++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2548

น้ำท่วมหนักเพราะโลกร้อนขึ้น

คุณระวิที่ทำงานอยู่ที่เดียวกับดิฉันเห็นหนึ่งในจำนวนผู้โดยสารรถไฟสาย
ใต้หลายร้อยคนที่ออกจากกรุงเทพฯ ในวันที่ 21 พ.ย. 2543 ไปถึงสถานีหาดใหญ่
ใน วันที่ 22 เจอน้ำท่วมพอดีระวิโชคดีกว่าคนจำนวนมากที่ติดอยู่ที่สถานีรถไฟเพราะตัดสิน ใจยึดเอาโบกี้รถไฟเป็นเรือนตายหนีน้ำท่วม จึงได้ถูกลากออก มาวันละนิดละหน่อยเพื่อหนีระดับน้ำกับโบกี้สายบัทเตอร์เวิธ สรุปว่าสี่วัน
สามคืนที่กินนอนในโบกี้ แม้จะมีอาหารรับประทานแบ่งปันกันกินวันละมื้อ
เดียวแต่ก็โชคดีกว่าหลายๆ คนที่ติดอยู่ที่สถานีรถไฟหรือตามโรงแรมในเมือง
น้ำท่วมปีนี้ที่ภาคใต้หนักหนาสาหัสมากที่สุดในรอบกี่สิบปีก็ไม่รู้
เพราะ ทั้งท่วมในพื้นที่หลายจังหวัดและระดับน้ำสูงมาก โดยเฉพาะในตัวเมืองหาด
ใหญ่ท่วมขนาดว่าอีกไม่กี่เซนต์ก็จะถึงพื้นบ้านชั้นสองแล้ว ส่วนในอำเภอ
รอบๆ นั้นไม่รู้ว่าจะท่วมขนาดไหน ภาพทีวีที่ถ่ายจาก เฮลิคอปเตอร์บอกให้รู้ว่ามองไปทางไหนก็มีแต
่น้ำกับยอดไม้ ทำให้นึกถึงเรื่อง Water World ที่เควิน คอสเนอร์เล่นซึ่งเป็นเรื่องในจินตนาการว่าในอนาคตข้างหน้าเมื่อน้ำ
ท่วมโลกจนไม่มีแผ่นดินจะอาศัย คนที่สามารถมีชีวิตรอดในยุคนั้นจะต้องอยู่
ในเรือลำใหญ่ล่องลอยไปในโลกที่มีแต่น้ำ เมืองไทยเราปีนี้น้ำเพิ่งจะท่วมทางอีสานใต้ไปหยกๆ ตอนนั้นหลาย
จังหวัด เช่น ศรีสะเกษ มหาสารคาม ที่ไม่เคยคิดว่าจะมีน้ำท่วมก็ท่วมหนัก
ประเทศเพื่อนบ้านคือกัมพูชาก็ท่วมห นักและท่วมนาน พอน้ำทางอีสานแห้งทางใต้
ฝนก็เริ่มตกชุกและน้ำท่วมบ้าง และในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียก็ท่วม
หนักเหมือนกัน ตามข่าววันนี้บอกว่าที่เกาะสุมาตรามีคนตายไป 62 คนและ
สูญหายไปอีก 71 คนทำไมปีนี้น้ำจึงท่วมหนัก ก็เพราะฝนตกมากน่ะซิ แล้วทำไมฝนจึงตกมาก
ล่ะ กรุณาอย่าตอบว่าก็เพราะอยู่ในเขตมรสุมฝนก็ตกมากมาอย่างนี้ทุกๆ ปี
เพราะในวันนี้แม้แต่เด็กมัธยมก็ตอบได้แล้วว่าน้ำท่วมหนักเพราะโลกร้อนขึ้น
ทุกๆ ปี

