++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Fwd: ภัยในหมู่บ้าน

Fwd: ภัยในหมู่บ้าน


เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นกับครอบครัวของเราเองเลยค่ะ วันนี้ตอนเช้า เราออกจากบ้านไป
ส่งแม่สามีไป

Shopping ที่ห้างใกล้บ้านก่อน ตอน 10 โมง แล้วเราก็ไปรับพ่อที่บ้านของเราเอง
เพื่อไปส่งที่ร้าน

เสื้อผ้า เราไปถึงบ้านประมาณ 11 โมง แต่เหตุการณ์เกิดขึ้น ก่อนหน้าเรามาถึงบ้าน
แค่ 15 นาทีเท่า นั้น!


เรื่องมีอยู่ว่า ขณะที่พ่อเตรียมตัวอยู่ในบ้าน
ก็มีโทรศัพท์เข้ามาที่เบอร์บ้านของเรา

โทรครั้งที่ 1 สายโทรเข้า : ฮาโหล ที่นั่นบ้านเลขที่ xxx หรือเปล่า

พ่อ : ใช่ ต้องการพูดกับใครครับ

สายโทรเข้า : บ้านนี่ ตรงกันข้ามกับบ้านที่มีรั้วสีขาวๆ ใช่ไม๊

พ่อ : ใช่ครับ

สายโทรเข้า : คุณลุง รู้จักคนที่อยู่บ้านตรงข้ามไม๊

พ่อ : รู้จัก ชื่อเจี๊ยบ

สายโทรเข้า : ลุง นี่หนู คือเจี๊ยบเองนะ (พิรุธ 1 สมอ้างเรียบร้อย)

พ่อ : ว่ายังงัยเจี๊ยบ (ได้ยินเสียงปลายสายไม่ชัด)

สายโทรเข้า : ลุง หนูมีเรื่องรบกวนหน่อย เมื่อวานนี้เพื่อนหนู แวะมาที่บ้านแล้ว

เค้าลืมกระเป๋าสตางค์ทิ้งไว้ในบ้าน แต่หนูออกมาทำฟัน อีก 2 ชั่วโมงถึงจะเสร็จ จะ
รบกวนยืมเงินของลุงหน่อยได้ไม๊

พ่อ : จะยืมเท่าไหร่

สายโทรเข้า : เกิน 2 พัน ลุงมีไม๊

พ่อ : ไม่มีหรอก มีเงินสดแค่พันเดียว แล้วเย็นนี้จะพาลูกๆ ไปทานข้าว

สายโทรเข้า : เหรอ แล้วลุงไปทานข้าวที่ไหนล่ะ

พ่อ : ยังไม่รู้เลย แล้วแต่ลูก

สายโทรเข้า : แล้วลุงจะกลับมากี่โมง

พ่อ : ประมาณ ซัก 2 ทุ่ม

สายโทรเข้า : อืม หนูจะได้รู้ว่า หนูจะเอาเงินมาคืนลุงได้ตอนไหน งั้นเดี๋ยวหนู

โทรมาหาใหม่นะ

ซักแป๊บก็โทรมาครั้งที่ 2....

สายโทรเข้า : ลุงนี่เจี๊ยบนะ แบตของหนูหมด เลยใช้สาธารณะโทรมา ลุงถ้าจะขอให้
ลุง

ช่วยเรี่ย รายเงินจากคนแถวๆบ้าน จะได้ไม๊
(ดูมันจะให้พ่อเราไปเรี่ยรายเงินให้มันอีก) (พิรุธ 2)

พ่อ : ไม่ได้หรอกๆ ลุงไม่รู้จักใครแถวนี้ (มันหลอกถามข้อมูล ว่าพ่อรู้จักใครด้วย

+ เผื่อฟลุ๊ค ให้พ่อ เรี่ยรายเงินให้)

สายโทรเข้า : ว้า เพื่อนหนูเค้ากำลังลำบากด้วย งั้นถ้ายืมเงินลุงไปแล้ว ลุงจะ

ลำบากหรือเปล่า (ดู๊ ดู มันยังแสดงความมีน้ำใจ)

