++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

การกระตุ้นผลผลิตมะนาวนอกฤดู

การใช้น้ำส้มควันไม้ 5 ช้อนโต๊ะ + น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วต้นมะนาว 3 วัน/ครั้ง ติดต่อกัน 3 รอบ จะทำให้ใบร่วง - ออกดอก เป็นการกระตุ้นผลผลิตนอกฤดู
จาก SMS FarmerInfo - 27มค2557

นำพ่อพันธุ์หมูป่าผสมกับแม่พันธุ์หมูบ้าน

นำพ่อพันธุ์หมูป่าผสมกับแม่พันธุ์หมูบ้าน จะได้ลูกหมูแข็งแรงและทนต่อโรค เลี้ยงง่าย โตเร็ว  จำนวนลูกต่อครอกสูงกว่าเลี้ยงหมูสามสายพันธุ์ทั่วไป
จาก SMS FarmerInfo - 27มค2557

กำจัดหญ้าคาแบบถอนรากถอนโคน

กำจัดหญ้าคาแบบถอนรากถอนโคน ด้วยเกลือแกง 2ส่วน +น้ำตาล 1 ส่วน+น้ำ 10 ส่วน ผสมจนเป็นสารละลายหมักทิ้งไว้  2 คืน แล้วนำไปฉีดพ่นทุกๆ 3 วัน
จาก SMS FarmerInfo - 28มค2557

ลดอาการเครียดแม่สุกรหลังคลอด

ลดอาการเครียดแม่สุกรหลังคลอด นำเหล้าขาว 250ซีซี/สุกรน้ำหนัก 100กก. กรอกปากให้กินตอนเช้า หากยังไม่หาย ให้กรอกปากอีกครั้งในเช้าวันถัดไป
จาก SMS FarmerInfo - 29มค2557

อาจารย์ มทร.ธัญบุรี ผุดไอเดียเครื่องผ่าหมาก

อาจารย์ มทร.ธัญบุรี ผุดไอเดียเครื่องผ่าหมาก (ต้นแบบ) ลดอุบัติเหตุจากการแปรรูป ทำงานแทนคนได้ถึง 6 เท่า สนใจติดต่อ อ.มานพ โทร 08-6663-4562
จาก SMS FarmerInfo - 30มค2557

ฟังรายการทีนพลัสรักพ่อ01 : ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี - ดีเจเอ๋ กนกพรรณ รัตนวิเวก

ฉันไปได้../ มีคำสอนมากมาย.../บทกวี มีข้าวปลาอาหารทานเต็มอิ่ม...

"ทีนพลัสรักพ่อ โดย ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี" ดำเนินรายการโดย ดีเจเอ๋ กนกพรรณ รัตนวิเวก, Kanokpan Rattanawiwek ส่วนหนึ่งใน โครงการผลิตรายการวิทยุรักพ่อ - กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ เมื่อ พ.ศ.2554-2556



กำจัดเพลี้ยแป้ง - เพลี้ยอ่อน

เพลี้ยแป้ง - เพลี้ยอ่อนจะมีผิวเปราะบางแห้งตาย เมื่อใช้น้ำยาล้างจาน3ช้อนโต๊ะ + น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วแปลงผักที่พบการระบาด ขณะแดดออกจัดๆ
จาก SMS FarmerInfo - 30มค2557

อากาศแห้ง ควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ

อากาศแห้ง ควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะพืชที่มีระบบรากตื้น เช่น พืชผักสวนครัว ควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดทำลายต้นพืช
จาก SMS FarmerInfo - 29มค2557

ควรเพิ่มอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์

ควรเพิ่มอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ ทำแผงกำบังลมหนาวและไม่ควรปล่อยให้อยู่กลางแจ้งในตอนกลางคืน จะทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงเสียชีวิต
จาก SMS FarmerInfo - 31มค2557

Cover ของวิดีโอเสียง รายการทีนพลัสรักพ่อ by ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี (Dj. Kanokpan Rattanawiwek)

จากการที่ ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี โดย ดีเจ เอ๋ กนกพรรณ รัตนวิเวก ได้ร่วมกิจกรรมกับกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ ร่วมดำเนินรายการวิทยุรักพ่อ ในช่วงปี พ.ศ.2554-2555 นั้น ได้ร่วมกันจัดทำรายการ ทีนพลัสรักพ่อ ซึ่งเป็นช่วงหนึ่งในรายการวิทยุรักพ่อ เพื่อเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับการเทิดทูนสถาบัน และการทำความดีนั้น รายการนี้ได้ถูกนำไปเผยแพร่ในสื่อวิทยุหลายแห่ง และได้จัดทำเป็นคลิปวิดีโอ เผยแพร่ทางอินเตอร์เนตอีกหนึ่งช่องทาง ในส่วนของรายการทีนพลัสรักพ่อ ซึ่งได้ร่วมกันผลิตหลายตอนนั้น เป็นอีกหนึ่งช่วงที่ได้รับคำชื่นชมจากผู้ที่ได้ติดตามฟังรายการ ทางทีมงานผลิตรายการ จึงได้นำช่วงเวลาของรายการ ทีนพลัสรักพ่อ มาให้ได้ฟังกันโดยเฉพาะ สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาที่จะติดตามรับฟังรายการรักพ่อ ทั้งรายการ ซึ่งมีความยาวตอนละ 1 ชั่วโมง จึงได้นำเฉพาะส่วนของ "ทีนพลัสรักพ่อ" มาให้ฟังกัน

ในการผลิตคลิปเสียง "ทีนพลัสรักพ่อ" ได้มีการจัดทำภาพประกอบคลิป หรือ "Cover ของวิดีโอเสียง รายการทีนพลัสรักพ่อ" ดังภาพที่เห็นด้านล่างนี้

ทีนพลัสรักพ่อ ผลิยรายการด้วยจิตใจที่เสียสละ ความมีจิตอาสา ทำด้วยใจจริงๆ จนเกิดรายการนี้ขึ้นมาให้ได้รับฟังกันค่ะ

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

ทีนพลัสรักพ่อ,  ชมรมวิทยุเด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กนกพรรณ รัตนวิเวก, กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ,  Kanokpan Rattanawiwek

เคล็ดลับในการหยุดเป็นเจ้านายจอมบงการ

เคล็ดลับในการหยุดเป็นเจ้านายจอมบงการ

เมื่อคุณได้รับการแต่งตั้ง จากบริษัทให้เป็นหัวหน้า บางครั้งคุณอาจจะรู้สึกถึงความมีอำนาจที่ทำให้ตัวเองเหนือกว่าผู้อื่น สามารถเข้มงวดกับลูกน้องและตำหนิลูกน้องได้ อย่างไรก็ดี การใช้อำนาจอย่างฟุ่มเฟือย ไร้ความปรานีของคุณนั้นอาจไม่เป็นผลดีต่อคุณเสมอไป เราขอแนะนำวิธีหยุดการเป็นเจ้านายจอมบงการ เพื่อที่จะเข้าถึงและเป็นที่รักของลูกน้องได้ ดังนี้ 1. อย่าเป็นคนที่สมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง ตั้งแต่คุณได้รู้ว่าความสมบูรณ์แบบนั้นหาได้ยากในแผนกของคุณ คุณก็จะเริ่มกดดันให้ลูกน้องทำเป้าหมายนั้นให้ได้ แต่คุณต้องเข้าใจว่า สิ่งที่คุณสื่อให้ลูกน้องนั้น อาจเข้าไม่ถึงพวกเขาเสมอไป นอกจากจะชักจูงลูกน้องไม่ได้แล้ว พวกเขาอาจไม่ชอบคุณเพราะทำตัวน่ารำคาญ ดังนั้นคุณควรรักษาทีมเวิร์คเข้าไว้ เก็บความสมบูรณ์แบบเข้ากรุไป ร่วมมือกันทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายให้สำเร็จ 2. หยุดการเป็นผู้รอบรู้ในทุกเรื่อง เป็นสิ่งที่น่ารำคาญมาก ถ้ามีเจ้านายรู้ทุกเรื่อง ทำได้ทุกอย่าง การทำตัวเป็นพหูสูตรในที่ทำงานอาจทำให้ลูกน้องเบื่อหน่ายต่อพฤติกรรมของคุณ พยายามแกล้งทำเป็นไม่รู้บ้าง เพื่อให้ลูกน้องของคุณแสดงความสามารถว่าพวกเขาก็ทำได้ 3. ต้องอดทน การได้เป็นผู้นำคนนั้น เป็นเรื่องยากมากที่จะให้ลูกน้องยอมรับในตัวถ้าคุณเป็นคนที่เจ้าระเบียบ คอยจ้องจับผิดตลอดเวลาแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย ขอแนะนำให้อดทนต่อลูกน้องของคุณ ปล่อยให้เขาเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดเอง ซึ่งจะช่วยให้ทีมเวิร์คในการทำงานดีขึ้น และทำให้พวกเขาเชื่อใจในตัวคุณ 4. เชื่อมั่นในลูกทีมของคุณ เมื่อคุณเป็นเจ้านายคน คุณจะเริ่มมีความรู้สึกว่าลูกน้องของคุณนั้นมักจะทำสิ่งที่ผิดพลาดง่าย ๆ ในเวลาทำงาน ฉะนั้นคุณควรใจเย็นเข้าไว้ มองดูอยู่ห่าง ๆ ว่าพวกเขามีข้อผิดพลาดตรงไหนบ้าง มองหาความรู้ความสามารถของลูกน้องคุณ และอย่าลืมชื่นชมพวกเขาเมื่อทำผลงานได้ดี ความเชื่อมั่นในตัวพวกเขาสามารถช่วยปรับปรุงข้อผิดพลาดในการทำงานให้หมดไป ได้ 5. มีความคิดเห็นที่ตรงกัน ในที่ทำงานก็เหมือนรัฐสภาขนาดย่อม ๆ ที่จะไม่ยอมรับความคิดแบบเผด็จการของเจ้านาย ควรระดมความคิดเห็นข้อเสนอแนะแบบเป็นทีม มากกว่าการบังคับให้พวกเขาเชื่อแต่ตัวคุณ การร่วมกันแสดงไอเดีย ความคิดเห็นจะทำให้ความเชื่อใจซึ่งกันและกันในที่ทำงานมีมากขึ้น 6. มองหาข้อเสนอแนะ การสื่อสารกันในที่ทำงานจะเริ่มน่าเบื่อหน่ายถ้ามีความคิดเห็นไปในทิศทาง เดิมตลอด พยายามให้ลูกน้องของคุณเห็นว่า คุณเปิดรับข้อเสนอแนะของพวกเขา โดยแสดงให้เห็นว่าคุณกับลูกน้องเหมือนเพื่อนร่วมงานกันมากกว่าการเป็นเจ้า นาย ลูกน้อง ซึ่งการเปิดรับข้อเสนอแนะจะช่วยเพิ่มมิติของการทำงานให้มากขึ้น และยังมีไอเดียใหม่ ๆ รวมทั้งช่วยลดความเป็นเจ้านายจอมบงการของคุณได้เป็นอย่างดี

เปรียบเทียบนิสัยคนชาติต่างๆ กับคนไทย



1. จีน ประหยัด มัธยัสถ์ เอาการเอางาน มีเลือดรักชาติ ทะเยอะทะยาน ไม่กลัวความลำบาก หนักเอาเบาสู้ แข็งแรง มีความคิดสร้างสรรค์ เก่งด้านการค้าขาย กตัญญูรู้คุณ อ่อนน้อมถ่อมตน แต่ขณะเดียวกันก็ไ่ม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร เอาเปรียบ ขี้เหนียว ไม่รู้จักพอ ชอบสูบบุหรี่ ชอบพูดจา โหวกเหวก โวยวาย ขากสเลดบ่อย ชอบกินเสียงดัง เพื่อให้รู้ว่าอร่อย รักครอบครัว ชอบอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน พ่อมักจะเป็นใหญ่มากที่สุดในบ้าน ค่อนข้างเด็ดขาด ไม่ชอบลูกผู้หญิงเท่ากับผู้ชาย
2.ญี่ปุ่น สุภาพเรียบร้อย นิ่มนวล ตัวเองสูง ชอบกดขี่ทางเพศ ชอบอยู่เหนือผู้หญิง ทำตัวเหมือนพ่อ ล้างสมองได้ยาก มีความรับผิดชอบ สูงมาก ชาตินิยม มีระเบียบวินัยในตนเองสูง ตรงต่อเวลา ประหยัด มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบผลิตของแปลกๆ หัวก้าวหน้า เครียด อารมณ์ทางเพศสูง ชอบทำอาหาร ผู้ชายค่อนข้างซาดิสม์ มีความสามัคคี ทรนงตน ไม่ให้ก้มหัวให้ใครง่ายๆ ใจเด็ด
3.อินเดีย ชอบกินอาหารเผ็ดร้อน ประเภทเครื่องเทศ จาปาตี แกงถั่ว พูดเก่ง ตื๊อเก่ง เจรจาการค้าได้เก่ง มีความอดทน ดำเนินธุรกิจบางอย่างที่คนไทยทำ ไม่ค่อยได้ ขยัน ประหยัด มีลูกเล่นแพรวพราว สกปรก
4. เยอรมัน มีนิสัยตรงไปตรงมา จริงใจไม่ ไม่ชอบเอาเปรียบใครและไม่ชอบให้ใครมาเอา เปรียบ รอบคอบในการใช้เงินสูงมากๆ รู้จักใช้รู้จักเก็บ มีการวางแผนชีวิตที่ดี
5.สวิสเซอร์แลนด์ เป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง สันโดษ รักอิสระ ไม่ชอบเป็นลูกจ้าง ใคร ไม่ชอบให้ใครมาบงการ เจ้าระเบียบ ทุกอย่างต้องเป็นระบบ เกลียดความวุ่นวายเข้าไส้
6.อังกฤษ "ตระหนี่ ประหยัด มัธยัสถ์ ถึงขั้นขี้เหนียว"สุขุมนุ่มลึก ขี้เก๊ก ฟอร์มผู้ดีสุดๆ ซีเรียส จริงจังกับชีวิตมากๆ จะบ้า งานมากๆเพราะค่าครองชีพที่บ้านเขาสูง ก็เลยต้องรีบทำงานแข่งกับเวลา เป็นเสือยิ้มยาก หน้าตาเครียดตลอดเวลา แต่ไม่มีอะไร ทำตามฟอร์มเท่านั้น
7.อเมริกัน รักอิสระเหนืออื่นใด อเมริกันมีนิสัยค่อนข้างหลากหลายตามเชื้อชาติของเขา ชอบเฮฮาปาร์ตี้ เปิดเผย พูดตรง เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี มีความรับผิดชอบสูง ตรงต่อเวลา ส่วนข้อเสียของอเมริกันก็คือ เอาแต่ใจตัวเองและมีอีโก้สูงมากๆ อัตตาสุดๆ คิดว่าตัว เองมีดีกว่าคนอื่น ไม่ยอมอ่อนโอนตามอะไรง่ายๆ
8.สวีเดน คล้ายคลึงกับคนไทยมากที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องครอบครัวรักพวกพ้อง ดูแลญาติมิตร
9.ฝรั่งเศส มีความรับผิดชอบสูงปรี๊ด เจ้าสำอาง พิถีพิถันในการแต่งตัวเป็นที่สุด แบบที่เสื้อผ้า หน้าผมต้องเข้ากันเป๊ะ มีรสนิยมสูง ชาตินิยม มั่นใจในตัวเองสูง ครอบครัวต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก การกินอาหารนั้น นิยมใช้ขนมปังปาดจานจนเกลี้ยง ส่วนรถก็ใช้คันเล็กๆ เพราประหยัดพลัีงงาน
10.เนเธอแลนด์ "ขี้เหนียว" และฉลาดในการใช้เงิน มีน้ำใจมากๆ อัธยาศัยดี มนุษยสัมพันธ์ดี
11.ออสเตรเลีย เด่นๆเลยคือขี้เหนียว ข้อดีก็คือขยันทำงาน ไม่คิดมาก ดูเหมือนไม่แคร์และไม่แฟร์ ด้วยสิ่งที่ต้องทำใจก็คือ ชาวออสซี่มักไม่เปิดใจยอมรับคนผิวเหลืองสักเท่าไหร่ มีความรับผิดชอบต่อตัวเองและครอบครัว มีความสามารถ ในการประกอบอาชีพ ทำมาหากินเก่ง
12.นิวซีแลนด์ สุภาพ เรียบร้อย อ่อนโยน ไม่หยิ่ง ไม่ถือตัว อัธยาศัยดี รับผิดชอบต่อครอบครัวสูง ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่อวดร่ำอวดรวย รักธรรมชาติ
13.นอร์เวย์ เย็น ชา ไร้อารมณ์ ไม่ชอบแสดงอารมณ์ออกมา กิจกรรมยามว่างก็คือการออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือแบกเป้ใบเดียวเที่ยวไปทั่วโลก รักสนุก
14.อิตาลี เป็นพวกจริงจัง มุ่งมั่น ทำงานขยันขันแข็ง นิสัยดีมาก คุยตลก สนุกสนาน เป็นกันเอง พูดจาเสียงดังและมักใช้มือประกอบลีลา เป็นคนรักสะอาด มีการวางแผนการใช้จ่ายที่เป็นระบบ มีกฎเกณฑ์ อิตาเลี่ยนมักรักง่ายหน่ายเร็ว จึงเกิดปํญหาการหย่าร้างสูงมาก
15.เดนมาร์ก เป็นพวกอารมณ์ดี มีความสุขตลอดเวลา จัดอยู่ในเกณฑ์ยิ้ม ง่าย ยิ้มอยู่นั่นแหละ เห็นนกก็ยิ้ม เห็นต้นไม้ก็ยิ้ม และมีอารมณ์ขัน ส่วนใหญ่จะรักสันติ หลีกเลี่ยงการปะทะหรือการเผชิญหน้า รักความสนุกสนาน เลยไม่ค่อยพลาดงานเฮอาปาร์ตี้เท่า ไหร่ และที่สำคัญคือรักธรรมชาติมากๆ จนถือได้ว่าเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตัว ยงเลยทีเดียว
16.สเปน นิสัยออกจะทะลึ่งทะเล้นนิดๆ และชอบขี้เล่นไม่ค่อย เครียด ชอบความสนุกสนาน ร่าเริง เฮฮาปาร์ตี้ เอ็นจอยกับ ชีวิตไปเรื่อย เลยอาจทำให้ดูเหมือนพวกรักสนุกไปวันๆ ไม่จริงจังกับชีวิต แต่เวลาทำงานจริงจัง มีนิสัยเป็นกันเอง ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมให้เสียอารมณ์ ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ เป็นคนง่ายๆ สบายๆ
17.เบลเยี่ยม สุภาพและเป็นมิตร ถ้าเดือดร้อนเข้าให้(จริงๆ) เขาก็พร้อมจะช่วยเหลือเต็มที่ ขัดกับใบหน้าอันนิ่งเฉยนั้นอย่างแรง การมีอัธยาศัยดี ชอบผูกมิตรกับคนรอบข้าง เรื่องความขยันเอาการเอางานก็ไม่แพ้ชาติไหนโดยเฉพาะเรื่องเกมส์การค้าขาย ไม่เป็นสองรองใครอีกต่างหาก
18. แคนาดา ประเทศแคนาดาเลยมีส่วนผสม ของชนชาติต่างๆ มากมายเต็มไปหมด ซึ่งแม้แต่คนแถบเอเชียเอง อย่างเช่น ฟิลิปปินส์ จีน อ่องกง อินเดีย หรือ ปากีสถาน ฯลฯ ก็เก็บข้าวของไปตั้งรกรากและทำงานที่แคนาดากันมากมาย ขึ้นอยู่กับว่ามีส่วน ผสมของชาติไหนมากกว่ากัน แต่รักสงบ ชอบทำงาน
19.ไต้หวัน นิสัยไต้หวันจะไม่ค่อยแตกต่างกับชาวจีนเท่าไหร่ มีความจริงจัง อารมณ์ร้อนพูดเสียงดัง โวยวาย ขยัน อดทน ทุ่มเททำงาน ทำธุรกิจเก่ง ดื้อรั้น ฉุนเฉียวง่ายห้ามอะไรไม่ค่อยฟัง อัตตาสูง คิดว่าตัวเองเจ๋งสุด การทำงานค่อนข้างมีคุณภาพ
20.เกาหลี ชอบกินกิมจิ ในวงอาหารครอบครัว ผู้ชายต้องเป็นผู้ตักรับประทานก่อนและผู้หญิงถึงได้ตักรับประทาน มีความเป็นผู้นำสูง ให้ความเคารพผู้ที่อาวุโสกว่ามีความรับผิดชอบต่อครอบครัว กล้าคิดกล้าตัดสินใจ ครอบครัวมาก่อนเสมอ เป็นพ่อศรีเรือน พ่อบ้านเกาหลีจะชอบแขวนลูกเล็กๆไว้กับอกแล้วไปไหนมาไหนกันตามประสาพ่อลูก ไม่มีเขินอาย ทำงานบ้านได้ทุกอย่าง แต่ก็อารมณ์ร้อนใช่ย่อยตรงไปตรงมา ชอบแต่งตัว คนเกาหลีไม่รู้จักการขอโทษ ผู้ชายเกาหลีจึงชอบกดขี่ข่มเหงผู้หญิง โดยเฉพาะภรรยา จากการสำรวจพบว่าผู้ชายเกาหลีติดอันดับชอบซ้อมภรรยามากที่สุดในโลก และถ้าแต่งงานกันไปผู้หญิงต้องนับถือญาติฝ่ายชายมากกว่าญาติตัวเอง และต้องทำเสมือนตัดขาดจากครอบครัวตัวเอง 21.ไทย ชอบกินข้าว กินอาหารทุกอย่างที่อร่อย ขอให้เป็นอาหาร แต่ก็กินข้าวเป็นหลัก ชอบกินไปคุยไป สนทนาทุกเรื่องในวงข้าว โดยภาพรวมแล้วคนไทยค่อนข้างดูเป็นมิตร ดูร่าเริง กันเอง อะไรก็ได้ แต่ในสังคมเมืองกรุง เช่น กรุงเทพ พัทยา และภูเก็ต ค่อนข้างจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หากไปแถวๆ ต่างจังหวัดผู้คนจะใจดี เป็นมิตรอย่างมาก เจ้าชู้ ขี้เกียจ รักสบายเกินไป ชอบคุย รักสนุก ชอบเล่นหวยและการพนันสุดยอด เชื่อโชคลาภ ชอบหวังน้ำบ่อหน้า เชื่อคนง่าย เลือกเชื่อในสิ่งที่อยากฟัง ด่วนสรุป ชอบต่างชาติโดยเฉพาะหนุ่มหัวทอง สาวๆ จะชอบมาก แต่ชายไทยจะนิยมสาวเอเชีย ชอบเทียว ชอบช็อปปิ้ง ชอบกิน ชอบซื้อ ซื้อของแบรนด์เนม นิยมหรูหรา การทำงานถ้าเป็นทีมไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จ มีความเก่งเฉพาะตัว ที่มา https://sites.google.com/site/2200408soojuttmai/compares-each-people-countries

