นอร์ธแคโรโลนา ๕ ต.ค. -นักวิทยาศาสตร์สหรัฐยืนยันผลการศึกษาล่าสุดพบว่า กระเทียมสามารถป้องกันโรคมะเร็งบางชนิดได้ โดยคณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา กล่าวว่า ผู้ที่รับประทานกระเทียมดิบ หรือกระเทียมที่ผ่านการปรุงสุกแล้ว สามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหารได้ประมาณครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทานกระเทียมเลย และขณะเดียวกัน ผลการศึกษาก็ยังพบว่า กระเทียมก็สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้มากถึง ๒ ใน ๓
นอก จากนี้ นักวิจัยยังพบว่า ไม่ว่าจะเป็นกระเทียมในประเทศใด จีน หรือสหรัฐ ก็ให้ผลในการป้องกันโรคมะเร็งได้พอ ๆ กัน แต่นักวิจัยยังไม่พบประโยชน์จากการรับประทานกระเทียมในรูปของอาหารเสริม ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่ากระบวนการผลิตอาจทำให้ส่วนประกอบสำคัญของกระเทียม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ถูกทำลายไป หรือไม่เช่นนั้น การเก็บไว้บนชั้นในร้านขายของนาน ๆ ก็อาจทำลายส่วนประกอบสำคัญเหล่านั้นได้ หรืออาจเป็นกรณีว่าคนที่รับประทานกระเทียมในรูปของอาหารเสริม อาจจะป่วยอยู่ก่อนแล้ว จึงทำให้ไม่ได้ผล ผลการศึกษาล่าสุดนี้ นักวิจัยประมวลมาจากผลการศึกษาก่อนหน้านี้ ๒๒ ชิ้น ที่รวบรวมมาจากทั่วโลก ที่ศึกษาถึงผลของการรับประทานกระเทียมที่มีต่อโรคมะเร็ง โดยการศึกษาก่อนหน้านี้ พบว่า สารประกอบในกระเทียม ที่เรียกว่า allium (แอลเลียม) สามารถป้องกันโรคมะเร็งจากการทดลองกับสัตว์ นักวิจัยยังเชื่อว่า สารประกอบในกระเทียมจะให้ผลในการป้องกันโรคมะเร็งในมนุษย์ด้วย นักวิจัยเชื่อว่า กระเทียมช่วยป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ก็เพราะว่า มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori ซึ่งมีอยู่ในกระเพาะอาหารและทราบกันดีว่าอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ นักวิจัยของศูนย์วิจัยโรคมะเร็งในสหรัฐ บอกว่า เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่มีการประมวลผลการศึกษาที่ผ่านมา แต่ก็ต้องยอมรับว่า การวิจัยกระเทียมยังไม่สามารถให้ผลที่ตรงไปตรงมา แต่ยังจะต้องมีการศึกษากันต่อไปในระดับที่กว้างขึ้น แต่ที่สำคัญก็คือไม่พบอันตรายจากการรับประทานกระเทียม
โดยคุณ : วิทยาการ
Theขี้ฝุ่นริมทาง
วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2547
ฝังตับอ่อนเทียมให้คนไข้เบาหวาน
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของ
ประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้ง
ในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปใน ทางสายกลาง
โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความ พอเพียง
หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมี
ระบบภูมิคุ้ม กันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ
อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้
ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ใน
การวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริม
สร้างพื้นฐานจิตใจ ของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี
และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริต และให้มี
ความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ
ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการ
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และ
วัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
หมายเหตุ บทความ เรื่อง "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" นี้ สำนักงาน
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิใน
ทางเศรษฐกิจและสาขาอื่นๆ มาร่วมกันประมวลและกลั่นกรองพระราชดำรัส
เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย และขอพระ
ราชทานพระบรมราชานุญาต นำบทความนี้ไปเผยแพร่
ทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขพระราชทาน และทรงพระกรุณาโปรด
เกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้เผยแพร่ได้
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2542
ประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้ง
ในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปใน ทางสายกลาง
โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความ พอเพียง
หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมี
ระบบภูมิคุ้ม กันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ
อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้
ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ใน
การวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริม
สร้างพื้นฐานจิตใจ ของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี
และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริต และให้มี
ความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ
ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการ
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และ
วัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
หมายเหตุ บทความ เรื่อง "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" นี้ สำนักงาน
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิใน
ทางเศรษฐกิจและสาขาอื่นๆ มาร่วมกันประมวลและกลั่นกรองพระราชดำรัส
เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย และขอพระ
ราชทานพระบรมราชานุญาต นำบทความนี้ไปเผยแพร่
ทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขพระราชทาน และทรงพระกรุณาโปรด
เกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้เผยแพร่ได้
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2542
"ถ้าเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ ปีใหม่ก็เหมือนปีเก่านั่นแหละครับ"
สวัสดีปีใหม่ครับ ผมสวัสดีปีใหม่ช้าไปนิด แต่ก็คงไม่ช้าจนเกินไปหรอกนะครับ และก็ไม่ใช่เป็นการอวยพรปีใหม่ กันตามธรรมเนียมด้วย
ผม ตั้งใจที่จะอวยพรปีใหม่ แก่ท่านผู้อ่านด้วยการชักชวนว่า เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับปีใหม่กันจริงๆ สักทีจะดีไหม การเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดและดีที่สุด ก็คือเริ่มที่การปรับปรุงสุขภาพของตัวเองให้ดีขึ้นนั่นเอง
สุขภาพดีขึ้นกว่าเดิม ชีวิตใหม่ก็เริ่มต้นอย่างสดใส และสวยงามกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ผม ได้รับบัตรอวยพรปีใหม่ จากสามีภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งเป็นสมาชิกชีวจิตจากราชบุรี คุณอุดมและคุณสกุนา ไวศยดำรง สมาชิกของเราสองท่านนี้ ได้ไปตั้งกลุ่มสุขภาพชีวจิตขึ้นที่ราชบุรี ผมขออนุญาตนำ จ.ม.ของเพื่อนเราเล่าสู่กันฟังในวันนี้
"กราบเรียนอาจารย์สาทิส
ดิฉัน และเพื่อนรุ่นลมหนาวและกลุ่มรำกระบองโพธาราม ได้ส่งเสื้อมาให้ อาจารย์ 1 ตัว กลุ่มของเรา ซึ่งขณะนี้มี คุณระภี ผาสุก เป็นหัวหน้ากลุ่ม มีสมาชิกในกลุ่มประมาณ 50 คน เช้าประมาณตี 5 จะพร้อมกันรำกระบองที่เขื่อนริมแม่น้ำกลอง และตอนเย็นประมาณ 5 โมงเย็น ดิฉันจะเป็นผู้นำรำกระบองที่เขื่อนค่ะ
คุณระภีเธอป่วยด้วยโรคเกี่ยว กับสมอง เป็นคนไข้ของนายแพทย์ (.......) รักษามาหลายปี อาการก็ไม่ดีขึ้น เธอบอกกับเพื่อนๆ ว่าปี 43 นี้ เธอคงต้องตายแน่ ดิฉันและเพื่อนก็ชักชวน ให้เธอมารำกระบอง หลังจากรำกระบองได้ 2 อาทิตย์ อาการเธอดีขึ้นทุกวัน จนขณะนี้ เธอหยุดกินยาแล้ว เธอฝากกราบขอบคุณอาจารย์มาด้วยค่ะ"
นี่ เป็นบางส่วนของ จ.ม.ซึ่งผมตัดตอนมา เพื่ออยากจะให้เพื่อนๆ ชีวจิตของเราทราบว่า เพียงแต่การออกกำลัง ด้วยการรำกระบองเพียงอย่างเดียว ก็ช่วยพลิกฟื้นสุขภาพให้ดีขึ้นได้อย่างน่าพิศวง
คุณอุดมนั้น เคยมาเข้าคอร์สสปาตันของชีวจิตที่แม่ริม เมื่อประมาณปีกว่าๆ มาแล้ว ก่อนจะมาเข้าค่าย คุณอุดมมีอาการ ของอัมพาต สาเหตุเนื่องมาจากเส้นเลือดในสมองตีบ ร่างกายซีกหนึ่งเคลื่อนไหว ได้เล็กน้อยเท่านั้น ความที่กลัวว่า จะไม่ได้มาเข้าค่ายสปาตัน คุณอุดมจึงมุมานะที่จะรักษาตัวเองให้หาย ก่อนจะมาเข้าค่ายสปาตันให้ได้
คุณ อุดมเริ่มออกกำลังกายและนวดกดจุด ตามวิธีของชีวจิตและรำกระบอง แบบชีวจิตอย่างแข็งขันทุกวัน ชั่วเวลาเพียง 2-3 อาทิตย์ คุณอุดมหายเป็นปกติ และเมื่อถึงวันสุดท้ายที่ค่ายสปาตัน จะต้องขึ้นเขาระยะทางไปกลับ 20 กม. คุณอุดมก็สามารถ ทั้งวิ่งทั้งเดินไม่ได้ หยุดออกนำหน้ากลุ่มสมาชิกกว่า 80 คน วิ่งได้สำเร็จอย่างงดงาม คุณอุดมอายุ 61 ปีแล้ว
