้นเคย
สวัสดี เป็นยังไงมั่ง...


แต่คราวนี้มาแนวใหม่


"สวัสดี เมื่อคืนเหนื่อยมั้ย"
ทำเอาเขารู้สึกงง เหนื่อยอะไรกัน ไม่ได้ไปออกแรงที่ไหนสักหน่อย


"ก็เห็นวิ่งมาหาฉันทั้งคืน จากจังหวัดคุณมาที่จังหวัดฉัน"


เธอฝันถึงเขา ในฝัน ฝันว่าเขามาหาเธอ เช้านี้จึงทักทายว่า เขาเหนื่อยหรือเปล่า


เขาฟังจนเข้าใจแล้ว ได้แต่อมยิ้ม แหม นึกว่าดูละครกาษานาคาแล้ว อินกับละครอย่างแรง
นึกว่า ตัวเองเป็นวาดจันทร์ นางเอกละครซะอีก
เมื่อคืน ในละครเป็นตอนที่พระเอกกับนางเอกแต่งงานกันซะด้วยสิ


แหม แบบนี้เธอคงจะคิดถึงเขาตลอดทั้งคืนจนเหนื่อยเหมือนกันรึเปล่าหนอ

โอเมก้า – 3 ในปลาให้คุณค่าสารอาหารจริงหรือ?/รศ.พญ.ปรียานุช แย้มวงษ์ อายุรแพทย์,ผศ.พญ.นฤมล เด่นทรัพย์สุนทร กุมารแพทย์
















โดย ผู้จัดการออนไลน์21 มิถุนายน 2550 08:36 น.

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000071770



























พ ูดถึง โอเมก้า-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ผู้คนให้ความสนใจไม่น้อย เพราะกระแสในปัจจุบัน โอเมก้า-3 เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกลุ่มคนในแถบเมืองหลวงมีความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ





















น้ำมันปลา ซึ่งประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 เริ่มเป็นที่สนใจมากว่า 20 ปี เมื่อมีข้อมูลว่า ชาวเอสกิโม ที่บริโภคปลาในปริมาณสูง จะมีปัญหาเส้นเลือดอุดตันน้อย ระดับไขมันในเลือดต่ำ และการเกาะตัวของเกล็ดเลือดน้อยกว่าชาวเดนมาร์กซึ่งกินเนื้อสัตว์มากกว่า นอกจากนี้ ยังพบว่าชาวญี่ปุ่นในหมู่บ้านชาวประมง ที่บริโภคปลาในปริมาณมาก จะมีโรคหลอดเลือดหัวใจ การเกาะตัวของเกล็ดเลือดและความหนืดของเลือดน้อยกว่าชาวญี่ปุ่นในหมู่บ้านเล ี้ยงสัตว์

กรดไขมันโอเมก้า-3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร กรดไขมันโอเมก้า-3 ที่สำคัญมี 2 ชนิด ได้แก่ EPA ( EICOSAPENTAENOIC ACID ) และ DHA ( DOCOSAHEXAENOIC ACID ) พบได้ในน้ำมันจากปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งจะมีไขมันที่เรียกว่า FISH OIL หรือน้ำมันปลา (มิใช่น้ำมันตับปลา) ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล ส่วนปลาทะเลของไทย ที่มีปริมาณกรดไขมันโอเมก้า - 3 พอประมาณ ได้แก่ ปลาทู ปลาโอ ปลากะพง ปลาเก๋า และ ปลาอินทรี เป็นต้น ปลาน้ำจืดบางชนิดก็มีกรดไขมันโอเมก้า-3 บ้าง เช่น ปลาช่อน ปลานวลจันทร์ นอกจากนี้กรดไขมันแอลฟ่าไลโนเลนิค ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของกรดไขมัน EPA และ DHA ยังมีอยู่ในน้ำมันจากเมล็ดธัญพืชบางชนิด เช่น น้ำมัน Flaxseed น้ำมันวอลนัท น้ำมันแคโนลา และน้ำมันถั่วเหลือง

ความสำคัญของกรดไขมันโอเมก้า-3 ชนิด DHA ในเด็กคือ มีผลต่อการเจริญเติบโตของสมองและจอประสาทตาของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนก่อนคลอด มีความสัมพันธ์ระหว่างการขาด DHA และอาการของโรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder : ADHD) โดยเด็กที่มีระดับ DHA ต่ำ จะมีปัญหาด้านพฤติกรรม อารมณ์ การนอนและการเรียนรู้มากกว่าเด็กกลุ่มที่มีระดับ DHA ปกติ และเมื่อได้รับ DHA เสริมอาการต่างๆ จะดีขึ้น

ส่วนในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุนั้น กรดไขมันโอเมก้า-3 ชนิด EPA จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ โดยลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือดและลดการหดตัวของหลอดเลือด ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ยากขึ้น ลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดและเพิ่มระดับ HDL-cholesterol ซึ่งเป็นไขมันชนิดดี ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดได้

นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม จากงานวิจัยของ National Institute of Public Health and the Environment ประเทศเนเธอร์แลนด์ พบว่าคนที่บริโภคปลาอย่างสม่ำเสมอ เมื่ออายุมากขึ้น ความจำจะลดน้อยกว่าคนที่บริโภคปลาน้อยและใช้น้ำมันพืชมาก และสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจมากในปัจจุบันนี้คือ กรดไขมันโอเมก้า - 3 สามารถชะลอหรือป้องกันการเจริญของเซลล์มะเร็ง มีข้อมูลทางระบาดวิทยาว่า ชาวเอสกิโม และชาวเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งบริโภคปลามาก จะมีอุบัติการณ์ของมะเร็งต่ำ และมีข้อมูลในสัตว์ทดลอง เช่น หนู แสดงให้เห็นว่า กรดไขมันโอเมก้า - 3 สามารถลดการเจริญของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากและเต้านมได้





















จากคุณประโยชน์ของกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีอยู่ในน้ำมันปลา ทำให้มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทน้ำมันปลาเกิดขึ้นมากมาย อย่างไรก็ตามต้องคำนึงถึงข้อควรระวังดังนี้

1. ทำให้เลือดออกง่าย โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่รับประทานยาแอสไพรินเป็นประจำ
2. เพิ่มสารอนุมูลอิสระจากไขมัน (Lipid peroxide) ในระยะยาวอาจส่งเสริมการเกิดโรคหัวใจขาด
เลือด มะเร็ง และชราภาพ ถ้าร่างกายไม่ได้บริโภคสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) อย่างพอเพียง
3. เพิ่มความต้องการวิตามินอี โดยเฉพาะน้ำมันปลาที่ไม่มีการเติมวิตามินอี
4. มีกลิ่นคาวปลา

อ ันตรายในระยะยาวของการบริโภคน้ำมันปลายังไม่เป็นที่ทราบชัดเจน ดังนั้น จึงควรพิจารณาระหว่างผลดีที่อาจจะได้ และผลเสียที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทน้ำมันปลา จึงควรอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ เพื่อความปลอดภัย ควรบริโภคปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ หากท่านสนใจในรายละเอียด ติดตามได้ในงานวันประมงน้อมเกล้าฯ


เปิดตัวก้าวใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม "MBlog"กับโครงการ"จากบล็อกสู่บุ๊ก"
















โดย ผู้จัดการออนไลน์20 มิถุนายน 2550 20:01 น.






























































คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น








































เป็นเวลานานกว่า 3 ปีแล้วที่ชื่อของเอ็มบล็อก (MBlog) พื้นที่อิสระที่เปิดสำหรับคนเล่นเน็ตบนเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ได้เข้ามาเข ียนบทความ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างหลากหลายเปิดให้บริการ ถึงวันนี้ เอ็มบล็อกได้กลายเป็นอีกส่วนหนึ่งซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อการก้าวไปสู่การสร้ างคอมมูนิตี้ หรือชุมชนออนไลน์อีกแห่งหนึ่ง ด้วยจำนวนสมาชิกที่เพิ่มสูงขึ้น และบทความจากสมาชิกที่เขียนได้อย่างน่าสนใจ ทำให้ในปัจจุบัน ชุมชนคนเล่นบล็อกแห่งนี้ มีค่าเพจวิว (Page View) หรือจำนวนครั้งที่เว็บเพจนั้นถูกเรียกชมจากผู้เยี่ยมชม ไม่ต่ำกว่า 180,000 ครั้งต่อวัน (อ้างอิงจากทรูฮิต)

นิรันดร์ เยาวภาว์ เว็บมาสเตอร์ผู้จัดการออนไลน์เล่าให้เราฟังว่า "บริการเอ็มบล็อกในช่วงแรกจะเน้นที่ความเรียบง่ายเป็นหลัก ซึ่งในการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2547 เรามีผู้สมัครสมาชิกมากพอสมควร แต่สำหรับบริการใหม่ที่จะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ ทีมงานได้ออกแบบให้มีความสวยงามมากขึ้น และจัดให้มีหน้าเว็บเพจหลักของเอ็มบล็อกเพิ่มขึ้นมา ที่ weblog.manager.co.th เพื่อใช้เป็นพื้นที่แนะนำบทความที่โดดเด่น หรือใช้จัดแสดงบทความที่มีการอัปเดตล่าสุด รวมถึงให้ผู้ดูแลบล็อกได้ใช้ติดต่อสื่อสารกับนักเขียนบล็อกทั้งหลายได้ด้วย"

นิรันดร์ยังได้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับ บริการเอ็มบล็อกด้วยว่า นอกเหนือความสวยงาม ทีมงานยังได้เพิ่มเติมในส่วนของสมาชิกพิเศษ ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงในแวดวงต่าง ๆ ทั้งวงการการเมือง สังคม รวมถึงวงการบันเทิงมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบนเอ็มบล็อกด้วย ซึ่งตอนนี้ผู้ที่ตอบรับเป็นสมาชิกพิเศษแล้วก็คือ คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ นั่นเอง

