++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

@ 6 ภาวะที่ทำให้... แม้รักมาก แต่ไม่อยากอยู่ด้วย....ดร นพ. วิทยา นาควัชระ



กว่าจะเกิดเป็นมนุษย์ก็ยากอยู่แล้ว ถ้าจะหาคนที่คุณรักเขาและเขาก็รักคุณ จนเป็นคู่รักได้ยิ่งยากเข้าไปอีก
เอาเป็นว่าเมื่อคุณสมัครใจเปิดตัวเปิดใจเป็น‘คู่รัก’กับใครบางคนได้แล้ว บางคู่ก็แต่งงานเป็น ‘คู่สมรส’ไป แต่ครั้นคบกันไปนานๆ เข้าทำไมจึงเปลี่ยนใจไม่อยากอยู่ด้วยเล่า
ถ้าหมดรักแล้วจากกันไป ก็เป็นเรื่องปกติ
แต่นี่ยังไม่หมดรัก แถมยังรักมากด้วย แต่ไม่อยากอยู่ด้วย มาจากอะไรเล่า
ในอาชีพจิตแพทย์ที่ต้องทำหน้าที่สมานรอยร้าวให้คู่รักและคู่สมรสทั้งที่เป็นคู่รักต่างเพศหรือเพศเดียวกัน ที่เรียกว่า Couple Therapy หรือ Marriage Therapy หรือ Family Therapy แล้วแต่จะเรียก ได้สังเกตว่ามีภาวะบางอย่างที่ทำให้คู่รักเหล่านี้ไม่อยากอยู่ด้วยกันต่อไปแม้ใจจะยังรักกันอยู่
ผมจะเน้นถึงกรณีฝ่ายหญิงที่ยังรักฝ่ายชายอยู่แต่ไม่อยากอยู่กับฝ่ายชายอีกต่อไป แม้จะทำใจได้ยากแต่ก็ตกลงใจได้ในที่สุด
ภาวะเหล่านั้นได้แก่
1. เจ้าชู้... ซ้ำซาก ส่วนมากถ้าฝ่ายหญิงพบว่าคู่รักเจ้าชู้หรือนอกใจและจับได้ ครั้งแรกก็มักให้อภัย (ผู้ชายจะอภัยผู้หญิงได้ยากกว่า แต่ผู้หญิงจะอภัยผู้ชายได้ง่ายกว่า) แต่ถ้าจับได้ซ้ำๆ มักจะไม่อภัยแล้ว ผู้หญิงที่ถูกคู่รักนอกใจมักจะเสียความภาคภูมิใจตัวเอง เสียศักดิ์ศรี รู้สึกเป็นปมด้อยว่าไม่ได้ถูกรัก มักจะโกรธคู่รักและผู้หญิงอีกฝ่ายหนึ่งมาก (ที่จริงน่าจะโกรธคนกลางมากกว่า) กว่าจะทำใจตัดใจจากได้ก็ทุกข์อยู่นาน ในกรณีผู้หญิงที่มีการศึกษา มีการงานดี มักตัดใจแยกทางได้ง่ายกว่า
2. ขี้เหนียว ความทุกข์ใจของผู้หญิงที่มีแฟนขี้เหนียวยากจะบอกได้ เธออยากได้คู่รักที่ใจกว้าง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นที่พึ่งได้ทั้งตัวเองและครอบครัว แต่นี่... ฝ่ายชาย (ซึ่งมักจะรวยกว่า) กลับขี้เหนียว ทำให้เธออึดอัดใจ
บางรายฝ่ายหญิงมีเงินมากพอ เธอจะใช้เงินของเธอซื้อของใช้ส่วนตัวราคาแพงบ้างฝ่ายชายก็ต่อว่า ประชดประชัน หรือสั่งห้าม ทำให้เธออึดอัดใจ ไม่พอใจ
ผู้ชายบางคนหาเงินเก่งแต่ไม่ชอบใช้เงิน เสื้อผ้าของใช้ก็ไม่ซื้อ ฝ่ายหญิงทนไม่ได้เอาเงินของเธอไปซื้อให้ ฝ่ายชายยังว่าให้เจ็บใจอีก แบบนี้ก็มี
3. รักญาติมากกว่ารักแฟน โดยเฉพาะ รักแม่มากกว่ารักเมีย ทำตัวเป็นลูกแหง่ของแม่ สนิทกันมาก ทำอะไรก็ปรึกษาแม่ทุกเรื่อง กินข้าวด้วยทุกวัน เสาร์ - อาทิตย์อยู่กับแม่ ภรรยาน้อยใจจนหนีกลับบ้านตัวเองก็มี ภาวะแม่ติดลูกชายหรือลูกชายติดแม่นี้ภรรยาทั้งหลายไม่พอใจแน่ๆ เพราะเธอก็อยากได้สามีมาเป็นคู่คิด ไม่ใช่ให้เธอเป็นได้แค่พี่เลี้ยงเด็ก (ดูแลสามี)
4. ไม่มีอนาคต ผู้หญิงสมัยใหม่จะรักผู้ชายที่มีอนาคต ตอนแรกอาจไม่ได้มอง แต่พออยู่ไปแล้วเห็นว่าผู้ชายไม่มีอนาคต แม้จะรักอยู่แต่จะเปลี่ยนเป็นสงสารตัวเองมากขึ้น