พ่อ : ก็ไม่เป็นไรหรอก (ตอบไปด้วยความเกรงใจ)

สายโทรเข้า : งั้นเดี๋ยวหนูให้เพื่อนเข้าไปเอานะลุง

พ่อ : ต้องมาก่อน 11 โมงนะ เพราะว่า เดี๋ยวลูกส้มเข้ามารับ จะออกไปข้างนอก

สายโทรเข้า : งั้นหนูขอยืมลุงก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเย็นนี้ หนูเอาไปคืนให้
หรือว่าถ้าลุง
เห็นหนูมา ก็เดินมาเอาเงินคืนไปได้เลยนะ

พ่อ : อืม ไว้คืน วันพรุ่งนี้ก็ได้ เพราะวันนี้ลุงกลับดึก
(แล้วฝั่งโน๊นก็วางสายไป)

โทรมาครั้งที่ 3....

สายโทรเข้า : ลุง หนูเป็นเพื่อนเจี๊ยบนะ บ้านลุงอยู่ตรงข้ามบ้านเจี๊ยบเลยหรือเปล่า

พ่อ : ใช่ครับ

สายโทรเข้า : งั้นลุงเตรียมเงินไว้ให้หนูด้วยนะ เพราะหนูต้องรีบพาแม่ไปหาหมอแม่
ไม่สบายมากเลย

เนี่ยหนูยังมาลืมกระเป๋าตังค์ไว้ที่บ้านเจี๊ยบอีก

พ่อ : รีบมาหน่อยนะ เพราะว่าเดี๋ยวลูกสาวมารับ

ประมาณ 2 นาที ก็มีผู้หญิงผิวคล้ำ และท้วม ผมยาวประบ่า นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างมา
หน้าบ้าน มาเรียก

พ่อ ก่อนที่พ่อจะเอาเงินให้ พ่อก็เรียกให้ผู้หญิงคนนั้น
เข้ามาในบ้านก่อน พ่อต้องการให้
เค้าเขียนสัญญายืมเงิน

พ่อเล่าว่า ตอนแรกเค้าก็ตกใจที่พ่อเรียกเค้าเข้าบ้าน แต่เค้าก็เข้ามา พ่อให้เขียน
สัญญา ว่าได้ยืมเงินพ่อไปจำนวน 1000 บาท

แล้วให้เค้าเขียนชื่อไว้ (ซึ่ง พ่อไม่ได้ขอเบอร์โทรศัพท์ของเค้าไว้
และพ่อก็ไม่รู้เบอร์
โทรศัพท์ ของคนชื่อเจี๊ยบด้วย) มาถึงตรงนี้ ถ้าพ่อขอดูบัตรประชาชน เค้าก็คงบอกพ่อ
ว่า อยู่ในบ้านเจี๊ยบ เพราะเค้าเอาบัตรไว้ใน กระเป๋าสตางค์ (คิดว่า มันคงวางแผน
มาดีแล้ว)

จากนั้น พ่อก็เอาเงินให้เค้า แล้วเค้าก็เดินจากไปอย่างลอยนวล โดยที่พ่อเป็นคนให้
เงินเค้าด้วยตัวพ่อเองเลย ยังไม่พอเท่านั้น พ่อยังมีน้ำใจอีก
ไปถามเค้าว่า เค้าจะมี
เงินจ่ายค่ามอเตอร์ไซด์หรือเปล่า ค้าก็บอกว่ามีจ่าย
แล้วผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นเพื่อนคน
ข้างบ้าน กับหนุ่มมอเตอร์ไซด์ก็จากไป

เราฟังพ่อเล่าจบใน 5 นาที เราเลยบอกพ่อว่า " พ่อ โดนหลอก แล้ว"

ตอนแรก พ่อไม่เชื่อบอกให้รอเจอเค้าตอนเย็นก่อน แล้วเราค่อยตัดสินว่า พ่อโดนหลอก

เราเลยสรุปๆ ให้พ่อฟังว่า

1) ที่มิจฉาชีพโทรมา 3 ครั้ง เพราะมันจะได้มั่นใจว่า พ่ออยู่บ้านคนเดียว
จะได้ไม่มี
ใครมาทักท้วงพ่อได้