นี่ก็เป็นตัวอย่างอีก 2 ราย ซึ่งเป็นตัวอย่างน่าสนใจ และชื่นใจเหลือเกิน ในการเปลี่ยนชีวิตใหม่ของตนเองอย่างง่ายๆ ด้วยวิธีออกกำลังกายอย่างง่ายๆ ไม่ต้องเปลืองเงินเปลืองทอง และก็หายจากการเจ็บป่วย โดยที่ถ้าหากไม่ไปเห็นด้วยตนเอง ก็คงจะฟ้องว่า เป็นข่าวลือกระพือโหม เชื่อไม่ได้เป็นแน่แท้
แต่เราก็มีหลักฐานอีกมากมายหลายคน ที่พร้อมจะยืนยันได้ว่า สุขภาพของเขาดีขึ้น หายเจ็บหายป่วย เพราะการออกกำลังกายและบริหารร่างกายที่ถูกต้อง
และก็แน่นอน สุขภาพของกลุ่มชีวจิตไม่ได้ดีขึ้น เพราะเพียงแต่การออกกำลังกายอย่างเดียว การปรับชีวิตใหม่ให้มีสุขภาพที่ดีนั้น เพียงแต่ออกกำลังกายอย่าง เดียวคงไม่พอ เราต้องมีการปฏิบัติอย่างอื่นๆ อีกหลายอย่าง
เราเริ่ม ที่การปรับระบบชีวิตประจำวันของเราก่อน ระบบชีวิตของสังคมปัจจุบันแบ่งออกเป็นง่ายๆ ก็มีอยู่ 5 อย่าง กิน-นอน-ทำงาน-พักผ่อน-ออกกำลังกาย
เชื่อไหมครับ การปรับส่วนต่างๆ ของชีวิตประจำวันให้ถูกต้องและมีความพอดีนั้น เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ของการมีสุขภาพที่ดี ขอพูดย่อๆ ของการปฏิบัติแต่ละส่วนดังต่อไปนี้
การกิน เราต้องแก้การกินด้วยการเข้าใจ ให้ถูกต้องเสียก่อนว่า การกินที่ดีนั้นไม่ใช่อยู่ที่การกินของดีๆ ของอร่อย และของแพงๆ แต่ต้องดูว่า อาหารที่เรากินนั้น เป็นของที่มีประโยชน์หรือไม่ กินเข้าไปแล้วจะสร้างพิษหรือท็อกซินแก่ ร่างกายหรือไม่ ไม่ใช่ไปดูว่าของที่กินนั้นอร่อย และแพงหรือไม่
ยกตัวอย่าง เด็กๆ สมัยนี้ที่จะไม่ชอบไอศกรีมคงไม่มี ส่งเงินให้เด็กสัก 100 บาท (สมัยนี้ให้เงินเด็กเพียง 100 บาท พ่อแม่อายเขาตายแน่) เด็กๆ ก็จะวิ่งโร่ไปศูนย์การค้า เข้านั่งร้านไอศกรีมทันที ไอศกรีมชั้นยอด ที่เด็กจ้องมองตาเป็นมัน ต้องเป็นไอศกรีมยี่ห้อโก้ๆ และต้องหวานจัด มันจัด จึงจะอร่อย นั่นแหละของมีพิษทั้งนั้น เด็กๆ ของเราสมัยนี้หายใจ เป็นอาหารฟาสต์ฟู้ด หรืออาหารแดกด่วน เนื้อ นม ไข่ ไอศกรีมหวาน มัน น้ำอัดลม สารพัดยี่ห้อดังๆ ทั้งนั้น
และเด็กสมัยนี้ ตัวอ้วนมั่กขั้กเท่าไหร่ พ่อแม่ยิ่งชอบ เชื่อกันว่า เด็กอ้วนท้วนต้องแข็งแรง และน่าเอ็นดู เด็กส่วนมาก ก็จะเป็นโรคภูมิแพ้ ร่างกายอ่อนแอ และอ่อนเพลีย โตขึ้นก็เจ็บ ป่วยเรื้อรัง จนเป็นอะไรต่ออะไรร้ายแรงได้ง่าย
นี่เป็นตัวอย่าง น้อยนิด เราคงต้องพูดกันอีกมากเกี่ยวกับเรื่องกินนี้
การนอน คนในสังคมสมัยใหม่นอนกันผิดๆ บางคนเชื่อว่า ต้องนอนนานๆ จึงจะดี อย่างน้อยคืนละ 8 ชั่วโมง
แต่ ไม่มีใครสนใจว่า นอนวันละ 8 ชั่วโมงแล้วตื่นขึ้นมา มีเรี่ยวมีแรงหรือเปล่า เคยได้ยินไหมครับที่ล้อๆ กันว่า นอนกินบ้านกินเมือง นอนสามวันสามคืนติดกันยังได้ นอนแล้วตื่นขึ้นมาเพลียหมดแรง
การนอนที่ถูกต้อง นอนให้หลับลึก และหลับสนิท ถ้าทำได้ นอนเพียง 4-5 ชั่วโมง ก็ยังแข็งแรงมีเรี่ยวมีแรง พลังแข็งขันอยู่ตลอดเวลา
การ ทำงาน เรื่องนี้ต้องพูดกันยาว เราต้องทำงานด้วยความสนุกสนาน มีชีวิตชีวา ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุขในที่ทำงาน รักเพื่อนฝูง รักบรรยากาศในที่ทำงาน เราทำได้หรือเปล่า ถ้าทำได้คุณมีความสุขในการทำงาน
ทำไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน
การ พักผ่อน เราเข้าใจผิดว่า การพักผ่อนต้องลางานไปเที่ยว ไปเขา ไปทะเล ไปเมืองนอก จริงๆ นั้นไม่ต้องไปไหน อยู่เฉยๆ หายใจเฮือกเดียว เราก็หายเหนื่อย นั่นคือการพักผ่อนที่ถูกต้อง เราต้องฝึกหัดใช้เวลาพอสมควร จึงจะรู้จักการพักผ่อนที่ถูกต้อง
การออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องไปเล่นกีฬาราคาแพงๆ เห่อตามความนิยมของสังคม ออกกำลังกายง่ายๆ ให้เหงื่อออกโซมกาย และ GROWTH HORMONE หลั่งเป็นยาวิเศษเป็นใช้ได้
และเมื่อจัดระบบชีวิตประจำวัน แล้วก็มาถึงเรื่องของจิตใจ ซึ่งส่วนสำคัญของชีวิตคนสมัยใหม่เดี๋ยวนี้ ก็คือเรื่องของความเครียด
ลองศึกษาวิธีคลายเครียดแบบชีวจิตและการมองทุกอย่างในชีวิต ในทางบวกดูบ้างดีไหมครับ
สำหรับ รายการย่อยต่างๆ ที่กล่าวมานี้ ขออนุญาตพูดรายละเอียดเป็นเรื่องๆ ต่อไปในคราวหน้าครับ เฉพาะคราวนี้ขอชักชวนไว้ก่อนว่า มาช่วยกันสร้างชีวิตใหม่ให้กับตัวเอง ด้วยการสร้างสุขภาพที่ดีโดยเริ่มต้นตั้งแต่ ปีใหม่นี้ดีไหมครับ
กลาง เดือนมกราคมนี้ เราจะจัดเข้าค่ายสปาตันกันอีกครั้งหนึ่ง ที่แ ม่ริม เชียงใหม่ครับ ขอขอบพระคุณ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ที่ท่านได้อนุญาตให้เราได้ใช้อุทยานน้ำตกแม่สาและตาดหมอก เป็นที่ศึกษาและชมธรรมชาติตลอดมา ขอขอบพระคุณครับ.
