ศิษย์หลวงตา พร้อมด้วยสภาองค์กรวิทยุท้องถิ่นแห่งประเทศไทยกว่า 3,000
สถานี เดินหน้าเข้ายื่นหนังสือต่อ สคบ.แก้ พ.ร.บ.จัดสรรความถี่ ปี 51
ให้อนุกรรมการ สคบ.มีอำนาจจัดสรรคลื่นความถี่ทั้ง 3 ประเภท
พร้อมร้องขอใบอนุญาตชั่วคราวเพื่อความถูกต้องในการเผยแพร่
วันนี้ (24 ก.ย.) ที่บ้านพระอาทิตย์ พระครูอรรถกิจนันทคุณ
กรรมการมูลนิธิเสียงธรรม พร้อมด้วยพระสงฆ์เครือข่ายมูลนิธิเสียงธรรม
เปิดเผยว่า จากกรณีการยื่นหนังสือสนับสนุนร่างแก้ไขเพิ่มเติม
พ.ร.บ.ว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจาย
เสียงและวิทยุโทรทัศน์
ในขณะนี้ทางมูลนิธิได้มีแนวร่วมจากสภาองค์กรวิทยุท้องถิ่นแห่งประเทศไทยกว่า
3,000 สถานี และเข้าร่วมเพื่อพิจารณาแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับนี้
เนื่องจากได้ศึกษา พ.ร.บ.จัดสรรความถี่เเล้ว
เห็นพ้องต้องกันว่ามีผลกระทบต่อการประกอบกิจการวิทยุชุมชนในพื้นที่
โดย มูลนิธิเสียงธรรม และตัวแทนสภาองค์กรวิทยุท้องถิ่นกว่า 3,000
สถานี ได้เข้ายื่นหนังสือต่อทางคณะกรรมการคุมครองผู้บริโภค และ
นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เลขาธิการคณะกรรมการ กทช.ให้แก้ไข พ.ร.บ.ปี 51
บทเฉพาะการมาตราที่ 78 ให้อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
ที่แต่เดิมมีอำนาจจัดการเฉพาะชุมชนเพียงอย่างเดียว
ให้มีอำนาจจัดการได้ทั้ง 3 ประเภท ซึ่งหลังจากเข้าหารือ
ทางคณะกรรมการที่เข้าร่วมมีมติเห็นพ้องต้องกัน
และจะนำไปผลักดันเพื่อแก้ไข
พ.ร.บ.ว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจาย
เสียงและวิทยุโทรทัศน์ ต่อไปให้เสร็จภายใน 3 วาระ
ทั้งนี้ ทางมูลนิธิเสียงธรรมต้องการให้เพิ่มคำนิยาม "ภาคประชาชน"
ให้มีความหมายชัดเจน ไม่คลุมเครือ
เพื่อให้ภาคประชาชนสามารถประกอบกิจการได้ในระดับชาติ ภูมิภาค และท้องถิ่น
โดยมีพื้นที่การให้บริการทัดเทียวกับภาคธุรกิจ อีกทั้งยังต้องการให้ทาง
คณะกรรมการ กทช. สนับสนุนคำว่า "ชุมชน" ตามความหมายของประกาศ
กทช.เนื่องจากมีความหมายที่ครบถ้วนทั้งในเชิงพื้นที่และเชิงประเด็น
นอกจากนี้ ยังต้องการได้รับ "ใบอนุญาตบริการชุมชนชั่วคราว" และเสนอให้
กทช.กำหนดมาตรฐานทางเทคนิคประเภท "สถานีวิทยุชุมชนลักษณะเฉพาะ"
"การยื่นเพื่อขอแก้ไข พ.ร.บ.นั้น
เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้ภาคประชาชน ว่า สามารถจัดการคลื่นวิทยุเองได้
นอกจากนี้ วิทยุชุมชนมีประสิทธิภาพและมีคนรับฟังกันมากขึ้น
แต่ปัญหาอยู่ที่รัฐบาลเกรงว่าบางทีสื่อวิทยุชุมชนบางทีมีคนฟังมากเกินไป
กลัวว่าจะก่อให้เกิดความไม่มั่นคงและเกินความควบคุมของรัฐบาล
ซึ่งต้องแยกให้ออกว่าประเด็นของการจัดอยู่ตรงจุดไหนเพราะบางทีเนื้อหาสาระ
ของวิทยุชุมชนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อผู้ฟัง" พระครูอรรถกิจนันทคุณ
กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น