พักนี้ผมเดินสายไปต่างจังหวัดบ่อย
ได้พบปะเสวนาการบ้านการเมืองกับพ่อแม่พี่น้องต่างจังหวัดจำนวนมาก
ทั้งที่เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและประเภทไม่ฝักใฝ่สีเสื้อแต่
ชอบช่วยเหลือสังคม..มีตั้งแต่วัยหนุ่มสาวจนกระทั่งเฒ่าชะแรแก่ชรา
ตั้งแต่ ส.ส. (สวยใส) ยัน ส.ว. (สูงวัย) ว่างั้นเถอะ
ผมค้นพบว่าในหมู่คนที่ผมพบปะเสวนาด้วย มีความเห็นทางการเมือง 4
ประการที่โดดเด่นคือ
1) รัก เห็นใจพันธมิตรฯ โดยเฉพาะคนชื่อ "สนธิ ลิ้มทองกุล"
ที่หวิดตายจากการถูกลอบสังหาร
พันธมิตรฯ
ไม่ได้เห็นด้วยกับการตั้งพรรคการเมืองทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่พวกเขาส่วนใหญ่เข้าใจและสนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ที่ถูกออกแบบให้อยู่ภาย
ใต้ร่มธงขององค์กรภาคประชาชนที่ชื่อพันธมิตรฯ
ผมพบว่าแม้เวลาจะผันผ่านมาเนิ่นนาน แต่พลังของพี่น้องพันธมิตรฯ
ยังค่อนข้างเหนียวแน่น ยังมากพอที่จะออกมาปกบ้านป้องเมืองในยามที่จำเป็น
คนเหล่านี้นอกเหนือจากมีความเด่นชัดในความจงรักภักดีต่อสถาบันแล้ว
อีกด้านหนึ่งยังมีความตื่นตัวและเข้าใจการเมืองอีกด้วย
ดังที่พูดกันว่า "เทียนแห่งปัญญา" ถูกจุดติดแล้ว
2) รักและชอบนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" แต่....
ผมเชื่อว่าโดยพื้นฐานพันธมิตรฯ เกือบ 90
เปอร์เซ็นต์ชื่นชอบและชื่นชมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ความชื่นชอบและชื่นชมนี้ได้แปรเป็นการให้โอกาสและเอาใจช่วยนายกฯ
แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะชื่นชอบชื่นชมแค่ไหนก็ตาม แต่พันธมิตรฯ
ส่วนใหญ่เป็นคนมีเหตุผล
ดังนั้นสุดท้ายแล้วความชื่นชอบชื่นชมและให้โอกาสก็มีข้อจำกัดหรือขึ้นอยู่
กับเหตุผล -ข้อเท็จจริง ขึ้นอยู่กับผลงานและพฤติการณ์ของท่านนายกฯ
ฟังได้ว่าสุ้มเสียงของพี่น้องในช่วงหลังๆ เริ่มบ่นๆ
และตั้งคำถามถึงนายกฯ ประมาณว่า 1) ไม่ขอบคุณ ไม่เอาใจพันธมิตรฯ ก็ไม่ว่า
แต่ทำไมไม่จัดการกับพวกที่กดดัน
จาบจ้วงต่อสถาบันให้เป็นเรื่องเป็นราวกว่าที่เห็น 2)
ทำไมไม่หาญกล้าปรับย้ายหัวหน้าหน่วยงานที่มีเหตุผล
มีเงื่อนไขพอที่จะย้ายได้ เช่น ดีเอสไอ ฯลฯ 3) นายกฯ
ยังปล่อยให้มีการทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งตามน้ำทวนน้ำ
คุณป้าที่จังหวัดภูเก็ตท่านหนึ่งบอกว่า
ตอนนี้ป้าเชียร์ทั้งประชาธิปัตย์ เชียร์ทั้งพันธมิตรฯ
และจะเชียร์พรรคการเมืองใหม่ด้วย
แต่ในอนาคตจะเลิกเชียร์ประชาธิปัตย์ถ้านายกฯ อภิสิทธิ์ไม่เล่นบท "นักเลง"
กับพวกเสื้อแดงบ้าง...
สุดท้ายในส่วนของนายกฯ อภิสิทธิ์ ชาวบ้านเขามองทะลุไปว่า
ดูเหมือนนายกฯอยากจะเป็นคนกล้าหาญในหลายๆ เรื่อง
แต่ทำไม่ได้คล้ายจะติดขัดหรือยักตื้นติดกึกยักลึกติดกักเพราะคนชื่อ
"สุเทพ เทือกสุบรรณ"
ในฐานะเป็นผู้จัดการรัฐบาลที่เล่นบทสามัคคีกับทุกฝ่าย
พี่น้องชาวบ้านบางคนบอกว่า...รัฐบาลชุดนี้ถ้า "สุเทพ"
เป็นคนลุยเพื่อความถูกต้องประเภทเดินหน้าฆ่ามัน ชงลูกให้นายกฯ โดยนายกฯ
ทำหน้าที่กลั่นกรองตัดสินใจหรือคอยแตะเบรกสุเทพบ้าง
มันน่าจะเข้าท่ากว่านี้ แต่นี่กลายเป็นว่า บางทีนายกฯ อยากลุย
อยากเป็นผู้กล้าหาญแต่ไม่มีคนดีคนกล้าคนไหนโดยเฉพาะคนชื่อสุเทพชงลูกให้
นายกฯ เลย นายกฯ ต้องลงไปล้วงลูกเองยิงเอง..
