กระดูกไดโนเสาร์นั้น มีการค้นพบกันในหลายประเทศ เช่น อาร์เจนตินา บราซิล
โปรตุเกส โมร็อกโก แทนซาเนีย เบลเยียม อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา แคนาดา
ออสเตรเลีย แม้แต่ในเมืองไทย ของเราก็ พบที่ อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น
เรียกว่า พบแทบจะทุกมุมโลก เลยทีเดียว
ที่เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้าไดโนเสาร์มันถือ กำเนิดขึ้นมาเอง
ในท้องถิ่นนั้นๆหรืออย่างไร
เมื่อแฟน (ไดโนเสาร์) พันธุ์แท้ถามมา ทีมงาน
ต่วย\'ตูนก็ต้องไปค้นคว้าหาคำตอบมาฉลอง ศรัทธาซีครับ
เรื่องราวเป็นดังนี้ครับ
อันว่าสิ่งมีชีวิตในโลกเรานี้เกิดขึ้นเมื่อราว 4,500 ล้านปีก่อนโน้น
ชนิดแรกๆ ก็ได้แก่ สัตว์และ พืชเซลล์เดียว เช่น บัคเตรีและสาหร่าย
จวบจนกระทั่ง 550 ล้านปีที่ผ่านมา จึงได้มีสัตว์และพืช หน้าตาแปลกๆ
เกิดขึ้นหลายหลาก และมีวิวัฒนาการเป็น 3 ช่วงคือ
ยุคแรกเรียกว่า พาเลโอโซอิก (Palaeo-zoic) สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในน้ำ
ยุคที่สองเรียกว่า เมโสโซอิก (Mesozoic) ราว 245 ล้านปีก่อน
สัตว์จำพวกเลื้อยคลานจะ เพ่นพ่าน อยู่บนพื้นดิน ส่วนในพื้นน้ำก็มีปลา
มากมาย และ ในยุคนี้แหละครับ ที่เจ้าพวก ไดโนเสาร์ สัตว์ยักษ์ได้
ออกมาเดินกร่าง ครอบครอง โลกอยู่นานถึง 170 ล้านปี
แต่แล้วพอล่วงเข้าสู่ยุคที่สามคือ ซีโนโซอิก (Cenozoic) เมื่อ 65
ล้านปีก่อน พวกไดโนเสาร์ ก็ล้มตายหายสาบสูญไป อย่างลึกลับ สัตว์ในยุคนี้
เหลือแต่สัตว์เลี้ยงลูก ด้วยนมขนาดเล็กกับนก และ ในน้ำก็เริ่มมี ปลาวาฬ
จนเมื่อถึงปลายยุคก็มีวานรถือกำเนิด ขึ้นมา
แล้วสุดท้ายเจ้าวานรก็ปรับปรุงสภาพ
จนกลายเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์เราไงครับ
ทีนี้สำหรับเจ้าไดโนเสาร์ที่เราสนใจนั้น ยังแบ่งเป็นยุคย่อยได้อีก 3 ยุคคือ
ไตรแอสสิก (Triassic) เป็นสมัยต้นๆ ของยุคเมโสโซอิก ซึ่งไดโนเสาร์รุ่นแรก
หรือ บรรพบุรุษของมันนั้นมีขนาดปานกลาง เรียกว่า ยูปาร์คีเรีย
รูปร่างคล้ายกิ้งก่ายักษ์ครับ มีขาหลังใหญ่และยาว แต่ขาหน้าสั้นจุ๊ดจู๋
สูงราวๆเมตรครึ่ง การที่มันยืนสองขาได้ ทำให้มัน ว่องไวปราดเปรียว
แถมยังมี หัวใจสี่ห้อง ทำให้แข็งแรง ไม่เหนื่อยง่าย
นอกจากนี้ ก็ยังมีไดโนเสาร์กินเนื้อชนิดแรก ที่มีชื่อว่า ซีโลฟิซิส
ซึ่งมีฟันยาวแหลม คม จัดเป็นต้นตระกูลไดโนเสาร์ประเภท ดุร้าย ครับผม
ยุคย่อยที่สองคือ จูราสสิก (Jurassic) แปลว่ายุคที่ภูเขาจูราเกิดขึ้น
ชื่อจูราสสิกนี้ แฟนานุ แฟนคงคุ้นเคยดีจากหนัง "จูราสสิก พาร์ก"
ที่ทำเงินระเบิดเถิดเทิง จนมีภาค 2 และ 3 ตามมา ยุคนี้เริ่มเมื่อ
เกือบสองร้อยล้านปีก่อน เป็นช่วงที่โลก มีพืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์
ทำให้เจ้าพวกไดโนเสาร์ล้วนมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ไปตามๆกัน
อย่างเช่น แบร์คดิโอเซารัส ซึ่งสูงตั้ง 12 เมตร
หรือพอๆกับบ้านสี่ห้าชั้นเชียวละครับ จากหัว ถึงหาง วัดได้ 24 เมตร หรือ
1 ใน 4 ของสนามฟุตบอล