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 74 รักพ่อ รักในหลวง โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ - ไอฝนหยาดน้ำพราวฯ

มาแล้วครับรายการรักพ่อ ช่วยสายต่อ ให้ระบือ ส่งสื่อสาร
เหมือนคนที่มีจิตร่วมกัน ร่วมปกป้องสถาบัน ให้มั่นคง
ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป ขอนำท่านผู้ฟังเข้าสู่รายการรักพ่อ

รายการรักพ่อ74 ไอฝนหยาดน้ำพราวฯ

พบกับสารคดีพระเมตตาดั่งสายธาร ตอน ชีวิตใหม่, โรงเรียนควาย , เสภาพระภูมินทร์, ช่วงทีนพลัสรักพ่อ จากชมรมวิทยุ เด็ก เยาวชน และครอบครัว จ.ชลบุรี, กลเม็ดเคล็ดลับกับการพึ่งตนเอง , คุยกับ ไอฝน หยาดน้ำพราวจากราวฟ้า กับการเขียนบทกวีที่กลั่นจากชีวิตและหัวใจ , คำกลอนสอนธรรมะ จากท่านพุทธทาส: ได้ดีเพราะถูกด่า



รายการวิทยุดีๆที่ตั้งใจทำในแนวจิตอาสา

มือของแม่…

มือของแม่…

• ภาพหญิงชรา ที่เดินหาบขนมขายอยู่ริมถนน ทำให้ผมหยุดชะงักอยู่ชั่วขณะ แม้ว่าแกจะเดินจากไปแล้ว แต่ภาพหญิงแก่ที่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เดินฝ่าเปลวแดดออกไปนั้น ยังคงติดตรึงอยู่ในสายตาของผม จนยากที่จะสลัดออก มือหยาบกร้านที่มีแต่เส้นเอ็นปูดโปนของหญิงแก่ ทำให้ผมนึกถึงมือของผู้หญิงคนหนึ่ง…. ผู้หญิงซึ่งทำทุกอย่างเพื่อลูกน้อยของตนได้โดยไม่หวังอะไร นอกจากรอยยิ้มของลูก ….. ผู้หญิงคนนั้น…. คือ แม่ของผมเอง แม่เป็นแม่ค้า ที่หาบขนมขายอยู่ข้างถนน วันไหน ขายดี ก็มีเงิน พอจับจ่ายตามอัตภาพ หากวันไหน ขายไม่ได้ ก็ต้องใช้เงินอย่างกระเบียดกระเสียร แต่แม่ก็ไม่เคยยอมให้ผมรู้จักกับความหิวโหย อะไรที่อยากกิน แม่มักหามาให้ผมเสมอ ไม่ว่าของสิ่งนั้นมันจะทำให้แม่ต้องอดสักกี่มื้อก็ตาม เวลาที่ผมนั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย แม่มักจะมองดูเงียบๆ ริมฝีปากของแม่ปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ อย่างมีความสุข ตอนนั้น ผมไม่เคยสนใจเลยว่า ขนมชิ้นเล็กราคาแพงที่แม่หามาให้นั้น ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อของแม่กี่หยด ไม่เคยนึกสงสัยด้วยซ้ำว่า หลังจากที่ผมกินขนมจนอิ่ม จะมีอะไรเหลือตกถึงท้องแม่ไหม ? ผมรู้เพียงอย่างเดียวคือ แม่เป็นหญิงแก่ที่หาบขนมขาย………. …….ยามใดที่มโนธรรมมาย้ำเตือนให้ผม คิดถึงความเหน็ดเหนื่อยของแม่ สัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอด ก็มักจะหลบเลี่ยงความรู้สึกผิดในใจด้วยการบอกว่า ในเมื่อแม่เกิดผมมา มันก็เป็นหน้าที่ของแม่ที่ต้องหาบขนมขายเพื่อหาเลี้ยงผม ถ้าไม่มีอะไรกิน ขนมที่เหลือจากการขายมันก็ช่วยให้แม่อิ่มได้นี่นา ยามใด ที่มือนั้นยื่นมาจับต้องดึงผมไปกอดไว้แนบอก ยามนั้น ผมก็มักจะเบี่ยงตัวหนีด้วยความรู้สึกขยะแขยง แม้ไม่เอื้อนเอ่ยออกมาเป็นวาจา แต่แววตาที่ผมแสดงออก มันก็บอกถึงความรู้สึกภายในอย่างโจ่งแจ้ง แววตาที่ทำให้แม่ชะงัก แม่มองหน้าผมอย่างเข้าใจ แล้วก็มีท่าทีงกๆ เงิ่นๆ อย่างคนรู้สึกผิด แม่ไม่พูดอะไรสักคำ มือหยาบกร้านนั้นกำแน่นค่อยๆ ตกอยู่ข้างลำตัว ไหล่ของแม่ลู่ลง… หลังจากวันนั้น มือของแม่ไม่กล้าที่จะเอื้อมมากอดผมอีกเลย ….ตอนนั้น ผมรู้สึกสบายใจนะ ที่ไม่ต้องสัมผัสกับมือที่หยาบกระด้างที่น่ารังเกียจนั่น …แต่เมื่อ เวลาผ่านไป ผมกลับเกิดความรู้สึกที่ต่างจากเดิม… จริง ๆ แล้วสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่ใช้มือหยาบกร้านของแม่หรอก มือที่เนียนสวยราวกับลูกผู้ดี ของผมต่างหากที่น่าขยะแขยง ขณะที่มือแม่กร้านเพราะ กรำงานหนักเพื่อเลี้ยงผม แต่มือที่อ่อนนุ่มของผมไม่เคยทำประโยชน์เพื่อใครเลยนอกจากตัวเอง น่าขันนะ เมื่อผมเติบใหญ่ และประสบความสำเร็จในชีวิต หลายครั้งหลายคราที่มีโอกาสจับต้องมือของผู้หญิงมากหน้า มือที่ นิ่ม หอมกรุ่นกับเล็บเคลือบสีสด และเรียวปากนุ่มสวยช่างฉอเลาะนั้นไม่ได้ทำให้ผมโหยหาเลยสักนิด สิ่งที่ผมร่ำร้อง กลับเป็น มือที่หยาบกระด้างของผู้หญิงเพียงคนเดียว… ผู้หญิงที่หาบคอนกระจาด เดินเร่ขายขนมอยู่ข้างถนนเพื่อเลี้ยงลูกชาย ผู้หญิงไม่ค่อยพูด ที่มักใช้สายตาเฝ้ามองผมอยู่เงียบๆ สายตาที่สื่อความรู้สึกของแม่คนนึงซึ่งมีต่อลูก สายตาอ่อนโยนคู่นั้นเหมือนกับจะบอกผมเสมอว่า ผมคือ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของแม่… อาจจะเป็นเพราะพ่อจากไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นตั้งแต่ผมยังเล็กก็ได้ ทำให้แม่พยามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยความเป็นลูกไม่มีพ่อให้ผม เท่าที่แม่ค้าหาบขนมขายอย่างแม่จะทำได้ แม่คงกลัวว่าผมจะกลายเป็นเด็กมีปัญหาเพราะขาดพ่อล่ะมั้ง แต่แม่ไม่เคยรู้หรอกว่า ในสายตาของผม….ผู้ชายที่ทำให้ผมเกิดมา ไม่ได้มีความสำคัญกับผมเลยสักนิด….. ผมเกลียดผู้ชายคนนั้น ….. ตาแก่ที่กินเหล้าจนเมา เอะอะ โวยวาย ทำร้ายแม่ผม หลายครั้งที่ผมเห็นพ่อใช้คำพูดถากถาง ระราน อาละวาดใส่แม่ แม่ผู้น่าสมเพชของผมก็ไม่เคยลุกขึ้นมาต่อต้านเลยสักนิด แม่มักยอมพ่อเสมอ….. ยอมถูกซ้อมเป็นกระสอบทราย แล้วก็แอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวเงียบๆ ยอมทำงานหนักเดินขายของวันละหลายๆ กิโล เพื่อเอาเงินมาเลี้ยงครอบครัว …….ส่วนเงินเดือนของพ่อน่ะหรือ? มันจมลงในขวดเหล้าหมดแล้ว สภาพของแม่ที่ผมเห็น ทำให้ผมได้แต่นึกในใจว่า ถ้าผมแต่งงาน ผมจะหา เมีย อย่างแม่ แต่ถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมจะไม่ยอมมีชีวิตที่น่าเวทนาแบบแม่ เด็ดขาด! ผู้หญิงที่ยอมเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของผู้ชาย ผู้หญิงที่ยอมให้สามีโขกสับอย่างกับทาสในเรือนเบี้ย ยอมทำงานบ้านจนดึกจนดื่น ยอมตื่นแต่เช้ามาทำขนมขายเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ยอมแม้กระทั่งให้ผู้หญิงอื่นมาแย่งผัวตัวเองไปต่อหน้าต่อตา แม่ยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น โดยไม่เคยคิดจะต่อสู้เรียกร้องสิทธิอะไรเลย แม่มีปากเสียงกับพ่อเพียงครั้งเดียว ตอนที่พ่อจะเอาผมไปอยู่ด้วย ตอนนั้นผมเห็นแม่สู้ยิบตาราวกับหมาจนตรอกเลยทีเดียว พ่อยอมให้ผมอยู่กับแม่อย่างไม่คิดจะเยื้อแย่ง “น้ำหน้าอย่างเธอ จะเลี้ยงลูกได้สักแค่ไหนกันเชียว อีกหน่อยลูกมันคงต้องหาบขนมขายทั้งชาติ เหมือนเธอนั่นแหล่ะ” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่แม่และผมได้ยินจากปากของพ่อ มันเป็นคำพูดที่ทำให้แม่ฮึดสู้ แม่ทำงานหนักตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินส่งผมเรียนสูงๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำให้แม่ผิดหวังเลย การเรียนของผมอยู่ในขั้นดีเยี่ยมจนได้รางวัลจากทางโรงเรียนเสมอ เปล่าหรอกนะ ผมไม่ได้ตั้งใจเรียนเพื่อแม่หรอก ตลอดเวลาผมไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเพื่อแม่เลยสักครั้ง แต่ที่ผมตั้งใจเรียน ก็เพราะรู้ว่า….การศึกษาเป็นหนทางเดียว ที่จะทำให้ผมหลุดพ้นจากบ้านในสลัมโทรมๆ แห่งนี้ต่างหาก ความทะเยอทะยานในอดีตเป็นแรงผลักดัน ที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในชีวิต โดยมีโอกาสดี ๆ ที่โชคชะตาหยิบยื่นให้เป็นตัวช่วยสนับสนุน สิ่งเหล่านี้ ทำให้ผมหลงระเริงอยู่นานทีเดียว มันทำให้ผมหยิ่งผยอง คิดว่าตัวเองนั้นเก่งกล้า สามารถก้าวจากจุดศูนย์ขึ้นมายืนผงาดอยู่ได้ด้วยขาตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ ความจริงแล้ว ความสำเร็จของปริญญาระดับด๊อกเตอร์ ที่แปะข้างฝาบ้านของผมนั้นมีแม่อยู่เบื้องหลังเสมอ แม่ผู้จบ ป. 4 แต่ไม่มีเงินซื้อใบสุทธิ ขาของผมยืนผงาดออยู่ได้ ด้วยการเหยีบบ่าของแม่โดยแท้ และผมก็ไม่เคยสนใจเลยสักนิดว่า บ่าที่เหยียบเป็นฐานนั้นจะชอกช้ำเพียงใด เพราะเจ้าของบ่า ไม่เคยปริปากบอกผมเลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไร แม่ก็ยังคงเป็นคนพูดน้อยทำมากเสมอ แม่เป็นผู้ฟังที่ดีมาตั้งแต่ผมยังเด็กแล้ว ทุกครั้งที่ผมมีความกังวล แม่จะคอยรับฟังเสมอ เวลาที่ผมระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจ หลายครั้งที่แม่ฟัง จำนวนเงินที่เด็กชายเอ่ยขอ ยามต้องการจะซื้อของต่างๆ เพื่อให้มีเหมือนลูกคนอื่น แม่ไม่เคย แย้ง นิ่ง…ฟัง… หลังจากวันนั้น แม่ขายของจนค่ำมืดกว่าปกติอยู่หลายวัน และวันหนึ่งแม่ก็ยื่นเงินให้ผมเพื่อไปซื้อของที่อยากได้ ยามที่ผมรับเงินจากมือของแม่ ผมรู้สึกว่า มือของแม่หยาบกร้านกว่าเคย…. แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก เพราะถึงมือ มือนี้จะต้องหยาบกร้านเพิ่มขึ้นสักแค่ไหน มันก็ยังคงหยิบยื่นมความสะดวกสบายให้ผมได้เหมือนเดิม และมันก็เป็นเช่นนี้เสมอมา ไม่ว่ายามที่ผม สุข หรือ ทุกข์ มือของแม่จะอยู่เคียงข้าง คอยช่วยประคับประคองผมเสมอ ตราบชั่วชีวิตของแม่ จนกระทั่ง วันนี้… หลายสิ่งในชีวิตของผมเปลี่ยนไป….. ผมมีชื่อเสียง มีเกียรติยศ มีคนนับหน้าถือตา มีบ้านหลังใหญ่ มีรถคันงาม มีเงินทอง มีมือนุ่มนิ่มของผู้หญิงสวยๆ คอยคลอเคลีย ทุกสิ่งที่ผมเคยต้องการล้วนมากองอยู่แทบเท้าของผม แต่สิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดกลับขาดหายไป ณ วันนี้ ข้างกายของผม ไม่มีมือของแม่…..

วีระกรรมของโจรสลัด

วีระกรรมของโจรสลัด เมื่อลูกน้องโจรสลัดมากันพร้อมหน้าหัวหน้าโจรสลัดก็พูดว่า หัวหน้า: พวกเจ้ารู้รึเปล่ากว่าข้าจะมาถึงจุดนี้ได้ ข้าต้องผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมามาก ลูกน้อง: หัวหน้าครับ หัวหน้า: มีอะไรว่ามา ลูกน้อง: ทำไมขาข้างขวาหัวหน้าใส่ขาไม้ครับ หัวหน้า: ตอนนั้นข้าสู้กับทหารเรือกลางทะเล แล้วเรือแตกข้าว่ายน้ำมีฝูงฉลามนับสิบ ตัว ว่ายตามมามันกัดขาข้าขาดไป แต่ข้าก็รักษาชีวิตไว้ได้ ลูกน้อง: หัวหน้าเจ๋งมากเลยครับ แล้วที่แขนซ้ายทำไมใส่ตะขอเหล็กล่ะครับ หัวหน้า: ตอนนั้นข้าเข้าไปในป่าเพื่อไปสำรวจพื้นที่ข้าไปเจอเสือ5ตัวอยู่ในป่า มันกัดแขนซ้ายข้าไปแต่ข้าก็หนีรอดมาได้ยังไงล่ะ ลูกน้อง: หัวหน้าสุดยอด!!แล้วตาข้างซ้ายที่บอด แล้วเอาผ้าดำปิดเอาไว้ล่ะครับ หลังลูกน้องถามจบหัวหน้าโจรสลัดร้องไห้เสียงดังมาก ลูกน้อง: แสดงว่าวีรกรรมครั้งนี้สะเทือนใจมาก หัวหน้าเจอกับสัตว์อะไรครับ หัวหน้า: เปล่า!!วันนั้นคันตาซ้าย กูลืมไปว่ามือซ้ายกูเปลี่ยนเป็นตะขอเหล็กแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

เลี้ยงไก่ชนเป็นอาชีพเสริม ควรทำหรือไม่



ปุจฉา - นมัสการค่ะพระคุณเจ้า ปุจฉา พ่ออายุ 50 กว่าค่ะ ออกจากราชการแล้วและป่วยบ่อย ในใจคิดกับแม่ว่าส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่พ่อเลี้ยงไก่ชนขาย ไก่มีคนมารับซื้อไปตีค่ะ บาปกรรมใช่มั้ยคะ ครอบครัวเราเป็นข้าราชการฐานะกลางๆค่ะ เป็นส่วนผลักดันให้พ่อหารายได้เสริมทางนี้ ดิฉันเองก็ใช้จ่ายจากเงินของพ่อด้วยค่ะ เคยขอให้เลิกเลี้ยงค่ะเพราะสงสารและคิดว่าบาปกรรม แต่ก็พาไปทะเลาะกันตลอด

พ่อไม่ค่อยไปทำบุญค่ะ บางทีก็อคติกับพระที่ปฏิบัติไม่ดี ซึ่งก็มีจริงๆ แต่กับปู่ย่า ดูแลดีจนปู่เสียค่ะ อยากช่วยพ่อ อยากให้เลิกทำ จะบอกหรือมีแนวทางบรรเทาอย่างไรมั้ยคะ ส่วนตัวเองก็คิดว่ามีบาปไปด้วย เพราะเงินที่พ่อให้ก็มาจากการขายไก่ชนเช่นกันค่ะ เวลาแผ่เมตตาเคยแผ่ให้ทั้งหมด แต่บางครั้งก็ลืม จะเป็นผลไหมคะ

กราบขอบพระคุณค่ะ _/|\_

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - การเลี้ยงไก่ชนขายนั้น เป็นการสนับสนุนการทรมานสัตว์ แม้จะไม่ได้ทรมานสัตว์โดยตรงก็ตาม ย่อมถือว่าเป็นบาป แต่ก็น้อยกว่าการเลี้ยงไก่เพื่อฆ่าเอาเนื้อ อย่างหลังนั้นพระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็น มิจฉาวณิชชา คือการค้าขายที่ไม่ชอบธรรม

หากเลิกอาชีพนี้ได้เป็นดีที่สุด แต่หากยังเลิกไม่ได้เพราะความจำเป็นทางเศรษฐกิจ ก็ควรเลี้ยงจำนวนไม่มากนัก พอให้มีรายได้พอเพียงแก่ความต้องการเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ควรมองหาลู่ทางสำหรับอาชีพใหม่ ที่ไม่เป็นการเบียดเบียนสัตว์ จะได้เป็นสัมมาอาชีวะจริง ๆ

ในฐานะลูก คุณควรพูดกับท่านอย่างสุภาพ ค่อย ๆ พูด ชี้ให้เห็นโทษของอาชีพนี้ และพยายามเสนอทางเลือกที่ดีกว่า ทั้งนี้อย่าเร่งรัดท่าน หรือคิดเอาชนะท่านจนกลายเป็นการโต้เถียงกัน ท่านยังไม่เห็นด้วยกับคุณในวันนี้ก็อย่าเสียใจ ขอให้พยายามต่อไป วันหน้าท่านอาจจะเห็นด้วยก็ได้ ระหว่างนี้ก็ชวนท่านทำบุญกับพระที่น่านับถือ หรือไม่คุณก็ทำบุญให้ท่าน รวมทั้งอุทิศส่วนกุศลให้แก่ไก่ทั้งหลายที่ล่วงลับดับไป ส่วนการแผ่เมตตาให้แก่ไก่ที่คุณพ่อเลี้ยงอยู่นั้น ก็ขอให้ทำต่อไปและอย่างสม่ำเสมอ

การทำบุญครบรอบ 50 วันและ100 วัน จำเป็นต้องให้ตรงวันที่ครบหรือไม่



Petcharatruangwanich Ruangwanich ปุจฉา - กราบนมัสการ เรียนถามเรื่องการทำบุญครบรอบ 50 วันและ100 วัน จำเป็นต้องให้ตรงวันที่ครบหรือไม่ และควรจะทำ พิธีการอย่างไรที่เรียบง่ายและถูกต้องที่สุด ถ้าลูกแต่ละคนมีอัฐิของบุพการรี ต่างคนต่างนำไปหรือเปล่าคะ กราบขอบพระคุณ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ไม่จำเป็นเลย ควรถือเอาความสะดวกของเจ้าภาพ เพราะบุญกุศลทำเมื่อใดก็ดีทั้งนั้น แม้ผู้ตายจะจากไปเป็นปี ๆ ก็ยังสามารถทำบุญอุทิศให้ได้

พิธีการที่ง่าย ๆ ก็คือ เลี้ยงพระ ถวายสังฆทาน ทำบังสุกุล แล้วกรวดน้ำอุทิศบุญกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ ถ้ามีการเทศนาด้วยก็ยิ่งดี สำหรับอัฐิของบุพการี ต่างคนต่างนำไปก็ได้ แต่บางคนก็เก็บอัฐิไว้ในวัด แล้วทำบุญเลี้ยงพระที่วัดนั้นเลย

โลกนี้บาดเจ็บเสมอ

โลกนี้บาดเจ็บเสมอ
บางครั้ง บาดแผล ก็อยู่ไกลห่างออกไป
บางครั้ง บาดแผล ก็อยู่ใกล้เข้ามา
เมื่อไหร่เราเป็นผู้พลาดพลั้ง
สร้างบาดแผลให้เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด
ขอให้เราคือผู้ขอโทษ
เมื่อไหร่ใครป็นผู้พลาดพลั้ง
สร้างบาดแผลให้เกิดขึ้น
ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด
ขอให้เราเป็นผู้ให้อภัย
แม้มันจะยาก
ก็ขอให้เราตั้งความปรารถนาไว้เถิด

เมื่อเราเผลอพ่นพิษร้าย
ขอเรากลับมาเป็นอากาศสดชื่น
ทุกครั้งที่เผลอพ่นพิษร้าย
ขอเรากลับมาเป็นอากาศสดชื่น
ให้โลกได้หายใจเถิด
อย่าร้องไห้เลย
สายน้ำไหลท่วมมามากพอแล้ว

จันลอง

แฉสาแหรก'คงเพชร-จรูญเกียรติ' 'สุเทพ'ระบุลูกสมุน'คำรณวิทย์' พัวพันคดีอุ้มฆ่าทนายสมชาย นีลไพจิตร !