โดยคุณ : สาทิส
ผม ตั้งใจที่จะอวยพรปีใหม่ แก่ท่านผู้อ่านด้วยการชักชวนว่า เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับปีใหม่กันจริงๆ สักทีจะดีไหม การเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดและดีที่สุด ก็คือเริ่มที่การปรับปรุงสุขภาพของตัวเองให้ดีขึ้นนั่นเอง
สุขภาพดีขึ้นกว่าเดิม ชีวิตใหม่ก็เริ่มต้นอย่างสดใส และสวยงามกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ผม ได้รับบัตรอวยพรปีใหม่ จากสามีภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งเป็นสมาชิกชีวจิตจากราชบุรี คุณอุดมและคุณสกุนา ไวศยดำรง สมาชิกของเราสองท่านนี้ ได้ไปตั้งกลุ่มสุขภาพชีวจิตขึ้นที่ราชบุรี ผมขออนุญาตนำ จ.ม.ของเพื่อนเราเล่าสู่กันฟังในวันนี้
"กราบเรียนอาจารย์สาทิส
ดิฉัน และเพื่อนรุ่นลมหนาวและกลุ่มรำกระบองโพธาราม ได้ส่งเสื้อมาให้ อาจารย์ 1 ตัว กลุ่มของเรา ซึ่งขณะนี้มี คุณระภี ผาสุก เป็นหัวหน้ากลุ่ม มีสมาชิกในกลุ่มประมาณ 50 คน เช้าประมาณตี 5 จะพร้อมกันรำกระบองที่เขื่อนริมแม่น้ำกลอง และตอนเย็นประมาณ 5 โมงเย็น ดิฉันจะเป็นผู้นำรำกระบองที่เขื่อนค่ะ
คุณระภีเธอป่วยด้วยโรคเกี่ยว กับสมอง เป็นคนไข้ของนายแพทย์ (.......) รักษามาหลายปี อาการก็ไม่ดีขึ้น เธอบอกกับเพื่อนๆ ว่าปี 43 นี้ เธอคงต้องตายแน่ ดิฉันและเพื่อนก็ชักชวน ให้เธอมารำกระบอง หลังจากรำกระบองได้ 2 อาทิตย์ อาการเธอดีขึ้นทุกวัน จนขณะนี้ เธอหยุดกินยาแล้ว เธอฝากกราบขอบคุณอาจารย์มาด้วยค่ะ"
นี่ เป็นบางส่วนของ จ.ม.ซึ่งผมตัดตอนมา เพื่ออยากจะให้เพื่อนๆ ชีวจิตของเราทราบว่า เพียงแต่การออกกำลัง ด้วยการรำกระบองเพียงอย่างเดียว ก็ช่วยพลิกฟื้นสุขภาพให้ดีขึ้นได้อย่างน่าพิศวง
คุณอุดมนั้น เคยมาเข้าคอร์สสปาตันของชีวจิตที่แม่ริม เมื่อประมาณปีกว่าๆ มาแล้ว ก่อนจะมาเข้าค่าย คุณอุดมมีอาการ ของอัมพาต สาเหตุเนื่องมาจากเส้นเลือดในสมองตีบ ร่างกายซีกหนึ่งเคลื่อนไหว ได้เล็กน้อยเท่านั้น ความที่กลัวว่า จะไม่ได้มาเข้าค่ายสปาตัน คุณอุดมจึงมุมานะที่จะรักษาตัวเองให้หาย ก่อนจะมาเข้าค่ายสปาตันให้ได้
คุณ อุดมเริ่มออกกำลังกายและนวดกดจุด ตามวิธีของชีวจิตและรำกระบอง แบบชีวจิตอย่างแข็งขันทุกวัน ชั่วเวลาเพียง 2-3 อาทิตย์ คุณอุดมหายเป็นปกติ และเมื่อถึงวันสุดท้ายที่ค่ายสปาตัน จะต้องขึ้นเขาระยะทางไปกลับ 20 กม. คุณอุดมก็สามารถ ทั้งวิ่งทั้งเดินไม่ได้ หยุดออกนำหน้ากลุ่มสมาชิกกว่า 80 คน วิ่งได้สำเร็จอย่างงดงาม คุณอุดมอายุ 61 ปีแล้ว
นี่ก็เป็นตัวอย่างอีก 2 ราย ซึ่งเป็นตัวอย่างน่าสนใจ และชื่นใจเหลือเกิน ในการเปลี่ยนชีวิตใหม่ของตนเองอย่างง่ายๆ ด้วยวิธีออกกำลังกายอย่างง่ายๆ ไม่ต้องเปลืองเงินเปลืองทอง และก็หายจากการเจ็บป่วย โดยที่ถ้าหากไม่ไปเห็นด้วยตนเอง ก็คงจะฟ้องว่า เป็นข่าวลือกระพือโหม เชื่อไม่ได้เป็นแน่แท้
แต่เราก็มีหลักฐานอีกมากมายหลายคน ที่พร้อมจะยืนยันได้ว่า สุขภาพของเขาดีขึ้น หายเจ็บหายป่วย เพราะการออกกำลังกายและบริหารร่างกายที่ถูกต้อง
และก็แน่นอน สุขภาพของกลุ่มชีวจิตไม่ได้ดีขึ้น เพราะเพียงแต่การออกกำลังกายอย่างเดียว การปรับชีวิตใหม่ให้มีสุขภาพที่ดีนั้น เพียงแต่ออกกำลังกายอย่าง เดียวคงไม่พอ เราต้องมีการปฏิบัติอย่างอื่นๆ อีกหลายอย่าง
เราเริ่ม ที่การปรับระบบชีวิตประจำวันของเราก่อน ระบบชีวิตของสังคมปัจจุบันแบ่งออกเป็นง่ายๆ ก็มีอยู่ 5 อย่าง กิน-นอน-ทำงาน-พักผ่อน-ออกกำลังกาย