ในจุดนี้ สุวิชชา เพียราษฎร์ บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันและเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์มองว่า " กลุ่มคนเขียนบล็อกของผู้จัดการออนไลน์จัดเป็นกลุ่มที่มีการศึกษาค่อนข้างสูง นั่นคือประโยชน์ข้อแรกที่คนอ่านบล็อกของเราจะได้รับ หลายคนเป็นนักธุรกิจ เป็นผู้บริหาร และมาเขียนบทความเกี่ยวกับสิ่งที่เกี่ยวข้องในสายอาชีพของเขา ผู้อ่านของเราจึงได้รับทราบข้อมูลจากผู้ที่มีประสบการณ์จริง บางคนติดตามจนเป็นแฟนประจำ มีการตั้งกลุ่มแฟนคลับ พบปะสังสรรค์กับนักเขียนที่ตนเองชื่นชอบ ซึ่งในจุดนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในการสร้างชุมชนออนไลน์ระดับหนึ่ง"

จ ากสถิติของทรูฮิต (ผู้ให้บริการตรวจสอบสถิติการเยี่ยมชมเว็บไซต์) พบว่า ค่าเฉลี่ยผู้เข้าเยี่ยมชมบริการเอ็มบล็อกในปี 2548 - 2549 เท่ากับ 2,787,590 ครั้ง (จำนวนคลิก) ขณะที่จำนวนผู้เปิดบล็อกในบ้านแห่งนี้มีแล้วทั้งสิ้น 4,200 หลังคาเรือน (ตัวเลขล่าสุด ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2550)

ขออธิบายเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ห่างเหินจากชุมชนบล็อก แรกเริ่มเดิมที ที่มาของคำว่าบล็อก (Blog) มาจากคำว่า "Weblog" (เว็บบล็อก) ต่อมาได้ถูกย่อลงสั้น ๆ ว่าบล็อก การให้บริการบล็อกเปรียบเสมือนการเปิดพื้นที่บนอินเทอร์เน็ตให้คนเข้ามาเขีย นบทความ บันทึกเรื่องราวประจำวัน หรือเรื่องที่เจ้าตัวสนใจได้อย่างไม่จำกัดแนว เราจึงพบเห็นบล็อกการเมือง บล็อกรีวิวสินค้าไอที บล็อกบทความวิเคราะห์ทางธุรกิจ หรือบางแห่งก็อาจเขียนเรื่องที่เหมาะสำหรับอ่านในกลุ่มคนสนิท โดยทั้งหมดมีจุดสำคัญที่การสื่อสารความนึกคิดของผู้เขียนบล็อกสู่ผู้อ่าน

ปัจจุบัน บล็อกมีความโดดเด่นในแง่ของความเป็นสื่อชนิดใหม่ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราว เหตุการณ์ ความเป็นไปต่าง ๆ ได้ดีไม่แพ้สื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ ที่สำคัญคือบล็อกวางตำแหน่งตัวเองอยู่บนอินเทอร์เน็ต ทำให้มันเป็นสื่อที่มีเครือข่ายกว้างขวางเป็นอย่างมากนั่นเอง

สุวิชชากล่าวเพิ่มเติมว่า " จากความนิยมในบริการเอ็มบล็อก เราจึงได้จัดโครงการ 'จาก Blog สู่ Book' ขึ้น ร่วมกับสำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เขียนบล็อกได้ก้าวไปสู่การเป็นเจ้าของหนังสือที่ตนเองเขียนขึ้น โดยเราจะมีทีมงานพิเศษสำหรับคัดเลือกเรื่องราวที่น่าสนใจ รวมถึงดูแลด้านลิขสิทธิ์ให้กับผู้เป็นเจ้าของบทความด้วย ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ว่า หากงานเขียนของบล็อกแห่งนั้นไม่ได้คัดลอกจากบทความคนอื่นมา และมีความน่าสนใจ เราก็จะผลักดันให้เขากลายเป็นนักเขียนและมีหนังสือเป็นของตนเองได้ด้วยอีกทางหนึ่ง"

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เราเห็นได้ชัดเจนถึงก้าวแห่งการเติบโตของพื้นที่อิสระที่ชื่อ "เอ็มบล็อก" ซึ่งเราก็หวังว่า ผลงานดี ๆ บนพื้นที่แห่งนี้จะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นหนังสือเล่ม เพื่อเป็นทั้งกำลังใจ และเป็นการพัฒนาวงการสิ่งพิมพ์ ในการสร้างสรรค์นักเขียนฝีมือดีขึ้นมาประดับวงการหนังสือได้ด้วยอีกทางหนึ่ง

Company Related Links :
MBlog






ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับBlog

ทางMGR เหนือกว่า Nation ตรงเรื่องคนที่เป็นสมาชิก ชัดเจนกว่านะครับ เพราะรู้ได้จากการชุมนุมกู้ชาติ และ การสมัครสมาชิกยามเฝ้าแผ่นดิน ทางของMGRสมาชิกจะเป็นรูปธรรมมากกว่า