29 ม.ค.57 เมื่อเวลา 19.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวบนเวทีปทุมวันว่า การชุมนุมของมวลมหาประชาชนชนถูกสมุนทรราชทำร้ายจนเสียชีวิต และบาดเจ็บหลายราย แต่ตำรวจไม่เคยจับใครได้เลย โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่วัดศรีเอี่ยม ตำรวจก็อยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร แต่ก็ไม่ทำหน้าที่ ตนเข้าใจตำรวจชั้นผู้น้อย จึงขอตำหนิตำรวจระดับผู้บัญชาการ ว่าต้องดูแลประชาชน และในเหตุการณ์เดียวกันนี้ มือปืนที่ยิง นายสุทิน ธราทิน แกนนำ กปท.เสียชีวิต ก็ก่อเหตุอุกอาจ มีหลักฐานชัดเจน ซ้ำยังกลับไปโพสต์โชว์ผลงานตัวเองบนเฟซบุ๊คอย่างชัดเจน แต่ตำรวจก็ยังไม่ขอหมายจับ

นายสุเทพ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ ด.ต.คงเพชร เพชรกันหา ผบ.หมู่ กก.สส.บก.น.2 ยิงผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บที่หน้าสโมสรกองทัพบกว่า ขณะนี้ ผู้ที่ถูกยิงบาดเจ็บนั้น อาการปลอดภัยแล้ว และกำลังใจดี พร้อมที่จะสู้ต่อ

นายสุเทพ กล่าวถึงประวัติของ ด.ต.คงเพชร ว่า แต่เดิมชื่อ อภิชัย แต่ถูกคดีเมื่อปี 2552 ข้อหาพยายามฆ่า เลยถูกออกจากราชการ มีเจ้านายช่วยให้กลับเข้ารับราชการได้เหมือนเดิม ปัจจุบันเป็นมือขวาของ พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผกก.สส.บก.น.2 ในวงการตำรวจรู้กันโดยทั่วไปว่าคอยรับงานฆ่าตามคำสั่งนายเป็นการเฉพาะ ส่วน พ.ต.อ.จรูญเกียรติ เดิมชื่อนพดล แต่มีข้อสงสัยพัวพันกับการอุ้มฆ่าทนายสมชาย จึงถูกย้าย 20 เมษายน 2547 ขณะเป็นสารวัตร ตำรวจภูธรภาค7 จากนั้นมีเจ้านายรับเข้ามาอยู่ในตำแหน่งอีก เป็นลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เหตุบังเอิญ น่าจะเป็นคำสั่งของคำรณวิทย์ สั่งผ่าน พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ให้ฆ่าแกนนำที่อยู่บนรถ พอการ์ดเห็นพิรุจก็ยิงใส่การ์ดทันที กะว่าเมื่อเกิดความชุลมุนก็จะหนี ยิงได้ไม่ลังเลเพราะเป็นมือปืนอยู่แล้ว มีผู้เห็นเหตุการณ์ยืนยันว่า ด.ต.คงเพชร ยิงใส่ผู้ชุมนุมก่อน

“พอเราจับได้คาหนังคาเขาว่า ตำรวจปลอมเป็นชายชุดดำ มาทำฆ่าประชาชน ตำรวจก็ไปบิดเบือนว่าแค่ไปหาข่าว ซึ่งตำรวจก็ทำแบบนี้ทุกครั้ง เป็นแบบนี้ตลอด ขนาดมีหลักฐานชัดเจนก็อ้างเป็นมือที่สาม พอจับได้ซึ่งๆ หน้า ก็อ้างว่า ไปหาข่าวแล้วถูกผู้ชุมนุมทำร้าย อยากให้ไปถามคุณพ่อคุณแม่ของเขาว่า ถ้ามีคนบุกเข้ามายิงพวกพ้องในที่ชุมนุม แล้ววิ่งตามจับได้ จะทนได้อย่างไร ก็ต้องโกรธแค้นเป็นธรรมดา และใครจะไปรู้ว่าเป็นตำรวจเพราะแต่งตัวมาเป็นชายชุดดำ แต่ก็ยังอ้างว่า ถูกประชาชนทำร้ายจึงก่อน จึงต้องป้องกันตัว และตนขอตำหนิการทำหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์ทีเอ็นเอ็น24 ที่เผยแพร่คลิปเหตุการณ์โดยระบุว่า ประชาชนรุมทำร้ายตำรวจเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นมือปืน” นายสุเทพ กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณสื่อมวลชนรายอื่นๆ ที่รายงานอย่างตรงไปตรงมา

@NaewnaOnline:
http://t.co/CuHlpyObMc http://t.co/5THKFkLPqs

"ถ้าเคารพโหวตของคุณ แล้วคุณจะเคารพในสิทธิ์ของคนอื่นหรือไม่?

"ถ้าเคารพโหวตของคุณ แล้วคุณจะเคารพในสิทธิ์ของคนอื่นหรือไม่? การที่พวกคุณยิงคนตาย คือคำตอบว่า พวกคุณไม่ได้เคารพอะไรเลย... ดังนั้น โหวตของพวกคุณจึงไร้ความหมาย และไร้ความชอบธรรม และทำหน้าที่เป็นแค่ข้ออ้าง สำหรับกลุ่มคนที่กินชาติบ้านเมือง... เป็นใบเบิกทาง... ให้พวกเขาใช้กดขี่ประชาชนที่ต่อต้านพวกเขาต่อไปเท่านั้นเอง! ..........................................................

*หมายเหตุ: ไม่ได้หมายถึงทุกคนที่จะไปโหวต ถ้าคุณไม่ได้สนับสนุนความรุนแรง ก้อไม่ใช่กลุ่มคนที่ข้อความนี้พูดถึง"

เพชร โอสถานุเคราะห์
๒๙ มกราคม ๒๕๕๗

อภิวัฒน์ เลิศนุกุล ผมขอถามคนที่อยากไปโหวดหน่อย พวกคุณไม่รู้เลยหรือว่าบ้านเมืองเรากำลังจะพังเพราะรัฐบาลทรราชย์ขุดนี้ มันโกงแม้กระทั้งชาวนาที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ ทำไมหรอครับแค่แก้กฏกติกา ปฏิรูปให้ทุกอย่างมันถูกต้องเที่ยงธรรมแล้วค่อยเลือกตั่งมันจะเป็นอะไรกันนักหนา คนไทยทุกคนรู้สึก รู้ว่ารัฐบาลชุดนี้โกงกิน มากมายขนาดไหน พวกที่อยากไปโหวดไม่รู้เลยหรืออย่างไร? อยากเห็นบ้านเมืองล่มจมกันนักหรือ ? หหรือเห็นแก่อามิสสินจ้างที่เขาจ่ายให้เลยทำได้ทุกอย่างที่เขาสั่ง จิตวิณญาณความเป็นคนไทยไปอยู่ที่ไหนกันหมดครับ อยากเห็นบ้านเมืองล่มจมกันนักหรือไง
ถูกใจ · ตอบกลับ · 22 · 9 ชั่วโมงที่แล้ว
Piya Benjasut I'm respect your vote but you respect my right ?

ผู้บริหารที่ดี เขาเป็นกันอย่างไร?


ตำแหน่งผู้บริหารมีผลอย่างยิ่งต่อความสำเร็จขององค์กร ถ้าองค์กรใดได้ผู้บริหารที่ เก่ง ดี มีวิสัยทัศน์ ก็มีแนวโน้มว่าองค์กรนั้น จะมีอนาคตสดใส เปรียบเสมือนนาวาลำน้อยใหญ่ ที่มีนายท้ายเรือที่เข้มแข็งคอยคัดหางเสือกำหนดทิศทาง ให้เรือแล่นไปยังจุดหมายปลายทางได้สำเร็จ แต่หากนายท้ายเรือไม่มีประสิทธิภาพ นาวาลำน้อยก็มีอันต้องจมหายไปในทะเลเป็นแน่
ดังนั้น ผู้บริหารจึง จำเป็นต้องมีการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ ได้รับการยกย่อง นับถือจากพนักงาน และคนในแวดวงธุรกิจ บางคนเป็นถึงผู้บริหารที่ทำงานไม่เป็น บริหารคนไม่ถูก ไม่รู้ว่าเขาทำกันอย่างไร วันนี้เรามีคำแนะนำสำหรับการเป็นผู้บริหารที่ดีมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
1. เป้าหมายคือความสำเร็จ ทำงานด้วยความทุ่มเท อุทิศตน เต็มที่กับงานทุกอย่าง และต้องมีการเตรียมพร้อมอยู่เสมอสำหรับทุกสถานการณ์ ที่สำคัญคือมีวิสัยทัศน์มุ่งสู่ความสำเร็จขององค์กร ซึ่งจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาได้ปฏิบัติตาม
2. มีความกล้าหาญ กล้าที่จะยืนหยัด ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกที่ควร กล้าที่จะพูด กล้าที่จะทำ กล้าคิดในสิ่งใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาองค์กรให้มีความก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป นอกจากนี้ต้องกล้าที่จะปกป้องลูกน้อง เมื่อเห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ดีกว่านิ่งเฉย ปล่อยให้ลูกน้องเผชิญชะตากรรมแต่เพียงลำพัง ซึ่งจะทำให้คุณเป็นผู้บริหารที่ลูกน้องต่างก็เคารพรักในตัวคุณ
3. มีวิธีสื่อสารที่ดี นอกจากผู้นำจะต้องมองการณ์ไกล และมีความคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอแล้ว การจะถ่ายทอดความคิดออกไปสู่การปฏิบัตินั้น จำเป็นต้องอาศัยทักษะการสื่อสารที่ดี มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน ป้องกันการทำงานซ้ำซ้อน ที่สร้างความสับสนให้กับทีมงาน ทำให้การงานเป็นไปอย่างสะดวกราบรื่น และมุ่งสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
4. เชื่อมั่นในศักยภาพของพนักงาน เชื่อว่าพวกเขาสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ ซึ่งจะทำให้พนักงานเกิดกำลังใจ มีแรงจูงใจในการทำงานให้ดีและสำเร็จด้วยตัวของพวกเขาเอง ส่วนผู้บริหารก็คอยแนะนำ ให้การสนับสนุนอยู่ห่าง ๆ
5. ติดตามความสำเร็จ เมื่อมอบหมายงานให้แก่พนักงานแล้ว ผู้บริหารจะต้องคอยตรวจตราความเคลื่อนไหว ผลการทำงานตามขั้นตอน ว่าสำเร็จเรียบร้อยดีหรือไม่ หากเกิดปัญหาติดขัด ก็ต้องวิเคราะห์สถานการณ์ เพื่อหาหนทางแก้ไขปัญหาต่อไป
6. ตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบ ผู้บริหารที่ดีต้องไม่ยอม จำนนต่อสิ่งต่าง ๆ ง่าย ๆ รวมทั้งไม่นิ่งนอนใจที่จะหาคำตอบให้กับสิ่งที่สงสัย ต้องเป็นคนช่างสังเกต ชอบตั้งคำถาม เพื่อหาคำตอบ เป็นการพัฒนาทางด้านความคิดอยู่เสมอ ซึ่งเมื่อความคิดได้พัฒนาอยู่ตลอดเวลา ก็จะเกิดความคิดใหม่ ๆ ที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาองค์กรของคุณ
7. ประเมินผลงานอย่างยุติธรรม เมื่อพนักงานทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ และมีผลงานที่ดี ก็สมควรได้รับรางวัลในความดีของเขา ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเงินทอง ของขวัญ แต่อาจเป็นคำชื่นชม ยกย่อง ให้เกียรติเขา เพื่อเป็นกำลังใจให้เขารักษาความดีงามเอาไว้ต่อไป ในทางตรงกันข้ามพนักงานที่ไม่ตั้งใจทำงาน หรือสร้างปัญหาอยู่เสมอก็ควรได้รับการประเมินผลงานตามเนื้อผ้า แม้ว่าเขาอาจจะเป็นคนสนิทและใกล้ชิดกับคุณก็ตาม

เหตุผลที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่ไปไม่รอด


ผู้ประกอบการหน้าใหม่พึงระวัง 11 ข้อผิดพลาดในการบริหารธุรกิจที่อาจสั่นคลอนอนาคตของบริษัท เรียนรู้ที่จะไม่ละเลยข้อควรระวังเหล่านี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่าง
ยาวนาน
1. วัตถุประสงค์ไม่ชัดเจน
ควรให้เวลากับการกำหนดพันธกิจและวิสัยทัศน์ของบริษัทให้ชัดเจน ว่าคุณต้องการจะเป็นอะไร และ
จะทำอย่างไรเพื่อไปถึงจุดนั้น ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่งประโยคให้สวยหรูดูดีเท่านั้น แต่คุณต้องเข้าใจเหตุผลของการก่อตั้งบริษัทขึ้นมาอย่างชัดเจน
2. ขาดการวางแผน
โบราณว่าไว้ “ถ้าคุณล้มเหลวในการวางแผน ก็เท่ากับว่า คุณวางแผนที่จะล้มเหลว” การวางแผนและพัฒนากลยุทธ์ในการทำธุรกิจเป็นสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลย ไม่ธุรกิจคุณจะเล็กแค่ไหน คุณก็ต้องการการวางแผน ให้เวลากับการวางแผนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งทบทวนกลยุทธ์และเป้าหมายของบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าเส้นทางที่คุณเดินไปนั้นถูกต้องแล้ว
3. ไม่เขียนเป้าหมาย
เป้าหมายคือสิ่งที่จะชี้วัดความสำเร็จ เป้าหมายจะเป็นรูปธรรมได้คุณต้องเขียนมันออกมาและกำหนดผู้รับผิดชอบในแต่ละเป้าหมายพร้อมกรอบเวลาที่ชัดเจน ถ้าไม่มีขั้นตอนนี้โอกาสที่จะไปถึงเป้าหมายก็เป็นไปได้ยาก
4. ขาดงบประมาณ
เป็นเรื่องแปลกที่ผู้ประกอบการทำธุรกิจโดยไม่มีงบประมาณ โดยปกติแล้วเพื่อให้มั่นใจในสภาพคล่องควรตั้งงบประมาณเป็นรายปี เพื่อให้มีเงินทุนสำหรับการดำเนินกลยุทธ์ต่าง ๆ ตามที่ได้วางแผนไว้อย่างราบรื่น
5. พนักงานไม่มีศักยภาพมากพอ
หากในบริษัทไม่มีใครเลยที่จะสามารถรับงานที่คุณวางแผนไว้ไปสานต่อให้สำเร็จได้ตามเป้าหมาย ก็เท่ากับว่า พนักงานที่คุณจ่ายค่าจ้างให้เขามาทำงานเหล่านั้นไม่สามารถรับผิดชอบในงานที่ให้คุณค่าใด ๆ แก่องค์กรได้ ควรรีบดำเนินการพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน หรือสรรหาบุคลากรใหม่ที่มีความสามารถพอที่จะนำพาธุรกิจของคุณไปสู่
เป้าหมายได้
6. ไม่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด
บางธุรกิจตลาดเปลี่ยนแปลงเร็ว จึงต้องจับตาเทรนด์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เช่น เทรนด์ของเทคโนโลยี ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป คู่แข่งคุณกำลังทำอะไรอยู่ เป็นต้น
7. ไม่เข้าใจความต้องการของลูกค้า
เพราะลูกค้าเป็นคนที่จะจ่ายเงินให้คุณ คุณจึงต้องให้ความสำคัญกับพวกเขาอย่างมาก ต้องให้เวลากับการศึกษาพฤติกรรมลูกค้า ความต้องการของลูกค้า และประสบการณ์ของลูกค้า ว่าเขาพึงพอใจกับสินค้าและบริการของคุณมากน้อยเพียงใด หากคุณไม่สามารถทำได้เหนือความคาดหวังของลูกค้า อนาคตสดใสที่คุณคาดหวังก็ยังคงอยู่ห่างไกลความเป็นจริง
8. ไม่มองว่าลูกค้าคือคนสำคัญที่สุด
พนักงานทุกคนที่จะต้องติดต่อลูกค้า คือหน้าตาของบริษัท พวกเขาต้องรับทราบสิ่งที่บริษัทคาดหวังจากงานของเขา พวกเขาต้องได้รับการอบรมเกี่ยวกับการปฎิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคุณต้องทำหน้าที่เฝ้าดู และให้รางวัลเมื่อพวกเขาทำดี เพราะการทำให้พนักงานมีความสุขจะส่งผลต่อการมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าเช่นกัน
9. ขาดการสื่อสาร
องค์กรที่ประสบความสำเร็จต้องมีการสื่อสารข้อมูลให้กับพนักงานและลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ
ให้พนักงานมีความสุข แล้วลูกค้าก็จะได้รับสินค้าและบริการที่มาจากใจของพนักงานทุกคน
10. ไม่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ผู้บริหารที่ดีต้องทบทวนกระบวนการทำงานขั้นตอนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดส่งสินค้า และการให้บริการ เพื่อมองหาโอกาสที่จะพัฒนาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
11. ไม่ฉลองความสำเร็จ
เมื่อไรก็ตามที่บริษัทประสบความสำเร็จไปอีกขั้น เช่น ทำได้ถึงเป้าหมายระยะสั้นที่ตั้งเป้าไว้ ก็ควรประกาศให้พนักงานรับทราบผลงานของพวกเขาด้วย เฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จที่เกิดขึ้น เพื่อขอบคุณในความร่วมมือร่วมใจของพวกเขา แต่หากคุณแสดงให้พนักงานรับรู้ว่าคุณเห็นคุณค่าของพวกเขา คุณอาจเสียคนดีคนเก่งไปในสักวัน
ที่มา : http://smallbusiness.yahoo.com/

เทคนิคการทำงาน -กฎปีศาจ 10 ประการ



โดย jobsDB
ปรัชญาของแต่ละองค์กรเป็นสิ่งที่สะท้อนลักษณะและแนวทางการทำงานขององค์กรนั้น ๆ การศึกษาความคิดและแนวทางการทำงานขององค์กรใหญ่ ๆ ที่มีอายุยาวนาน อาจให้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์ต่อนักบริหารมือใหม่ได้ไม่มากก็น้อย บริษัทเดนสึ บริษัทโฆษณาชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ที่ดำเนินกิจการยาวนานมากว่า 100 ปี ได้ยึดถือกฎปีศาจ 10 ประการของเดนสึ (Dentsu’s 10 Working Guide) และมอบเป็นแบบอย่างให้พนักงานทุกคนระลึกและใส่ใจอยู่เสมอในการทำงาน ดังนี้
1. งาน คือ สิ่งที่ตัวเองต้อง “สร้างขึ้น” ไม่ใช่สิ่งที่รอคอยให้คนอื่นหยิบยื่นมาให้
2. งาน คือ สิ่งที่ต้องคิดก่อน ทำก่อน “ด้วยการก้าวรุก” ไม่ใช่ทำอย่างตั้งรับ
3. จงมุ่งสู่ “งานที่ใหญ่” เพราะงานที่เล็กจะทำให้ตัวเราเองเล็กลง
4. ถ้าเล็ง “งานที่ยาก” แล้วทำได้สำเร็จ ก็จะเกิดความก้าวหน้า
5. ถ้าเริ่มทำแล้ว “อย่าปล่อย” แม้จะตายก็ไม่ปล่อย จงทำจนกว่าจะสำเร็จ
6. จงนำผู้ที่อยู่รายรอบ อย่าปล่อยให้ตัวเองเป็นผู้ตาม เพราะหากเวลาผ่านไป การได้นำ กับ การถูกนำ จะต่างกันราวฟ้ากับดิน
7. จงมี “แผนงาน” ถ้ามีแผนงานระยะยาว ก็จะมีความอดทน มีการปรับเปลี่ยน รวมทั้งความพยายามที่ถูกต้องและความหวังจะบังเกิดขึ้น
8. จงมี “ความมั่นใจ” ถ้าไม่มีความมั่นใจแล้ว งานของคุณจะไม่มีพลัง ไม่มีความอดทน หรือไม่มีแม้แต่รสชาติของการดำรงอยู่
9. จะต้องให้สมอง “หมุนเต็มที่” อยู่เสมอทั้ง 8 ทิศ จะให้มีช่องว่างเหลืออยู่แม้แต่นาทีเดียวก็ไม่ได้ บริการของเราก็ต้องเป็นอย่างนั้น
10. “ไม่ต้องกลัวการกระทบกระทั่ง” การกระทบกระทั่งก่อให้เกิดความก้าวหน้า ถ้าไม่มีปุ๋ยดี ๆ พวกเธอจะเป็นพวกที่เลี้ยงไม่โต
จึงเป็นหลักในการทำงานที่ทุกคนในเดนสึยึดถือและปฏิบัติตามมาอย่างยาวนาน และทำให้เดนสึยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งมั่นคง ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานนับศตวรรษ บรรดานักบริหารทั้งหลายคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เทคนิคของเขาดีจริง ๆ

ผลวิจัยเผย ปี59 คน GEN Y จะครององค์กร




ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PwC) เผยผลการศึกษาพบ จำนวนคนวัยทำงานยุคเจนเนอเรชั่น เอ็กซ์ (Generation Y) หรือ Millennials ของบริษัทจะมีสัดส่วนถึงร้อยละ 80 ของแรงงานทั้งหมดในอีก 3 ปีข้างหน้า ขึ้นแท่นการเป็นผู้บริหารแทนคนยุค Baby Boomers สะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ทั่วโลก ภาคธุรกิจต้องเร่งปรับกลยุทธ์การทำงานแบบเก่า หรือ ‘Top-down approach’ เพื่อลดช่องว่างความแตกต่าง รวมทั้งรักษาคนรุ่นใหม่ที่เป็น Talent ให้อยู่กับองค์กร หรือไม่ให้สมองไหลออกไปยังต่างประเทศ

