เอฟ บุคเคอเรอร์ เจ้าแห่ง ศิลปะเครื่องบอกเวลาชั้นสูงจาก สวิต เซอร์แลนด์
ยึดมั่นมากว่า 116 ปี ซึ่งนำมาสู่แคมเปญใหม่ คัดเลือกบุคคลผู้ประสบ
ความสำเร็จใน หน้าที่การงาน การดำเนินชีวิต และเป็นแบบอย่าง
ที่ดีแก่สังคม เพื่อเป็นผู้แทน ภาพลักษณ์ ของคาร์ล เอฟ บุคเคอเรอร์
โดยประเทศไทย ได้รับเกียรติให้เป็นประเทศแรก ในการเริ่มแคมเปญนี้
และผู้ที่ได้รับ คัดเลือกจากผู้บริหาร ระดับสูงของคาร์ล เอฟ บุคเคอเรอร์
สวิตเซอร์แลนด์ ให้เป็นผู้บริหารเวลา ยอดเยี่ยม ตามแบบฉบับคาร์ล เอฟ
บุคเคอเรอร์ ด้วยมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์การตัดสินคือ เป็นผู้มีวิสัยทัศน์
มีความเชื่อมั่นและเป็นตัวของตัวเอง มีความสง่างามและมีเสน่ห์ ยอมรับใน
บุคคลอื่น สามารถผสมผสานความอ่อนโยนของความเป็นหญิง
เข้ากับความแข็งแกร่งของความ เป็นชายได้อย่าง สมบูรณ์ และมีความมุ่งมั่น
กระตือรือร้น อดทน ฯลฯ ได้แก่ พ.อ.ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท
ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร กับ นางชฎาทิพ
จูตระกูลกรรมการผู้จัดการบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด
และได้มีพิธีมอบรางวัล ไปเมื่อเร็วๆนี้ โดย มร.โธมัส มอร์ฟ
ซีอีโอของบุคเคอเรอร์ สวิตเซอร์แลนด์ ได้บินมาเป็นผู้
มอบรางวัลด้วยตนเองพร้อมกับเจ้าแม่โทรคาเดโร ไทม์ (ดารารัตน์
มหาดำรงค์กุล) ผู้แทนจำหน่ายในไทย
ชฎาทิพ จูตระกูล นักบริหารหญิงที่มากความสามารถ
เผยถึงการบริหารเวลาในแบบฉบับของ เธอว่า ยึดมั่นคำสอนของคุณพ่อที่ว่า
"เวลาเป็นสิ่งมีค่า" มาตลอด ทำให้เธอต้องมีการวางแผน
ชีวิตและบริหารเวลาเป็นอย่างดี
และยังได้นำหลักของนักปรัชญาชาวอเมริกันที่ว่า
ในวงจรชีวิตที่สมบูรณ์ของมนุษย์ต้องมีองค์ประกอบสำคัญ 6 อย่างคือ
บ้านและครอบครัว ฐานะการเงินและอาชีพ จิตใจและการศึกษา
จิตวิญญาณและจริยธรรม สังคมและวัฒนธรรม และสุขภาพร่างกาย
ซึ่งแต่ละส่วนต้องมีการจัดสรรเวลาอย่างเหมาะสมมาใช้เป็นหลัก
ในการดำเนินชีวิต อาจทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ตนก็ได้พยายามทำให้ดีที่สุด
แต่การที่เรารู้จัก วางแผนชีวิตไว้ล่วงหน้า จะเป็นรายวัน รายสัปดาห์
รายเดือน หรือรายปีก็ตาม จะช่วยให้เรา รู้ได้ว่า
จะต้องเดินไปทางไหนและต้องทำอะไร เหมือนกับปรัชญาของคาร์ล เอฟ
บุคเคอเรอร์ ที่ว่า "เราเท่านั้นที่เป็นผู้กำหนดอนาคต"
ซึ่งตนเองก็เชื่อมั่นในจุดนี้อยู่แล้ว
สำหรับแนวทางการบริหารเวลาได้อย่างลงตัว พ.อ.ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท
กล่าวว่า ตนเองยึดหลักเกณฑ์ 4 ร. คือ เรียนรู้ รวดเร็ว ริเริ่ม รุ่งเรือง
โดยสนใจค้นคว้าความรู้เพิ่มเติม ทั้งจากตำรา บุคคลรอบข้าง และประสบการณ์
ซึ่งจะส่งผลให้เรามีการตัดสินใจบริหารงานได้ อย่างรวดเร็ว
เพราะพร้อมด้วยพื้นฐานข้อมูลที่เพียงพอ
เมื่อเราตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วแล้ว
ก็ทำให้เรามีเวลาเหลือพอที่จะริเริ่มทำงานใหม่ๆได้
ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาองค์กรให้มี ประสิทธิภาพ
และนำมาซึ่งความรุ่งเรืองและความสำเร็จในที่สุด โดยสิ่งที่จะช่วยให้เรา
ประสบความสำเร็จตามหลักเกณฑ์นี้ได้
ต้องใช้เครื่องมือในการบริหารจัดการเวลาที่ดี เพราะ "เวลา"
คือทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด จะร่ำรวยแค่ไหนก็มี 24 ชั่วโมงเท่ากัน
ซื้อหาไม่ได้ จึงต้องใช้เวลาที่มีจำกัดให้มีคุณค่า
และในพจนารุกรมส่วนตัวสำหรับตนเองจะไม่มีคำว่า "ฆ่าเวลา"
ทุกอย่างต้องมีการวางแผนล่วงหน้า กำหนดกรอบเวลาแล้วปฏิบัติตามให้ได้
ขณะเดียวกันเวลาทำงานต้องมีสติสัมปชัญญะ รู้ตัวทุกขณะจิต
ทำให้งานที่ทำเกิดประโยชน์ สูงสุด
และที่สำคัญต้องรู้จักแบ่งเวลาให้กับตนเองได้พิจารณาไตร่ตรองว่า
ได้ทำอะไรบ้างและ มีข้อบกพร่องอะไร
เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขพัฒนาตนเองและองค์กรต่อไป.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น