ตอนนี้ที่ทางMGR มาโปรโมทBlog ก็เพราะว่า

1. ตอนนี้คนนิยมกันเยอะ และ ประโยชน์การใช้งานของBlogก็มีลูกเล่นเยอะ

2. เป็นช่องทางติดต่อสื่อสารได้ใกล้ชิดมากขึ้นระหว่าง คนวงในMGR กับ สมาชิกทั้งยามฯ และ ทั่วไป เหมือนที่ สมัยก่อน มีคอลัมน์ " คุณถาม พายัพตอบ " แต่การมาคราวนี้ในรูปแบบของBlog จะต้องกระจายคนแสดงความคิดเห็น มากกว่าพายัพแน่นอน เพราะนี่เป็นจุดในการดึงดูดคนให้เข้ามา เมื่อพวกเขาเข้ามาก็สามารถที่จะจุดไฟแห่งปัญญาได้ไม่ยากเลย

3.ถ้าให้ เจ้าของคอลัมน์แต่ละคนได้พูดคุยกับสมาชิกผ่านBlog ของตัวเองยิ่งเป็นแผนการตลาดที่ดีมาก เพราะการรับรู้ของผู้ที่เข้ามาในเวป จะมี" รับ และ ส่ง " มากกว่ารับอย่างเดียว

4. จากการวิเคราะห์ของผม ถ้าเทียบกับ OK nation ที่ทำมาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และตอนนี้ก็มีเจ้าของคอลัมน์หลายคนมีBlog ประจำของตัวเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะคุณสุทธิชัย หยุ่นที่มี Blog Talk วิเคราะห์เรื่องราวในสังคมทุกวันโดยสามารถรับฟังได้ (ซึ่งผมก็ได้ฟังอยู่ประจำ ^ ^) ตรงนี้ ผมว่าน่าจะมาประยุกต์ จากที่MGR Sound Clip ในบางคอลัมน์อยู่แล้ว ได้นำมาใช้ในBlog ของแต่ละเจ้าของคอลัมน์นั้นๆ ซึ่งจะว่าไปแล้วMGR ไม่ได้ลอกแบบ Nation แต่แค่ปรับเอาของตัวเองมาใช้อีกที่หนึ่งแค่นั้นเอง

อยากเห็นสิ่งดีๆเกิดกับผู้จัดการ ให้เป็นเวปข่าวอันดับหนึ่งของเมืองไทยตลอดไป อย่าง ครบถ้วนและครบเครื่อง
ผู้เป็นSpermมาก่อน



ย้าย blog ชมรมฯ ไปอยู่ที่ใหม่ เพื่อความสะดวกมากขึ้น (witayakorn to new blog)


หลังจากที่คุณนิด แฟนพันธุ์แท้วิทยากร เชียงกูล ได้เริ่มทำ blog ของชมรมศึกษาผลงาน อ.วิทยากร ที่ witayakorn.blogspot.com แล้วนั้น แต่เกิดปัญหา เนื่องจากในบางช่วงเวลา ไม่สามารถที่จะเปิดเข้า blogspot ได้เลย ทำให้เธอมีแนวคิดที่จะย้ายเวบบล็อกของชมรม ไปอยู่ที่ใหม่


blogspot เป็นเวบของต่างประเทศ อาจจะเข้าได้ช้าสำหรับคนที่ใช้ internet ความเร็วต่ำ คุณนิดจึงมีแนวคิดที่จะย้าย blog ของชมรมมาอยู่ที่ gotoknow.org ซึ่งจะได้ดำเนินย้ายข้อมูลในลำดับต่อไป


หมอไทยเผยทำเด็กหลอดแก้วอัตราสำเร็จสูงถึงร้อยละ 30
















โดย ผู้จัดการออนไลน์21 มิถุนายน 2550 10:24 น.

























แ พทย์จุฬาฯ ระบุตลอด 20 ปีที่ผ่านมา แพทย์ไทยพัฒนาการทำเด็กหลอดแก้วผสมเทียมช่วยเหลือผู้มีบุตรยากก้าวหน้ามาก อัตราสำเร็จสูงร้อยละ 30 เตรียมจัดงานฉลอง 20 ปี เด็กหลอดแก้วไทย ระบุเด็กหลอดแก้วเหมือนเด็กเกิดตามธรรมชาติ แต่ส่วนใหญ่ที่เรียนเก่งเพราะพ่อแม่เอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ






















ศ.นพ.ประมวล วีรุตมเสน ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งเป็นแพทย์ไทยคนแรกที่ผสมเทียมนอกร่างกาย หรือเด็กหลอดแก้ว ช่วยคู่สามีภรรยาที่มีบุตรยากตั้งครรภ์และได้ทารกเป็นเพศชาย ถือเป็นเด็กหลอดแก้วคนแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ปี 2530 กล่าวว่า ช่วงเวลา 20 ปี ที่ผ่านมา แพทย์ไทยได้พัฒนาความรู้ความสามารถในการทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งมีเทคนิคใหม่และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้อัตราการสำเร็จสูงประมาณร้อยละ 30 เพื่อเป็นการฉลองครบ 20 ปี ของความสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้ว คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ จะจัดงาน "20 ปี เด็กหลอดแก้วไทย" ข ึ้นในวันเสาร์ที่ 23 มิถุนายนนี้ เวลา 08.00-14.00 น. ณ ตึกนวมินทราชินี-ตึกคคนางค์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถือเป็นกิจกรรมร่วมเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 60 ปี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ นอกจากนั้น ยังมีการเสวนาเพื่อให้ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับการทำเด็กหลอดแก้วที่ถูกต้อง ประเด็นกฎหมายที่เป็นข้อถกเถียงกัน โดยเฉพาะกรณีการให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน หรือการอุ้มบุญ การชุมนุมเด็กหลอดแก้ว 500 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กแฝด ถือว่าเป็นการชุมนุมเด็กหลอดแก้วครั้งใหญ่ที่สุดของไทย

