++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2552

อดีตอธ.ม.รามฯแนะวิธีคิดพิชิตข้อสอบแบบเขียนตอบ (อัตนัย)

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

       
   
   
       

ม.รามคำแหงนับเป็นมหาวิทยาลัยที่มีจำนวนนักศึกษามากที่สุดในประเทศไทย ว่ากันว่าคนที่จบออกมาจากรั้วสถาบันนี้จะมีลักษณะเด่นทางด้านความฉลาด และความมีวินัยเป็นหลัก ด้วยเพราะขึ้นชื่อว่าเป็นสถาบันที่เข้าง่าย แต่จบยาก เนื่องจากรูปแบบการเข้าเรียนนั้นไม่ได้มีข้อบังคับ ทำให้นักศึกษาจึงต้องมีวินัยต่อตัวเองเป็นอย่างสูงในการเก็บเกี่ยววิชาเรียน อีกทั้งการสอบวัดผลบางส่วนก็เป็นแบบอัตนัย ที่ว่ากันว่ายากในการที่จะตอบให้ได้คะแนนมากที่สุด
Life on campus หยิบสารมาฝากจาก " นายรังสรรค์ แสงสุข" อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถึงเรื่องของการพิชิตคะแนนการทำข้อสอบแบบอัตนัยที่จะสามารถกวดคะแนนจากผู้ ตรวจข้อสอบได้อย่างฉลุยสวยงาม
      
       การตอบข้อสอบในปัจจุบันของนักศึกษานั้นส่วนมาก นักศึกษาตอบกันตามความเคยชินที่เป็นแบบปรนัย
      
       “นัก ศึกษาส่วนใหญ่ชินกับการตอบข้อสอบแบบปรนัย ข้อสอบปรนัยหมายถึงข้อสอบแบบที่ผู้สอบไม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็นส่วนตัวเป็น คำถามที่ต้องการคำตอบตายตัว ดังนั้นในการตอบผู้ตอบอาจจะเดาถูกต้อง หรืออาจจะมีความรู้จริงก็ได้ แต่การตอบแบบปรนัย เมื่อไม่มีการขยายความ ไม่มีการแสดงแจ้งชัดให้เห็นว่ามีความรู้ในเรื่องนั้นหรือคำๆนั้น ก็จะทำให้ผู้ตรวจข้อสอบไม่สามารถจะวินิจฉัยได้ว่า ผู้ตอบรู้จริงในเรื่องนั้นหรือไม่
      
       แต่ข้อสอบปรนัยที่มีคุณภาพจริงๆนั้นเขาก็มีวิธีการถามเพื่อที่จะผู้ ตอบได้ตอบถูกก็ต่อเมื่อมีความรู้ในเรื่องนั้นจริงๆ ในชั้นนี้อยากจะบอกว่า การตอบแบบปรนัยนั้น คือการตอบแบบรวบยอด มองไปก็เห็นได้เพียงแต่ว่าถูกหรือผิด แต่ไม่สามารถบอกเหตุผลได้ว่าถูกเพราะอะไร ผิดเพราะอะไร หรือมีข้อยกเว้นในเรื่องนั้นหรือไม่อย่างไรจึงไม่เหมือนการตอบแบบอัตนัย”
      
       สำหรับความหมายของ การตอบแบบอัตนัยนั้น หมายถึง การตอบที่ผู้ตอบสามารถแสดงความรู้และความคิดเห็นของผู้ตอบเองได้
      
