++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"นวดเหยียบเหล็กแดง" ภูมิปัญญาพิชิตโรค

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 สิงหาคม 2552 08:12 น.


เสียงฟู่ของพรายฟองน้ำมันเดือดๆ
ที่เต้นระริกอยู่บนแผ่นเหล็กทรงแบนบนเตาอั้งโล่ร้อนจัด
ฝ่าเท้าของชายชรายกออกจากเหล็กแผ่นนั้น
หากทว่ารอยน้ำมันมะพร้าวจากฝ่าเท้ายังเดือดพล่านอยู่
ส่งผลให้เปลวไฟพุ่งแลบเลียแผ่นเหล็ก เป็นที่น่าเสียวสยองของผู้พบเห็น

"ไม่ร้อน เพราะมีคาถาดับพิษไฟ" ปู่สง่า พันธุ์สายศรี
หมอนวดเหยียบเหล็กแดงวัย 82 ไขข้อข้องใจของหลายคนที่มุงดูวิธีการนวดอยู่
ก่อนจะเล่าประวัติย่อๆ ของตัวเอง ว่า เป็นคนอยุธยาโดยกำเนิด
ในครอบครัวสืบทอดวิชานวดเหยียบเหล็กแดงมาตั้งแต่สมัยแผ่นดินรัชกาลที่ 5
สืบต่อกันแบบรุ่นต่อรุ่น

ปู่ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ วิชานี้เกือบสูญหายแล้ว
แต่ในระยะหลังสังคมหรือแม้แต่กระทรวงสาธารฯIขเองก็ตื่นตัวเรื่องหมอ
ภูมิปัญญาไทย ทำให้มีการสืบทอด นอกจากในครอบครัวของปู่สง่า ลูกๆ 7
คนของปู่มี 6 คนที่สืบทอดวิชานี้ไว้
ไม่นับลูกศิษย์ลูกหาที่เดินทามาฝากตัวขอวิชาอีกนับร้อย ทำให้ปู่เบาใจว่า
อย่างน้อยวิชานี้ก็จะยังไม่ลบเลือน

"เริ่ม เรียนตั้งแต่อายุ 17 ตอนนี้ 82 แล้ว
เป็นหมอรักษาคนด้วยการนวดเหยียบเหล็กแดงมา 50 กว่าปีแล้ว
เรียกค่ารักษาครั้งละ 12 บาท ที่เหลือก็แล้วแต่น้ำใจ เราทำบุญ ช่วยคน
มีก็ให้ ไม่มีก็ไม่ต้อง มีคนมาขอเรียนเป็นร้อย แต่ก็ได้วิชาไปจริงๆ
ไม่กี่สิบคน เพราะส่วนใหญ่หวังรวย เราก็สอนว่า
ถ้าจะเรียนห้ามเก็บค่ารักษามากกว่า 12 บาท
ครูโบราณท่านสอนกันมาอย่างนั้น"

ปู่สง่า อธิบายถึงอุปกรณ์การนวดเหยียบเหล็กแดง ว่า
ต้องมีเตาอั้งโล่ หรือเตาถ่าน ซึ่งหากจำเป็นจริงๆ ยุคนี้หาเตาถ่านยาก ปู่
บอกว่า ใช้เตาแก๊สพอได้ หากเป็นเตาถ่าน
ถ่านที่ใช้จุดไม่จำเพาะว่าเป็นถ่านอะไร น้ำมันมะพร้าว
เหล็กทรงแบนที่ยาวพอจะพาดปากเตาได้ นอกจากนี้
ก็มีลูกประคบและอุปกรณ์กายภาพบำบัดแบบภูมิปัญญาชาวบ้านอื่นๆ
เช่นไม้ไผ่มัดยางแก้นิ้วล็อกนิ้วติด, เศษผ้าเอาไว้มัดเท้ากับหน้าแข้ง
เพื่อดัดปลายเท้าที่งองุ้มของผู้ป่วยอัมพฤกษ์ให้ตรง

"เริ่มจากนวดคลายเส้นก่อน แต่บางครั้งบางคนเส้นก็ลึก กดไม่ถึง
ทำอย่างไรก็ไม่ยืดหยุ่น ก็ต้องเหยียบเหล็กแดง จะมีจานน้ำมันมะพร้าว
หรือจะเป็นน้ำมันงาก็ได้
เวลาเหยียบก็ต้องจุ่มเท้าลงในจานให้น้ำมันชุ่มฝ่าเท้า
จากนั้นก็เอาเท้าไปเหยียบบนเหล็กที่ตั้งอยู่ปากเตา