ลักษณะของผู้ชายที่ไม่มีอนาคต ได้แก่ ขี้เกียจ โง่ ไม่ขวนขวายหาความรู้ใส่ตัวหรือช่วยตัวเอง ไม่ทำงาน (บางคนคอยเกาะฝ่ายหญิงอยู่) ติดอบายมุข (เช่น ติดเหล้า การพนัน ยาเสพติด เที่ยวกลางคืน) เป็นหนี้สิน โกหกเก่ง พูดจาเชื่อถือไม่ได้
ต่อให้รูปหล่อมีลีลาและคารมดี ผู้หญิงฉลาดก็จะตัดใจจากได้ ขืนใช้ชีวิตร่วมกันต่อไปก็จะยากจน มีชีวิตลำบาก
5. ทำให้เจ็บใจบ่อยๆ (รวมทั้งเจ็บกายด้วย) เป็นนิสัยที่ไม่ดีของฝ่ายชาย เช่น ชอบแสดงความก้าวร้าว โหดร้ายเวลาโกรธ ทั้งทางพฤติกรรมและคำพูด ทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิง ไม่มีมารยาท ทำให้ฝ่ายหญิงเสียหน้าบ่อยๆ ชอบจับผิด ชอบเอาชนะ และดูถูกความคิดความเชื่อที่แตกต่างกัน (เช่น นับถือศาสนาต่างกัน มีแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกัน คนละพรรคคนละสี มักจะกล่าวหาสิ่งที่เธอชอบหรือศรัทธาในแนวท้าทาย ดูถูก)
เมื่ออีกฝ่ายหมดความอดทนก็จะเกิดสงครามปากเถียงกันลั่นบ้าน หมดความเกรงใจ หมดความนับถือซึ่งกันและกัน แล้วจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร
6. รักผิดขั้ว เช่นเมื่อฝ่ายหญิงรู้ว่าฝ่ายชายเป็นเกย์ เขารักคนเพศเดียวกันมากกว่ารักเธอ แม้เธอจะรักเขามากแต่ก็ต้องทำใจ - จำใจจากกัน
ทั้ง 6 ข้อนี้เป็นภาวะที่ทำให้หญิงที่รักชายมากจำใจจาก ไม่สามารถอยู่ร่วมเป็นคู่รักหรือคู่สมรสได้
ในกรณีกลับกันถ้าฝ่ายชายพบคู่รักที่มีภาวะดังกล่าว 6 ข้อนี้ เขาก็คงจะอำลาเช่นกัน
ถ้าถามว่าแล้วความรักจะไม่ดึงให้คู่รักอยู่ร่วมกันต่อไปแม้จะพบภาวะดังกล่าวแล้วหรือ ?
คงต้องตอบว่าความรักของคนยุคนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว ที่อดทนและยอมรับสิ่งบกพร่องได้ง่าย เช่น ผู้หญิงยอมรับให้ฝ่ายชายมีเมียหลายคนได้ แต่คนรุ่นหลังนี้เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางสูงขึ้น (Self Center) การจะรักใครสักคนนอกจากคิดว่าสารเคมีในตัวทำให้เกิดความรู้สึกซู่ซ่าเมื่อเห็นหน้าเขาแล้ว ก็มีปัจจัยอื่นอีกด้วยเช่น ภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม (หรือพ่วงการเมืองเข้าไปด้วย)
ถ้าใครไม่ทำตัวให้เป็นคนดี มีค่า และสร้างความผูกพันทางใจไปด้วย ก็จะจากจางได้เร็ว
เพราะพวก Self Center ทั้งหลายจะนึกถึงภาวะเศรษฐกิจและสังคมของตัวเองเป็นใหญ่ว่า อยู่ด้วยกันแล้วชีวิตมีกำไรหรือขาดทุน
ความรู้สึกซู่ซ่าของความรักก็หายไปหมดแล้ว
ความรู้สึก ‘รัก’ ชนิดอมตะแบบคนยุคเก่าหรือในวรรณคดีก็หาไม่ค่อยได้แล้ว
และคงไม่มีใครยอมขาดทุนชนิดนานๆ ด้วย
จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คู่รักจากจางกันได้เร็วขึ้น – ง่ายขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น