       “ การตอบแบบปรนัยหรืออัตนัยนั้นไม่ได้เป็นข้อสำคัญ เพียงแต่ว่าอาจจะเป็นเหตุให้ผู้เรียนเรียนแบบปรนัยหรือเรียนแบบอัตนัย เรียนเพื่อหาคำตอบสั้นๆ แบบสรุป ส่วนคำตอบแบบอัตนัยนั้นผู้เรียนจะต้องหาคำอธิบาย ใช้ความคิดที่สละสลวยเป็นคำตอบ ตรงนี้จะเห็นว่าแตกต่างกัน คือคนที่สอบปรนัยเก่งนั้นมักจะเขียนอัตนัยไม่เก่ง ที่พูดเช่นนี้เพราะว่าเท่าที่ครูอยู่รามคำแหงมาสามสิบกว่าปี ดูทั้งข้อสอบ ปรนัยและอัตนัย เห็นได้ชัดว่าเดียวนี้เวลานักศึกษาสอบข้อสอบอัตนัยก็เขียนได้สั้นๆ
      
       ขยายความไม่ค่อยจะเป็นหรืออาจะเป็นเพราะว่าจำได้เท่านั้น เพราะว่ากระบวนการที่คิดแบบปรนัยนั้นเป็นเรื่องการรวบยอดและไม่มีวิธีการ อธิบาย แต่คำตอบที่เป็นอัตนัยนั้นต้องอธิบายและให้เหตุผลทั้งจากตำรา ความจำและสภาพข้อเท็จจริงต่างๆ”
      
       ท่านอธิการแนะถึงวิธีฝึกคิดตอบแบบอัตนัยให้เป็น เพื่อที่จะทำข้อสอบอัตนัยให้ฉลุย โดยให้เริ่มจากการอ่านให้อ่านหนังสือเป็นแบบเชิงอัตนัยก่อน คืออ่านแล้วอธิบายความให้ได้และรู้จักฝึกคิดให้รอบด้าน
      
       “ถ้า หากนักศึกษาเห็นข้อความใดๆ นักศึกษาควรจะคิดเป็นอัตนัย อ่านหนังสือให้อ่านเป็นเชิงอัตนัยและอธิบายความได้ ตำราว่าอย่างนี้ เราเห็นพ้องต้องกันกับตำราหรือไม่ เพราะอะไร ลองหัดอธิบายให้เกิดเป็นนิสัย และลองหัดเขียนเพื่อที่จะเขียนอธิบายความต่างๆได้”
      
       ชี้ ว่าข้อดีของการเรียนแบบนี้จะทำให้นักศึกษาเกิดทักษะในการคิดการอ่านการเขียน ไปพร้อมๆกันทั้ง 3 ทางดีกว่าคิดแบบปรนัยและตอบแบบปรนัยโดยตลอดตอบ
      
       “หาก ทำแต่ปรนัยและจำอย่างเดียวก็จะตอบได้เฉพาะวิธีการของการตอบแบบปรนัยเท่านั้น ก็จะทำให้เราติดนิสัยไม่คิดให้รอบด้าน ไม่คิดให้กว้าง ไม่คิดให้ลึก ซึ่งเวลาที่เราไปทำงานทำการต่างๆ สิ่งเหล่านี้ก็จะติดตัวติดตนอยู่ด้วย ดังนั้นครูอยากจะให้นักศึกษาลองหัดคิดดูว่าถ้าคิดแบบปรนัยเป็นอย่างไร คิดแบบอัตนัยเป็นอย่างไร เอาง่ายๆก็คือว่า คิดแบบปรนัยนั้นคิดโดยแทบจะไม่ต้องหาเหตุผลใดมาอธิบาย เช่น 1+2 เท่ากับ 3 แต่ถ้าเป็นอัตนัยก็อาจจะบอกว่า 1+2 เท่ากับ 3 และ 5-2 ก็เท่ากับ 3 ในขณะเดียวกัน7-4 ก็เท่ากับ 3 เหมือนกันคิดไปได้รอบด้าน คิดไปได้กว้างกว่ามีตัวอย่างมากขึ้น มีคำอธิบายมากขึ้น เพราะฉะนั้น ลองฝึกหัดดูสำหรับการคิดแบบอัตนัยมันจะทำให้เรารู้จักวิธีการคิดให้กว้างไกล ขึ้น และรอบด้าน ”อดีตอธ.สรุป

http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9520000021728

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น