ศ.นพ.ประมวล กล่าวว่า รพ.จุฬาฯ มีกระบวนการติดตามพัฒนาการของเด็กหลอดแก้วอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากจะถามว่าเด็กหลอดแก้วมีความพิเศษกว่าเด็กที่เกิดตามธรรมชาติหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่าไม่มีความแตกต่างกัน แต่อาจเป็นเพราะว่าคู่สามีภรรยาที่มีบุตรยากกว่าจะทำเด็กหลอดแก้วสำเร็จ บางคนใช้เวลานานถึง 10 ปี เมื่อมีลูกจึงเอาใจใส่เป็นพิเศษ ทำให้เด็กหลอดแก้วผลการเรียนดี โ ดยเด็กหลอดแก้วคนแรกของประเทศไทยเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ หลักสูตรนานาชาติ ส่วนเด็กหลอดแก้วคนที่ 2 เป็นนิสิตคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ชั้นปีที่ 1 ตนเชื่อว่าเด็กที่เกิดเองตามธรรมชาติหากได้รับการจัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม พ่อแม่เอาใจใส่ดูแลดี ให้การสนับสนุนด้านการศึกษา เชื่อว่ามีขีดความสามารถทัดเทียมกัน


กระดูกเอวเคลื่อน...โรคของคนหนุ่มสาว
















โดย Uncle fat

21 มิถุนายน 2550 08:36 น.
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000071771



























ไม่ว่ามนุษย์ผู้นั้นจะมีความยิ่งใหญ่สักเพียงไหน
ไม่ว่ามนุษย์ผู้นั้นจะร่ำรวยเงินทองมากสักเพียงใดก็ตาม
แต่มนุษย์ทุกรูปทุกนามก็ย่อมหนีไม่พ้นวัฏจักรแห่งชีวิต 4 ประการคือ เกิด แก่ เจ็บและตาย






















ในบรรดาวัฏสังสารแห่งชีวิตของมนุษย์ทั้งหมด เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า แทบจะร้อยทั้งร้อยย่อมไม่อยากจะแก่ เจ็บและตาย แต่ทุกคนย่อมหนีไม่พ้น อย่างไรก็ตาม เรามีหนทางหรือมีวัตรปฏิบัติที่จะทำให้การแก่ การเจ็บและตายเป็นไปอย่างสงบสุขได้

พูดถึงเรื่องความเจ็บของมนุษย์ เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อมีอายุมากขึ้น สังขารที่ผ่านการใช้งานมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานย่อมตกอยู่ในภาวะ "ความเสื่อม" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหนึ่งในความเสื่อมที่สร้างปัญหาค่อนข้างมากก็คือ "กระดูกสันหลัง"

ก่อนอื่นคงต้องอธิบายลักษณะตามธรรมชาติกันสักนิดว่า โครงสร้างของกระดูกสันหลังเป็นเช่นไร

กระดูกสันหลังของคนเรา สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือ 1.กระดูกต้นคอซึ่งเป็นกระดูกสันหลังที่อยู่บนสุด 2.กระดูกสันหลังระดับหน้าอก 3.กระดูกสันหลังระดับเอว และ 4. กระดูกก้นกบ ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังที่อยู่ล่างสุด

สำหรับภาวะความเสื่อมที่เรามักปรากฏเห็นชัดที่สุดในบรรดาโครงสร้างทั ้งหมดก็คือ กระดูกสันหลังระดับเอว เนื่องจากเป็นส่วนที่ถูกใช้งานและรับภาระมากที่สุดเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ ซึ่งกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในภาวะที่ต้องระวังก็คือ กลุ่มวัยกลางคนขึ้นไป และจะปรากฏให้เห็นชัดขึ้น บ่อยขึ้น ตามอายุที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ความหนักเบาของอาการไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุที่เพิ่มขึ้นเสมอไป

ถามว่า ต้นสายปลายเหตุที่ทำให้เกิดโรคคืออะไร?