นางสาว วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา บริษัท PwC Consulting ประเทศไทย กล่าวถึงผลสำรวจ NextGen: A global generational study 2013 ว่า คน Gen Y คือผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523 – พ.ศ. 2538 โดยคนกลุ่มนี้เติบโตมาในยุค ดิจิตัล ที่เต็มไปด้วยการสื่อสารผ่านอีเมลล์ เทคโนโลยีบนมือถือ อินเทอร์เน็ต และ สื่อออนไลน์ (Facebook, Skypes, Facetime, Twitter และอื่นๆอีกมาก) มีความเชื่อมั่นในความคิดเห็นของตนเองสูง มีสไตล์การใช้ชีวิตอย่างสมดุล (Work/life balance)
“ประเด็นสำคัญที่เราพบก็คือ ตอนนี้หลายๆ องค์กรกำลังประสบปัญหาการทำงานร่วมกันของพนักงานในแต่ละ Gen ที่มีลักษณะนิสัย ความคิด ความเชื่อ รูปแบบการทำงาน และทัศนคติที่แตกต่างกันจนเกิดการทำงานที่เรียกว่า Out of Sync พูดง่ายๆก็คือเข้ากันไม่ได้” นางสาว วิไลพร กล่าว
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ Personality Clash ระหว่างคนในแต่ละรุ่น คนยุคก่อนหน้ามองว่าคนรุ่น Gen Y เป็นพวกไม่ทุ่มเทกับการทำงาน ไม่มีน้ำอดน้ำทน เปลี่ยนงานบ่อย ไม่ฟังคำสั่ง แต่ในทางกลับกัน เด็กรุ่นใหม่ก็จะมองว่าคนรุ่นเก่าชอบวางอำนาจ ทำงานเชื่องช้า ทำงานแบบ Hierarchy ล้าหลังในเรื่องเทคโนโลยี ซึ่งหากมองแบบผิวเผิน ปัญหานี้ดูไม่ได้นักหนาอะไร เป็นปัญหาภายในที่ไม่ได้ส่งผลต่อการสร้างรายได้ หรือ Bottom line ให้กับบริษัท แต่จริงๆแล้ว ถ้ามองดีๆ มันเป็นปัญหาเชิงลึกที่ส่งผลต่อ Performance และ Turnover อย่าลืมว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนในองค์กรทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ผลสำรวจฉบับนี้ ถูกจัดทำขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง PwC มหาวิทยาลัย Southern California และ The London Business School ผ่านการสำรวจพนักงานในกลุ่ม Gen Y และ Generation อื่นๆ กว่า 44,000 คน จากเครือข่าย PwC ใน 18 ประเทศทั่วโลก การสำรวจดังกล่าวใช้เวลา 2 ปีในการจัดทำ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะทำความเข้าใจถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพนักงานในองค์กร ลักษณะนิสัย (Stereotype) ทัศนคติ และแรงจูงใจของคนทำงานในแต่ละรุ่น รวมทั้งศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหา ให้พนักงานในองค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นางสาว วิไลพร กล่าวว่าต้นกำเนิดของรายงานนี้เริ่มขึ้นเมื่ิอสิบปีก่อนในช่วงที่คน Gen Y เริ่มเข้ามาทำงานกับ PwC มากขึ้น แต่สิ่งที่เราสังเกตได้ในเวลาเดียวกัน คือคนรุ่นใหม่ๆที่เข้ามาทำงาน ก็อยู่กับเราได้ไม่นาน หลังจากสองสามปีแล้วก็ไป ประเด็นนี้ทำให้เราหันมาศึกษาอย่างจริงจังว่าอะไรเป็นปัจจัยหรือ Shift in Culture ที่เกิดขึ้น
คน Gen Y เลือกความสมดุลมากกว่า เงิน ตำแหน่ง
ผลสำรวจระบุว่า พนักงานในกลุ่ม Gen Y ให้ความสำคัญกับเรื่อง การสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัว (Work/life balance) มากกว่าคนรุ่นอื่นๆ โดยร้อยละ 71 ของคน Gen Y มองว่าค่าตอบแทนหรือการเลื่อนตำแหน่งเป็น priority รองเปรียบเทียบกับคนรุ่นอื่น (Non Milliennials) ที่ร้อยละ 63
ในขณะเดียวกัน พนักงานในกลุ่ม Gen Y กว่าร้อยละ 60 ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน (Greater flexibility) เช่น สามารถเลือกหรือปรับเปลี่ยนเวลาเข้าทำงานได้ หรือทำงานจากที่บ้าน หรือที่อื่นๆ และเชื่อว่าการได้มาซึ่งความสามารถในการผลิต (Productivity) ไม่ได้วัดกันที่จำนวนชั่วโมงที่ใช้ทำงาน แต่อยู่ที่ผลงานที่ได้มากกว่า (Results/goals achieved over time invested) ซึ่งแตกต่างกับคนรุ่นเก่าที่ถูกปลูกผังและเคยชินกับการทำงานหนักที่ทำงาน เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง และความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
นางสาววิไลพร กล่าวต่อว่า ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่เราพบ คือ คนทำงานรุ่นนี้ (Gen Y) ต้องการรู้สึกว่าพวกเขามีส่วนร่วมและกำหนดทิศทางของบริษัทไปพร้อมๆ กับการเติบโตไปในองค์กร ผู้บริหารจะต้องตอบโจทย์ความต้องการของเด็กรุ่นนี้ให้ได้ และต้องสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ให้พนักงานทุก level มีส่วนร่วม กระตุ้นให้เกิดความคิดริเริ่ม ร่วมทำงานกับเพื่อนร่วมงานและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
พนักงานในกลุ่ม Gen Y ร้อยละ 41 ต้องการที่จะได้รับความยอมรับจากเพื่อนร่วมงาน และผู้บริหารอย่างน้อยเป็นประจำทุกเดือน ในขณะที่คนรุ่นเก่ามักไม่ชินกับการแสดงออกความคิดเห็น หรือมักทำงานตามคำสั่งอย่างเดียวและไม่ได้รับ Feedback จนกว่าจะถึงรอบ Performance review cycles (ร้อยละ 30)
คนรุ่นนี้ทำงานรวดเร็วและต้องการให้เจ้านายมีเสียงตอบรับกับผลงานอยู่เป็นประจำ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาพัฒนาความสามารถ แทนที่จะนั่งรอรายงานวัดผลงาน คนเป็นผู้บริหารควรให้คำตอบรับ แนะนำ หรือติชมในทางสร้างสรรค์ ไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตามอยู่เสมอ เพราะคนรุ่นนี้มักคาดหวังว่าจะได้มีผลตอบรับจากนายจ้างทันที และที่สำคัญที่สุดคือการชื่นชมความสำเร็จของพวกเขาอย่างจริงใจ
ผลสำรวจยังระบุว่าคน Gen Y ยังมองหาโอกาสในการทำงานในต่างประเทศหรือ Opportunity oversea (ร้อยละ 37) ผิดกับคนรุ่นเก่า (ร้อยละ 28) ที่มักไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง หรือย้ายถิ่นฐานห่างจากครอบครัว
เมื่อมองแนวโน้มในอนาคต สำหรับประเทศไทย เริ่มเห็นหลายๆ องค์กรปรับกระบวนการทางด้านพัฒนาบุคลากร ที่จะ Retain พนักงานให้เหมาะกับแต่ละ Gen อย่างจริงจังมากขึ้น เมื่อก่อนเราอาจจะมีแค่วิธีเดียว สูตรเดียวใช้กับทุกคนในองค์กร เดี๋ยวนี้เริ่มมีบางที่ ที่ทำการวิเคราะห์สัดส่วนจำนวนพนักงานแต่ละ Gen ว่ามีจำนวน Gen X กี่เปอร์เซ็นต์ Gen Y กี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อออกแบบ กลยุทธ์ให้เหมาะสม อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ คือ บางบริษัทเริ่มมีการประเมินผลงานในรูปแบบ Result-oriented โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพของ Output มากกว่าปริมาณ
นโยบายจากบนลงล่าง หรือ Top-down approach อาจจะเป็นรูปแบบการทำงานที่ใช้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะคนทำงานรุ่นใหม่ที่เข้ามาในตลาดแรงงานมีการศึกษามากขึ้นกว่าเดิมและคนรุ่นนี้กล้าที่จะตั้งคำถามกับเจ้านาย คนรุ่นหลังๆเติบโตมากับการตั้งถามกับพ่อแม่ ครูอาจารย์ มากกว่าการทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียว ถ้าองค์กรยังใช้วิธีบริหารแบบเดิมๆ ก็มีแนวโน้มที่คนรุ่นนี้จะไม่ตอบสนองกับวิธีการบริหารแบบใช้อำนาจและการควบคุม จนในที่สุดบางรายลาออกไป โดยเราไม่สามารถรักษาเขาไว้ได้
นางสาว วิไลพร กล่าวว่า ทุกวันนี้เราจะเห็นพนักงานส่วนใหญ่เป็นคนใน Gen Y และเริ่มมี Gen Z เข้ามาทำงานเพิ่มขึ้น เราเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงว่า มีผู้บริหารระดับกลางถึงสูง ในบางองค์กรที่เป็นคนในรุ่น Gen Y แล้ว หากผู้บริหารสามารถวางกลยุทธ์เพื่อเชื่อมความแตกต่าง และลดช่องว่างระหว่างวัยของพนักงานเหล่านี้ได้มีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ องค์กรก็จะยิ่งได้เปรียบทางการแข่งขัน ส่งผลดีทั้งในแง่การบริหารงานที่ได้ไอเดียมาจากคนรุ่นใหม่ และยังรักษาคนเก่งๆที่เป็น Gen Y โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเปิด AEC ในปี’58 ที่การโยกย้ายแรงงานจะเป็นไปอย่างเสรี เราจำเป็นที่จะต้องสร้างแรงดึงดูดเพื่อรักษา Talent ให้อยู่กับธุรกิจให้ได้
สำหรับ คำศัพท์ Generation Y (Gen Y), Millennial Generation หรือ Generation M (Gen M) คือผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523 – พ.ศ. 2538 โดยคนกลุ่มนี้เติบโตมาในยุคดิจิตัล ที่เต็มไปด้วยการสื่อสารผ่านอีเมลล์ เทคโนโลยีบนมือถือ อินเทอร์เน็ต และ สื่อออนไลน์ (Facebook, Skypes, Facetime, Twitter และอื่นๆอีกมาก) มีความเชื่อมั่นในความคิดเห็นของตนเองสูง มีสไตล์การใช้ชีวิตอย่างสมดุล (Work/Life Balance)

ที่มา http://m.news.thaipbs.or.th/

แฉ..ฮาแตก ชายชุดดำโดนล้วงตูด ไม่ปลอดภัยแม้ยามตด


29 ม.ค.57 แฉ..ฮาแตก ชายชุดดำโดนล้วงตูด ไม่ปลอดภัยแม้ยามตด

เรื่องไม่ไหวจะฮาเปิ่นๆ ของชายชุดดำเวลานี้ นอกจากเรื่อง แอบใส่เสื้อดำนอกเครื่องแบบติดกล้องหน้ารถมอเตอร์ไซต์ ระเบิดปิงปอง ปืน มาลอบเก็บความลับของประชาชน พอถูกจับได้ก็ยิงปืนใส่เอาดื้อ ๆ กรณีนี้ติดคุกหัวโตแน่ ๆ เพราะพยานหลักฐาน พยานบุคคลมหาศาล และเปาบุ้นจิ้นเคยพิพากษาการต่อสู้ป้องกันตัวเป็นบรรทัดฐานไว้แล้วทุกคดี ว่าจะทำได้ก็ต้องใช้อาวุธเท่า ๆ กันเท่านั้น ขนาดเขาเอามีดวิ่งพุ่งมาหา ยังเอาปืนยิงไม่ได้เลย

นี่ชายชุดดำได้รับคำสั่งให้ไปลอบสังหารแกนนำ พอเข้าใกล้ไม่ได้ก็คิดโง่ ๆ ทำงานสร้างผลงานสักหน่อย โดยการยิงมั่วๆ ไปที่มวลชนที่ยืนอยู่เอาดื้อ ๆ จึงถูกมวลชนใช้สันติอหิงสวนประเคน “สิ่งเทียมเท้า” จนโซ่โครงหัก 9 ซี่ กะโหลกร้าว นอนหยอดน้ำเฮลบลูบอย แค่นี้ยังไม่สาสมกับความผิดที่ยิงปืนใส่คนอื่นที่เขาบริสุทธิ์ จนเขาเจ็บไปนอนโรงพยาบาล

หัวหน้าชายชุดดำยศ พันตำรวจโท จะเข้ามารับลูกน้องกลับ ดันถูกสารวัตรชายชุดเขียวไม่ยอมอีกแถมสวนไปว่า “ผมไม่สนใจ เมื่อมาลอบยิงประชาชน ก็ไม่ใช่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ถ้าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จริง เขาจะไม่ทำแบบนี้ แต่นี้มันโจร ชัดๆ ผมไม่อนุญาตให้คุณเอาตัวผู้ร้ายออกจากโรงพยาบาลไปได้หรอก" หน้าแตกเปรี๊ยะๆ เดินเกาไข่กลับออกไปอีก

และจนถึงบัดนี้ก็ไม่มีชายชุดดำคนใดกล้าโผล่หัวมาเยี่ยมอีกเลย ลอยแพลูกน้องหายเข้ากลีบเมฆ แต่กลับไปแถลงข่าวแถๆ ว่า “ มาทำหน้าที่สืบข่าว “ พอถูกจับขณะมาลอบโจมตี ได้ก็แถว่ามาหาข่าว พอจับไม่ได้ก็อ้างว่าเป็นมือที่ 3...ก็เพราะแบบนี้แหละที่กำนันเขาให้มวลชนท่องบทสวดอิติปิโส แต่พอมวลชนเขาเจอชายชุดดำมาแฝงตัวยิงก่อน เขาจึงลืมกลายเป็นท่อง “ อนิจจาวัตสังขารา “ แล้วทำบุญให้ด้วยสิ่งเทียมเท้า และสิ่งเทียมหมัด สิ่งเทียมก้อนหิน แทน

วันนี้เอาอีก เมื่อชายชุดดำ ถูกล้วงคอใส้เดือนน้อยแบบฮาแตก เมื่อเพิ่งค้นเจอกล้องขนาดจิ๋วติดในม้วนกระดาษทิชชู่ เพื่อจับภาพและเสียงขณะคุยกันตอนยืนฉี่ในห้องน้ำสุขาของตนเอง คำโบราณที่ว่า "กำแพงมีหู ประตูมีช่อง" จึงเป็นจริงแท้ ไม่ปลอดภัยแม้พวกตัวเองจะเข้าห้องน้ำ จะขี้ เยี่ยว ตด ความลับรั่วไหลไปถึงสุเทพ และชาย 3 สีหมด
- จะแต่งตัวนอกเครื่องแบบแฝงตัวใส่เสื้อมอเตอร์ไซต์วิน ก็โดนสิ่งเทียมเท้าสวนอีก
- จะคุยวางแผนอะไรกัน ข่าวในห้องก็ส่งรั่วออกมาหมด
- ภาพนิ่ง เคลื่อนไหว ปากการสนทนาก็ถูกติดกล้องล้วงความลับ
- จะเขียนลงกระดานผนัง กระดาษ หรือพิมพ์ลงคอม ไม่กี่วินาที ก็จะรั่วออกไปทันที
- จะไปอึ ตด ให้สบายใจให้องน้ำก็ถูกดักฟังว่าตดดังเป็นทำนองอะไร
- จะแอบไปหาเมียน้อย ก็ถูกล้วงหมดว่ากี่คน อยู่ที่ไหน ชื่ออะไรบ้าง !! ใช้ถุงยางเบอร์อะไร ตามไปถ่ายภาพเก็บไว้ และไปแฉให้เมียหลวงรู้ บ้านแตก หัว หู โดนทุบอีก

เรื่องที่สอง เมื่อสุเทพประกาศว่าจะส่งมวลชนไปปิดล้อมศูนย์รวมสัตว์ (ศรส.) ส่งผลใช้ชายชุดดำป่วนหนัก
- สั่งระดมกำลังหลายหมื่นคนกว่า 70 กองร้อย หรือ 1.05 หมื่นนาย จากพื้นที่รอบๆ กทม. , ภาคกลางทั้งหมด , ภาคตะวันออก , อีสานใต้ , อีสานเหนือ , ภาคตะวันตก
- ระดมหน่วยคอมมานโดมือดีจากหน่วยต่างๆ ประกอบด้วย หน่วยอรินทราช 26 นเรศวร 261 สยบริปูสะท้าน สยบไพรี
- วางแผนปฏิบัติการ 4 ขั้นตอนหัวโป่ง ประกอบด้วย ขนแท่งแบริเออร์จำนวนมากมาล้อมทำเป็นจุดสกัดกั้นบริเวณด้านหน้า , หากผู้ชุมนุมฝ่าแนวกั้นเข้ามาได้ให้ใช้แก๊สน้ำตาและเข้าจับกุม , ใช้กระสุนยาง และใช้กระสุนจริง
- ที่ลงทุนทั้งหมดทำเพื่อรักษาป้ายศูนย์รวมสัตว์ (ศรส.) ฉากหลังป้ายสีฟ้าบุบบิบบู้บี้ เหมือนขายประกันตามห้างบิ๊กซี โลตัส..ไม่ให้ประชาชนมานั่งเล่น !!

เหลิมมันไม่รู้หรือว่าเรื่องนี้ เสธ แฉ ให้ประชาชนทั่วประเทศเขารู้ล่วงหน้ามาตั้งหลายวันแล้ว ดังนั้นพอเช้า 29 ม.ค.57 เช้า เจอลับ-ลวง-พราง ของสุเทพเข้าไปประกาศว่า ไม่ไปล้อมศูนย์รวมสัตว์ (ศรส.) แล้วยังไม่ว่าง!! เล่นเอาเป็ดเหลิมถึงกับเหวอ โมโหกราดเกรี้ยวด่าเสียงดังไปทั่วห้องว่าอะไรเตรียมทั้งคน ทั้งอาวุธ ตั้งนานหวังจับตัวสุเทพและแกนนำ ทำไม่ไม่มา..เออ แล้วไงหว่า!! เออ..เก้อไปเลย

เรื่องที่สาม วันนี้ที่ศูนย์รวมสัตว์ (ศรส.) ที่ระหกระเหินไปตั้งป้ายที่กองบัญชาการ บช.ปส. ถนนวิภาวดีรังสิต ผอ.เป็ดหลิมผู้มีฉายาว่า “ เป็นลูกน้องใคร หัวหน้าตายหมด “ ก็แถลงข่าว
1. แถ..ว่าที่เมื่อคืนมีการยิงอาวุธสงคราม M79 ใส่ประชาชนที่ห้าแยกลาดพร้าวนั้น เป็นเพราะประชาชนอึดอัดม๊อบปิดถนน
2. ขู่ฆ่า..ผู้ชุมนุม คปท.ที่สะพานพระราม 8 ว่า ถ้ายังไม่เลิกชุมนุมอีกไม่เกิน 7 วันโดนแน่...เหลิมลืมไปหรือเปล่าว่าที่นี่น่ะ ขนาดแก๊งค์โกตี๋ กาละแม ป่วน ยังโดนสิ่งเทียมอาวุธ BB Gun จากชายนิรนามไม่รู้ที่ไหนไล่ยิงวิ่งเปิดเปิงไปทุกคืน..ถามแจ๊ดสิรู้ดี
3. ขู่ยึด..อีกว่าบริษัทขายเหล้า เป็ด ไก่ ต้องหยุดหนุนม็อบประชาชน ถ้าไม่หยุดจะดำเนินการตรวจสอบภาษีย้อนหลัง (ยกเว้นบริษัทขายไวน์ บ่อนและคิวรถไอ้ปื๊ด)
4. ขู่อัด..ให้ประชาชนทุกคนต้องออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 !!..(ไม่งั้นจะเจ็บ)

เสธ ว่าประชาชนยิ่งจะกลัวจนไม่กล้าอยู่บ้าน เรียกแขกให้มาร่วมกับสุเทพมากขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีก ชายชุดดำตอนนี้ที่ยังไม่โดนสอดแนมใส่กล้องและเครื่องดักฟังมีเหลือที่เดียวคือ ในรูก้นเท่านั้นแหละ ค้นเจอที่ในห้องน้ำก็ยังเหลืออีกเป็นกุรุด เพราะของพวกนี้เป็นภาษีของประชาชนเขา ชาย 3 สีเขาก็ต้องเอามาใช้สอดแนมเพื่อปกป้องประชาชน

ที่จริงถ้าชายชุดดำจะแฝงตัวมาหาข่าวก็ไม่ยาก ที่ต้องขนาดต้องปลอมตัวใช้ Costume ใช้เสื้อวินเมอเตอร์ไซต์ หรือติดกล้องจิ๋วที่หน้ารถมอเตอร์ไซต์หรอก

แห่งเพียงแค่ทำป้ายตัวโตๆ แปะที่เสื้อว่า " ไม่ใช่ชายชุดดำ" เท่านี้การ์ด กปปส. ก็มองไม่เห็นหรือจับไม่ได้แล้ว..เนียนๆ ง่ายๆ !!