เชื่อไหมครับ การปรับส่วนต่างๆ ของชีวิตประจำวันให้ถูกต้องและมีความพอดีนั้น เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ของการมีสุขภาพที่ดี ขอพูดย่อๆ ของการปฏิบัติแต่ละส่วนดังต่อไปนี้
การกิน เราต้องแก้การกินด้วยการเข้าใจ ให้ถูกต้องเสียก่อนว่า การกินที่ดีนั้นไม่ใช่อยู่ที่การกินของดีๆ ของอร่อย และของแพงๆ แต่ต้องดูว่า อาหารที่เรากินนั้น เป็นของที่มีประโยชน์หรือไม่ กินเข้าไปแล้วจะสร้างพิษหรือท็อกซินแก่ ร่างกายหรือไม่ ไม่ใช่ไปดูว่าของที่กินนั้นอร่อย และแพงหรือไม่
ยกตัวอย่าง เด็กๆ สมัยนี้ที่จะไม่ชอบไอศกรีมคงไม่มี ส่งเงินให้เด็กสัก 100 บาท (สมัยนี้ให้เงินเด็กเพียง 100 บาท พ่อแม่อายเขาตายแน่) เด็กๆ ก็จะวิ่งโร่ไปศูนย์การค้า เข้านั่งร้านไอศกรีมทันที ไอศกรีมชั้นยอด ที่เด็กจ้องมองตาเป็นมัน ต้องเป็นไอศกรีมยี่ห้อโก้ๆ และต้องหวานจัด มันจัด จึงจะอร่อย นั่นแหละของมีพิษทั้งนั้น เด็กๆ ของเราสมัยนี้หายใจ เป็นอาหารฟาสต์ฟู้ด หรืออาหารแดกด่วน เนื้อ นม ไข่ ไอศกรีมหวาน มัน น้ำอัดลม สารพัดยี่ห้อดังๆ ทั้งนั้น
และเด็กสมัยนี้ ตัวอ้วนมั่กขั้กเท่าไหร่ พ่อแม่ยิ่งชอบ เชื่อกันว่า เด็กอ้วนท้วนต้องแข็งแรง และน่าเอ็นดู เด็กส่วนมาก ก็จะเป็นโรคภูมิแพ้ ร่างกายอ่อนแอ และอ่อนเพลีย โตขึ้นก็เจ็บ ป่วยเรื้อรัง จนเป็นอะไรต่ออะไรร้ายแรงได้ง่าย
นี่เป็นตัวอย่าง น้อยนิด เราคงต้องพูดกันอีกมากเกี่ยวกับเรื่องกินนี้
การนอน คนในสังคมสมัยใหม่นอนกันผิดๆ บางคนเชื่อว่า ต้องนอนนานๆ จึงจะดี อย่างน้อยคืนละ 8 ชั่วโมง
แต่ ไม่มีใครสนใจว่า นอนวันละ 8 ชั่วโมงแล้วตื่นขึ้นมา มีเรี่ยวมีแรงหรือเปล่า เคยได้ยินไหมครับที่ล้อๆ กันว่า นอนกินบ้านกินเมือง นอนสามวันสามคืนติดกันยังได้ นอนแล้วตื่นขึ้นมาเพลียหมดแรง
การนอนที่ถูกต้อง นอนให้หลับลึก และหลับสนิท ถ้าทำได้ นอนเพียง 4-5 ชั่วโมง ก็ยังแข็งแรงมีเรี่ยวมีแรง พลังแข็งขันอยู่ตลอดเวลา
การ ทำงาน เรื่องนี้ต้องพูดกันยาว เราต้องทำงานด้วยความสนุกสนาน มีชีวิตชีวา ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุขในที่ทำงาน รักเพื่อนฝูง รักบรรยากาศในที่ทำงาน เราทำได้หรือเปล่า ถ้าทำได้คุณมีความสุขในการทำงาน
ทำไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน
การ พักผ่อน เราเข้าใจผิดว่า การพักผ่อนต้องลางานไปเที่ยว ไปเขา ไปทะเล ไปเมืองนอก จริงๆ นั้นไม่ต้องไปไหน อยู่เฉยๆ หายใจเฮือกเดียว เราก็หายเหนื่อย นั่นคือการพักผ่อนที่ถูกต้อง เราต้องฝึกหัดใช้เวลาพอสมควร จึงจะรู้จักการพักผ่อนที่ถูกต้อง
การออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องไปเล่นกีฬาราคาแพงๆ เห่อตามความนิยมของสังคม ออกกำลังกายง่ายๆ ให้เหงื่อออกโซมกาย และ GROWTH HORMONE หลั่งเป็นยาวิเศษเป็นใช้ได้
และเมื่อจัดระบบชีวิตประจำวัน แล้วก็มาถึงเรื่องของจิตใจ ซึ่งส่วนสำคัญของชีวิตคนสมัยใหม่เดี๋ยวนี้ ก็คือเรื่องของความเครียด
ลองศึกษาวิธีคลายเครียดแบบชีวจิตและการมองทุกอย่างในชีวิต ในทางบวกดูบ้างดีไหมครับ
สำหรับ รายการย่อยต่างๆ ที่กล่าวมานี้ ขออนุญาตพูดรายละเอียดเป็นเรื่องๆ ต่อไปในคราวหน้าครับ เฉพาะคราวนี้ขอชักชวนไว้ก่อนว่า มาช่วยกันสร้างชีวิตใหม่ให้กับตัวเอง ด้วยการสร้างสุขภาพที่ดีโดยเริ่มต้นตั้งแต่ ปีใหม่นี้ดีไหมครับ
กลาง เดือนมกราคมนี้ เราจะจัดเข้าค่ายสปาตันกันอีกครั้งหนึ่ง ที่แ ม่ริม เชียงใหม่ครับ ขอขอบพระคุณ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ที่ท่านได้อนุญาตให้เราได้ใช้อุทยานน้ำตกแม่สาและตาดหมอก เป็นที่ศึกษาและชมธรรมชาติตลอดมา ขอขอบพระคุณครับ.
