++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ผ้าขี้ริ้วสอนคุณได้…

ผ้าขี้ริ้วสอนคุณได้…
ผ้าขี้ริ้วมีปรัชญาที่น่าศึกษา คือ เป็นผืนผ้าที่ขี้เหร่แต่มีเสน่ห์ เพราะ
1. ผ้าขี้ริ้วยอมสกปรกเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด
เสน่ห์ของคนอยู่ที่ยอมลำบากเพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุข เช่น พ่อแม่ยอมเหนื่อย เพื่อให้ลูกหลานสุขสบาย ยอมโน้มตัวจากสูงลงสู่ต่ำได้ ยอมถูกขัดเกลาเพื่อให้สวยงาม เหมือนพุทธปฏิมาที่งามได้เพราะทนได้ต่อการขัดถูแต่งปั้นของช่างศิลป์

2. ผ้าขี้ริ้วดูดซับความสกปรกได้แต่ก็สลัดความสกปรกออกจากตัวได้ตลอดเวลา
เสน่ห์ของคนที่รู้ตัวเองว่าสกปรก เมื่อถึงเวลาก็ชำระล้างให้สะอาด เหมือนชำระล้างร่างกายประจำวัน มิใช่อมความสกปรกไว้แล้วแกล้งหลอกตัวเองว่าสะอาดหมดจด คือรู้จักยอมรับว่าตนก็ทำผิดได้ มิใช่ถูกเสมอไป ขอบคุณเมื่อมีคนตักเตือน
3. ผ้าขี้ริ้วเป็นผ้าที่สะอาดที่สุดในขณะที่คนอื่นมองว่าสกปรกที่สุด
เหมือนคนที่หมั่นฝึกหัดขัดเกลาตนเอง รู้จักถ่อมตนและอ่อนโยน ไม่โอหังอวดดีให้เป็นที่รังเกียจหมั่นไส้ของคนอื่น หากทำเช่นนี้ เขาก็จะเป็นคนมีคุณค่า ไม่ว่าจะมาจากสกุลใด หรือมีการศึกษามากน้อยเพียงใดก็ตาม หัดทำตัวให้เป็นผู้ใฝ่รู้แต่ไม่อวดรู้ เป็นเหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทองคำไว้ภายใน ไม่ใช่เป็นทองคำห่อผ้าขี้ริ้ว
4. ผ้าขี้ริ้วแม้นใครจะมองว่าเป็นผ้าที่ไร้ราคา แต่ก็มีคุณค่าสูงส่งภายในตัวเสมอ
เหมือนคนที่พยายามทำตนให้มีคุณค่าด้วยการทำงาน มิใช่ด้วยการประจบ ทำตนให้เป็นประโยชน์ ให้มีคุณค่า ให้งามด้วยงาน ไม่งอมือ งอเท้าหรือเอาแต่น้อยเนื้อต่ำใจในโชควาสนาชะตาชีวิต แม้ใครจะดูถูกปรามาสอย่างไรก็ตาม เกิดเป็นคนต้องมีกำลังใจมุมานะทำงานหนัก เพราะงานคือเสน่ห์ของชีวิต มิใช่ชาติตระกูล ทรัพย์สมบัติ หรือคำยกยอปอปั้นเพียงบางคน
5. ผ้าขี้ริ้วไม่เกี่ยงงอนว่าจะถูกใช้เช็ดถูอะไร ตรงไหน เมื่อใด
เหมือนคนที่ยอมอาสาทำงานที่ได้รับมอบหมายโดยไม่ปริปากบ่น แต่อดทนมุมานะบากบั่นทำให้สำเร็จ ให้มีความสุขกับงาน ให้รู้จักอาสาคน อาสางาน หัดเสนอตัวเข้าทำงาน คิดงาน มิใช่ยืนรอคำขอร้องอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นงานใด ๆ ก็ตาม เมื่อเห็นว่าควรทำก็ตั้งใจทำงานโดยไม่เกี่ยวงอน หรือไม่เกี่ยงงาน หรือไม่รอให้ใครออกคำสั่งให้ทำจึงทำ เสน่ห์ของคนอยู่ที่ความสามารถสั่งตนให้ทำงานที่เห็นว่าควรทำได้ ไม่เพิกเฉยนิ่งดูดาย
6. ผ้าขี้ริ้วยอมให้ถูกใช้งานในที่สกปรกที่สุด
เหมือนคนที่ยอมทำในสิ่งที่คนทั้งหลายรังเกียจ เห็นว่าไร้ค่าเป็นงานชั้นต่ำ แต่ก็ตั้งใจทำงานนั้นให้เป็นของมีค่าขึ้นมาได้ หรือยินดีในการบริการ เหมือนคนที่เอิบอิ่ม เมื่อชีวิตได้บริการรับใช้คนอื่น รับใช้สังคม ดีใจเมื่อคนยินดีมาใช้บริการความรู้ความสามารถของตน และยินดีที่จะเสนอตัวเข้าไปบริการ