@เสธ น้ำเงิน
https://www.facebook.com/topsecretthai

"แตงโม" จัดคลิปฮา!! แถลงการณ์กกน.ษ.ชี้แจงข่าวถูกทำร้าย

"แตงโม ภัทรธิดา" จัดคลิปฮา!! เลียนแบบแถลงการณ์ผู้นำ ชี้แจงกรณีมีมือดีปล่อยข่าว-คลิปมั่ว บอกถูกชายฉกรรจ์นับ 10 รุมทำร้าย เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กรณีมีผู้ไม่หวังดีนำภาพของนางเอกสาว "แตงโม ภัทรธิดา" ในสภาพใบหน้าบอบช้ำออกมาแชร์ในโลกสังคมออนไลน์ พร้อมระบุข้อความว่า "แตงโม ภัทรธิดา ถูกชายฉกรรจ์นับ 10 ทำร้าย หลังเดินทางกลับบ้าน (มีคลิป)!!" จนกลายเป็นประเด็นให้หลายคนพูดถึง และต่างหาที่มาของภาพดังกล่าว ซึ่งสรุปว่าเป็นภาพเก่าของนางเอกสาวที่ได้เคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายปีก่อน และล่าสุดที่อินสตราแกรมของนางเอกสาวได้มีการโพสต์คลิปวีดีโอสั้น สุดฮาของเจ้าตัว ซึ่งเป็นการชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ในลักษณะคล้ายการแถลงการณ์ของท่านผู้นำ จากศูนย์กางเกงในรักษาการระบุว่า.. นี่เป็นแถลงการณ์จาก กกน.ส. ดิฉันต้องเรียนให้กับประชาชนทุกคนทราบค่ะว่า คลิปที่ออกมานั้น เป็นแตงโมปลอม!!ค่ะ พร้อมแสดงความขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง.. http://www.youtube.com/watch?v=4Ih1jqf4Rb4 #Teenee.com



เทรนด์ HR ในอนาคต 2by jobsDB


ในสังคมปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว องค์กรทั่วโลกต่างคาดหวังให้พนักงานแสดงประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ประเทศไทยเองก็เช่นกัน บริษัทเฮย์กรุ๊ป บริษัทให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการองค์กรระดับโลก จึงทำการสำรวจพบว่าพนักงาน 87% จากองค์กรในประเทศไทยต้องการให้พนักงานองค์กรของพวกเขามีผลการปฏิบัติงานในระดับสูง
เมื่อเป็นเช่นนั้น วิธีการบริหารงานบุคคลแบบองค์รวม จึงเป็นสิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะบ่อยครั้งจะได้ยินผู้คนพูดถึงประเด็นเรื่องการจ้างงานผู้มีศักยภาพสูง การพัฒนาผู้นำ หรือการส่งเสริมให้พนักงานมีการปฏิบัติงานที่ดีขึ้นว่า สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างความแตกต่างในความสำเร็จ หรือความล้มเหลวขององค์กรได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเศรษฐกิจโลกเผชิญกับวิกฤตในปี 2008 การพูดถึงประเด็นเหล่านี้จึงเป็นสาเหตุให้ผู้บริหารระดับสูง (CEO) หลายองค์กร คาดหวังให้ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล (HR) แน่ใจว่า องค์กรมีพนักงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสมอยู่ในบทบาทที่ถูกต้อง และทำงานที่เหมาะสมกับความสามารถของพนักงาน
แม้สิ่งเหล่านี้อาจฟังดูเป็นเรื่องง่าย แต่ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคลในหลายองค์กรต่างยอมรับว่ายังไม่สามารถบรรลุสิ่งเหล่านี้ได้ เมื่อสภาพแวดล้อมการทำงานมีความซับซ้อนมากขึ้น ทีมบริหารทรัพยากรบุคคลจึงจำเป็นต้องพัฒนาวิธีการดำเนินงานให้มีความเชื่อมโยงกัน เพื่อให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ เพราะการบริหารบุคลากรไม่สามารถมองแบบแยกส่วนได้ แต่ควรจะต้องสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกลยุทธ์ คน และงาน
ฉะนั้นเมื่อมีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้น สิ่งที่ควรตั้งคำถามอาจไม่ใช่เราสามารถทำอย่างไรกับปัญหานี้ได้บ้าง? แต่คำถามที่ถูกต้องคือเหตุใดปัญหาเหล่านี้จึงเกิดขึ้น? ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำอีก !
องค์กรเร่งปรับทัศนคติ
บริษัท เฮย์กรุ๊ป ทำการสำรวจความคิดเห็นขององค์กรกว่า 1,400 องค์กร ส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่เจเนอเรชั่นใหม่พบว่า องค์กรในประเทศเกิดใหม่ทางเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ช่วงของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะ ที่หลายองค์กรในประเทศยุโรปต้องดิ้นรนต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามทั้งองค์กรในประเทศเกิดใหม่ทางเศรษฐกิจ และองค์กรในยุโรปกล่าวเหมือนกันว่า องค์กรกำลังเปลี่ยนทัศนคติจากเดิมที่มุ่งเน้นเรื่องการตัดค่าใช้จ่าย เป็นกระตุ้นการเติบโตและความสามารถในการผลิตแทน
นอกจากนั้นผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า นักบริหารทรัพยากรบุคคลไม่สามารถกระตุ้นการเติบโต และความสามารถในการผลิตขององค์กรได้ ผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 60% ยอมรับว่า ตนเองยังไม่ประสบความสำเร็จในการทำให้องค์กรสามารถดำเนินการไปตามกลยุทธ์หลัก และ 52% กล่าวอีกด้วยว่า พวกเขาไม่มั่นใจว่าตนเองกำหนดพนักงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสมให้อยู่ในบทบาท ที่ถูกต้อง และทำงานที่เหมาะสมกับความสามารถของพนักงาน
อย่าปิดกั้นมุมมอง HR
นักบริหารทรัพยากรบุคคลมักทำงานอยู่ในกรอบ โดยไม่มองถึงความเชื่อมโยงระหว่างการบริหารคนกับงาน ซึ่งจากข้อมูลของเฮย์กรุ๊ป การบริหารทรัพยากรบุคคลที่ถูกมองแบบแยกส่วน และขาดการผสมผสานกัน มักสร้างความไม่พอใจให้กับผู้บริหาร หากคุณเป็นเหมือน 60% ของผู้ตอบแบบสำรวจคือไม่มีการเชื่อมโยงกระบวนการหลัก ๆ ของงาน HR อันได้แก่ การประเมินค่างาน การบริหารผู้มีศักยภาพสูง และประสิทธิภาพองค์กรเข้าไว้ด้วยกัน คุณจะทำได้แค่เพียงจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ที่ต้นเหตุของปัญหา
มอง HR อย่างเชื่อมโยง
การปรับบทบาทของ HR จากการเป็นเพียงฝ่ายสนับสนุนให้เป็นคู่คิดเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจนั้น HR จำเป็นต้องช่วยองค์กรให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากผู้บริหารทรัพยากรบุคคลไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงการจัดการคนกับกลยุทธ์ขององค์กรให้มีความสอดคล้องกัน
วิธีที่ HR สามารถช่วยให้องค์กรบรรลุจุดมุ่งหมาย คือ สร้างความสอดคล้องระหว่างคนกับกลยุทธ์ขององค์กร ซึ่งเรื่องนี้ "ชนัตถ์ อธิบาย" ผู้บริหารระดับสูง บริษัทเฮย์กรุ๊ป (ประจำประเทศไทย) กล่าวว่า ในองค์กรมีระบบต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องอาศัยการเชื่อมโยง ไม่ว่าจะเป็นงาน ค่าตอบแทน หรือการบริหารผลการปฏิบัติงาน
"ฉะนั้น HR จึงจำเป็นต้องทำให้ระบบต่าง ๆ มีความสอดคล้องกัน เพราะเมื่อสิ่งต่าง ๆ ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน HR จะเห็นภาพรวมที่ชัดเจน จนทำให้บรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กรง่ายขึ้น ทั้งนี้วิธีการดีที่สุดคือการสร้างแกนกลางที่เป็นมาตรฐานเพื่อนำเหตุและผลใน เรื่องต่าง ๆ มาร้อยเรียงกัน เพื่อให้ได้คำตอบต่อเรื่องต่าง ๆ ที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน เครื่องมือการประเมินค่างานสามารถช่วยหาคำตอบได้"
นอกจากเครื่องมือการประเมินค่างานจะช่วยในการตัดสินใจเรื่องค่าตอบแทนพื้นฐานแบบเดิมขององค์กรแล้ว ยังสามารถช่วยองค์กรในการบริหารผู้ที่มีศักยภาพสูง การพัฒนาความก้าวหน้าทางอาชีพ ทั้งยังช่วยการวางแผนกำหนดคนให้เหมาะสมสำหรับตำแหน่งงานขององค์กรด้วย
ฉะนั้น เมื่องานเป็นรากฐานขององค์กร เครื่องมือการประเมินค่างาน จึงสามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการออกแบบองค์กร รวมถึงยังช่วยกำหนดตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดให้กับพนักงานแต่ละคน เพื่อให้พนักงานเหล่านั้นบรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กร
ดังนั้นเครื่อง มือการประเมินค่างานจึงเป็นเครื่องมือที่สนับสนุนการบริหารทรัพยากรบุคคลใน ทุก ๆ ด้าน ที่เปรียบเสมือน DNA ที่เชื่อมโยงคน กระบวนการ และนโยบาย รวมถึงยังช่วยผลักดันองค์กรให้สามารถแสดงพลังในการปฏิบัติงานอย่างเต็มความ สามารถด้วย
เพราะเราไม่จำเป็นต้องรื้อระบบงานใหม่ทั้งหมด แค่เพียงหาความเชื่อมโยง และเชื่อมต่อความสัมพันธ์เหล่านั้นเข้าด้วยกันให้ได้เท่านั้นเอง เพราะ อย่างที่ทุกคนทราบ การพัฒนาองค์กร และบุคลากรจำเป็นอยางยิ่งที่จะต้องให้ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์มาเป็นผู้ช่วยกำหนด ยิ่งทุกวันนี้หลายองค์กรเกิดการแข่งขันค่อนข้างสูง หากฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ไม่เข้าไปช่วยเหลือ จะทำให้องค์กรเกิดความล้าหลังได้ ขณะเดียวกัน ก็จะทำให้บุคลากรไม่เกิดการพัฒนา และมีศักยภาพ
ดังนั้น ทางเดียวที่จะทำให้องค์กร และบุคลากรเกิดการพัฒนาอย่างมีศักยภาพ ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์จึงต้องช่วยเหลืออย่างจริงจัง
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เลือกตั้งเลือด...เส้นทางนรกที่คาดเห็นได้ โดย สิริอัญญา

เลือกตั้งเลือด...เส้นทางนรกที่คาดเห็นได้
โดย สิริอัญญา
วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2557

หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งมีหนังสือเป็นทางราชการไปยังรักษาการนายกรัฐมนตรีให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป เพราะเห็นว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญแล้ว ก็มีการคาดหมายกันว่ารัฐบาลรักษาการจะยอมเลื่อนหรือว่าจะเดินหน้าต่อไป

เพราะถ้ามีการเลื่อนการเลือกตั้ง รัฐบาลรักษาการก็จะรักษาการต่อไปอีกนาน กปปส.ก็จะเหนื่อยยากลำบาก บ้านเมืองก็จะพินาศวายวอดมากขึ้น

แต่ถ้าดึงดันเดินหน้าเลือกตั้งต่อไป บรรดาผลแห่งการกระทำทั้งหลายก็จะถูกดำเนินการผิดถูกกันไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย แม้ความขัดแย้งที่ถ้าหากถึงขั้นที่สุดก็จะได้แตกหักกันไปสักข้างหนึ่ง

ในที่สุดสิ่งที่เรียกว่าระบอบประชาธิปไตยของคน ๆ เดียว ที่ทุกอย่างขึ้นกันคน ๆ เดียว โดยขี้ข้าทั้งหลายเพื่อคน ๆ เดียว และครอบครัว ก็สำแดงความจริงให้ปรากฏอีกครั้งหนึ่ง

นั่นคือการดึงดันเดินหน้าให้มีการเลือกตั้งต่อไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการเลือกตั้งนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ และจะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงกับบ้านเมือง แต่เพราะถือว่ายังเป็นรัฐบาลรักษาการอยู่ ย่อมมีความได้เปรียบ และคิดว่าถ้ายิ่งมีความรุนแรงมากขึ้นก็จะเกิดความหวาดกลัวแก่มวลมหาประชาชน แล้วยอมเลิกราให้ยึดบ้านยึดเมืองต่อไป

นี่แหละคือสัจธรรมที่มีอันเป็นไปตามพระพุทธวจนะที่เคยทรงแสดงไว้ว่า วินาศกาเล วิปริตพุทธิ ซึ่งแปลว่าเมื่อถึงกาลพินาศฉิบหายเข้าแล้ว สติปัญญาย่อมวิปลาสผันแปรไป

การเดินหน้าเลือกตั้งจึงเป็นการเดินสู่หนทางนรกของระบอบเผด็จการทรราชอย่างมิพักต้องสงสัย

ประการแรก เดินหน้าเลือกตั้งต่อไป บรรดาการกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายทั้งหลายของพรรคการเมืองและนักการเมืองไม่ว่าการแอบไปลักหลับตอนตีสามเพื่อสมัครรับเลือกตั้งกันนอกเวลาและนอกสถานที่ที่กำหนด ตลอดจนพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่อันฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญก็จะถูก กกต. ดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย หรือถูกผู้มีส่วนได้เสียอื่นดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งอาจถึงขั้นยุบพรรคหรือแจกใบแดงหรือใบเหลืองตามควรแก่กรณี

ประการที่สอง การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 จะเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญ โดยจงใจเพื่อแสวงหาอำนาจที่มิใช่วิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ เพราะรู้ดีกันอยู่แล้วว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่พร้อมกันทั่วราชอาณาจักร แต่ทั้ง กกต. ทั้งพรรคการเมือง และทั้งรัฐบาลรักษาการ ยังดึงดันจัดให้มีการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญนี้ ซึ่ง กกต. เองก็ดี หรือผู้มีส่วนได้เสียใด ๆ ก็ดี อาจร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ให้ยุบพรรคการเมืองที่กระทำความผิด และให้ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคการเมืองต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนหลังการเลือกตั้งไม่นานนัก และอาจจะเป็นการปิดฉากพรรคการเมืองและการรักษาการของรัฐบาลรักษาการนี้ไปพร้อมกันด้วย

ประการที่สาม ถึงแม้จะมีการเลือกตั้งก็ไม่มีผลเป็นการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญคือ

(1) ไม่มีวันได้ ส.ส.ครบ 95% ไม่สามารถเปิดสภาได้ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

(2) เพราะเหตุที่การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 108 วรรคสอง จึงไม่ใช่การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญนี้ ดังนั้นไม่ว่าจะได้ ส.ส. มากี่คนก็ตาม ก็ไม่ใช่ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญนี้ ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินเดือนและสวัสดิการตามที่กฎหมายบัญญัติ

(3) ใครไม่ไปเลือกตั้งก็ไม่ถูกตัดสิทธิ์ใด ๆ เพราะในที่สุดก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ และสามารถไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้

ดังนั้นสำหรับพรรคการเมืองหรือรัฐบาลรักษาการ การดึงดันเดินหน้าเลือกตั้งต่อไปจึงไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ ไม่ได้รับผลดีใด ๆ มีแต่ความเสียหายใหญ่หลวงเป็นเบื้องหน้า และนี่ก็คือวิบากกรรม
ความวิบัติเหล่านี้เป็นสิ่งที่สุจริตชนและสาธุชนพึงเห็นได้ เข้าใจได้ แต่ทำไมพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ยังมีอำนาจยังคงดึงดันต่อไป?

ข้อแรก เป็นเพราะถึงกาลพินาศฉิบหาย สติปัญญาจึงวิปริตวิปลาสไปดังพระพุทธวจนะ ซึ่งเป็นวิบากของกรรม ดังนั้นเมื่อความพินาศฉิบหายวางอยู่เบื้องหน้า กลับมองไม่เห็นและวิ่งเข้าหา โดยไม่ต้องมีใครผลัก และย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้นตามกฎแห่งกรรมโดยไม่ต้องสงสัยใด ๆ เลย

ข้อสอง เพราะหลงผิดคิดเอาเองว่าถึงการเลือกตั้งจะไม่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ก็ยังคงมีอำนาจรักษาการอยู่ แต่แท้จริงแล้วกระบวนการแห่งอำนาจนั้น ขณะนี้มีอยู่สองกระบวนการ คือกระบวนการยื้ออำนาจรักษาการให้นานที่สุดและกระบวนการกลับมามีอำนาจใหม่โดยอาศัยการเลือกตั้งฟอกตัว

กระบวนการยื้ออำนาจรักษาการให้นานที่สุดกำลังสูญเสียความชอบธรรมอย่างรุนแรงและกว้างขวาง ยิ่งทำผิดคิดชั่วมากเท่าใด ยิ่งใช้ความรุนแรงมากเท่าใด ประชาชนชาวไทยก็ลุกฮือขึ้นต่อสู้มากขึ้นเท่านั้น แม้กระทั่งข้าราชการซึ่งเป็นฐานอำนาจรัฐก็ลุกฮือขึ้นขับไล่อย่างกว้างขวางมากขึ้นทุกที จนกระทั่งฐานอำนาจเหลืออยู่เพียงตำรวจบางส่วนเท่านั้น และต้องร่อนเร่เป็นสัมภเวสี แต่ละค่ำแต่ละคืนก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ที่ไหน นอนที่ไหน จะไปไหนก็ต้องหลบ ๆ ซ่อนๆ ไม่ต่างกับโจรร้ายที่ต้องหลบหนีเจ้าหน้าที่บ้านเมือง

กระบวนการยื้ออำนาจแบบนี้ยังถูกรุกไล่ด้วยอำนาจแห่งความยุติธรรมจากทุกสารทิศ ตามผลกรรมที่ทำไว้ และกงล้อแห่งกรรมกำลังบดขยี้ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์อยู่ในขณะนี้แล้ว

ความพยายามที่จะยื้ออำนาจด้วยการใช้ความรุนแรงกำลังจมดิ่งลงไปสู่ความเป็นกบฏและความเป็นอริราชศัตรู ที่อาจถูกจัดการด้วยอำนาจแห่งกฎหมายอย่างรุนแรง

การใช้อันธพาล ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วน และการเอาเขมรรับจ้างเข้ามาทำร้ายสังหารประชาชนถึงใจกลางเมืองหลวงทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นบังอาจเหยียบหน้ากองทัพบกโดยการยิงผู้ชุมนุมที่หน้าสโมสรทหารบก โดยไม่เกรงใจฝ่ายทหารแม้แต่น้อย ทำให้ความเป็นกบฏและความเป็นอริราชศัตรูเด่นชัดขึ้น และถึงจุดหนึ่งก็จะถูกอำนาจรัฐที่แท้จริงเข้าระงับยับยั้งและจัดการอย่างแน่นอน

เพราะย่อมไม่มีใครที่จะยอมให้พวกกบฏที่คบคิดกับกองกำลังต่างชาติเข้ามากระทำกับบ้านเมืองและคนไทยถึงใจกลางพระนครเป็นแน่นอน! คงเหลือแต่วันเวลาใดเท่านั้น ซึ่งกล่าวได้แต่บัดนี้ว่าผู้ก่อกรรมจงเตรียมรับชะตากรรมเถิด

กระบวนการที่จะกลับมามีอำนาจอย่างถาวรโดยอาศัยการเลือกตั้งฟอกตัวกำลังถูกปิดตายลงอย่างแน่นหนาและอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่มีทางเปิดประตูให้กลับมามีอำนาจได้อย่างแน่นอนแล้ว

แม้หลังวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 จะเลื่อนหรือจะเลือกตั้งกันอย่างไร ก็ไม่มีทางที่ทำให้ความเป็นโมฆะของการเลือกตั้งที่เริ่มกระบวนการมาตั้งแต่การรับสมัครเลือกตั้งเลือด ฟื้นคืนเป็นความชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้เลย ประตูนี้จึงปิดตายไปแล้ว

ดังนั้นจึงคงเหลือกระบวนการยื้ออยู่ในอำนาจเพียงกระบวนการเดียว ที่กำลังอาศัยเลือดเนื้อชีวิตของประชาชนและความพังพินาศของประเทศชาติเป็นเดิมพันกันอยู่

พระสยามเทวาธิราชและประชาชาติไทยทั้งปวงคงไม่ยอมทนให้ความพินาศฉิบหายวายวอดเหล่านี้ดำรงอยู่นานเกินไป และคงไม่มีใครยินยอมให้พวกกบฏทรยศชาติซึ่งเป็นอริราชศัตรูกระทำกับบ้านเมืองและคนไทยต่อไปอีกแล้ว!

http://www.paisalvision.com/content/88-features/11040---astv---qq--30-2557.html

แฉ..แผนอั้งยี่แดงก่อนเลือกตั้ง! ไม่เลือกเบอร์ 15 สั่งฆ่าทั้งเมือง

29 ม.ค.57 แฉ..แผนอั้งยี่รัฐแดงก่อนเลือกตั้ง!! ไม่เลือกเบอร์ 15 สั่งฆ่าทั้งเมือง

เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.12 น. ชายดูไบเถ้าแก่บริษัทพรรคเผาไทยตัวจริง ไปที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศสิงคโปร์ ท่ามกลางผ้าพันแผลทั่วทั้งมือขวา ส่วนที่หลังมือข้างซ้ายมีพลาสเตอร์ปิดแผล เพราะเขามีปัญหานิ้วมือหลุดจากข้อรักษาด้วยวิธีผ่าตัด ก่อนหน้านี้ชายดูใบไปปรากฏกายเดินซื้อของช้อปปิ้งที่ At Element Mall ที่เกาลูน

