รู้หน้าไม่รู้ใจ
ลูกรัก...
มีภาษิตกล่าวไว้ว่า "คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ" เป็นคำที่ใช้ได้ตลอดกาล
โดยเฉพาะสมัยนี้ค่อนข้างจะเห็นชัด สร้างภาพลวงตาเก่ง
ดูข้างนอกก็สดใสมีเมตตา แต่ข้างในคิดไปอีกอย่างหนึ่ง
เหมือนภาพที่เขียนกับตัวจริงย่อมผิดกัน
ภาพเขียนมักจะสวยงามน่าชมกว่าตัวจริงเพราะมีการแต่งแต้มสีให้สดใสลงไป
คนที่สร้างภาพตัวเองให้ดูเด่นก็จำเป็นต้องแต่งแต้มสีสันให้ใบหน้า
กิริยาท่าทางและการแสดงออกอื่นๆ ให้ดูดี น่านิยมชมชอบแก่ผู้พบเห็นเข้าไว้
เพื่อปกปิดภายในซึ่งไม่งดงามอย่างนั้น
จึงเกิดคำพูดที่ว่ารู้หน้าไม่รู้ใจขึ้น
คือเรารู้ได้แต่หน้าตาภายนอกของเขา
แต่ใจของเขานั้นยากที่จะหยั่งรู้ได้เพราะอาจผิดเพี้ยนไปได้เหมือนภาพวาดกับ
ตัวจริง
ดังนั้น เมื่อลูกจะคบกับใคร จะไว้วางใจใคร หรือทำกิจการร่วมกับใคร
จึงควรดูได้ดี ดูให้นานๆ อย่าดูเพียงหน้าภายนอกซึ่งอาจเป็นภาพลวงตาก็ได้
ต้องดูไปถึงการกระทำและความคิดความอ่านของเขา ดูทั้งต่อหน้าและลับหลัง
หากลูกไม่ดูให้ดี หลงไปคบหาหรือไว้วางใจให้ความเคารพนับถือเข้า
อาจต้องชอกช้ำใจภายหลังได้ คนอื่นมาทำให้เราผิดหวัง
เราก็แค่เดือดร้อนเท่านั้น
แต่คนที่เรารักไว้วางใจหรือคนที่เราเคารพนับถือมาทำให้เราผิดหวังนั้นมันทำ
ให้เราเจ็บปวดและชอกช้ำใจยิ่งนัก เพราะฉะนั้นท่านจึงสอนว่า "อย่าไว้ใจทาง
อย่าวางใจคน จะจนใจเอง" จะไว้ใจใครก็อย่าถึงกับวางใจเลย
จะรักจะนับถือใครก็เผื่อใจไว้ผิดหวังบ้าง
จะได้ไม่เสียใจมากนักเมื่อผิดหวัง
คืออย่าทุ่มเทใจไปรักนับถือหรือยอมรับใช้ใครแบบยอมตายถวายชีวิตให้
เผื่อขาดเผื่อเหลือไว้บ้างเป็นดี
ที่มา จากหนังสือ คำพ่อ คำแม่ ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น