2) พ่อเป็นคนให้ข้อมูล พวกมิจฉาชีพเอง ว่า เพื่อนบ้านเรา ชื่ออะไร แล้วมันก็สมอ้าง

(ตรงนี้ พ่อบอกพวกมันตั้งแต่มันถามแล้ว)

3) มันเช็คว่า พ่อรู้จักใครในละแวกบ้านเราบ้างหรือเปล่า เพราะถ้ามันลงมือ จะได้
ไม่มีคนอื่นมาเกี่ยวข้อง

(ก็ตอนที่มันให้พ่อไปเรี่ยรายเงินให้มันอ่ะ)

4) เมื่อวานนี้ พ่อไม่รู้ว่า เจี๊ยบกลับมาบ้านหรือเปล่า +
เพื่อนเค้ามาที่บ้านหรือเปล่า

5) มันไม่จริงใจ ตรงที่ ถ้าต้องการจะคืนเงินเราจริง ก็ควรให้เบอร์ติดต่อ เราไว้
ด้วย

(แต่เรื่องนี้พ่อก็ไม่ได้เอะใจ ขอมันไว้เหมือนกัน)

สรุปว่า เลยมา 2 วันแล้ว เพื่อนบ้านก็ยังไม่กลับบ้าน ที่บ้านเราเลยตัดสินใจไปแจ้ง
ความ พร้อมหลักฐานคือ

ลายมือชื่อ-นามสกุล ของพวกมิจฉาชีพ ที่เราไม่รู้ว่า เป็นของจริงหรือไม่ ส่วนพ่อก็
หงอยๆ ไป

เพราะไม่คิดว่า จะโดนหลอก แถมยังให้พวกนั้น เข้ามาในบ้านอีก พ่อบอกแต่ว่า
"สงสารเค้า เค้าจะเอาเงิน พาแม่ไปหาหมอ "

ก็นั่นแหละพ่อ ความสงสารทำให้พ่อโดนหลอก

จริงๆแล้วบ้านเราอาจจะโดนยกเค้าได้ เพราะว่า พวกมิจฉาชีพรู้ว่า บ้านเราจะไม่มี
คนอยู่ตั้งแต่ 11 โมง ถึง 2 ทุ่มเลย

ตอนที่เราฟังพ่อเล่า เราตัดสินใจกลับบ้านทันที ที่ส่งพ่อที่ร้านเสร็จ
ช่วงที่อยู่บ้าน มีรถ
กระบะสีแดงไม่มีหลังมาวนอยู่หน้าบ้าน 3 รอบ

ช่วงนี้ครอบครัวเราเลยระส่ำไปหมด ไม่มีใครยอม ทิ้งบ้านเลย

ฝากเป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนๆ ระมัดระวังกันด้วยนะคะ อย่างน้อยไปเจอเรื่องราวของ
มิจฉาชีพ ก็ Print

ออกไปฝากคุณพ่อ คุณแม่ พี่เลี้ยง แม่บ้าน ที่บ้านเราให้ได้อ่าน
เพื่อจะได้รู้เท่าทัน
มิจฉาชีพกันหน่อย

เพราะเดี๋ยวนี้มันมีวิธีเยอะแยะมากมาย ครั้งนี้บ้านเรายังโชคดี
ที่พวกมันไม่ได้ทำร้าย
พ่อ

(พ่อเรายิ่งไม่ค่อยแข็งแรง ยังฟื้นฟู จากอาการเส้น เลือดในสมองตีบอยู่) แต่คราว
หน้าเราก็ไม่รู้ว่า จะเป็นยังงัย

ฝากเตือนภัยเพื่อนๆ สมาชิกไดอารี่ ที่มีผู้ใหญ่อยู่บ้าน คนเดียวด้วยนะคะ

เศรษฐกิจตกสะเก็ดขนาดนี้ พวกมิจฉาชีพ ก็ระบาดไปทั่ว เสียทรัพย์ไม่เท่าไหร่ กลัว
พวกมันจะทำร้ายถึงชีวิตน่ะค่ะ

เพราะคนพวกนี้ ผิด ชอบ ชั่ว ดี ไม่มีกันอยู่แล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น