แล้วก็ยังมี ดิพลอโดคัส ซึ่งยาวถึง 27 เมตร จนต้องคลานสี่ขา เจ้า
บรอนโตเซารัส ซึ่งเวลา มันห้อตะบึงละก็
พสุธาสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นราวฟ้าร้อง เจ้าอัลโลเซารัส ที่ตัวไม่ใหญ่มาก
แต่ตีนหน้ามีเล็บแหลมที่ใช้จับเจ้าพวกยักษ์ใหญ่กว่ามาเขมือบซะนักต่อนัก
ยุคที่สามสุดท้ายเรียกว่า ครีเตเชียส (Cretaceous) แปลว่า ยุคแห่งชอล์ก
เนื่องจากยุคนี้ เริ่มมีชอล์กเกิดขึ้นบนผิวโลก ต้นสมัยครีเตเชียส คือราว
135 ปีก่อน ไดโนเสาร์ที่เรารู้จักกันดี ในยุคนี้ก็คือ จอมโหด
ไทรันโนเซารัส หรือทีเร็กซ์ ไงครับ ตัวมัน สูงราว 15 เมตร เต็มไป
ด้วยพลัง สัตว์อื่นกลัว ลานไปเลยครับ คู่ปรับตัวสำคัญของมันก็คือ เจ้าไตร
เซราท็อปส์ ที่มี เขาอันแหลมคม อยู่บนหัว 3 เขา สู้กันทีไร แหม...มันส์
พ่ะย่ะค่ะ
และในยุคครีเตเชียสนี่แหละครับ
ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศของโลกอย่างมากมาย
เดิมทีนั้นพื้นดินส่วนใหญ่ของโลกเป็นผืนเดียวกัน เป็นทวีปใหญ่
สัตว์ต่างๆรวมทั้ง เจ้าไดโนเสาร์ของเราก็อยู่ บนแผ่นดินเดียวกันนี้
ครั้นแล้วเปลือกโลก ก็ค่อยๆแตกร้าว และเลื่อน ออกจากกัน
(ดูแผนที่ประกอบด้วยนะครับ) ความจริงนั้นมันเริ่มเคลื่อนมา
ตั้งแต่ก่อนหน้ายุคนี้ แล้วครับ แต่ในอัตราช้าๆ ขนาดเท่าการงอกของเล็บเรา
แผ่นดินผืนใหญ่ ทางขวามือหลุดลอย ออกไป เป็นทวีปแอฟริกา แผ่นดินตอนบน
ขยับขึ้นเป็น ทวีปอเมริกาเหนือ แผ่นดิน เดิมคือ อเมริกาใต้
น้ำในมหาสมุทรยุคนั้น ในบางครา สูงท่วมท้น กว่า ในปัจจุบันถึง 200 เมตร
จึงท่วมตัดขาด แผ่นดินเกิด เป็นทวีปต่างๆอย่างชัดเจน อย่างที่เราเห็น
ในปัจจุบันนี้ รวมทั้งทวีปเอเชียที่ไทยเรา อยู่ด้วย
เมื่อแผ่นดินลอยเลื่อนออกจากกัน พืชพันธุ์ ต่างๆก็ติดไปด้วย
และแน่นอนครับ สัตว์ต่างๆรวมทั้ง เจ้าไดโนเสาร์ของเราก็ต้องถูกลอยแพ
ไปด้วยเช่นกัน
ตรงนี้แหละครับ ก็คือคำตอบต่อคำถามที่ว่า
ทำไมจึงพบกระดูกของเจ้าสัตว์ตัวโตมโหฬารนี้ ในท้องถิ่นต่างๆทั่วโลก
อีกคำถามหนึ่งซึ่งนักไดโนเสาร์วิทยา สงสัยก็คือ
กระดูกไดโนเสาร์ชนิดเดียวกัน แต่พบใน แผ่นดินคนละแห่ง ทำไมจึง
มีขนาดแตกต่าง กันมาก โดยเมื่อเอา มาเทียบแล้ว คำนวณได้ ว่าตัวของ มันมี
ขนาดโตกว่ากันถึงสามเท่า
หลังจากการสำรวจวิเคราะห์แล้วก็ได้ คำตอบว่า ถ้าหากเจ้าไดโนฯมันหลุดลอย
ติดไปกับเกาะ หรือ แผ่นดินขนาดเล็ก พืชพันธุ์ธัญญาหาร จะมีปริมาณที่จำกัด
การกินการอยู่ของมันไม่ สมบูรณ์เต็มที่ ตัวของมันก็จะมีขนาดเล็กลง
เรื่อยๆ ต่างจากตัวที่อยู่บนทวีปใหญ่ ซึ่งจะ ดำรงความมโหฬาร ของมันไว้ได้
แต่ไม่ว่าจะตัวใหญ่ตัวเล็ก หรือว่าอยู่ในประเทศไหน ทวีปไหนก็ตาม
พอสิ้นสุดยุคครีเตเชียส หรือราว 65
ล้านปีก่อนเจ้าไดโนเสาร์ทั้งมวลก็พลันพร้อมใจกันอำลาโลกด้วยสาเหตุใด
ไม่ปรากฏแน่ชัด บางคนว่าเกิดจากอุกกาบาตพุ่งชนโลก
บางคนว่าเกิดน้ำท่วมใหญ่ แต่บางคน
ก็ไปไกลกว่านั้นคือมีมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกและสังหารพวกมัน!
"ทีมงาน ต่วย\'ตูน
และ อันโทล"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น