โดยคุณ : สาทิส
ซุปไก่ในครัวเป็นยอดยาหวัด
นักวิทยาศาสตร์ศึกษา พบซุปไก่แบบชาวบ้าน มีสรรพคุณรักษาโรคหวัดได้ ช่วยลดอาการเจ็บคอ และบรรเทาอาการอื่น เพราะบำรุงระบบภูมิคุ้มกัน ในร่างกายของคนเรา ให้แข็งแรงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรคปอดของศูนย์แพทย์
เนบราสกา ของสหรัฐฯ ได้พบหลักฐานว่า สารในซุปไก่ แบบชาวบ้าน มีคุณสมบัติ ในทางแก้อักเสบ ช่วยบรรเทาอาการทุกข์ทรมาน ของโรคหวัดได้ พวกแม่บ้านในสหรัฐฯ มักจะสั่งสอนกันมาตั้งแต่รุ่นย่ารุ่นยายว่า ซุปไก่กินแก้หวัดดี ถึงกับเรียกยกย่องกันว่า เป็น "ยาเพนนิซิลินยิว"
ปรกติ ซุปไก่แบบพื้นบ้าน มักปรุงด้วย เนื้อไก่ หัวหอม มันเทศ ผักชีฝรั่ง ต้นเซอละรี ผักเทอร์นิพ ผักพาร์สนิพ หัวผักกาดแดง เกลือ และพริกไทย นักวิทยาศาสต ร์ก็ได้ศึกษาซุปไก่สกัดตราต่างๆ ด้วย และพบว่า มีอยู่หลายตรา ที่มีสรรพคุณ ไม่แพ้ซุปไก่พื้นบ้าน แต่ถ้าเอารสชาติกันแล้ว ไม่มีอันไหนสู้ของปรุงเองได้
จากการศึกษาพบว่า ซุปไก่มีสรรพคุณช่วยหยุดยั้ง หรือสกัดการเคลื่อนไหวของนูโทรฟิล อันเป็นเม็ดเลือดขาว ที่มีหน้าที่เขมือบแบคทีเรีย กับเศษซากของเซลล์ที่ตายแล้ว เมื่อติดเชื้อไวรัส อย่างเมื่อตอนเป็นหวัดนูโทรฟิลจะถูกปล่อยออกมาจำนวนมาก แต่มันไม่อาจทำอะไรกับไวรัสได้ จึงไปกระตุ้นให้ขับเมือกเหลว ทำให้คนเป็นหวัดมีอาการมึนศีรษะ ไอและจาม อันเป็นอาการแบบฉบับของหวัดขึ้น
เนบราสกา ของสหรัฐฯ ได้พบหลักฐานว่า สารในซุปไก่ แบบชาวบ้าน มีคุณสมบัติ ในทางแก้อักเสบ ช่วยบรรเทาอาการทุกข์ทรมาน ของโรคหวัดได้ พวกแม่บ้านในสหรัฐฯ มักจะสั่งสอนกันมาตั้งแต่รุ่นย่ารุ่นยายว่า ซุปไก่กินแก้หวัดดี ถึงกับเรียกยกย่องกันว่า เป็น "ยาเพนนิซิลินยิว"
ปรกติ ซุปไก่แบบพื้นบ้าน มักปรุงด้วย เนื้อไก่ หัวหอม มันเทศ ผักชีฝรั่ง ต้นเซอละรี ผักเทอร์นิพ ผักพาร์สนิพ หัวผักกาดแดง เกลือ และพริกไทย นักวิทยาศาสต ร์ก็ได้ศึกษาซุปไก่สกัดตราต่างๆ ด้วย และพบว่า มีอยู่หลายตรา ที่มีสรรพคุณ ไม่แพ้ซุปไก่พื้นบ้าน แต่ถ้าเอารสชาติกันแล้ว ไม่มีอันไหนสู้ของปรุงเองได้
จากการศึกษาพบว่า ซุปไก่มีสรรพคุณช่วยหยุดยั้ง หรือสกัดการเคลื่อนไหวของนูโทรฟิล อันเป็นเม็ดเลือดขาว ที่มีหน้าที่เขมือบแบคทีเรีย กับเศษซากของเซลล์ที่ตายแล้ว เมื่อติดเชื้อไวรัส อย่างเมื่อตอนเป็นหวัดนูโทรฟิลจะถูกปล่อยออกมาจำนวนมาก แต่มันไม่อาจทำอะไรกับไวรัสได้ จึงไปกระตุ้นให้ขับเมือกเหลว ทำให้คนเป็นหวัดมีอาการมึนศีรษะ ไอและจาม อันเป็นอาการแบบฉบับของหวัดขึ้น
เคล็ดลับดูแลผมไม่ให้ร่วง
ปัญหาผมร่วงเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจ ให้ทั้งคุณผู้ชาย และคุณผู้หญิงชินการสมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บ.สมาพันธ์เทรดดิ้ง ซึ่งเปิดตลาดผลิตภัณฑ์ซีฟาแรน ที่ลดการหลุดร่วงของเส้นผมใน เมืองไทย ได้เชิญ ศ.ดร.หยาง ชอง เหริน ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรแห่งสถาบันพฤกษศาสตร์คุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน และป๊อก เชลซี มาพูดคุยถึงปัญหาผมร่วงพร้อม เทคนิคการดูแลเส้นผม ในงานZ-Night เสน่ห์ชาย...ไม่มีร่วง เมื่อค่ำวันที่ 12 ก.ย. ที่ รร.โอเรียนเต็ล