เมื่อไรก็ตามที่พบชายดูป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ประเทศไทย แสดงว่าเขามีความคิดบรรเจิดในการวางแผนชั่วทำลายประเทศตัวเองอีกแล้ว และก็เป็นจริงตามการข่าว คือเมื่อวันที่ 28 ม.ค.57 ปูเน่าและสมุนพรรคเผาไทยอั้งยี่ตกลงกันไม่ได้กับ กกต.ตามคำพิพากษา เพื่อเลื่อนเลือกตั้ง ยืนยันจะทำสโลแกนพรรคที่ว่า “ ไม่เลือกเบอร์ 15 สั่งฆ่าทั้งเมือง “ ต่อไป โดยแผนการของชายดูไบ ระยะก่อน “เลือดตั้ง “ วันที่ 2 ม.ค.57 เท่าที่ เสธ สรุปและประมวลได้มีดังนี้
1. กลยุทธ์ขาแรก คือ ผลักดันเลือกตั้งให้ได้เพื่อเป็นข้ออ้างย้อมตัว สั่งขี้ข้าและเหล่าบริวารสันดานต่ำช้า เป็นตายยังไงก็ช่าง!!! ห้ามเลื่อนการเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 ออกไปเด็ดขาด แม้จะมีคำวินิจฉัยของศาลฯ แล้วก็ตาม โดยอ้างมุขเดิมว่า “ไม่ยอมรับอำนาจศาล” ไม่สนว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างไรก็ช่าง
2. แข็งข้อกับทุกอำนาจการปกครองสูงสุดของไทย เพราะชายดูไบเป็นโรคจิต ถือว่าเป็นเกมส์ความท้าทาย การได้เอาชนะคนอื่นเป็นสิ่งที่เขาโหยหา ถ้ามีคนเสื้อแดง ประชาชน เจ็บตายก็ช่างมัน ครอบครัวรอดก็พอ
3. ใช้กลยุทธ์เดิมกับประชาชนต่อไป คือ “เช้าขู่ฆ่า-โดยศูนย์เป็ดเหลิม, บ่ายฆ่าจริง-โดยสมุนหมาลอบกัดแดงติดอาวุธ , ค่ำจุดเทียน-โดยสายล้มสถาบัน, ดึกลอบโจมตี-โดยชายชุดดำและเขมร “
4. กู้เงินมาจ่ายชาวนาบางส่วนให้ได้ ไม่ต้องสนใจว่าหนี้ท่วมประเทศ ถ้าไม่ได้จากธนาคารของไทย ก็ไปกู้จากธนาคารต่างชาติ อยากฟ้องให้ฟ้องไปไม่ต้องแก้ตัวมาก มีปัญหาค่อยแก้กันภายหลัง ซื้อเวลาอย่าให้ชาวนายกขบวนมากรุงเทพร่วมกับมวลชน กปปส.ได้ เอาเงินจ่ายหนี้ชาวนาเน้นพื้นที่เลือกพรรคเผาไทยก่อน เช่น เชียงใหม่ฯลฯ ที่ไหนไม่เลือกยังไม่จ่าย
5. คุมฟรีทีวีทุกช่อง ให้เน้นความบันเทิง เกมส์โชว์ ละคร ข่าวหมี ข่าวคนจุดเทียนปล่อยลูกโป่งบ้าๆ บอๆ คุมหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ วิทยุทุกคลื่น ทั้งคลื่นหลักและคลื่นชุมชนเสื้อแดง ปิดกั้นเว็ปฝั่งตรงข้ามให้ส่งไวรัสเข้าไปให้เปิดยากโหลดช้า รบกวนคลื่นช่องทีวีดาวเทียมฝ่ายตรงข้ามให้ดูไม่รู้เรื่อง รำคาญ
6. ใช้เกมส์ลวง – จริง สลับขาซ้ายขวา
- เกมส์ลวง..แกล้งไปเจรจาขอพื้นที่คืนจากเวทีผู้ชุมนุมมวลชน กปปส.ที่ล่อแหลม ขีดเส้นตายว่าต้องคืนภายในวันนั้นวันนี้ ถ้าไม่คืนจะส่งกองกำลังชายชุดดำไปสลาย บุก ยึดคืน
- เกมส์จริง..แกล้งทำลับๆ ล่อๆ แค่ล้อมไว้ เจรจาไปเรื่อยๆ ก็พอ ขอเพียงเอาตัวรอดให้ผ่านวันที่ 2 กพ.ไปให้ได้
7. ลอบสังหารแกนนำแดงสายสู้แล้วรวย ตามยุทธการ “ต้นไม้ผลัดใบ” เพื่อโยนความผิดให้สุเทพ ชายชุดเขียว ล่อกระแสให้ควายแดงให้ตกมันไล่ขวิดคน เรียกคะแนนสงสาร เปลี่ยนภาพลักษณ์พรรคซ่องโจรตนเอง และที่สำคัญประหยัดเงินชายดูไบจาก “แก๊งค์ทวงหนี้นอกระบบ “ ของพวกสู้แล้วรวยพวกนี้...บอกได้เลยว่าตู่ เต้น กีร์ นกแสก เหวง ฯลฯ ยามนี้เป็นตายเท่ากัน...เสียสละลูกน้องส่วนน้อย เพื่อรักษาแก๊งค์ส่วนใหญ่
8. ในต่างจังหวัดใครขวางให้ ส.ส.แดงในแต่ละพื้นที่เคลียร์ออกให้หมด
- หากเป็นแกนนำชาวนาที่ประท้วงขอรับเงินค่าจำนำข้าว ชาวไร่ที่รัฐบาลโกงค่าประกันราคาพืชผล ให้สมุนแดงข่มขู่ฆ่า ทำร้าย กระทืบ ยิง เมีย ลูก แกนนำเกษตรกรเหล่านั้น
- หากเป็นนักเรียนนักศึกษา ( เช่น แถวอยุธยา) ให้ ส.ส.นำนักเลงไปยิงปืน ปาระเบิด และดักตีเด็กที่หน้าโรงเรียน..แมนมาก
9. ในกรุงเทพและปริมลฑลให้ศูนย์รวมสัมภเวสี (ศรส.) สั่งการชายชุดดำ แก๊งค์แดงฮาร์ดคอร์ กองกำลังเขมร สร้างสถานการณ์ยั่วยุให้รุนแรงมากขึ้นนี้ เพื่อให้บิ๊กเขียวออกมาปฏิวัติ หวังพลิกกระดาน
- สั่งให้ชายชุดดำ โดยหน่วย ดชด.และหน่วยปฏิบัติการพิเศษต่าง ๆ ลอบสังหารแกนนำประชาชน (พลาด 3 สำเร็จ 1 ) นับจากนี้แกนนำไปที่ไหนให้ส่งกองกำลังไปประกบ ตามจับให้ได้ ตีเป็นตี ยิงเป็นยิง (เหมือนกรณีสุทิน และหน้าสโมรสร ทบ.) ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไร ให้รู้ว่าถูกปองร้าย อย่างน้อยก็ทำให้ลดปฏิบัติการดาวกระจาย ถ้าถูกจับได้ก็ให้แถๆ อย่ายอมรับ
- จ้างให้แก๊งค์แดงฮาร์ดคอร์ กองกำลังเขมร โดยมีทนายคนสนิทของหญิงกระบังลม เป็นผู้สนับสนุนคลังแสงอาวุธ ใช้อาวุธสงครามหนักลอบกัดผู้ชุมนุม ยิงและปาระเบิด คนที่มีอารยขัดขืนจะได้ระแวง กลัว ไม่กล้าออกมาชุมนุม มีอัตราค่าจ้าง คือ ปาระเบิดใส่ประชาชนลูกละแสน ออกไปยิงป่วนให้คนละห้าหมื่น ถ้ามีประชาชนเจ็บ ตาย มีโบนัสก้อนให้

สัญญาณหมาขี้เรื้อนบ้านี้จะเกิดขึ้นถี่ขึ้นในช่วงนี้ เช่น คืน 27-28 ม.ค.57
- ปาระเบิดขู่ บ้านนายสำราญ ที่คันนายาว
- ยิงปืนถล่มขู่ บ้านน้องชายรังสิมา กว่า 50 นัด
- เวลา 00.34 น. แก๊งค์อั้งยี่รัฐแดงจ้างสมุนยิงเข้าในรั้ว ปตท. ที่ตั้งเวที กปค. ถูกรถผู้ชุมนุมที่จอดในรั้วกระจกหลังมีรอยกระสุน 2 รู (แต่หากเป็นที่ คปท.เป็นที่รู้กันว่ามีชายชุดขาวและชุดเขียวนิรนามระดับพระกาฬผ่านสมรภูมิแฝงตัวอยู่เพียบ ที่นั่นเป็นเหมือนเลบานอน มานานแล้ว ยิงมา 1 จัดสวนไป 10 จนพวกหมาขี้เรื้อนใจเสาะแตกกระเจิงทุกคืน ขนาดชายชุดดำหน่วยพิเศษยังแหยง)
- เวลา 03.50 น. แก๊งค์เขมรติดอาวุธทีมเดียวปี 53 ยิง M79 วิถีโค้งจากทางด่วนโทลเวย์ ระเบิดตกในสวนจตุจักร ใกล้กับจุดพักค้างแรมของกลุ่มผู้ชุมนุม สะเก็ดระเบิดถูกรถยนต์ 2-3 คัน มีผู้บาดเจ็บที่ขาเล็กน้อย 1 คน

สภาพยามนี้ของอั้งยี่รัฐแดง จึงไม่ต่างจาก "เห็บหมาโดนยาฆ่าแมลง" ดิ้นเร่าๆ ตัวงอ เพราะทุกภาคส่วนไม่มีใครคบหา และให้ความร่วมมือ ทุกอย่างต้องจ้างด้วยเงิน แม้แต่เวทีเสื้อแดงเชียงใหม่ยามค่ำคืนมีไม่เคยเกิน 8 คน (รวมทีมงานและคนปราศรัย) สิ่งที่ "สิ่งเทียมนายก" และบริษัทเผาไทยหวังจะใช้โหนตัวข้ามเหวนรกอเวจี คุกตาราง และการลี้ภัย ยามนี้คือสั่งประชาชนว่า “ ไม่เลือกเบอร์ 15 สั่งฆ่าทั้งเมือง “

แล้วระยะต่อไป เสธ จะค่อย ๆ ทยอยแฉแผนแก๊งค์อั้งยี่รัฐแดง ศูนย์รวมสัมภเวสี (ศรส.) โดยเป็ดเหลิม ปึ้งเหม่ง อับดุลและสมุนชายชุดดำออกมาเรื่อยๆ ให้วงแตกขาด 2 ท่อน และจะบอกถึงเกมส์ชิงประเทศไทยคืน จากแก๊งค์อั้งยี่รัฐแดงเขมรนี้ว่าจะจบอย่างไร

“ ลมสงบมักก่อนพายุใหญ่ เทศกาลดอกไม้ไฟจะมาแล้ว “ ปล่อยตัวพวกชั่วไป แต่..เอาหัวมันไว้

ดูแผนรัฐแดงนำเขมรป่วนเมืองที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.206511509538884.1073741879.187529244770444&type=1

@เสธ น้ำเงิน
https://www.facebook.com/topsecretthai

10 ข้อสังเกต ในการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557



จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนได้ให้บทเรียนกับประชาชนอย่างมาก ในการที่จะเดินหน้าอย่างไรในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ดังนี้

1. กปปส. ไม่สามารถปิดทุกหน่วยเลือกตั้งในประเทศนี้ได้โดนปิดได้ 89 เขตจากเขตเลือกตั้ง 375 เขต ปิดได้ส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ 56 เขตเลือกตั้งโดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ เพราะประชาชนคิดกันอย่างเป็นเอกภาพ ส่วนที่กรุงเทพมหานครปิดได้สำเร็จ 33 เขต

2. ในพื้นที่ กทม. เกิดความขัดแย้งและมีการรุมสังหารแกนนำ กปท.คุณสุทิน ธราทิน และทำร้ายมวลชนโดยอันธพาลทางการเมือง ในพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ในพื้นที่วัดศรีเอี่ยม เขตบางนา กรุงเทพมหานคร

3. หน่วยเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 จะมีเพิ่ม มากกว่าเดิมมาก จะทำให้ไม่สามารถที่จะปิดการเลือกตั้งทุกหน่วยได้ และในพื้นที่พรรคเพื่อไทยก็มีการเตรียมการมากขึ้น อาจมีการสูญเสียเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น

สิ่งที่จะต้องพิจารณาต่อมาคือ

1. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 108 วรรค 2 การเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้มีความได้เปรียบเสียเปรียบในการรู้ผลการเลือกตั้งล่วงหน้า ดังนั้นเมื่อการสมัครรับเลือกตั้งในระบบเขตไม่สามารถจัดได้ถึง 28 เขต หมายความว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้พร้อมกันทั่วประเทศได้ จึงมีความหมายว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะต้องเป็นโมฆะแล้วค่อนข้างแน่นอน

2. พื้นที่ภาคใต้หลายจังหวัดมีความเป็นเอกภาพในความคิดในการที่จะคัดค้านการเลือกตั้งอย่างเป็นเอกภาพ โดยมีฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์เป็นสำคัญ การคัดค้านการเลือกตั้งทำได้ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม โดยปราศจากการโจมตีทำร้ายจากคนเสื้อแดง จึงมีความเสี่ยงน้อยที่สุด จึงอาจต้องต้องร้องขอให้พี่น้องจังหวัดภาคใต้ได้ช่วยกันคัดค้านการเลือกตั้งให้สำเร็จอีกครั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 และในคราวต่อๆไปจนกว่าจะปฏิรูปประเทศไทยได้สำเร็จ

ถ้าพี่น้องภาคใต้เพียงเขตใดเขตหนึ่ง หรือจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งสามารถทำให้การนับคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อไม่ครบทุกหน่วย ผลก็คือจะไม่สามารถรวมคะแนนเพื่อประกาศผล ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อได้ ผลคือ ส.ส.บัญชีรายชื่อถึง 125 คน จะไม่สามารถประกาศผลได้

และเมื่อไม่สามารถประกาศผลคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อได้ถึงขนาดนี้ ก็หมายความว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่มี ส.ส.ครบ 95 % ผลคือแม้จะมีการเลือกตั้งไปก็ไม่สามารถมีสภาผู้แทนราษฎรได้ ไม่สามารถเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ ไม่สามารถมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้

3. เมื่อมั่นใจตามข้อ 2 ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็เป็นหลักประกันว่าไม่ว่าการคัดค้านหน่วยเลือกตั้งสำเร็จ "เพิ่มเติม" ได้หรือไม่อย่างไรนอกพื้นที่เขตในจังหวัดภาคใต้ รัฐบาลในระบอบทักษิณจะไม่สามารถกลับเข้าสู่อำนาจได้อีกถ้าพี่น้องประชาชนภาคใต้ไม่ยินยอม

4. เมื่อทราบว่านอกเขตพื้นที่ภาคใต้หากขัดขวางการเลือกตั้งได้ก็เป็น "โบนัส" ดังนั้นถ้าพื้นที่ใดมีความเสี่ยงอันตราย เช่น พื้นที่ชายขอบของกรุงเทพมหานคร หรือพื้นที่ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย พี่น้องประชาชนไม่มีความจำเป็นต้องไปเสี่ยงปิดในพื้นที่ดังกล่าวเลย เพื่อรักษาชีวิตและความปลอดภัยของมวลชนผู้บริสุทธิ์

5. เนื่องจากการรณรงค์ปิดหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศต่างจากกรณีอย่างอื่น เพราะแม้ กปปส.และมวลมหาประชาชนต้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถปิดกั้นทุกหน่วยเลือกตั้งได้ ดังนั้นพื้นที่ใดที่ประชาชนต้องการใช้สิทธิ์ ขอให้เปิดความสะดวกให้พี่น้องประชาชนต้องการใช้สิทธิ์นั้น เพราะมวลมหาประชาชนเป็นคู่กรณีกับรัฐบาลระบอบทักษิณกับระบบการเมืองที่ล้มเหลว ไม่ได้เป็นคู่กรณีกับประชาชนผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และเราไม่จำเป็นต้องเสียแนวร่วมประชาชนเหล่านี้โดยไม่จำเป็น

แต่หากรณรงค์ในการปิดหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ จะตกหลุมพรางของรัฐบาลที่อ้างว่า หน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศส่วนใหญ่เปิดได้เพื่อมาทำลายความชอบธรรมว่าการปิดหน่วยเลือกตั้งเป็นเพียงเสียงส่วนน้อยของคนในประเทศอีก

เพราะความจริงเมื่อเราเล่นตามบทบาทในรัฐธรรมนูญ แม้เสียงส่วนน้อยคัดค้านการเลือกตั้ง ก็สามารถหยุดการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่ชอบธรรมได้เช่นกัน อ้างอิงสิทธิ์และช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 93 วรรค 7 ที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากประชามติแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั้นมีจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่ได้อยู่ในวิสัยที่จะปิดได้เหมือนวันที่ 26 มกราคม 2557 อยู่แล้ว

6. เนื่องจากจะมีหน่วยการเลือกตั้งที่ กปปส. ไม่สามารถปิดได้ เพราะมีหน่วยเลือกตั้งจำนวนมาก ดังนั้นหากเกิดในกรณีที่ กปปส.ไม่สามารถคัดค้านหรือขัดขวางหน่วยเลือกตั้งนั้นได้ ประชาชนยังสามารถออกไป "ทำหน้าที่" เลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ แล้วพร้อมใจกันกาในช่อง "ไม่ประสงค์จะลงคะแนน" เพื่อแสดงออกในการทำลายความชอบธรรมในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยไม่ต้องมีการเผชิญหน้ากับอันธพาลการเมือง

7. การไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เท่ากับเป็นการอ้างเอาเสียงของประชาชนที่ตื่นรู้แล้วไปผสมรวมกับประชาชนที่นอนหลับทับสิทธิ์ที่ยังไม่ตื่นรู้ ไม่สามารถสะท้อนนัยยะทางการเมืองได้ในทางสากล แต่การไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้วกากบาทลงในช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนน คือการแสดงตนของประชาชนผู้ตื่นรู้แล้วว่าต้องการปฏิเสธระบบการเมืองที่ล้มเหลวอย่างชัดเจน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขตใดมีคะแนนผู้ไปใช้สิทธิ์แล้วเลือกตั้งแล้วกาในช่อง "ไม่ประสงค์จะลงคะแนน" มากกว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งแล้ว ก็จะสามารถขัดขวางในพื้นที่ผู้สมัครคนเดียวได้แน่นอน ตาม พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.มาตรา 88

ส่วนในพื้นที่ซึ่งมีผู้สมัครหลายคน หากคะแนน "ไม่ประสงค์จะลงคะแนน" มากกว่าผู้สมัครทุกรายก็ยังมีโอกาส "ลุ้น" ตีความได้ตาม กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ตามมาตรา 89 ภายใต้บังคับมาตรา 88 ซึ่งเป็นไปตามความเห็นชอบของผู้เชี่ยวชาญกฎหมายดังนี้

7.1 ความเห็นจาก อ.อนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกาในบทความที่ชื่อว่า: "ผลทางนิตินัยของบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนน (VOTE NO)" เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554 อ้างอิงตามลิงค์ด้านล่างนี้
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000074994

7.2 ความเห็นจาก ศ.นพ.วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์ กรรมการกฤษฎีกาและที่ปรึกษากฎหมายอาวุโส มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นเป็นบทความและข่าว เอาไว้ที่ชื่อว่า "ความเป็นมาของโหวตโน" เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 อ้างอิงตามลิงค์ด้านล่างนี้
http://www.manager.co.th/Politics/Viewnews.aspx?NewsID=9540000080548

7.3 ข่าวเรื่อง "พบแล้ว! เจตนารมณ์ “โหวตโน” - “มีชัย” เสนอเองให้มีผลทางกฎหมาย" เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2554 อ้างอิงตามลิงค์ด้านล่างนี้
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000080201

7.4 ความเห็นจาก ศาสตราจารย์ ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์
ศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในบทความที่ชื่อ "โหวตโนกับการปฏิรูปประเทศไทย" เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554 อ้างอิงตามลิงค์ด้านล่างนี้
http://www.manager.co.th/daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000079767

7.5 ข่าวเรื่อง สภาทนายความแนะถ้าประท้วงเลือกตั้ง ให้ลงคะแนนโหวตโนแข่งกับผู้สมัคร ส.ส. เพื่อรักษาสิทธิ์ของประชาชนเอาไว้ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2557
http://www.manager.co.th/politics/viewnews.aspx?NewsID=9570000008903

แม้บางท่านอาจจะบอกว่า ถึงแม้ทำการดังกล่าวก็จะขัดขวางได้เพียง 3 ครั้งเท่านั้น (พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.) แต่ความเป็นจริง กฎหมายฉบับนี้ที่กำหนดเงื่อนไขดังกล่าวก็อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญการตีความตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 ที่ว่า "อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย"

ในขณะที่การนอนหลับทับสิทธิ์ไม่มีลุ้นในข้อกฎหมายเลย นอกจากได้เอามาใช้ในทางการเมืองเท่านั้น (ถ้ามี "ผลทางกฎหมาย" อย่างที่พยายามเผยแพร่กันอยู่ขอให้อ้างอิงกฎหมายด้วยว่ากฎหมายใด และมาตราใด) ในขณะที่คะแนนไม่ประสงค์จะลงคะแนนมีผลทางการเมืองและยังมีลุ้นทางข้อกฎหมายอีกด้วย

8. ขอให้ทุกท่านได้ตระหนักว่า ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร การเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน และเชื่อได้ว่าบ้านเมืองจะต้องเกิดสุญญากาศทางการเมือง และต้องมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในท้ายที่สุด

ดังนั้นแม้เมื่อมีเหตุการณ์ที่มีรัฐบาลกลาง ก็ยังไม่แน่ว่าการปฏิรูปจะเกิดขึ้นจริงตามความต้องการของประชาชน ดังนั้นการไปทำหน้าที่เลือกตั้งของประชาชน "ในพื้นที่ที่ กปปส.ไม่สามารถปิดหน่วยเลือกตั้งได้" ยังมีความจำเป็น เพราะผู้ที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งจึงจะมีโอกาส คัดค้านการเลือกตั้งตามกฎหมาย หรือ เข้าชื่อกันถอดถอนนักการเมืองในช่วงเกิดสุญญากาศ

และข้อสำคัญที่สุดยังรักษาสิทธิ์เข้าชื่อกันเสนอกฎหมายเพื่อการปฏิรูปประเทศ เมื่อภาวะสุญญากาศทางการเมือง หากผู้เข้าสู่อำนาจรัฐในเวลานั้นไม่ยินยอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้เวทีหลักของ กปปส. ยังไม่พูดเรื่อง "การปฏิรูปพลังงาน"

เพราะเมื่อเวทีหลัก กปปส. ยังไม่ประกาศการปฏิรูปพลังงานอย่างเป็นทางการ ผมเห็นว่าประชาชนไม่ควรทิ้งสิทธิ์ในการเสนอกฎหมายในช่วงสุญญากาศให้กับกลุ่มคณะบุคคลที่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว

แม้ว่าประชาชนจะสามารถแจ้งความจำเป็นที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ใน 7 วัน แต่ก็ต้องเป็นสาเหตุอันสมควรด้วยในการใช้สิทธิ์ ดังนั้นหากอ้างเพียงว่าต้องการคัดค้านเพื่อให้ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง หรือไม่ไปใช้สิทธิ์ทั้งๆที่หน่วยเลือกตั้งนั้นจัดการเลือกตั้งได้ ก็ไม่แน่ว่าสิทธิ์ที่สูญเสียไปจะกลับคืนมาได้ทุกคน

9. อาจจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับประชาชนด้วยว่า ที่นักการเมืองทั้งหลายหากไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้วต่อมามีการปฏิรูปประเทศไทยสำเร็จ ก็มีความเสี่ยงที่อาจไม่ลงสมัครได้อีก (โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่ง กปปส.ไม่สามารถปิดได้สำเร็จ) ดังนั้นมวลมหาประชาชนชนก็ควรเข้าใจว่า หากว่าที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางคนจะรักษาสิทธิ์ของตัวเองด้วยการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แล้วกากบาทลงในช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนน ในหน่วยเลือกตั้งที่ยังเปิดทำการอยู่ ก็ขอให้ประชาชนเข้าใจนักการเมืองเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

การขัดขวางการเลือกตั้งนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่ต้องฟ่าฟันอีกหลายเรื่องในวันข้างหน้า ดังนั้นเราต้องรักษาชีวิตและความปลอดภัยของมวลชน และรักษาแนวร่วมประชาชนที่อยู่ข้าง กปปส. แต่ต้องรักษาสิทธิ์ของประชาชนไม่ให้สูญเสียไปด้วย และไม่ทำลายสิทธิ์โอกาสของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์เช่นกัน

10. สุดท้ายนี้ รัฐบาลชุดนี้มีความหน้าด้านเกินกว่าที่จะไปด้วยสามัญสำนึกหรือความละอาย ดังนั้นการปฏิวัติประชาชนจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลสมรู้ร่วมคิดกับตำรวจเข่นฆ่าประชาขน ดังนั้นการปฏิวัติโดยประชาชนจำเป็นต้องมีทหารเข้าร่วมเท่านั้น และการที่จะมีทหารเข้าร่วมกับประชาชนได้นั้นผู้ชุมนุมต้องครองใจประชาชนส่วนใหญ่ให้ได้เพื่อไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง และจะครองใจประชาชนให้ได้จะต้องมีการพูดเรื่องการปฏิรูปพลังงานให้เป็นรูปธรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขอย้ำว่าความเห็นข้างต้นนี้ เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับองค์กรหรือบุคคลอื่นใด และไม่ขอรณรงค์ในเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าไม่ว่าประชาชนจะไปโหวตโนเพื่อรักษาสิทธิ์ตัวเอง หรือนอนหลับทับสิทธิ์อยู่กับบ้าน หรือจะขัดขวางการเลือกตั้งในพื้นที่ซึ่งมีความเหมาะสม การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นโมฆะและล้มเหลวอย่างแน่นอน ดังนั้นประชาชนจึงไม่มีความจำเป็นต้องมีความแตกแยกกันแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามผมคิดว่าการโหวตควรดำเนินการเป็นยุทธศาสตร์ เมื่อเวทีหลักเน้นการคัดค้านการเลือกตั้งอย่างเดียว (ขัดขวางการเลือกตั้ง) แต่ต้องยอมรับจริงกันว่าเมื่อไม่สามารถขัดขวางการเลือกตั้งในทุกหน่วยเลือกตั้ง ก็ควรจะมีทิศทางประกาศให้ประชาชนได้รับทราบอย่างเป็นทางการว่าถ้าพื้นที่ใดไม่สามารถทำการขัดขวางได้จะให้ทำอย่างไร ด้วยเหตุผลใด ประชาชนจะได้ตัดสินใจดำเนินการใช้วิจารณญาณกันอย่างมีเอกภาพในที่สุด

สุดท้่ายนี้ขอให้มวลมหาประชาชน ประสบความสำเร็จ ปลอดภัย และโชคดีทุกคนครับ

เดือนนี้จะเป็นเดือนแรกที่เงินเดือนพนักงาน ASTV-ผู้จัดการ คงจะไม่ครบทุกคน

ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
ประมาณ 1 ชั่วโมงที่แล้ว
ตลอดการชุมนุมที่ผ่านมา ASTV ต้องหยุดกิจกรรมหารายได้ทั้งหมดเพราะไม่สอดคล้องกับบรรยากาศสถานการณ์ทางการเมือง และได้มีค่าใช้จ่ายไปถ่ายทอดสดการชุมนุมทุกวันโดยไม่ได้ตั้งกล่องรับบริจาค หรือ รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนใด

เดือนนี้จะเป็นเดือนแรกที่เงินเดือนพนักงาน ASTV-ผู้จัดการ คงจะไม่ครบทุกคน บางไม่ครบจำนวน และบางคนก็อาจจะยังไม่ได้รับ แต่เราก็จะถ่ายทอดสดต่อไปตามกำลังที่เราจะทำได้ คุณสนธิบอกกับฝ่ายการเงินว่าเราได้รับเงินมาครบและตรงเวลาตลอด 13 เดือนที่ผ่านมา และสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วและเราก็เคยผ่านมันมาได้ เพราะเราเชื่อว่าเราทำดีให้กับประเทศชาติ เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดตามกำลังที่เราจะทำได้ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็จะได้ไม่มีอะไรติดค้างในใจ

ระมัดระวัง

ระมัดระวัง

นับวันวงการบันเทิงเริ่มขยายวงกว้างเป็นสังคมที่ใหญ่มากขึ้น นอกจากการขยายตัวทางด้านสายงานแล้ว ส่วนหนึ่งก็คือ การเพิ่มจำนวนของบุคลากรบันเทิงด้วย

คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าทุกวันนี้คนสวย หล่อ เดินเข้ามาเป็นดาราในวงการบันเทิงได้ไม่ยาก ช่องทางที่จะเข้ามีมากมาย จำนวนศิลปิน ดาราเลยเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว

ถึงจะมีศิลปิน ดาราจำนวนเยอะ แต่นาทีนี้น้อยคนนักที่จะตกงาน ถ้าไม่ใช่เพราะเกี่ยงงาน พฤติกรรมย่ำแย่ ยังไงเสียก็มีงานให้ทำแน่นอน

ต้องเรียกว่าช่วงนี้บุคลากรวงการบันเทิงไม่เพียงพอที่จะรองรับกับงานที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ "นักแสดง"

ช่วงที่วงการขาดแคลนนักแสดง เพราะต้องรอคิวกันยาวนานจะทำให้งานสะดุด จึงใช้โอกาสนี้ปั้นนักแสดงหน้าใหม่เข้ามาแจ้งเกิดในวงการมากมาย

บางค่ายปั้นแล้วก็ยังดูแลป้อนงานให้ไม่ทิ้งขว้าง แต่บางค่ายปั้นขึ้นมาเรื่องเดียวพอเห็นท่าไม่เวิร์กก็ปล่อยลอยแพ แต่ที่ถูกลอยแพเพราะพฤติกรรมส่วนตัวก็มีเหมือนกัน

สิ่งที่อยากจะให้บรรดานักปั้นทั้งหลายใส่ใจสักนิด กับการที่จะส่งใครสักคนมาแจ้งเกิดในวงการ ขออย่าแค่เลือกหน้าตา หรือว่าจับไปโมดิฟายหน้ามาใหม่ พอเห็นว่าเข้าที่เข้าทางแล้วก็หลับหูหลับตาดันให้แจ้งเกิด

นักแสดงรุ่นใหม่บางคนถูกโอบอุ้ม เอาใจจากนักปั้นและผู้จัดละคร ผู้สร้างหนัง เพราะเห็นว่าตัวเองกำลังเป็นดาราฮอตก็ฮึกเหิม หยิ่งผยอง วางตัวเองสูงส่ง ไม่มีสัมมาคารวะ เด็ก ผู้ใหญ่

บรรดาผู้ที่มีส่วนผลักดันก็น้ำท่วมปาก ไม่กล้าแตะต้อง เพราะยังต้องใช้ประโยชน์จากเด็กเหล่านี้ ก็ถ้ายังไม่กล้าตักเตือนกันอยู่อย่างนี้ สักวันอาจจะโดนเข้าซะเอง

หมายเหตุมายา/นิมิต ประชาชื่น
ข่าวสดออนไลน์, 30 ม.ค.57

"เงินกู้ 1.3 แสนล้าน" เสี่ยงตายดาบหน้า

"เงินกู้ 1.3 แสนล้าน" เสี่ยงตายดาบหน้า

หลังจากที่ "กกต." มีมติเอกฉันท์ไม่รับวินิจฉัยคำร้องรัฐบาลเรื่องเงินกู้ 1.3 แสนล้านบาท มาใช้หนี้โครงการรับจำนำข้าว ก็หันมาใช้บริการคณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล จึงไม่แปลกใจที่ผลการตีความว่า ไม่ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 181 (3) และ (4) ที่ให้ครม.หรือรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เท่าที่จำเป็น ไม่ทำอะไรที่มีผลเป็นภาระต่อรัฐบาลใหม่ และไม่ให้ทำอะไรที่เข้าข่ายการหาเสียงเลือกตั้ง

ดังนั้น จึงตั้งข้อสงสัยว่ากฤษฎีกาตีความรอบคอบชอบธรรมแค่ไหน เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ประเด็นข้อกฎหมายแต่ต้องพิจารณามิติทางเศรษฐกิจด้วย

จับยามสามตาดูแล้วเส้นทางเงินกู้ 1.3 แสนล้านบาทเที่ยวนี้ คงจะไม่เพริศแพร้วศิวิไลซ์อย่างที่คิด ต้องเจอวิบากกรรมอีกหลายด่าน ด่านแรกที่คาดว่าจะกู้เงินจ่ายหนี้ชาวนา ได้ภายใน 30 วันนั้น เอาเข้าจริง ไม่รู้จะทันหรือไม่ เพราะมีข่าววงในว่าข้าราชการที่เกี่ยว ข้องจะ "ยื้อ" ให้ถึงที่สุด

ทั้งนี้ ข้าราชการผู้ปฏิบัติงานเคยเตือนแล้วว่าทำไม่ได้ ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ฝ่ายการเมืองจะดันให้ได้ แต่เวลามีปัญหาคนที่ต้องรับผิดคือข้าราชการ นักการเมืองรอดทุกครั้ง

ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงรัฐบาลรักษาการรัฐมนตรีคลังจะ "บีบ" ให้เจ้าหน้าที่ ทำตามคำสั่งก็คงไม่ง่าย

กล่าวสำหรับเงินกู้ 1.3 แสนล้านบาท หากจะอรรถาธิบายกันง่ายๆ คือ เงินกู้ของ ธ.ก.ส. ที่คลังเป็นผู้ค้ำประกันเพื่อนำมาใช้หนี้จำนำข้าว โดยรัฐบาลรับผิดชอบในการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งจะมาจากเงินงบประมาณและเงินที่ได้จากการระบายข้าว

ส่วนวิธีการจะเปิดให้แบงก์รัฐและเอกชนประมูลแข่งกัน ใครให้ดอกเบี้ยต่ำก็จะได้ปล่อยกู้ ที่ผ่านมาแบงก์นิยมมาก เพราะไม่มีความเสี่ยง แต่เที่ยวนี้มีข่าวว่าแบงก์คิดหนักจะเข้าประมูลก็ยังอีหลักอีเหลื่อ เพราะชื่อ "โครงการจำนำข้าว" มันเน่าไปแล้ว อาจเสียภาพลักษณ์ได้

ที่สำคัญหากมีคนยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ แล้วผลออกมาว่าทำไม่ได้ ธุรกรรมที่ทำไว้ก็เสี่ยงเป็นโมฆะ คนที่เกี่ยวข้องอาจจะโดนคดี ทั้งคดีอาญาและคดีการเมือง เห็นหรือยังว่าต้องฝ่าด่านอีกหลายด่าน

เมืองไทย 25 น./ทวี มีเงิน
ข่าวสดออนไลน์, 30 ม.ค.57

ทบ.ส่งทหารกระจายกำลังเพิ่ม ดูแลประชาชน

ทบ.ส่งทหารกระจายกำลังเพิ่ม ดูแลประชาชน และ ชุดมวลชน แพทย์ทหารยันให้ความสำคัญดูแลประชาชน เผยสถานการณ์รุนแรงมากขึ้น แต่ในกรอบศรส.เร่งตร.คลี่คลายคดี

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเสียงเรียกร้องให้ทหารออกมาดูแลประชาชนว่า กองทัพบกให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และจะดูแลประชาชนภายใต้กรอบขอบเขตความรับผิดชอบอย่างดีที่สุด
"สถานการณ์ในขณะนี้เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น ปัจจุบันกองทัพบกมีการประสานกับศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) เพื่อปรับระบบและมาตรการให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นให้ได้อย่างดีที่สุด โดยเฉพาะได้ปรับการวางกำลังทหารให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น"

รองโฆษกทบ. กล่าวว่า เหตุความรุนแรงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งคลี่คลายเพื่อนำผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งขณะนี้คงจะมีความคืบหน้ามาตามลำดับ

รองโฆษกทบ.กล่าวว่า ล่าสุดกองทัพได้ส่งกำลังทหารให้การสนับสนุน ศรส. โดยรูปแบบการใช้กำลัง มี2ลักษณะ คือ ลักษณะแรกเป็นการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่และประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย โดยเป็นงานรักษาความปลอดภัยสถานที่ จัดตั้งจุดตรวจเพื่อความมั่นคง งานจัดชุดสายตรวจลาดตระเวนรอบพื้นที่การชุมนุม เพื่อป้องปรามการก่อเหตุร้ายและเข้าแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้น และงานการเตรียมกำลังเสริมเคลื่อนที่เร็วเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่วิกฤต

สำหรับงานลักษณะที่ 2 เป็นงานการช่วยเหลือประชาชนโดยมีการจัดชุดปฏิบัติงานมวลชนเพื่อให้บริการทั่วไป บริการด้านการแพทย์ อำนวยการด้านการจราจรบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ชุมนุม และการจัดชุดปฏิบัติการจิตวิทยาไว้ปฏิบัติกรณีมีการเผชิญหน้าเพื่อลดทอนความรู้สึกที่ร้อนแรงต่อกันสำหรับบางพื้นที่ที่มีความจำเป็น

อย่างไรก็ตามกองทัพบกไม่อยากให้สังคมไทยใช้ความรุนแรงต่อกัน มิฉะนั้นปัญหาจะยิ่งลุกลามยากต่อการแก้ไขส่งผลเสียหายอย่างรุนแรงต่อประเทศชาติ"

ผมจะไม่ไปเลือกตั้งในวันที่ 2 กพ. แน่นอนครับ เพราะ

อิกหนึ่งความคิดเห็น ....

Rin Jajakula ....

ผมจะไม่ไปเลือกตั้งในวันที่ 2 กพ. แน่นอนครับ เพราะ

1. ผมไม่สนที่จะเสียสิทธ์ทางการเมืองเพราะ ผมไม่คิดจะสมัครลงสส.อยู่แล้ว

2. ถึงเสียสิทธิ์ กลับไปเลือกครั้งถัดไปก็ได้สิทธิ์นั้นคืนมาทันทีครับ

3. การเลือกตั้งครั้งนี้ ทำโดยรัฐบาลที่เป็นโมฆะไปแล้ว ไม่มีความจะเป็นอะไรที่ต้องไปให้ความร่วมมือกับรัฐบาลทรราช มือเปื้อนเลือดเพื่อสร้างความชอบธรรมให้มัน

4. การไม่ไปใช้สิทธิ์ครั้งนี้ ถ้ามีจำนวนมากสามารถแสดงถึง การไม่ยอมรับอำนาจรัฐได้ ซึ่งเป็นอารยะขัดขืนวิธีหนึง

5. ถึงแม้ถ้าเราไปกา vote no แล้วได้คะแนนเกิน 80% ของผู้ที่ไปลงคะแนน มันก็จัดเลือกตั้งใหม่ สมัครใหม่ ได้ไปเรือยๆ จนกว่ามันจะชนะครับ


ธรรมเนียมประเพณีแบบ UpPree ของ ตะกวด ....

ธรรมเนียมประเพณีแบบ UpPree ของ ตะกวด ....

Nong Dusanee

ประเพณีนิยม ของตะกวด คือเมื่อก่อเหตุหรือทำเรื่องชั่วเป็นคดีความ โดนจับได้
สักพักมันก็เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลกลับเข้าเป็นตำรวจกลับมาทำเรื่องชั่วได้อีกรอบหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น

1 พลตำรวจเอก ดร.พงศพัศ พงษ์เจริญ ชื่อเดืม ไพรัช พงษ์เจริญ
เคยมีประวัติติดคุกคดีอาญาโทษฐานขโมยวิทยุที่สหรัฐอเมริกา สมัยได้ทุนศึกษาวิชาอาชญวิทยา
นายตำรวจคนดัง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ดีกรีเป็นถึง ดร. ที่เพื่อไทยภูมิใจนำเสนอ ลงสนามชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม. เมืองฟ้าเมืองอมร ชื่เล่น น่าเอ็นดู "จูดี้" มีที่มาอย่างไร ใคร่รู้นัก ชื่อเดิม ไพรัช พงษ์เจริญ นายตำรวจคอมพิวเตอร์ รุ่นแรก ได้ทุน กพ. ไปศึกษาวิชาอาชญวิทยา ที่ประเทศสหรัฐ ถึงขั้น ดร.เหมือน ทักกี้ ขณะศึกษาได้แสดงวีรกรรม ได้เข้าไปขโมยวิทยุ ในร้านค้า และถูก ไอ้โปมะกัน จับกุมนำตัวเข้าคุก ดำเนินคดี ปรากฏตามหลักฐาน บันทึกการจับกุม เพื่อรักษาภาพพจน์ของไทย จึงมีการดำเนินทางการทูต ไพรัชฯ ได้รับการปล่อยตัว แต่มีมลทินเพราะต้องคดีอาญา กลับมาโดนตั้งคณะกรรมการสอบสวน พบว่าผิดจริง !!!

2 “พ.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์” เดิมชื่อ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา" รองผบก.อก.สนว. อดีต ผกก.สส.บก.น.6 หรือ “โอ๋ สืบ 6” ที่มีหลักฐานปรากฏทางภาพโทรทัศน์ของเอเอสทีวี โดยมีพฤติกรรมสั่งให้อันธพาลรุมทำร้ายประชาชนที่ไปต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

3 จสต คงเพชร เพชรกัณหา เดืมชื่อ อภิชัย แต่ถูกคดีเมื่อปี 2552 ในข้อหาพยายามฆ่า และถูกดำเนินคดี จึงให้ออกจากราชการ แต่เจ้านายช่วยให้เข้ามาราชการได้
เป็ฯ มือยิงผู้ชุมนุม กปปส. สโมสรทหารบก เคยต้องคดีพยายามฆ่า ให้ออกจากราชการ แต่นายพากลับ เป็นมือขวาของ “จรูญเกียรติ” เคยต้องสงสัยคดีอุ้ม “ทนายสมชาย”

4 พ.ต.อ.จรุญเกียรติ ปานแก้ว เดิมชื่อ นพดล ซึ่งในวงการตำรวจรู้กันทั่วไปว่าคอยรับงานฆ่าตามคำสั่งของเจ้านายเป็นการเฉพาะ ซึ่ง พ.ต.อ.จรุญเกียรติ เดิมชื่อ นพดล ถูกต้องสงสัยเป็นผู้ต้องหาฆ่านายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความคดีสิทธิมนุษยชน ถูกสั่งย้ายเมื่อ 20 เม.ย. 2547 ขณะนั้นยังเป็นเพียงสารวัตรที่ตำรวจภูธรภาค 7 จากนั้นมีนายช่วยให้กลับเข้ามารับตำแหน่ง ได้ดีเป็นผู้กำกับ เป็นลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์

ตัวอย่างเบาะๆ ของพวกตำรวจชั่ว ที่ทำผิดแล้ว เปลี่ยนชื่อล้างผิด กลับมาทำชั่วใหม่ ที่มันนิยมกัน

กระทู้ถามสด จากลูกชาวนาที่พ่อแม่เข้าโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล

กระทู้ถามสด จากลูกชาวนาที่พ่อแม่เข้าโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล
ที่เวทีปราศรัยของพรรคหนึ่ง ลองฟังและดูการถามตอบบนเวทีกันครับ (ชะอำ)

ปล. คนบนเวทีทำไมต้องตะคอกใส่น้อง ตัดบทคำพูดของน้องด้วยล่ะ
คุณไปปราศัยหาเสียงเพื่อเข้าไปทำงานให้ประชาชนไม่ใช่เหรอ
น้องเขาไม่เคยขึ้นเวที สรรหาคำพูดมาบิดเบือนไม่เก่งเหมือนคุณหรอก

น้องเขาบอกว่ารัฐบาลโกง เพราะไม่ให้เงินค่าจำนำข้าวตามกำหนด
แค่ไม่ให้ตามกำหนด ก็ถือว่าโกงแล้ว ก็ถูกต้องแล้วนี่
แล้วทำไมถึงไปพูดเรื่องใบประทวนแทน ไม่เกี่ยวกันเลย คนละประเด็น
แค่ไม่ให้เขาตามกำหนดเขาก็เสียหายแล้ว รัฐชดใช้ตรงไหนไหม