เมื่อวันศุกร์ที่ 24 พ.ย. ในขณะที่พวกเราคนไทยกำลังสนใจข่าวนักโทษ
พม่าจี้ตัวประกันกับข่าวน้ำท่วมที่หาดใหญ่ ข่าวต่างประเทศในหน้า หนังสือพิมพ์หลายฉบับตีพิมพ์ภาพนายแฟรงก์ ลอย
หัวหน้าคณะเ จ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ที่ไปประชุมเรื่องการแก้ปัญหาโลกร้อนที่จัดโดยสหประชาชาติ
ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถูกมือดี (แปลว่ามือเลวแต่มือแม่น) ปาเค้ก
ใส่หน้าระหว่างแถลงข่าว ไม่มีข่าวบอกว่ามือเลวแต่แม่นคนนั้นสังกัดฝ่ายไหน แต่การประชุมที่จัด
ขึ้นตั้งแต่วันที่ 14-24 พ.ย.นั้นมีความขัดแย้งระหว่างหลายกลุ่ม สหรัฐฯ
และกลุ่มสมาชิกอียูขัดแย้งกันในเรื่องการแลกเปลี่ยนปริมาณก๊าซเรือนกระจก
ประเทศร่ำรวยที่พัฒนาแล้วขัดแย้งกับประเทศกำลังพัฒนาที่ยากจน และกลุ่ม
อุตสาหกรรม ขัดแย้งกับกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่สรุปแล้วสหรัฐฯ
เป็น ฝ่ายที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักที่สุดเพราะเป็นตัวการในการปล่อยก๊าซเรือน กระจกที่ทำให้โลกร้อน ทั้งนี้เพราะมีตัวเลขว่าในปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยกันออกมาทั่วทั้ง โลกนั้น 25 เปอร์เซ็นต์มาจากสหรัฐฯ
เพียงประเทศเดียว ก๊าซเรือนกระจกเป็นชื่อรวมเรียกก๊าซหลายชนิดที่เกิดจากการเผาผลาญ
ของฟอสซิล ที่สำคัญคือคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง
ทุกชนิด มีข้อพิสูจน์แล้วว่าก๊าซพวกนี้ในบรรยากาศได้ทำลายชั้นของโอโซนที่
หุ้มห่อโลก ทำให้แสงแดดที่ส่องมายังโลกและเกิดความร้อนถูกสะสมไว้
เหมือนสภาพในเรือนที่สร้างด้วยกระจก ผลคือทำให้อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้น
เรื่อยๆ มีคำทำนายโดยการใช้คอมพิวเตอร์จำลองสถานการณ์จากปัจจุบัน
ได้ผลว่าในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้าโลกจะร้อนขึ้นอีกระหว่าง 1.5 ถึง 6.1 องศาเซลเซียส
โลกร้อนขึ้นมีผลต่อสภาพแวดล้อมของโลกอย่างมาก ประการแรกคือ
อากาศ จะร้อนอบอ้าว ประเทศที่ร้อนอยู่แล้ว จะร้อนหนักยิ่งขึ้นเพราะคลื่นความร้อน ประการที่สองความร้อน จะทำให้น้ำแข็งที่ขั้วโลกทั้งสอง
ละลาย ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น ดินแดนตามชายฝั่งทะเลหลายแห่งจะถูกน้ำ ท่วม
ประการที่สามจะเกิดภัยพิบัติจากน้ำท่วมและฝนแล้งรุนแรงขึ้นทุกๆ ปี


ประการที่สี่โรคติดต่อหลายชนิดที่เคยหายไปจะกลับมาระบาดแพร่ใหม่ และ
ประการสุดท้ายทั้งน้ำท่วมและฝนแล้งจะทำลายเกษตรกรรมพืชผลเสียหาย
หากแก้ไขไม่ได้จะเกิดภัยพิบัติอดอยากไปทั่วทั้งโลก เมื่อสามปีก่อนที่กรุงโตเกียว นานาชาติได้มาประชุมกันหาทางแก้ไข
ปัญหาโลกร้อน ได้ข้อสรุปว่า ทุกประเทศจะต้องลดปริมาณ การปล่อยก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์ลงปีละ 5 เปอร์เซ็นต์
แต่ปรากฏว่ามีไม่กี่ประเทศที่ยอมรับว่า จะดำเนินการตามนี้ สามประเทศอุตสาหกรรมคือสหรัฐฯ แคนาดาและญี่ปุ่น
ไม่ยอมปฏิบัติตาม เพราะหากทำเช่นนั้นจะสร้างความหายนะให้แก่เศรษฐกิจ
ของ ตน ในการประชุมครั้งนี้สหรัฐฯ จึงมีข้อเสนอใหม่ที่เรียกว่า Carbon Trade หรือการแลกเปลี่ยนปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ระหว่างประเทศอุตสาหกรรมกับประเทศที่กำลังพัฒนา และยังบอก ว่าให้ใช้ปริมาณพื้นที่ป่า
ในประเทศเป็นตัว Carbon Sink ดูดซับปริมาณคาร์บอน ให้หักกลบลบหนี้
กับปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาโดยภาคอุตสาหกรรมได้
มีข่าวว่าขณะนี้ถึงกับจัดตั้งเว็บไซด์ CO2e.com เป็นตลาด เสรีและ เปลี่ยนสิทธิในการปล่อยปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์กันแล้ว
ประเทศยากจนที่กำลังพัฒนาที่ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ ก็สามารถจะขายโควตาของตน
แลกกับความช่วยเหลือในรูปของเงินตราและโครงการพัฒนาจากประเทศที่
พัฒนาแล้ว ฟังดูเหมือนตลาดค้าทาสในสมัยโบราณ
ความขัดแย้งเหล่านี้เอง ที่ทำให้เมื่อนายแฟรงก์ ลอย ขึ้นนั่งแถลงข่าวจึง
ได้รับเค้กเป็นการประท้วง ตัวแทนจากหลายประเทศมาพร้อมกับข้อมูล
แสดงว่าสภาพอากาศในประเทศของตนเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงเวลาไม่กี่ปี
มานี้ เช่นรองนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายจอห์น เพรสคอต บอกว่าน้ำท่วม
ใหญ่ในอังกฤษเมื่อสองเดือนที่แล้วเป็นสัญญาณเตือนว่าโลกกำลังร้อนขึ้น
ส่วนรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมของไนจีเรียก็บอกว่าทะเลทรายในประเทศ
ของตนกำลังขยายใหญ่ขึ้ นทุกที