ยึกๆ ยักๆ จึ๊กๆ จั๊กๆ จั้งซี่มันต้อง...
3) กลางเดือน ส.ค.ถ้า "พัชรวาท" ยังอยู่บนเก้าอี้ ขอให้ "เป่านกหวีด"
พี่น้องพันธมิตรฯ หลายจังหวัดค่อนข้างตำหนิแกนนำพันธมิตรฯ ว่า
ไม่ทำงานเชิงรุกกรณี 7 ตุลาเลือดที่พี่น้องจำนวนมากล้มตาย
ผมได้พยายามชี้แจงไปในบางส่วน หลายคนเข้าใจ บางคนยังทำใจไม่ได้
เสนอให้แกนนำฟ้องตำรวจและผู้เกี่ยวข้องอีกทาง
ที่ฉะเชิงเทราและภูเก็ต เมื่อผมปราศรัยเปิดใจบนเวทีว่า
ถ้าภายในกลางเดือนส.ค.2552
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ยังไม่ชี้มูลกรณี 7 ตุลา อยากจะขอแรงพี่น้องบุก
ป.ป.ช.บุกทำเนียบรัฐบาลทวงถามความชอบธรรมอีกสักครั้งจะได้ไหม
ปรากฏว่าไม่เพียงเสียงปรบมือตอบรับตอนพูดเท่านั้นที่หนักแน่น
ลงจากเวทีแล้วใครต่อใครก็ตามมาคาดคั้นผมว่า..ต้องทำตามที่พูดนะ
เพราะรู้สึกอึดอัดมาก..
อันที่จริง โดยส่วนตัวแล้วผมยังเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว
ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.และคนอื่นๆ
พล.ต.อ.พัชรวาทคงจะตกเก้าอี้เพราะมือของ ป.ป.ช.
แต่ถ้าโชคร้ายกว่านั้นอาจถูกนายกฯ
อภิสิทธิ์สวมวิญญาณนักเตะวันที่ซัดคนเดียว 3 ประตู
สั่งย้ายมาประจำทำเนียบฯ ด้วยคำสั่งนายกฯ
เป็นไปตามข้อเท็จจริงและกฎแห่งกรรม
แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรในกอไผ่
เป็นเรื่องของแกนนำพันธมิตรฯ ที่จะต้องคิดอ่าน เพราะแต่ละท่านแต่ละคน
(รวมทั้งผม) ล้วนแต่ประกาศคำโตเอาไว้ว่า..สารวัตรจ๊าบ, น้องโบว์ และ ฯลฯ
จะต้องไม่ตายฟรี
4) การเมืองใหม่ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง...
พรรคการเมืองใหม่ (กมม.) เพิ่งอายุครบเดือนเมื่อ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา
ถ้าเป็นหมีแพนด้าก็คงยังไม่ลืมตา
บางคนอาจจะยังไม่เชื่อว่ามันจะเป็นแพนด้าจริงหรือเปล่าเสียด้วยซ้ำ...
พี่น้องพันธมิตรฯ โดยรวมได้ข้ามผ่านเหตุผลที่ว่า..ทำไมต้องมี
"พรรคการเมืองใหม่" แล้ว แต่ดูเหมือนว่าในก้าวแรกนี้พรรค
กมม.ยังขาดผู้มีประสบการณ์ทางการเมือง
อาจจะยังไม่แคล่วคล่องว่องไวในการทำงาน ยังขาดเงินทุนดำเนินการ
คนทำงานหลายคนยังสังกัดพรรค กมก.หรือเกาะเมียกิน (ฮา)...
แต่จะอย่างไรก็ตาม ผมดูแววตา
ฟังความคิดและเห็นความเสียสละของพี่น้องในหลายจังหวัดแล้ว
เชื่อได้ว่าพรรค กมม.จะเป็นพรรคการเมืองที่น่าจับตามองยิ่งพรรคหนึ่ง
ใครคนไหน พรรคไหนที่ปรามาสว่า 5 ที่นั่งจะได้หรือเปล่า
หรือพรรคนี้ยังไงๆ ก็ต้องเป็นพรรคต่ำสิบ ต้องกลับไปคิดใหม่แล้วพูดใหม่..
สมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรค กมม.บอกพี่น้องหลายเวทีว่า
จะได้กี่ที่นั่งไม่สำคัญเท่ากับว่าต้องเป็นพรรคที่สร้าง "การเมืองใหม่"
ให้กับบ้านนี้ให้ได้ แถมยังบอกว่าในชีวิตนี้อยู่ภาคประชาชนมาโดยตลอด
ไม่เคยคิดจะมาทำงานภาคพรรคการเมือง
แต่สุดท้ายก็ต้องมาเสียตัวจนได้..เสียให้กับ "การเมืองใหม่"
ซึ่งสุดแสนจะภูมิใจ..
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000085450
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น