แพทย์ เชี่ยวชาญโรคตา โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เผยช่วง 2
สัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ป่วยโรคตาแดงมารับการรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น
วันละกว่า 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็ก
แนะผู้ป่วยห้ามใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาขี้ตาและให้หยุดเรียนหยุดงานอย่าง
น้อย 3 วัน ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่นและล้างมือบ่อยๆ
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ที่สำคัญห้ามซื้อยามาหยอดตาเอง
นายแพทย์ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า
จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้
พบผู้ป่วยโรคตาแดงมารับการรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า
เพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ วันละกว่า 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยเรียน
ซึ่งมักพบอาการคออักเสบร่วมด้วย หากผู้ป่วยปฏิบัติตนไม่ถูกต้อง
อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง
โดยเฉพาะเด็กนักเรียนอาจนำไปแพร่ในโรงเรียน
ทำให้กระทบต่อการเรียนการสอบได้
ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
นายแพทย์ฐาปนวงศ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุ
ของโรคตาแดงส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อกันทางการสัมผัสน้ำตา
ขี้ตาของผู้ป่วย อาการสำคัญคือ ตาแดง อาจมีเลือดออกที่เยื่อบุตาขาว
ตาขาวบวม มีขี้ตาเป็นเมือกใสหรือเหลืองอ่อน น้ำตาไหล เคืองตา
และอาจเจ็บบริเวณต่อมน้ำเหลืองที่ข้างหู
โดยอาการจะลุกลามจากตาข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่งอย่างรวดเร็วภายใน 1-2 วัน
บางรายอาจมีตาดำอักเสบ ทำให้เคืองตามาก และมีแผลที่ตาดำชั่วคราวได้
การ ป้องกันสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่
หลีกเลี่ยงการใช้มือแคะ แกะ เกาหน้าตา สำหรับผู้ที่กำลังป่วย
แนะนำให้หยุดเรียนหรือหยุดงานอย่างน้อย 3 วัน
ห้ามใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว แว่นตา
ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน
ที่สำคัญให้ใช้สำลีสะอาดหรือกระดาษทิชชูซับน้ำตาหรือขี้ตา
และทิ้งในถังขยะปิดมิดชิด ห้ามใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเด็ดขาด
เพราะจะเป็นการเก็บกับเชื้อไว้กับผ้า
และติดมือแล้วไปสัมผัสกับพื้นผิวของสาธารณะต่างๆ เช่น ลูกบิดประตู
หูโทรศัพท์ แป้นคอมพิวเตอร์ เมาส์ เป็นต้น เชื้อแพร่กระจายในวงกว้าง
ผู้ป่วยตาแดงอาจสวมแว่นตาเพื่อช่วยป้องกันการระคายเคือง
และลดโอกาสจับต้องบริเวณตาได้ แต่ต้องล้างแว่นบ่อยๆ
นายแพทย์ฐาปนวงศ์ กล่าวต่ออีกว่า ปกติผู้ที่ป่วยด้วยโรคตาแดง
อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์
แต่หากยังมีอาการเคืองตาเหมือนมีทรายเข้าตา ตามัว อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนคือ
ตาดำอักเสบ ควรรีบไปพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจอย่างละเอียด
และให้การรักษาที่เหมาะสม ที่สำคัญอย่าซื้อยามาหยอดตาเอง
โดยเฉพาะยาหยอดตาที่ไม่รู้แหล่งที่มาหรือแหล่งผลิต
หรือที่วางขายตามตลาดนัด รวมทั้งไม่ควรทำตามความเชื่อผิดๆ เช่น
ใช้น้ำนมหยอดตา เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อถึงขั้นตาบอดได้
สำหรับสถานการณ์โรคตาแดง สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค
รายงานในรอบ 9 เดือนปีนี้ ตั้งแต่ 1 มกราคม-14 กันยายน 2552
พบผู้ป่วยแล้ว 64,816 ราย อัตราป่วยสูงสุดคือภาคใต้แสนละ 210 คน
รองลงมาคือ ภาคเหนือ แสนละ 127 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แสนละ 80 คน
และภาคกลาง แสนละ 68 คน ตลอดปี 2551 มีผู้ป่วยทั้งหมด 91,838 ราย
โดยภาคใต้มีอัตราป่วยสูงสุด แสนละ 211 คน รองลงมาได้แก่ ภาคเหนือ แสนละ
198 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แสนละ 125 คน และภาคกลาง แสนละ 106 คน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น