หากใครยังคิดไม่ออกว่าการที่โลกร้อนขึ้นจะทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ได้
อย่างไร ลองเอาขวดพลาสติกที่ใส่น้ำดื่มปิดฝาให้แน่นไปตั้งไว้กลางแดดจับ
ตาให้ดีสักครู่ใหญ่จะเห็นว่าอากาศในขวดจะขุ่นมัวขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะน้ำ
ถูกความร้อนกลายเป็นไอลอยขึ้นไปในอากาศ แต่เพราะขวดปิดจุกแน่น ไอ
น้ำลอยออกไปไม่ได้ จึงจับตัวกันเป็นหยดน้ำเล็กๆ เกาะอยู่ที่ด้านในขวด
หยดเล็กรวมกันเป็นหยดใหญ่เกาะไม่ไหวก็ไหลลงมา รวมกับน้ำที่อยู่ในขวด
และเพราะว่าโลกไม่ได้มีแต่ส่วนที่เป็นน้ำ ฝนที่ตกลงมามากบนพื้นดินจน
ระบายไหลลงทะเลไม่ทันจึงทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ โลกของเราที่มีสภาวะเรือนกระจกก็เหมือนกับขวดน้ำพลาสติกที่มีจุกปิด
แน่น โลกยิ่งร้อนน้ำบนพื้นผิวโลกก็กลายเป็นไอมากลอยขึ้นไปสะสมบนท้อง
ฟ้า ใครที่เคยนั่งเครื่องบินเหนือเมฆจะรู้ว่าปริมาณไอน้ำในชั้นบรรยากาศโลก
มีปริมาณมหึมาเพียงใด และเมื่อสะสมไว้จนถึงวันหนึ่งที่แสงอาทิตย์ส่องผ่าน
มายังโลกน้อยลง อุณหภูมิเย็นลงชั่วขณะ ไอน้ำก็ควบ แน่นเป็นหยดฝนตกลง
มาบนโลก ภูมิภาคที่เป็นเกาะหรือคาบสมุทรที่มีทะเลล้อมเป็นส่วนที่ได้รับ
ผลกระทบในเรื่องฝนตกน้ำท่วมหนักที่สุด ในขณะที่ประเทศ
ที่อยู่ลึกเข้าไปใน แผ่นดิน ถ้าเป็นเขตที่อากาศหนาวเย็น ก็จะตกลงมา
เป็นหิมะ ถ้าหิมะมีปริมาณมากเป็นพิเศษ ในตอนที่อากาศ ร้อนขึ้นหิมะ
ละลายก็อาจจะกลายเป็นน้ำท่วมได้ เช่น ที่เราเคยเห็นกันในข่า วเป็นประจำสี่ห้าปี
มานี้ แต่ในเขตร้อนและแห้งแล้งเป็นทะเลทรายอยู่เดิมแล้ว ความร้อนของโลก
ที่เพิ่มขึ้นทำให้ไอน้ำในบรรยากาศไม่สามารถจะรวมตัวกันเป็นเมล็ดฝนตกลง
มาบนแผ่นดินได้เลย ผลก็คือต้นไม้ที่พอจะมีก็ล้มตายไป อาณาเขตของทะเล
ทรายจึงกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในวันนี้สิ่งที่รัฐบาลรักษาการจำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วนคือการซับน้ำตา
ให้ความช่วยเหลือระยะสั้นแก่ชาวใต้ที่ประสบภัยน้ำท่วมทุกคน ต่อจากนั้นก็
เป็นความช่วยเหลือระยะกลางคือการฟื้นฟูสภาพต่างๆ ให้กลับสู่สภาพเดิม
รวมถึงการให้ความช่วยเหลือในการการอาชีพต่างๆ ซึ่งรวมถึงการเกษตรและ
เพาะปลูกด้วย ในระยะยาวเมื่อมีรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งแล้ว ทั้งนายก รัฐมนตรี
และรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวด ล้อมจะต้องจับ
ปัญหาเรื่องโลกร้อนมาศึกษาให้ดี แล้วจึงกำหนดนโยบายเพื่อหาทางป้องกันแก้ไข
ทั้งในระดับชาติและระดับโลก และถ้ารัฐมนตรีคนไหนบอกว่าเรื่องโลกร้อนไม่เห็นจะเกี่ยวกับเมืองไทย
เลย เรื่องน้ำท่วมก็ท่วมเป็นประจำตั้งแต่สมัยอยุธยามาแล้ว เรื่องฝนแล้งก็ดีเพราะน้ำจะได้ไม่ท่วมกรุงเทพฯ
คนที่มีสติปัญญาวิสัยทัศน์แค่นี้สมควรจะเนรเทศจับใส่เรือลอยไปในน้ำ
ไม่ต้องให้มีผืนแผ่นดินบ้านเกิดเหมือนพวกผู้ร้ายในหนังเรื่อง Water World ค่ะ

โดยคุณ : ยศวดี บุณยเกียรต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น