++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บอกลา "ฝ้า" ให้หน้าใสปิ๊ง / เอมอร คชเสนี

ฝ้า เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสี สร้างเม็ดสีเมลานินออกมามากผิดปกติ
ลักษณะของฝ้าจะเป็นผื่นสีน้ำตาลหรือดำบนใบหน้า มักพบบริเวณแก้ม จมูก หน้า

ผาก คาง หรือบริเวณที่ถูกแสงแดด เช่น คอและแขน
โดยจะเริ่มเกิดขึ้นทีละน้อยๆ ในช่วงอายุระหว่าง 30-40 ปีขึ้นไป
พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า

- แสงแดด เชื่อว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกระตุ้นให้เกิดฝ้า
ทำให้เป็นฝ้ามากขึ้น หรือทำให้ฝ้าเข้มขึ้น
ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยเฉพาะช่วงเวลา

10.00 - 15.00 น.
- ฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนจะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ เช่น
ในระหว่างการตั้งครรภ์ ในวัยหมดประจำเดือน และการรับ

ประทานยาคุมกำเนิด
- พันธุกรรม อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า
เนื่องจากพบฝ้าได้บ่อยในชาวเอเชียมากกว่าชาวตะวันตก อย่างไรก็ตาม
อาจเนื่องมาจากสิ่งแวดล้อม

หรือแสงแดดก็เป็นได้
- ยา พบว่าผู้ป่วยที่รับประทานยากันชักบางประเภท
จะมีผื่นดำคล้ายฝ้าขึ้นบริเวณใบหน้า
จึงเชื่อว่ายานี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า
- เครื่องสำอาง
การแพ้น้ำหอมหรือสีในเครื่องสำอางอาจทำให้เกิดรอยดำคล้ายฝ้าได้


การรักษาฝ้า

ฝ้าตื้นซึ่งเป็นฝ้าที่เกิดขึ้นในชั้นหนังกำพร้าจะตอบสนองต่อการรักษา
และหายเร็วกว่าฝ้าลึกซึ่งเกิดขึ้นในชั้นหนังแท้ วิธีการรักษาทำได้ ดังนี้

- การใช้ยาทาฝ้า เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ฝ้าจางลง
ยาทาฝ้าจะลดการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีและเร่งเซลล์ผิวหนังชั้นบนให้หลุด
ลอกออกไป ยา

รักษาฝ้ามีหลายชนิด เช่น ยาในกลุ่มสารไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ
และคอร์ติโคสเตอรอยด์

ควรใช้ยาทาฝ้าอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจนกว่าฝ้าจะจางลง
โดยทาบริเวณที่เป็นฝ้าก่อนนอนทุกคืน เมื่อรอยฝ้าจางหายไป
ให้ทาต่อไปสัปดาห์ละ 1

-2 ครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้าเกิดขึ้นอีก
ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนใช้ยาทาฝ้า เพราะยาเหล่านี้มีผลข้างเคียง
หากซื้อยามาใช้เอง อาจทำให้ผิวหน้าเกิด

ปัญหายิ่งกว่าเดิมได้

ในสมัยก่อนนิยมใช้สารไฮโดรควิโนนในการรักษาฝ้า
เนื่องจากทำให้ฝ้าจางลงเร็วมาก อย่างไรก็ตาม
วงการแพทย์ในปัจจุบันได้พัฒนาสารกลุ่มอื่นขึ้น

มาใช้ด้วย เนื่องจากสารไฮโดรควิโนนเป็นสารที่มีผลข้างเคียงสูง
คือเป็นสารที่ทำปฏิกิริยากับแสงแดด
หากทายาที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนแล้วไม่ทา

ครีมกันแดด ฝ้าจะดำกว่าเดิม และเมื่อใช้ไฮโดรควิโนนติดต่อกันนานๆ
จะเกิดฝ้าถาวร มีลักษณะเหมือนเม็ดงาเล็กๆ ฝังอยู่ในผิวหน้า
ฝ้าชนิดนี้จะหนาและเข้ม

กว่าฝ้าปกติมาก และหากหยุดใช้ไฮโดรควิโนน
หน้าจะดำกว่าเดิมอยู่เป็นเวลานาน
ฝ้าที่เกิดจากไฮโดรควิโนนต้องรักษาโดยการผลัดเซลล์ผิวประกอบไปด้วย

- การลอกหน้าด้วยสารเคมี อาจทำให้ฝ้าจางลงได้
แต่ควรทำโดยแพทย์ผิวหนังที่มีความชำนาญเท่านั้น

- การรักษาด้วยแสงเลเซอร์และวิธีไอออนโตโฟเรซิส
คือการใช้กระแสไฟฟ้าผลักประจุยาเข้าสู่ผิวหนัง ให้ผลการรักษายังไม่แน่นอน
และยังไม่สามารถ

รักษาฝ้าให้หายขาดได้

การป้องกันการเกิดฝ้า

ทำได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดฝ้า เช่น
หลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ สวมหมวกหรือกางร่ม
และใช้ครีมกันแดดทุกครั้งที่ต้องออกแดด หากฝ้า

เกิดจากการรับประทานยาคุมกำเนิด
อาจปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนไปคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น
โดยปกติแล้วหากหยุดยาคุมกำเนิด ฝ้าก็จะค่อยๆ จางหายไป เช่น

เดียวกับฝ้าที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ก็จะค่อยๆ จางหายไปหลังคลอด

ติดตามฟังรายการ "Happy & Healthy"
ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00-12.00 น.
ทางคลื่นของประชาชน FM 97.75 MHz
และ www.managerradio.com

1 ความคิดเห็น:

  1. ปัจจุบันมีนวัตกรรมเลเซอร์อ่อนโยนที่สามารถรักษาฝ้าให้หายขาด โดยสามารถทำเองที่บ้านได้ ชื่อว่า Gentle Laser ลอง search Google ดูนะครับ หรือ siamlaserbeauty.com

    ตอบลบ