เหล็กนี่เมื่อก่อนโบราณเขาใช้เหล็กผาน หรือเหล็กที่ใช้ไถนา
เพราะหาง่าย รูปร่างแบนกำลังดี อีกทั้งออกเสียงคล้ายๆ "ผลาญ" เอาเคล็ดว่า
"ผลาญโรค" แต่เดี๋ยวนี้ไม่ทำนา เหล็กผานหายาก ก็ใช้เหล็กอะไรก็ได้ทรงแบนๆ
ก็นาบเท้ากับเหล็กให้ร้อน จากนั้นก็จะเอาเท้าไปเหยียบจุดที่เจ็บของคนไข้
เมื่อเจอความร้อน เส้นที่จมก็จะลอยขึ้นมา
แล้วกล้ามเนื้อก็จะยืดหยุ่นขึ้น"

หลายคนสงสัยว่า แม้ปู่จะมีคาถาดีในการดับพิษไฟ
แล้วคนไข้ของปู่จะแสบร้อนจากน้ำมันร้อนๆ ที่ฝ่าเท้าของปู่หรือไม่ ตรงนี้
ปู่ เฉลยว่า ถือเป็นความมหัศจรรย์ของธาตุไฟภายในร่างกายของมนุษย์
เพราะเมื่อเอาเท้าชุ่มน้ำมันไปนาบเหล็กแดง
ความร้อนจากภายนอกจะผสานกับธาตุไฟภายในตัว แม้จะละฝ่าเท้าจากเหล็กร้อนๆ
ที่มีไฟลุกโพลงจากน้ำมันที่ติดอยู่บนเหล็ก
และนาบเท้าลงแทบจะในทันทีที่ร่างกายของคนไข้
ธาตุไฟจากภายในและภายนอกก็จะผสานกัน ทำให้คนไข้รู้สึกแค่อุ่นๆ เท่านั้น

ปู่ สง่า บอกว่า
การนวดเหยียบเหล็กแดงนี้สามารถรักษาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กระดูก
เส้นยึด รวมถึงอาการหนักๆ อย่างหมอนรองกระดูกอักเสบ
หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ไปจนถึงอัมพฤกษ์ อัมพาตด้วย
และนอกเหนือจากการเหยียบเหล็กแล้ว ปู่ยังมีวิธีรักษาแบบอื่นๆ เช่น
การนวดที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน
ด้วยการตั้งกระทะทอดน้ำมันมะพร้าวเดือดๆ และจุ่มมือเปล่าๆ
เล่าไปคลุกน้ำมัน ก่อนจะเอาน้ำมันมานวดๆ คลึงๆ บริเวณที่ปวดของคนไข้
บางครั้งต้องการให้น้ำมันกระจายเป็นวงกว้าง ปู่ก็จะอมน้ำมันเดือดๆ
แล้วพ่นใส่คนไข้ก็มี รวมไปถึงการประคบด้วยลูกประคบสมุนไพรด้วย
ซึ่งหากเป็นจุดที่ปู่ใช้เท้าเหยียบไม่ได้อย่างต้นคอ
ปู่ก็จะนวดและประคบแทน

นอกจากที่ปู่สง่าจะอธิบายถึงภูมิปัญญาการรักษาที่สืบต่อกันมาเป็น
รุ่นๆ ให้ฟังพอคร่าวๆ แล้ว
ปู่ยังสาธิตวิธีการทำอุปกรณ์กายภาพบำบัดแบบง่ายๆ
ที่ทำจากอุปกรณ์เหลือใช้ในท้องถิ่นแบบไม่ต้องเสียสตางค์ให้เปล่าเปลือง
อย่างไม้ไผ่กันนิ้วล็อคนิ้วติด ที่ใช้แค่ไม้ไผ่กับหนังยาง (ดังรูป)
รวมถึงวิธีการแก้อาการเดินผิดปกติของผู้ป่วยอัมพฤกษ์ ที่มักจะเดินเท้าคด

"พวก นี้ถ้าไปหาหมอ หานักกายภาพบำบัดก็จะแนะนำให้ตัดรองเท้า
แต่ถ้าไม่มีเงินตัดรองเท้าปู่จะแนะนำ เอาเศษผ้าในบ้านนี่แหละ เอายาวๆ
หน่อย เวลาใช้ก็ทำเป็นบ่วง มัดแถวๆ กลางเท้า แล้วโยงอีกด้านมามัดตรงแถวๆ
หน้าแข้ง พอเราเดินหน้าแข้งขยับ มันก็จะดึงเท้าที่คดให้ตรง
ใส่ดัดเดินอยู่ในบ้าน ไม่ต้องอายอะไร บ้านเราเอง" ปู่สง่า ทิ้งท้าย


http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000097531

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น