ความ ขัดแย้งทางความคิดมาจาก"การตั้งพรรคการเมืองใหม่"เริ่มจากการแยกตัวของแนว
ร่วมกลุ่มคุณ ไชยวัฒน์ สินสุวงค์ ซึ่งได้ร่วมกับท่าน มณูกฤต รูปขจร
ตั้งพรรค ประชาภิวัตร กำลังทำการเมืองอยู่ที่ภาคอีสาน ซึ่งคุณไชยวัฒน์
ได้ออกมาวิภาควิจารณ์อย่างรุนแรง ต่อมาก็เกิดปัญหาขึ้นที่ภาคใต้ระหว่าง
พธม.สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กับ พธม.ที่ต้องการพรรคการเมืองใหม่
แต่ต้องยอมรับว่า แกนนำ พธม.ทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2
มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อย่างเช่น คุณสมเกียรติ พงค์ไพรบรูณ์ คุณสำราญ
รอดเพชร คุณประพันธ์ คูณมี รมต.กษิต ภิรมณ์ เป็นต้น
ทำให้เกิดบรรยากาศที่ทำให้ พธม.เกิดความสับสน
จึงทำให้เกิดการปรับตัวในการแสดงบทบาทของ พธม.ในฐานะการเมืองภาคประชาชน
และคุณวีระ สมความคิด ก็เป็นแนวร่วมหนึ่งที่ไม่สนใจภาคการเมือง
การเคลื่อนไหวทวงคืนเขาพระวิหารจึงเป็นเหตุให้สังคมได้เห็นความแตกต่างทาง
ความคิดของ พธม.ที่ชัดเจนที่สุด ว่า
พธม.นั้นแยกแยะระหว่างการเมืองภาคประชาชนและการเมืองระบบพรรค
เมืองไทยต้องมีการต่อสู้เรียกร้องในสิทธิ์พลเมืองอีกมาก
เพราะทุกหย่อมหญ้ามีแต่ความอยุติธรรมจากผู้มีอำนาจปกครอง ไม่ต้องกลัวว่า
พธม.จะแตกแยก เพราะเราแยกกันเคลื่อนไหวมานานแล้วระหว่างการเมืองระบบพรรคกับการเมืองภาค
ประชาชนอย่างชัดเจน
แสบ
ความคิดเห็นที่ 1
ต้อง ยึดถือว่าบ้านเมืองมีกฏกติกา
ต้องยึดถือว่าเราทุกคนต่างมีหน้าที่ที่จะกระทำ
เราทุกคนไม่จำเป็นจะต้องคิดเหมือนกัน ทำเหมือนกัน
เคารพความคิดและการตัดสินใจของแต่ละคน เคารพ
และรับฟังคำโต้แย้งผู้อื่นไว้พิจารณาตัดสินใจ เมื่อตัดสินใจทำ
อะไรลงไปต้องรับผิดชอบในการกระทำของตน บ้านเมืองจึงจะสงบเรียบร้อย
แต่ละคนมีสิทธิคิดสิทธิกระทำ แต่ต้องมีความรับ
ผิดชอบในการกระทำของตัวด้วย ผิดชอบว่ากันไปตามตรง
พธม.สู้สู้
ความคิดเห็นที่ 2
ใครก็อยากมีความก้าวหน้าครับ
จะตั้งพรรคใหม่ก็เรื่องของเขา
ยังไง กมม. ของเราต้องได้ใจประชาชนไม่น้อยกว่า 20 ล้านเสียงอยู่แล้วครับ
ไม่ต้องกลัว
เรามาแน่
เย็น
ความคิดเห็นที่ 3
อย่างไรก็ตาม การเมืองก็คือการเมือง
ไม่ห่วงที่ตั้งพรรค แต่ห่วงถ้าไม่ตั้งพรรค
ถึงแม้เราจะไม่เข้าร่วมกับการตั้งพรรคในครั้งนี้
แต่เราก็ไม่ขัดข้องและยังสนับสนุนด้วยความเข้าใจดี
การต่อสู้ที่ไม่มีจุดมุ่งหมายมักจะถูกดันให้ถอยล่นไปจมคูคลองไม่วันใดก็วันหนึ่ง
การที่เราได้เข้าไป..(อย่างน้อยได้เสนอหน้า
) ในสภาฯ บ้าง ก็ยังดีกว่าที่เราจะได้แค่เพียงเป็นคนนอก....แล้วได้แต่เงี่ยหูคอยฟัง....
อย่าง น้อยเราก็จะได้มีปากเสียงได้บ้าง...ได้มองในวงแคบที่พวกเขาอยู่กัน...อย่าง
น้อยการข่าวก็จะแม่นกว่าที่เป็นอยู่...เราได้สำผัส ได้เห็นอย่างใกล้ชิด
การข่าวก็จะมีน้ำหนักมากกว่า
และอย่างไรก็ตาม เมื่อถึงการบ้านการเมือง การทำงานเพื่อประเทศชาติ
ของเรา...เราก็ไม่เคยห่วงที่จะทำโดยลำพัง ...เรามั่นใจเสมอว่า
...เราจะไม่โดดเดี่ยวเดียวดาย...ทุกคนจะมาช่วยกัน เพราะเราคือ
นักประชาธิปไตย...
นักล่าผู้กล้าหาร...นักรักที่ลือชื่อ...นักรักประเทศชาติ...
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย......
ไม่เอาหลายพรรค
ความคิดเห็นที่ 4
การ ตั้งพรรคการเมืองไม่ควรมีหลายพรรค
ดีที่สุดควรรวมตัวกันเป็นพรรคเดียว
ส่วนการเมืองภาคประชาชนจะเกิดกี่กลุ่มก็ได้ไม่ใช่ปัญหา
ยิ่งมากกลุ่มยิ่งดีเพื่อกระจายการทำงานในส่วนต่างๆได้ทั่วถึง
ผมคิดว่ากลุ่มที่สนใจทางการเมืองควรมาจับเข่าคุยกันและควรรวมตัวกันเป็น
กลุ่มก้อนเดียวกัน
การแยกไปตั้งพรรคหลายพรรคทำให้แรงกระตุ้นทางการเมืองแตกแยกไป การ
เมืองใหม่ทุกคนร่วมกันได้ โดยต้องไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัว
ไม่สนใจตำแหน่ง และต้องมีความเสียสละ
ใครไม่พร้อมก็ถอยออกไปอยู่แนวหลัง
1305
ความคิดเห็นที่ 5
นี่ คือสิ่งที่หลายคนเคยเตือนว่า ถ้า
พธม.ตั้งพรรคการเมืองแล้วจะเป็นแบบนี้ แต่ถ้าไม่มีพรรคการเมือง
ไม่มีอำนาจรัฐ การจะต่อสู้กับไอ้พวกนักการเมืองเลว ๆ อยู่ข้างถนนก็ลำบาก
และไม่มีทางเปลี่ยนสังคมได้เลย
http://www2.manager.co.th/mwebboard/listComment.aspx?QNumber=303432&Mbrowse=9
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น