แปลว่า ทำตัวให้เหมือนผ้าขี้ริ้วที่ยอมเป็นผู้บริการ ยอมขจัดความสกปรกทุกหนทุกแห่งที่เกิดขึ้น ยอมอยู่เบื้องหลังความสะอาด ยอมให้ผู้อื่นมีเกียรติยิ่งใหญ่ ยอมอยู่เบื้องหลังของความสำเร็จของงานนั่นเอง เมื่อยอมได้ จึงจะได้สิ่งที่ปรารถนา หากเป็นผู้ใหญ่ ก็เป็นผู้โน้มตัวลงมาติดดิน รับรู้สัมผัสดิน ไม่ตัดสินปัญหาตามเขาว่า เขารายงาน แต่ตัดสินบนข้อมูลของตนเอง
7. ผ้าขี้ริ้วพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ
เหมือนคนต้องพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคนอื่น ต้องมีความพอใจที่จะทำงาน เป็นนายอิน-นางอิน ผู้ปิดทองหลังพระ มีความสุขและภูมิใจที่ได้มอบความสำเร็จให้คนอื่นมีความภูมิใจที่ได้ยืนยิ้มอยู่ข้างหลังความสำเร็จของคนอื่นซึ่งเกิดจากการทำงานของตน
เหมือนแม่ครัวดีใจขณะมองคนอื่นทานอาหาร มีมากเช่นกันที่ผู้น้อยบางคนทำงานแล้วทำให้ผู้ใหญ่ตกลง ขณะที่ตัวเองโตขึ้น ผู้น้อยที่ทิ้งผู้ใหญ่ย่อมไม่ต่างอะไรกับสัตว์เลี้ยงกินอาหารใส่โฮร์โมน โตเร็วแต่ไม่แข็งแรง
8. ผ้าขี้ริ้วทนทานต่อการขัดถูและซักล้าง ไม่เปราะบาง
เหมือนคนที่ต้องมีความอดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็อดทนได้ เพื่อสร้างความสำเร็จและความสุขต่อผู้อื่นให้ได้ มีจิตใจหนักแน่นไม่เปราะบางหักง่าย มีกำลังใจและมีแหล่งกำเนิดกำลังใจ เช่นยึดมั่นในหลักศาสนา ในรอยเท้าบรรพบุรุษ รวมทั้งสามารถเป็นแรงบันดาลใจ ให้คนทั้งหลายได้เข้มแข็งขึ้นมา คราอ่อนล้า กำลังใจนั่นเอง คือ สิ่งเดียวที่ทำให้คนเข้มแข็งไม่เปราะบาง
9. ผ้าขี้ริ้วแม้จะถูกมองว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว แต่ก็ไม่ทำตัวให้ขี้เหร่
เหมือนคนที่รู้ตัวเองว่า ตนกำลังถูกปรามาสสบประมาท มีคนดูถูกดูแคลน แทนที่จะเสียใจทำด้วยประชดเขาว่าเราไม่ทำเช่นนั้น แต่จะต้องตั้งใจเอาอุปสรรคมาเป็นกำลังใจให้ตัวเอง เอาชนะอุปสรรคตรงนั้นให้ได้ ไม่พ่ายแพ้ตามคำปรามาสาของคนอื่น รู้ตัวตลอดว่ากำลังทำอะไร
มีกำลังใจในสิ่งนั้น มองหาความสำคัญจากสิ่งที่คนมองไม่เห็นให้ได้ว่าสำคัญอย่างไร เสน่ห์ของชีวิตที่สำคัญคือ สามารถมองเห็นคุณค่าจากสิ่งที่คนทั้งหลายมองว่าไร้ค่าสิ้นดีหมดแล้วให้ได้ หาค่าจากสิ่งที่คนมองว่าไร้ค่าให้พบ
เสน่ห์ของชีวิตก็ไม่ต่างจากเสน่ห์ผ้าขี้ริ้ว ขึ้นอยู่ว่าเราจะสร้างขึ้นมาได้อย่างไรเมื่อตัวชีวิตคือเรา พ่อแม่สร้างชีวิตมาแล้ว. เสน่ห์คือแหล่งกำเนิดความสุข และความสุขอันแท้จริงของคนก็คือ การได้แอบยิ้มดูคนอื่นเขามีความสุข ชื่นชมยินดีมีความสุขจากผลงานของเรา เหมือนความสุขของแม่ อยู่ที่การได้เห็นลูกหลานพอใจกับฝีมือปรุงอาหารของแม่ รู้เถิดว่า แม่แอบเป็นสุขลึก ๆ ทุกคำข้าวที่ลูกกลืน
แม่คือผู้อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จ แม่จึงมีความสุขมากกว่าเราหลายเท่า. เมื่อเราสำเร็จสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แม่ยอมเป็นผู้ขี้ริ้วเพื่อขัดถูสร้างชีวิตของเราให้สดใสงดงามเสมอ. ชีวิตแม่เป็นผ้าขี้ริ้วสร้างลูกเสมอ เราก็ต้องยอมเป็นผู้ขี้ริ้วสร้างครอบครัว และสังคมของเราให้งดงามต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น