ค ำตอบง่ายมาก เพราะเป็นผลมาจากธรรมชาติของร่างกายมนุษย์นั่นเอง กล่าวคือ เนื่องจากมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยืนด้วยสองขา ทำให้แนวกระดูกสันหลังตั้งตรง ดังนั้น กระดูกสันหลังจึงเป็นส่วนที่ต้องรับน้ำหนักมากที่สุดและจุดที่ต้องรับน้ำหนั กมากที่สุดคือกระดูกเอว

ที่สำคัญคือ การที่กระดูกเอวทอดตัวในแนวโค้งแม้จะมีข้อดีคือทำให้เราเคลื่อนไหวร่างกายได ้คล่องแคล่ว แต่ก็มีจุดเสียเพราะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เกิดการอักเสบของข้อกระดูกส่วนเอวได ้ง่าย

เมื่อเข้าใจกันในภาพรวมแล้ว คราวนี้จะขอพุ่งเป้าไปที่อีกปัญหาหนึ่งของกระดูกเอวที่มีผู้เป็นกันมาก นั่นคือ "ภาวะกระดูกเอวเคลื่อนผิดไปจากรูปเดิม"

ทั้งนี้ โรคนี้มีความเชื่อมโยงกันเส้นเอ็นหรือเส้นใยที่ยึดระหว่างข้อต่อของกระดูกที ่ฉีกขาด ทำให้แกนในของกระดูกบวม และหลุดจากตำแหน่งที่ควรจะเป็น แล้วความแปลกของโรคนี้ก็คือไม่ได้เกิดในกลุ่มวัยกลางคน หากมักเกิดกับผู้อยู่ใน วัยหนุ่มสาว อายุระหว่าง 20-25 ปี และมักจะเป็นกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ซึ่งสาเหตุหลักๆ ก็เป็นเพราะการใช้ร่างกายที่ไม่ระมัดระวัง แบกของหนัก อุบัติเหตุ

เมื่อการเคลื่อนที่ของกระดูกผิดปกติ ก็จะไปทับเส้นประสาท ทำให้เกิดความเจ็บปวดในส่วนล่างของร่างกาย และเกิดมีความรู้สึกชา

อย่างไรก็ตาม ในทางการแพทย์จีนวิเคราะห์เหตุของโรคเอาไว้ด้วยว่า สามารถเป็นผลมาจากภายในได้อีกด้วย กล่าวคือมีที่มาจาก "พลังไตพร่อง" ทำให้การไหลเวียนของเลือดลมไม่สมบูรณ์ หรือถูกภาวะความเย็นเข้าแทรก กระทั่งทำให้เกิดความเจ็บปวดและนำไปสู่ภาวะกระดูกเอวเคลื่อนในที่สุด

หรือสรุปง่ายๆ ได้ว่า โรคนี้มีที่มาได้จากทั้ง 2 ทางคือ จากภายนอกและภายในนั่นเอง

อ ย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ใช้ชีวิต ใช้ร่างกายด้วยความประมาท นอนน้อย พักผ่อนน้อย ก็ต้องพึงระมัดระวังเช่นกัน เพราะไม่ใช่แค่เพียงทำให้เกิดกระดูกเอวเคลื่อนเท่านั้น เนื่องจากเมื่อร่างกายอ่อนแอ ไม่สมดุล การทำงานของอวัยวะภายในก็จะรวนเรมีปัญหา และนำไปสู่โรคอื่นๆ ได้อีกด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปัญหาก่อให้เกิดผลกระทบกับไต เพราะไตคือฐานพลังของชีวิต ซึ่งทางการแพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับไตมาก เมื่อไตแข็งแรง สมรรถภาพของร่างกายก็จะแข็งแรง และเมื่อไตอ่อนแอ โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็จะตามมากมายมาย


บันทึกรัก ฯ : ความคิดถึงที่มีอย่างไม่อั้น


เขาและเธอเมื่ออยู่คนละจังหวัด ห่างไกลกัน
จึงอาศัยโทรศัพท์ติดต่อสื่อสารระหว่างกัน
วันก่อน ท่าทางต่อมคิดถึงคงจะทำงานหนัก
เขาจึงโทรหาเธอบ่อยมากๆ ทั้งรอบเช้า หลังอาหารเที่ยง และก่อนเลิกงานตอนบ่าย
ปกติไม่เคยที่จะโทรบ่อยมากถึงเพียงนี้


คุยกันครั้งหนึ่งก็นานพอดู
ช่วงดึกๆ เธอก็โทรมาอีกรอบ และก่อนนอนก็ส่ง SMS มาอีกรอบหนึ่ง


"คิดถึงจังเลยอยากซุกอกอุ่นๆนอนจังเลย อยากให้มาอยู่ใกล้ๆคิดถึงฉันหรือเปล่าน้า อย่านอนดึกมากนะคะ เป็นห่วงได้ยินเสียงไอบ่อยๆต้องเชื่อฉันแล้วนะรู้มั้ยเพราะอะไร..เพราะ..รักและห่วงไง"

20 พ.ค.2550 22.47 น.