ศ.ดร. หยาง ผู้เชี่ยวชาญ ด้านสมุนไพรกล่าวว่า ปัจจุบันโรคผมร่วง กลายเป็นเรื่องรบกวนผู้คนในสังคม เพราะทำให้เกิด ความกังวลจนสุขภาพจิตไม่ดี ส่วนยาที่มีขายในตลาด ส่วนใหญ่ก็เป็นสารสังเคราะห์ที่ทำให้เกิดผลข้างเคียง หรือช่วยแก้ปัญหาเฉพาะผิวเผิน ไม่ได้รักษาที่ต้นตอ ร่างกายคนเรานั้นอย่างที่ทราบกันว่ามีหยินและหยางหรือเลือดและลม หากเราสร้างสมดุลให้ทั้งสองอย่าง ร่างกายก็จะแข็งแรง ดังนั้น คนจีนจำนวนมากจึงต้องปรับหยินและหยางให้เกิดสมดุล เส้นผมก็เช่นกัน หากแข็งแรงมีเลือดไหลเวียน ได้ดีรากผมก็จะแข็งแรง ไม่หลุดร่วง เส้นผมคนเราจะมีประมาณ 1-2 แสนเส้น แต่ละเส้นมีอายุ 2-4 ปี ทำให้ทุกวันมีผมตาย และหลุดร่วงจากศีรษะ ล่าสุดเขาได้พบสมุนไพรหลายชนิด อาทิ โสม แปะก๊วย และสมุนไพรหลายชนิด จากธรรมชาติ ที่นำมาช่วยลด การหลุดร่วงของเส้นผม และช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง
ส่วนป๊อก เชลซี กล่าวถึงปัญหาผมร่วง พบในผู้ชายกว่า 80% ส่วนผู้หญิงก็พบได้ จากหลายสาเหตุ ทั้งหลังการคลอดลูก ใกล้หมดประจำเดือน จากการรับประทานยาเตียรอยด์ฯลฯ สาเหตุของผู้ชายส่วนใหญ่ มีทั้งกรรมพันธุ์ รับประทานยาเร่งกล้ามบางชนิด ยาภูมิแพ้บางชนิด ตลอดจนความเครียด ก็ทำให้ผมร่วงได้ โดยเฉพาะในวัยรุ่นหนุ่มสาวที่กำลังเรียน บางครั้งเครียด เพราะใกล้สอบ ก็ทำให้ผมหลุดร่วงได้ และบางคนผมอาจไม่ขึ้นมาใหม่หรือขึ้นมาก็ไม่แข็งแรงเท่าเดิม สำหรับตนแล้วมีวิธีการดูแลก็คือ น้ำมะกรูดนำมา หมักผมประมาณ 15-20 นาที หรือจะใช้มะกรูดฝรั่งเศส หมักก่อนสระผมก็ถือว่าใช้ได้ และเคล็ดอีกอย่างก็คือ พยายามรับประทานชีวจิต หรือน้ำผัก ผลไม้ ไม่ว่าจะหญ้ามังกร แครอท น้ำส้ม หรือน้ำบริสุทธิ์ รวมทั้งออกกำลังกายเป็นประจำ
thairath
ศ.ดร. หยาง ผู้เชี่ยวชาญ ด้านสมุนไพรกล่าวว่า ปัจจุบันโรคผมร่วง กลายเป็นเรื่องรบกวนผู้คนในสังคม เพราะทำให้เกิด ความกังวลจนสุขภาพจิตไม่ดี ส่วนยาที่มีขายในตลาด ส่วนใหญ่ก็เป็นสารสังเคราะห์ที่ทำให้เกิดผลข้างเคียง หรือช่วยแก้ปัญหาเฉพาะผิวเผิน ไม่ได้รักษาที่ต้นตอ ร่างกายคนเรานั้นอย่างที่ทราบกันว่ามีหยินและหยางหรือเลือดและลม หากเราสร้างสมดุลให้ทั้งสองอย่าง ร่างกายก็จะแข็งแรง ดังนั้น คนจีนจำนวนมากจึงต้องปรับหยินและหยางให้เกิดสมดุล เส้นผมก็เช่นกัน หากแข็งแรงมีเลือดไหลเวียน ได้ดีรากผมก็จะแข็งแรง ไม่หลุดร่วง เส้นผมคนเราจะมีประมาณ 1-2 แสนเส้น แต่ละเส้นมีอายุ 2-4 ปี ทำให้ทุกวันมีผมตาย และหลุดร่วงจากศีรษะ ล่าสุดเขาได้พบสมุนไพรหลายชนิด อาทิ โสม แปะก๊วย และสมุนไพรหลายชนิด จากธรรมชาติ ที่นำมาช่วยลด การหลุดร่วงของเส้นผม และช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง
ส่วนป๊อก เชลซี กล่าวถึงปัญหาผมร่วง พบในผู้ชายกว่า 80% ส่วนผู้หญิงก็พบได้ จากหลายสาเหตุ ทั้งหลังการคลอดลูก ใกล้หมดประจำเดือน จากการรับประทานยาเตียรอยด์ฯลฯ สาเหตุของผู้ชายส่วนใหญ่ มีทั้งกรรมพันธุ์ รับประทานยาเร่งกล้ามบางชนิด ยาภูมิแพ้บางชนิด ตลอดจนความเครียด ก็ทำให้ผมร่วงได้ โดยเฉพาะในวัยรุ่นหนุ่มสาวที่กำลังเรียน บางครั้งเครียด เพราะใกล้สอบ ก็ทำให้ผมหลุดร่วงได้ และบางคนผมอาจไม่ขึ้นมาใหม่หรือขึ้นมาก็ไม่แข็งแรงเท่าเดิม สำหรับตนแล้วมีวิธีการดูแลก็คือ น้ำมะกรูดนำมา หมักผมประมาณ 15-20 นาที หรือจะใช้มะกรูดฝรั่งเศส หมักก่อนสระผมก็ถือว่าใช้ได้ และเคล็ดอีกอย่างก็คือ พยายามรับประทานชีวจิต หรือน้ำผัก ผลไม้ ไม่ว่าจะหญ้ามังกร แครอท น้ำส้ม หรือน้ำบริสุทธิ์ รวมทั้งออกกำลังกายเป็นประจำ
thairath
ข้อควรระวังในการใช้ยา
ยามีคุณประโยชน์ก็ต่อเมื่อรู้จักใช้และรู้จักรับประทานอย่างถูกวิธี
ต่อไปนี้เป็นข้อควรระวังเพื่อไม่ให้ช้ยาผิดที่ผิดทางหรือผิดสูตร
1. อย่าใช้ยาอย่างพร่ำเพรื่อ ไม่ป่วยจริงอย่ารับประทานยา
2. ใช้ให้ถูกเวลา ยาก่อนอาหารควรต้องรับประทานก่อนอาหารประมาณ ครึ่งชั่วโมง
ยาหลังอาหารควรรับประทานหลังอาหาร 15-20 นาที และไม่ควรรับประทานขณะท้องว่าง
เพราะจะระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะ ส่วนยาลดกรดนั้นควรรับประทานหลังอาหาร 1-2 ชุ่วโมงจึงจะได้ผลดี
3. ใช้ยาให้ถูกวิธีเช่น ยาเม็ด หรือแคปซูล ให้กลืนทั้งเม็ดพร้อมน้ำ หากเป็นยาเคี้ยว ต้องเคี้ยวให้ละเอียด
ยาผงที่ต้องละลายน้ำก่อนไม่ควรทานทั้งที่ยังเป็นผงแห้งๆ แล้วค่อยดื่มน้ำตาม
เพราะจะทำให้เกิดการอุดตันของทางเดินอาหารได้ สำหรับยาน้ำอย่าลืมเขย่าขวดก่อนใช้
4.อย่ารับประทานยาแก้หวัดแก้ไข้ รวมกับยาแก้เมารถ เมาเรือ และ
ไม่ควรรับประทานยาปฏิชีวนะร่วมกับนม
5. อย่ารับประทานยามากเกินไป เช่นยาเคลือบกระเพาะ ใช้มากเกินไปทำให้ท้องผูกได้
อย่าลืมว่ายานั้นมีทั้งคุรและโทษ จึงควรระวังการใช้ให้ดี
ต่อไปนี้เป็นข้อควรระวังเพื่อไม่ให้ช้ยาผิดที่ผิดทางหรือผิดสูตร
1. อย่าใช้ยาอย่างพร่ำเพรื่อ ไม่ป่วยจริงอย่ารับประทานยา
2. ใช้ให้ถูกเวลา ยาก่อนอาหารควรต้องรับประทานก่อนอาหารประมาณ ครึ่งชั่วโมง
ยาหลังอาหารควรรับประทานหลังอาหาร 15-20 นาที และไม่ควรรับประทานขณะท้องว่าง
เพราะจะระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะ ส่วนยาลดกรดนั้นควรรับประทานหลังอาหาร 1-2 ชุ่วโมงจึงจะได้ผลดี
3. ใช้ยาให้ถูกวิธีเช่น ยาเม็ด หรือแคปซูล ให้กลืนทั้งเม็ดพร้อมน้ำ หากเป็นยาเคี้ยว ต้องเคี้ยวให้ละเอียด
ยาผงที่ต้องละลายน้ำก่อนไม่ควรทานทั้งที่ยังเป็นผงแห้งๆ แล้วค่อยดื่มน้ำตาม
เพราะจะทำให้เกิดการอุดตันของทางเดินอาหารได้ สำหรับยาน้ำอย่าลืมเขย่าขวดก่อนใช้
4.อย่ารับประทานยาแก้หวัดแก้ไข้ รวมกับยาแก้เมารถ เมาเรือ และ
ไม่ควรรับประทานยาปฏิชีวนะร่วมกับนม
5. อย่ารับประทานยามากเกินไป เช่นยาเคลือบกระเพาะ ใช้มากเกินไปทำให้ท้องผูกได้
อย่าลืมว่ายานั้นมีทั้งคุรและโทษ จึงควรระวังการใช้ให้ดี
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)