ต่อจากนี้ไปมนุษย์จะไม่ค่อยมีความสุข และจะมีความทุกข์กันมากขึ้น
เพราะมนุษย์ยุคนี้ซึ่งเป็นยุคของวัตถุนิยมสุดโต่งจะมองหาและใส่ใจแต่ความสำเร็จซึ่งได้มาเท่าไรก็ไม่เคยพอ เช่น ความสำเร็จในการหาเงินทอง ทรัพย์สมบัติ ตำแหน่ง ชื่อเสียงเกียรติยศ ฯลฯ
บางคนก็ท้อแท้ชีวิต คิดว่าหามาเท่าไรก็ไม่เคยพอ จึงหันหน้าเข้าหาเหล้า บุหรี่ ยาเสพติด และเซ็กซ์เป็นเครื่องมอมเมาชีวิตตัวเองให้หลงผิดยิ่งขึ้น
สังคมเราจึงเต็มไปด้วยคนที่กระหายความสำเร็จเต็มไปหมด เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ ก้าวร้าวเข้าหากันทั้งจิตใจ วาจา และพฤติกรรม
พวกที่มองหาความสำเร็จนี้เวลาเขาจะทำอะไร เขาจะนึกถึงแต่ผลลัพธ์และผลประโยชน์ที่จะได้จากคนอื่นมากกว่าความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
เมื่อมนุษย์ไม่สนใจ “ความสุข” จึงไม่ใฝ่หา ไม่อยากรู้วิธีสร้างและคิดผิด ๆ ว่า “ความสุข” คือ “ความสำเร็จ” ซึ่งไม่ใช่เลย เป็นคนละอย่างคนละขั้วกัน
ความสุขเป็นวิถีชีวิต เป็นนิสัยที่เริ่มจากการรู้จักสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเองและผู้คนรอบข้าง ภูมิใจ พอใจตัวเองและผู้อื่นตามความเป็นจริงได้ มีความหวังที่ดี ๆ ลดความคาดหวังลง และมีเป้าหมายชีวิตอยู่ที่การทำความดีมากขึ้นเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณของตนเอง เกิดความภาคภูมิใจตัวเอง ทำให้ตัวเองและสังคมรอบข้างมีความปกติสุขมากขึ้น เขาจะลดการสะสมกิเลส ตัณหา ที่แสดงความยิ่งใหญ่ของอีโก้ลง
คนที่มีความสุขจะเป็นคนที่สงบ เรียบง่าย ยืดหยุ่นได้ มีสติ เมตตา อุเบกขาและปัญญา มีเป้าหมายชีวิตที่สร้างสรรค์ มีความเชื่อถือศรัทธาเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น โดยทำความดีมากขึ้น เพื่อจะได้อยากทำความดีกับตัวเองและผู้อื่นได้มากขึ้น เกิดความผสมผสาน เอื้ออาทร ระหว่างตัวเองกับผู้อื่นได้ดีและมีสมดุลชีวิต
ชีวิตจะมีสาระ ไม่เคร่งเครียด มีความดี มีคุณธรรม จริยธรรม ตระหนัก ยอมรับและเห็นคุณค่าของชีวิตตนเองและผู้อื่นตามความเป็นจริงได้
ขอเตือนและแนะนำท่านทั้งหลายมาใส่ใจและมองหาวิธีสร้างความสุขให้กับตัวเองอย่างสร้างสรรค์กันเถิด
และแนะนำคนใกล้ตัวบางคนให้รับรู้ด้วย ถ้าใครเขาไม่สนใจก็ไม่เป็นไรหรอก ท่านลงมือเพื่อตัวของท่านเองก่อนก็แล้วกัน
ประโยชน์และกุศลกรรมจะเกิดแก่ท่านและโลกใบนี้มากขึ้น
ที่มา บทความในคอลัมภ์โลกและชีวิต โดยนายแพทย์วิทยา นาควัชระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น