ขอเชิญชวนท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำความดีเพื่อในหลวงของเรา ด้วยการซื้อเสื้อตราสัญลักษณ์ฯ ของมูลนิธิกรมหลวงสงขลานครินทร์ ราคาตัวละ 280 บาท



มูลนิธิกรมหลวงสงขลานครินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ก่อตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2508 ตลอด 42 ปี ที่ผ่านมา ทางมูลนิธิฯ ได้ดำเนินการตามรอยพระยุคลบาทแห่งสมเด็จพระบิดาแห่งวงการแพทย์ไทย ด้วยการสร้างเสริมสนับสนุนกิจการแพทย์ และสาธารณสุข ในด้านรักษาพยาบาล ป้องกันโรค ส่งเสริมสุขภาพ ให้ทุนในการค้นคว้าวิจัยการศึกษาแพทย์ การพยาบาล และวิทยาศาสตร์การแพทย์มาอย่างต่อเนื่อง

เนื่องในโอกาสมหา มงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 มูลนิธิกรมหลวงสงขลานครินทร์ ในพระบรม-ราชูปถัมภ์ ใคร่ขอเชิญชวนท่านผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย ร่วมทำความดีเพื่อในหลวงของเรา ด้วยการซื้อเสื้อตราสัญลักษณ์ฯ ของมูลนิธิกรมหลวงสงขลานครินทร์ ราคาตัวละ 280 บาท

โดยทางมูลนิธิฯ จะนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปช่วยเหลือในการจัดซื้อ เครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์ต่างๆ ให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ที่กำลังประสพปัญหาความไม่สงบใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทร 02-587-8467 ,02-587-4458
โทรสาร 02-587-4457


แหล่งที่มา: มูลนิธิกรมหลวงสงขลานครินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
โทรศัพท์: 02-587-4458 ,02-587-8467


วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2550

ลมหนาวชวนเป็นโรคซึมเศร้า ให้วิธีป้องกันรักษา 4 อย่าง
















น.พ.วิวัฒน์ วิริยกิจจา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง กล่าวว่า โรคซึมเศร้าถือเป็นปัญหาหนึ่งในด้านสาธารณสุข ซึ่งในจังหวัดระยองพบมีผู้ป่วยอาการซึมเศร้าอยู่ในระดับปานกลาง
จากสถิติที่ผ่านมาพบว่า ในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็นลง จะทำให้ผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้า คิดฆ่าตัวตายมากเพิ่มขึ้น
ท ั้งนี้ อาจจะเนื่องมาจากในหน้าหนาวมีการระบาด ของโรคหลายชนิดเพราะมีอากาศเย็น ทำให้ผู้ป่วยอยากจะนอนซึมอย่างเดียว จึงทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน คิดมาก และเป็นที่มาของการฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวทางการแก้ไขผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ให้คิดฆ่าตัวตายนั้น สามารถปฏิบัติได้ 4 แนว ทางด้วยกัน คือ
1. ควรหมั่นออกกำลังกาย เพื่อให้เหงื่อขจัดอาการซึมเศร้าให้หมดไป
2. หาอาหารที่มีรสแซบๆ รับประทาน ให้หูตาสว่าง
3. ทำสมาธิเพื่อกวาดขยะออกจากสมอง และแนวทางที่
4 พยายามทำให้ตัวเองคิดในเชิงบวก.




ถ้าลงมือหาสมาชิกชมรมฯ อย่างจริงจัง คงได้สมาชิกเพียบ (witayakorn)


คุณน้อย ลิขิต ซึ่งติดตามข่าวคราวของชมรมศึกษาผลงานอาจารย์วิทยากร เชียงกูลทางเวบไซต์
เมื่อเห็นข้อมูลสมาชิกที่สนใจเรื่องชมรมฯ ได้ให้ความเห็นว่า


"ถ้าหากลงมือประชาสัมพันธ์ข่าวสารอย่างจริงจัง จะได้สมาชิกที่สนใจมากขึ้น เพราะวิทยากร เชียงกูลนั้น มีผลงานมานานหลายปี หากสอบถามผู้ที่สนใจติดตามผลงาน ย่อมที่จะมีผู้รู้จักไม่น้อยเช่นกัน"


"ชมรมฯ น่าจะมีรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น หากเป็นสมาชิกชมรมแล้ว จะง่ายในการตัดสินใจเข้าร่วมในชมรมนี้มากขึ้น เป็นแล้วจะมีส่วนร่วมอย่างไร ต้องทำอะไรบ้าง"


"การหาสมาชิกทาง internet นั้น ดูดี แต่ถ้าสอบถามจากผู้คนที่มีโอกาสพบเจอ น่าจะได้ผลมากกว่า จากข่าวที่ได้อ่าน คนที่สนใจเป็นสมาชิก มาจากในสถาบันการศึกษา ซึ่งน่าจะหาได้ง่ายกว่า คุณนิดอยู่ที่บุรีรัมย์ น่าจะเริ่มต้นสมาชิกจากสถาบันการศึกษาในบุรีรัมย์ นับตั้งแต่ครู นักศึกษา หากมีโอกาสได้พบปะพูดคุย จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้แนวทางมากขึ้น"