ช่วยกันแชร์เพื่อถามคำถามกับคนที่ยังสนับสนุนพรรคนี้ด้วยครับ


Joejung Mgzr โถอีดอก ใบประทวนแดกได้ไหม เค้าเอาข้าวไปขาย มึงก้อต้องจ่ายเงินเค้าเลย นี่กี่เดือนแล้ว เค้ายังไม่ได้เงินเลย น้องเค้าพูดถูก อย่างนี้เค้าเรียกโกง อีดอก
ถูกใจ · ตอบกลับ · 46 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
Jutamanee Kaewsakorn น้องกล้าหาญมาก แต่คนที่ตอบมีแต่ใส่อารมณ์แถมแถไปได้ 6เดือนที่มีแต่ใบประทวนมันเข้าค่ายว่าโกงแล้วเข้าใจไหม
ถูกใจ · ตอบกลับ · 33 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
Alongkorn Kongsaen ใบประทวนเอาไปจ่ายแทนหนี้ได้ตามกฏหมายหรือเปล่าอีเหี้ย
ถูกใจ · ตอบกลับ · 18 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
Bank Nidhiutai 1. อยากถามว่า หาก คุณมึงเอาเงินไปฝากธนาคารมีสมุดบัญชี เอาสมุดบัญชีไปขึ้นเงิน ธนาคารไม่ให้เงินบอกให้่ถือสมุดบัญชีไว้ก่อน ได้เงินแล้วเอามาคืนแน่นอน ถามว่า ธนาคารโกงไม่โกง

2. เอาอีกตัวอย่าง เมื่อคุณมึงให้เงินเขากู้ มีสัญญากู้เงินถูกต้อง ถึงกำหนดเวลาไปเอาเงิน คนกู้บอกไม่โกง ย้งไม่มีเงิน ให้คุณมึงถือหนังสือสัญญาไปก่อน คุณมึงเอาไหม แล้วตกลงคุณมึงโดนโกงไหม

อยากจะถอดไมค์ เขวี้ยงหัว คุณมึงผู้หญิงจริงๆ

ขอโทษที่พูดหยาบคายอีกแล้ว เพราะเจ็บใจที่ทำกับชาวนา
ถูกใจ · ตอบกลับ · 19 · 5 ชั่วโมงที่แล้ว
บ่ฮูขี้ มีดัง แค่คุยกับปชช.ก็เผด็จการแล้ว ชาติหมา
ถูกใจ · ตอบกลับ · 15 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
Sakol Kan ตกลงอธิบายหรือข่มขู่ว่ะ
ถูกใจ · ตอบกลับ · 16 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
Panjanat Krisakulwong ไม่จ่าย ไม่ได้แปลว่าโกง...เฮ้อ.!!!! ไม่เจอกับครอบครัวตัวเองบ้างพวกเขาไม่มีทางเข้าใจ
ถูกใจ · ตอบกลับ · 14 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
Thep Tan อีนี่ได้เปรียบไมค์แมร่งดังกว่า มันยังไม่รู้เลยว่าโกงคืออะไร โง่ชิหาย มึงเอาของเค้าไปแล้วไม่จ่ายตังค์ นั่นแหละโกง
ถูกใจ · ตอบกลับ · 13 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
Karuna Nakprasit น้องเก่งมาก ที่กล้าขึ้นไปทวงเงินบนเวที...สุดยอดเลย (น้องต้องระวังตัวหน่อยนะ เป็นห่วงจ้ะ)
ถูกใจ · ตอบกลับ · 11 · 4 ชั่วโมงที่แล้ว
Kularb Thammarit เขาอยากได้เงินไม่ใช่ใบประทวนเข้าใจป่ะเงินเงินเงินน่ะ
ถูกใจ · ตอบกลับ · 10 · 4 ชั่วโมงที่แล้ว
Pam Duangdee Suttisan โห ไม่จ่ายเงินมาห้าเดือนแล้ว ชาวนาลำบาก เงินก็ไม่มี เอาข้าวเค๊าไป ห้าเดือนแล้ว ชาวนายังไม่ได้เงิน แล้วมึงมาตอบกับชาวนาแบบนี้ แล้วมึงมาบอกว่ารัฐไม่โกง อี่เวร
ถูกใจ · ตอบกลับ · 10 · 2 ชั่วโมงที่แล้ว
Mona Lulla ถ้าคุณไม่จ่ายค่างวดรถสัก 3-4 เดือน เค้าก็มายึดรถคุณแล้วนะ บริษัทไฟแนนซ์เค้าจะกอดใบกู้ไว้อยู่ไม๊ล่ะ เป็นผู้ใหญ่อย่าไปพูดรังแกเด็กเพราะความโง่ของตัวเองอยู่เลย
ถูกใจ · ตอบกลับ · 11 · 4 ชั่วโมงที่แล้ว
จักริน รังสิโยภาส นี้เหรอ พรรคเพื่อไทย แค่รับฟังปัญหาจาก ปชช ยังทำไม่เป็น แล้วจะอาสาเข้าไปเป็นตัวแทนของพวกเขา
วันนี้พรรคนี้มีแต่โกหก ต้องการเอาชนะทุกวิถีทาง พฤติกรรมกร่างมากฯลฯ
ถูกใจ · ตอบกลับ · 10 · 5 ชั่วโมงที่แล้ว · ที่ถูกแก้ไข
Gapper Jaturong บ้านมึงต้มใบประทวน แดกได้หรออีดอก!!!
ถูกใจ · ตอบกลับ · 9 · 3 ชั่วโมงที่แล้ว
Chanuka Kositwaris อีสัส....บอกว่าเข้าใจ ถึงกำหนดแต่ไม่จ่ายไม่ได้แปลว่าโกง.อีดอก !!ยังมีหน้ามาบอกถ้ารัฐจ่ายให้มาพูดบนเวทีกล้าไหม อีควาย...ใบประทวนมึงใช้แทนเงิดสดเอาไปจ่ายหนี้ได้ไหมล่ะ..กว่าจะได้เงินจากใบประทวนของมึงชาวนาไม่ต้องแดกแกลบก่อนเหรอ....อีเหี้ยพูดมาหน้าด้านๆ...กูอยากรู้ถ้าพ่อแม่มึงเป็นชาวนาที่เดือดร้อนมึงยังจะพูดอย่างนี้อยู่ไหม...ดูคลิปแล้วของขึ้นเพราะคุยกับชาวนาที่เดือดร้อนมาแล้วน่าสงสารมากจริงๆเค้าไม่เคยคิดจะมากรุงเทพเพราะมาไม่เป็นอ่านหนังสือไม่ค่อยเก่ง..ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆไม่มีทางมา..ส่งลูกเรียนได้ก็เพราะทำนา..เพราะลูกไม่ได้เรียนฟรีจริงๆมีค่านู่นนี่มาแทนคำว่าค่าเทอมเท่านั้น ลูกชายคนนึงป.4แล้วแต่ยังอ่านหนังสือไม่ออก???? ฟังแล้วก็งงๆว่าถ้าอ่านไม่ออกแล้วเลื่อนชั้นได้ไง .... การศึกษาในโรงเรียนตามชนบทมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอแล้วอนาคตเด็กไทยส่วนใหญ่ที่ไม่มีปัญญาเรียนอินเตอหรือเอกชนหรือแม้แต่เรียนพิเศษจะเป็นอย่างไร....
ถูกใจ · ตอบกลับ · 9 · 3 ชั่วโมงที่แล้ว
Kantaphat Suphanwiwat _เอาเสียงดังเข้าข่ม
_ตอบไม่ตรงประเด็น
_ยังมำแสร้งมาย้อนถาม"โกง"คืออะไร เอาข้าวไปไม่จ่ายเงิน ผลัดแล้วผลัดอีกนั่นแหล่ะ โกง.!!!
_มีหน้ามาเอาความชอบอีก เมื่อแกเอาข้าวเขาไปก็ต้องจ่ายเงินมันเรื่องปกติ.!! แต่นี่แกไม่จ่าย!!
_เฮ้อ.!?
ถูกใจ · ตอบกลับ · 9 · 4 ชั่วโมงที่แล้ว
Kmitl Man Utd ด้วยความเคารพและขอประทานอภัยด้วยนะครับที่จะขอใช้คำหยาบ เก่งจังนะ พรรคนี้กับคนจน กับเด็กกับผู้หญิง กับคนไม่มีทางสู้ ชาติหมาจริงๆ
ถูกใจ · ตอบกลับ · 10 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
Nutdhakit Thipsuraj ใบประทวนเท่านั้นฮะที่จะทำให้คุณได้เงิน อิเหรี้ย!! ถือใบประทวนมา 4-5 เดือน จนไม่มีอะไรจะแดก ต้มใบประทวนแดกได้ไหม จ่ายเงินไม่ตรงเวลานัดหมายก็ถือว่าโกงแล้ว อิสัด! แถหีถลอกแล้วฮะ
ถูกใจ · ตอบกลับ · 9 · 2 ชั่วโมงที่แล้ว
Kib Kassa มีใบประทวนแล้วไงออ่ะ มากี่เดือนแล้วยังไม่เห็นเขาได้เงินเลย แล้วมาบอกว่าได้เงินแน่นอน แน่นอนของคุณอะไร จะให้เขาเชื่อได้อย่างไร โกงแล้วยังมาแก้ตัวหน้าด้าน ถ้าพวกมึงไม่โกงแล้วเงินที่อนุมัติมาหายไปใหนหมด แล้ว ทำไมต้องมากู้ เลว ชาติชั่วเอ้ย
ถูกใจ · ตอบกลับ · 9 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
Teerapong Kama รู้เเล้วก็อย่าไปเลือกมันอีกน่ะ
พรรคเหี้ยๆอย่างนี้
ถูกใจ · ตอบกลับ · 9 · 3 ชั่วโมงที่แล้ว
Prassanee Marchiset สงสารน้องที่ขึ้นไป คนตอบมันไม่ฟังอะไรเลยแถมพูดจาตะคอกยังกะจะแดกหัว
ถูกใจ · ตอบกลับ · 9 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
Mamie Ammy เกลียดอีดอกนี่จริงๆ ขอให้พวกมึงชิบหาย วอดวาย
ถูกใจ · ตอบกลับ · 8 · 2 ชั่วโมงที่แล้ว
KaRthy Chatramongkhol เงินจำนำยังไม่ได้ อย่าได้พูดถึงดอกเบี้ย และค่าเสียโอกาศเอาเงินไปทำอย่างอื่นต่อ พูดจาต่ำน้ำเสียงเห็นเค้าเป็นคนรึปล่าว น่าให้แดกตีนดู
ถูกใจ · ตอบกลับ · 8 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
Lee Barrier แถวบ้านกูเรียกโกงวะ!!!!!
ถูกใจ · ตอบกลับ · 19 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
เลย ฮั่นแน่ว นัดชาวนา1อาทิตย์จะจ่ายนัดใหม่3อาทิตย์จะจ่ายอีก1เดือนจะจ่ายผ่านไป3เดือนแล้วมึงยังไม่จ่ายให้ชาวนาเลยไม่เรียกโกงแล้วเรียกว่าไรมึงมันแถ
ถูกใจ · ตอบกลับ · 9 · 6 ชั่วโมงที่แล้ว
Joy Enjoy Promin กุอยากรุ้จริงผู้หญิงที่ตอบคำถามเป็นใครอีห่า...น้องเค้ายังไม่ทันพูดไรมึงซัดเอาๆน้องเค้าพูดไม่ทันมึงไม่เปิดช่องให้น้องเค ้าพูดกลัวโดนด่าสิอีดอกอย่างมึงต้องเจอสัก ดอกให้หายอยาก..มั้งสงสัยจะอาจมานานอีดอกเอ้ย
ถูกใจ · ตอบกลับ · 8 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
Kartae Bk โกงงงง
ถูกใจ · ตอบกลับ · 7 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
Wannice Leroy Leroy จำนำทองเอาทองไปโรงรับจำนำยังให้เงินเดี๋ยวนั้น แล้วยิ่งลักษณรับจำนำข้าวเอาข้าวชาวนาไปแต่ไม่ให้เงิน เค้าเรียกว่าโกงชาวนาชัดๆ ต้องจ่ายต้นทั้งดอกด้วยอีปู
ถูกใจ · ตอบกลับ · 7 · 8 ชั่วโมงที่แล้ว
Jeab Moph Chan นี่ขนาดมันหาเสียงนะเนี่ยมันยังขนาดนี้ นี่ถ้ามันได้เป็นรัฐบาลอีกแมร่งมิกลายเป็นเผด็จการสมบูรณ์แบบเลยเหรอ ทุกข์ร้อนของประชาชนแมร่งยังไม่ฟังตกลงจะเข้ามารับใช้ประชาชนหรือมาเป็นนายประชาชน
ถูกใจ · ตอบกลับ · 8 · ประมาณ 1 ชั่วโมงที่แล้ว
Ole Kajit ทุกวันนี้ชาวนาต้องไปกู้หนี้เพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายแต่ละวันซึ่งต้องเสียดอกเบี้ยในการกู้เงินนั้น แล้วเมื่อถึงเวลาที่รัฐบาลมีเงินเพื่อจ่ายเงินค่าข้าวตามที่ใบประทวนแล้ว(ซึ่งถือว่ารัฐบาลเป็นลูกหนี้ชาวนา)จะมีการจ่ายดอกเบี้ยที่รัฐบาลจ่ายเงินล่าช้าให้ด้วยหรือไม่
ถูกใจ · ตอบกลับ · 8 · 3 ชั่วโมงที่แล้ว
Thitipat Putter ไม่ได้โกง แค่ไม่มี-ไม่หนี-ไม่จ่าย
ถูกใจ · ตอบกลับ · 7 · 4 ชั่วโมงที่แล้ว
Nooree Patcharee จอมแถๆตลอดยังมีหน้ามาถามน้องเค้าอีกว่าโกงคืออะไร ต้องให้ชาวนาต้มใบประทวนกินแทนข้าวไหมว่ะ เค้าเดือดร้อนกันทั่วทุกจังหวัดแล้วเพราะไอ้รัฐบาลโกงกินนี่แหละ
ถูกใจ · ตอบกลับ · 6 · 3 ชั่วโมงที่แล้ว
Kannika Bma พวกควายที่นั่งฟังอยู่หูตาสว่างบ้างไหม หรือหญ้าที่แดกไปอุดรอยหยักในสมองจนไม่เหลือสติปัญญา
ถูกใจ · ตอบกลับ · 6 · 4 ชั่วโมงที่แล้ว
Beau Love King ดีนะที่น้องเค้ากล้า แล้วนี่มันจะตะคอกน้องทำไม แหม ใหญ่จริงๆนะพรรคการเมืองอะ ถ้าเราปฏิรูปได้ ต่อไปคนที่ทำเสียงแข็งคือเราคะ อย่าให้คนโกงยืนอยู่ในสังคมแล้วออกมาทำใหญ่ใส่เราคะ
ถูกใจ · ตอบกลับ · 6 · 2 ชั่วโมงที่แล้ว
Bee Sarida เอาใบประทวนไปซื้ออะไรกินที่ตลาดได้ไหมอีควาย มรึงให้เค้าถือใบประทวนบอกได้เงินแน่นอน ได้ชาติไหน ต้องรอเกิดใหม่อีก 10 ชาติ หรือไง มรึงแน่จริงเอาเงินมรึงม่าแลกกับใบประทวนมั้ย อีสันฝาน ตะคอกใส่ชาวบ้านผู้เดือดร้อน
ถูกใจ · ตอบกลับ · 6 · 4 ชั่วโมงที่แล้ว · ที่ถูกแก้ไข
ผดุง วิทยสุวรรณ คนเดียวนี้อยากได้จนไม่คิดหน้าคิดหลัง เขามาเสนอราคาซื้อสูงๆ ก็หลงเชื่อไปเลือกเขามาเป็นรัฐบาล เขาก็เอามาจ่ายในช่วงแรกๆ ได้ก็ดีใจเชียร์กัน พอมาตอนหลังเงินชักหน้าไม่ถึงหลัง มันก็ต้องเบี้ยวเป็นธรรมดา เหมือนแชร์ลูกโซ่ ตอนแรกมันก็เอาเงินเรามาจ่ายดอกดีมาก มันก็เรียกเพิ่ม มาตอนหลังมันก็เริ่มเบี้ยว ทีนี้จะโทษใครหละ ความโลภของมนุษย์แท้ๆ ทำให้ให้กลายเป็นเหยื่อ ของนักการโกงเมืองผู้ฉลาดปราชญ์เปรต
ถูกใจ · ตอบกลับ · 6 · 56 นาทีที่แล้ว · ที่ถูกแก้ไข
Modta Noy มันโชสันดานของมันชัดเจนเลยยังไปเลือกพวกมันอีกเหรอ
ถูกใจ · ตอบกลับ · 6 · 2 ชั่วโมงที่แล้ว

ถ้าระบอบทักษิณโกงกินประเทศจนน่าสะพรึงกลัว ระบอบเจียรวนนท์ก็ไล่ตามมาติดๆ

ส้ม รักในหลวง ......

เขียนแล้วก็จะเขียนอีก…เพราะมันจำเป็นค่ะ ต้องย้ำบ่อยๆว่าถ้าระบอบทักษิณโกงกินประเทศจนน่าสะพรึงกลัว ระบอบเจียรวนนท์ก็ไล่ตามมาติดๆเป็นอันดับสอง คนไทยควรลุกขึ้นมาต่อต้าน ทำสิ่งที่เราทำได้ในฐานะผู้อุปโภคบริโภคที่มีวิจารณญาน มีความรู้ หาข้อมูลประกอบการตัดสินใจ มีสติและเหตุผลในการเลือก เริ่มโดยการเลือกที่การเลิกอุดหนุนสินค้าและบริการทุกชนิดของซีพี/ตระกูลเจียรวนนท์ ตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อเซเว่น สำนักข่าวทีเอ็นเอ็น (TNN24) ช่องจีสแควร์ ผลิตภัณฑ์เจริญโภคภัณฑ์ ซีพีเฟรซมาร์ท ทรูคอร์ปอเรชั่น เว็ปไซต์ช็อปปิ้งทางอินเตอร์เน็ท weloveshopping ร้านอินเตอร์เน็ท iCafePlus และ iFamilyPlus อาคารซีพีทาวเวอร์ที่สีลม, ที่ฟอร์จูนทาวน์, ที่พญาไท, และที่ขอนแก่น (2 แห่ง) กิจการร่วมค้าซีพี-เมจิ หนังสือ-เว็ป-นิตยสารในเครือ FutureGamer…

จริงๆมีมากกว่านี้ ครอบคลุมไปถึงผลิตภัณฑ์และโรงงานอาหารสัตว์ ธัญพืช อาหารแช่แข็ง พันธุ์สัตว์และพืชไร่ อาหารแปรรูป บัตรเงินสด บริการจองตั๋วต่างๆ จุดชำระค่าบริการ ไม่มีอะไรที่เจียรวนนท์ไม่ทำค่ะ ถ้าไม่เริ่มบอยค็อตกันวันนี้ ในอนาคตอันใกล้ คนไทยจะขาดตระกูลนี้ไม่ได้ หันไปทางไหนหยิบจับหรือกินอะไรก็ของเขา…แล้วยืนยันว่าไม่ใช่สิ่งดี สินค้าหรือบริการส่วนใหญ่ด้อยประโยชน์ คุณภาพต่ำ แถมเป็นอันตรายเสียด้วยซ้ำ ทั้งตัดต่อทางพันธุกรรม ทั้งใช้สารเคมี โก่งราคา คุณภาพด้อยมาตรฐาน ยึดครองตลาด ฮั้วกับนักการเมืองเลวๆ ฯลฯ ขอให้ได้กำไรดี เขาทำทั้งนั้น จรรยาบรรณไม่มีเลย! เขารวยอันดับหนึ่งของเอเชียไปนานแล้ว อย่าห่วงว่าเขาจะลำบากเลยค่ะ รับรองเขาอยู่ได้ เลี้ยงเมียหลวงเมียน้อยลูกหลานร่วมร้อยที่เขามี ไม่อดตาย เราทำสิ่งที่ถูกต้องดีกว่า

Wantana Vivattanapa They have done many harmful things to Thais by mean of trade. Forbes magazine recognizes their power and rates them as one of the biggest food producers, very powerful in the medias as well. They are dangerous and we need to reduce their power in food producing and their monopolistic trade practice. Tie up their practice with the price of eggs etc. and let it be known how harmful they are to our cost of livings.
3 ชั่วโมงที่แล้ว · ถูกใจ · 4
Banjob Durrant เจ้าสัวซีพีเป็นทักสิน2 เลวพอๆกัน เราบอยคอตสินค้าซีพีมานานแล้ว
2 ชั่วโมงที่แล้ว · ถูกใจ · 6
Theeraniti Buddhawong ถูกต้องครับ ซีพีมันยัดเยียดและออกแบบชีวิตให้เรา ทุกอย่างแม้กระทั่ง
2 ชั่วโมงที่แล้ว · ถูกใจ
Noi Kanimbla ต้องทำ ให้ได้ด้วย เจ้านี่ เป็นนายทุนสามานย์ตัวพ่อ เลยล่ะ
2 ชั่วโมงที่แล้ว · ถูกใจ · 1
Amy Parich แต่คนไทยค่อนประเทศไม่เคยตระหนักเรื่องนี้เลย หลายๆคน บอกว่าเชื่อไหม,เดือนๆนึงเขาจ่ายให้เซเว่นหลายพัน เพราะกินอาหารวันนึงอย่างน้อย 1-2มื้อจากร้านเซเว่น ไม่นับความบ้าสะสมสแตมป์แลกขยะพลาสติกสินค้าห่วยจากเมืองจีน
2 ชั่วโมงที่แล้ว · ถูกใจ · 5
ควายบ้า รักแผ่นดินเกิด มันคือกลไกหนึ่งในการปฎิรูป คำว่าสะดวกซื้อคือตัวปัญหา เพราะเรามัวแต่สะดวกซื้อ ในขณะที่หาลำบาก .....
ประมาณ 1 ชั่วโมงที่แล้ว · ถูกใจ · 1
Suvimol Damrongsiri ตระกูลพ่อค้าหน้าเลือด ผูกขาดการค้าหลายอย่าง กุมเศรษฐกิจประเทศ ขูดเลือดขูดเนื้อประชาชน ต้องช่วยกันจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับตระกูลที่เลวไม่น้อยกว่าชินวัตร แต่ทำแบบเงียบเชียบ
54 นาทีที่แล้ว · ถูกใจ · 2
Pu Pat พวกเราก็ต้องอยู่แบบ "ฅนจนผู้ยิ่งใหญ่"
30 นาทีที่แล้ว · ถูกใจ