"แนวทางการรับสมัครสมาชิกในสถาบันการศึกษา รูปแบบที่ง่ายๆ อาจจะ Print ข้อความใส่กระดาษ A4 นำไปติดในบอร์ดประชาสัมพันธ์ในสถาบันการศึกษา เชิญสมัครสมาชิกชมรม ฯ สนใจคลิกดูรายละเอียดในเวบไซต์ หรือสอบถามที่เบอร์โทรที่ระบุไว้ แบบนี้จะได้สมาชิกที่เป็นตัวตนชัดเจน และมีผู้สนใจติดต่อเข้ามาสอบถามโดยที่ไม่ต้องไปเดินหาสมาชิกด้วยตนเอง"



บันทึกรัก ฯ : เมื่อเธอไม่สบายหลังจากที่ไปกินเนื้อย่างกับเพื่อน


เธอคอยดูแลเพื่อนๆที่มาอบรมที่จังหวัดของเธอ โดยพาไปยังโรงแรมที่พักที่จองไว้ และพาไปทานเนื้อย่างในตอนเย็น


ทานเนื้อย่างและแยกย้ายกลับที่พักตอนสี่ทุ่ม และเธอตากละอองฝนนิดหน่อย
แต่ตอนเช้าเมื่อชายคนหนึ่งโทรไปหา เธอไม่ได้ไปทำงาน
นอนซมเพราะเป็นไข้อยู่ที่ห้องพัก
ไม่น่าเชื่อว่า แค่โดนละอองฝนนิดหน่อย กลับไม่สบาย หวัดลงคอซะงั้น
แต่เวลาที่ตากฝนเปียกชุ่มไปทั้งตัว เธอกลับไม่เป็นอะไร
เพราะเมื่อตากฝนแล้ว รีบกลับมาอาบน้ำเช็ดตัวให้แห้ง เลยไม่เป็นไร
แต่โดนละอองฝน เสื้อผ้าไม่เปียก เลยไม่สบายในวันรุ่งขึ้น


เมื่อชายคนหนึ่งโทรไปคุยกับเธอในขณะที่เธอนอนซมอยู่บนเตียง
หลังจากที่เธอทานก๋วยเตี๋ยวและอาหารรองท้องแล้ว
น้ำเสียงของเธอดูอ้อนๆ น่ารัก ไม่ดุดันเหมือนตอนปกติ

แหม ถ้าตอนปกติทำเสียงในแบบตอนที่ป่วยๆ เสียงน่ารักแบบนี้ก็ดีสิ
แต่ตอนปกติ แม่คุณชอบทำเสียงดุๆ
กระโชกโฮกฮาก ดูเป็นสาวห้าว น่ารักน้อยไปนิด
แต่พอป่วย เสียงน่ารักน่าทะนุถนอม


เทศบาลอุบลฯแจกถังขยะวิเศษลดมลภาวะเป็นพิษ (ubon)
















โดย ผู้จัดการออนไลน์19 มิถุนายน 2550 16:50 น.






















อุบลราชธานี- เทศบาลนครอุบลฯเดินแจกถังขยะให้ชาวชุมชนร่วม 200 ถัง เพื่อใส่ขยะเปียกที่พร้อมจะนำไปทำปุ๋ยอินทรีย์ เผยนอกจากได้ใช้ประโยชน์ปลูกพืชแล้ว ยังลดมลภาวะได้อีกด้วย

วันนี้ (19 มิ.ย.) นางรจนา กัลป์ตินันท์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุบลราชธานี ได้แจกถังใส่น้ำที่เทศบาลได้จัดทำเป็นพิเศษให้ชาวชุมชนบ้านดู่ และชุมชนป่าช้าแขกจำนวน 200 ถัง นำไปใช้ใส่ขยะชนิดเปียกตามอาคารบ้านเรือน

สำหรับถังน้ำที่นำมาแจกครั้งนี้ สำนักงานเทศบาลได้ให้ช่างดัดแปลงเอาถังใส่น้ำพลาสติกขนาด 10 ลิตร มาเจาะรูด้านข้างแล้วใส่หัวจุก ทำหน้าที่เป็นก๊อกเปิด-ปิดให้น้ำไหลออกจากถังได้ เพราะเมื่อประชาชนเอาขยะเปียกที่เป็นเศษอาหารทิ้งลงในถังรับขยะ จะเกิดการหมักหมมของสสาร และเศษอาหารทำปฏิกิริยากลายเป็นน้ำหมักจุลินทรีย์

สำหรับน้ำหมักที่ได้จากเศษขยะครั้งนี้ สามารถนำมาใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ใช้รดต้นไม้ รดไม้ประดับ ที่ปลูกอยู่ตามอาคารบ้านเรือนของประชาชนในเขตเทศบาล แทนการใช้ปุ๋ยเคมีที่ทำลายสิ่งแวดล้อม นอกจากประชาชนจะได้ช่วยกันทำให้สิ่งแวดล้อมในชุมชนน่าอยู่ ก็ยังประหยัดค่าใช้จ่ายไม่ต้องซื้อปุ๋ยมาใช้อีกแล้ว และที่สำคัญ คือ ช่วยให้มีการบริหารจัดการ เรื่องการกำจัดขยะในชุมชนที่เริ่มมีปัญหาขยะเพิ่มมากขึ้นทุกปีด้วย